Ep.2
“คะ..คุณช่วยฉันไว้เหรอคะ” คนตัวเล็กเอ่ยถามหน้าเจื่อน เมื่อได้ฟังเขาเล่าเหตุการณ์จริงที่เกิดขึ้นทั้งหมด รู้สึกละอายใจอยู่ลึกๆ ที่แวบแรกเผลอคิดว่าเขาเป็นพวกคนไม่ดี ทั้งที่ความจริงเขาเป็นผู้มีพระคุณต่อเธอเสียด้วยซ้ำไป
“หน้าตาฉันเหมือนคนกำลังโกหกอยู่เหรอ?” ฟิลลิปส์เลิกคิ้วสูง ก่อนจะนำซองเอกสารสีน้ำตาลมาวางลงตรงหน้าของเด็กสาว “เผื่อว่ามันจะทำให้เธอหายโง่” เขากล่าวทิ้งท้ายด้วยถ้อยคำร้ายกาจที่แฝงความเป็นห่วง แล้วตั้งท่าจะเดินออกจากห้อง
“เดี๋ยวค่ะ! ฉันจะถามคุณตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว”
“....” เสียงท้วงของคนบนเตียงทำให้เขาชะลอฝีเท้าลง พร้อมหมุนตัวหันกลับมาใช้สายตาแทนคำถามว่า ‘มีอะไร’
“ถ้าฉันไม่ได้หูฝาด คุณด่าฉันว่าโง่มาถึงสองครั้งแล้ว ไม่ทราบว่าฉันไปทำอะไรให้คะ” น้ำเสียงที่ถูกเปล่งออกมาผ่านทางช่องว่างริมฝีปากเต็มไปด้วยอารมณ์คุกรุ่น ถึงเขาจะเป็นคนช่วยชีวิตเธอเอาไว้ แต่ก็ใช่ว่าจะมีสิทธิ์มาด่าทอโดยไม่มีเหตุ
“เมื่อกี้ฉันยังพูดไม่ชัดรึไง” มาเฟียหนุ่มละสายตาลงมองซองเอกสารสีน้ำตาลที่วางอยู่บนเตียง ราวกับอยากให้เธอเปิด “อยากรู้อะไร ก็หาคำตอบเอาจากในนั้น”
“...อีกอย่าง ฉันอายุเยอะกว่าเธอหลายปี อย่าปีนเกลียว” ประโยคสุดท้ายที่ฟิลลิปส์กล่าวทิ้งเอาไว้ก่อนจะเดินออกจากห้องไปมีเพียงเท่านี้
“....” วีนัสชะเง้อหน้ามองตามแผ่นหลังกว้างไปจนบานประตูถูกปิดลงพร้อมกับร่างของเขา ก่อนจะหันกลับมาสนใจซองเอกสารตรงหน้า “อยากรู้อะไรก็เปิดดูงั้นเหรอ..”
เธอใช้เวลาชั่งใจไตร่ตรองอยู่นานว่าควรจะทำตามที่เขาบอกหรือไม่ แม้จะถูกความใคร่รู้เข้าครอบงำจนอยากจะเห็นของที่อยู่ข้างใน ทว่าใจกลับไม่กล้าพอที่จะเปิดดูเพราะความกลัว
กลัวว่าเรื่องมันจะเป็นแบบที่เธอสังหรณ์ใจ
“ฉะ..ฉันไม่ได้อยากรู้สักหน่อย” ใบหน้าหวานเบือนหนีไปทางอื่น แต่หางตายังไม่วายจะเหล่มอง เธอพยายามข่มตานอนหลับพักผ่อนเพื่อให้ร่างกายฟื้นตัวได้เร็วที่สุด
ช่วงหัวค่ำ
ก๊อก! ก๊อก!
“อื้อ~” เสียงเคาะประตูหนักๆ ดังขึ้น ปลุกให้คนที่กำลังนอนหลับอยู่รู้สึกตัวตื่นขึ้นมาในเวลาโพล้เพล้ ดวงตากลมขยับปรับความคุ้นชิน ก่อนจะปรือขึ้นช้าๆ พร้อมกับความเบาหัว
“ไม่ได้ล็อกค่ะ” น้ำเสียงที่เปล่งออกมาแหบพร่าน้อยลงกว่าเมื่อเช้า วีนัสค่อยๆ ดันตัวลุกขึ้นนั่งช้าๆ เมื่อลูกบิดประตูกำลังจะถูกหมุนเปิด
“สะ..สวัสดีตอนเย็นค่ะ” เธอกล่าวทักทายคนมาใหม่ด้วยความประหม่า ไม่รู้ว่าเพราะอะไร แต่จิตใจมันว้าวุ่นจนเกือบจะคุมไว้ไม่อยู่ทุกครั้งเวลาที่ได้เจอหน้าเขา
“เป็นยังไงบ้าง” คำถามเรียบง่ายถูกเอ่ยโดยฟิลลิปส์ ทว่ากลับสร้างความอบอุ่นให้คนฟังจนหัวใจดวงน้อยเต้นระรัว
“ดะ..ดีขึ้นเยอะแล้วค่ะ”
“ยังไม่ได้ดู?” หางตาหันไปสะดุดเข้ากับซองสีน้ำตาลที่ยังวางอยู่มุมเดิม ไร้ซึ่งร่องรอยของการเปิด คิ้วหนาขมวดเข้าหากันมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ “ทำไมไม่ดู”
“กะ..ก็ฉัน..เอ๊ย..นะ..หนูไม่มีความจำเป็นที่ต้องดูมันหนิคะ” วีนัสติดขัดเล็กน้อยในตอนพูด เพิ่งนึกขึ้นได้ว่าเขาไม่ชอบให้เธอแทนตัวเองว่า ‘ฉัน’ เพราะมันดูเหมือนปีนเกลียว
“แล้วไม่อยากรู้รึไงว่าทำไมถึงได้ไปนอนอยู่บนกองขยะ”
“....” คนโดนถามชะงักไปครู่หนึ่ง ไม่ใช่ว่าเธอไม่อยากรู้ แต่เพราะกลัวว่าความอยากรู้นั้นจะนำพาเธอไปสู่ความเจ็บปวด “ดะ..เดี๋ยวหนูไปถามแฟนหนูก็ได้ค่ะ..วะ..ว่าแต่เมื่อคืนคุณเจอแฟนหนูบ้างไหมคะ”
“หึ คนเรามักจะยอมโง่ทุกครั้งที่มีความรักสินะ” ฟิลลิปส์แค่นเสียงหัวเราะในลำคอเบาๆ เขาย่อมรู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ยอมเปิดซองนั่นดู แต่ก็ไม่ได้พูดหรือถามอะไรออกไปมากกว่านั้น
“นะ..หนูถามว่าคุณเห็นแฟนหนูไหมคะ หนูมีรูปด้วยนะ เดี๋ยวเอาให้ดูค่ะ” ว่าจบคนตัวเล็กก็รีบหันซ้ายหันขวามองหากระเป๋าสะพายข้างของตัวเองอย่างลุกลี้ลุกลน แต่ก็ไม่เจอ
“เธอไม่ได้มีอะไรติดตัวมา มองหาอะไร?”
“หากระเป๋าค่ะ”
“ไม่มีหรอก หรืออยากได้กระเป๋า?” ฟิลลิปส์ล้วงมือเข้าไปหยิบกระเป๋าสตางค์ในกางเกงออกมา แล้วเอาบัตรเครดิตสุดหรูโยนขึ้นไปให้เธอที่อยู่นั่งบนเตียง
“นะ..นี่มันอะไรคะ” หัวคิ้วมนขมวดเข้าหากันมุ่น หลายครั้งที่การกระทำของเขาสร้างความประหลาดใจและความสับสนให้เธอ
“ทำไมเธอถึงได้เข้าใจอะไรยากนัก”
“คุณนั่นแหละค่ะที่เข้าใจยาก คุณต้องการอะไรจากฉันกันแน่คะ”
“....” มาเฟียหนุ่มจ้องมองใบหน้าจิ้มลิ้มด้วยสายตาที่ยากจะคาดเดา ทว่าภายในจิตใจของเขากลับร้อนรุ่มด้วยคำพูดที่ดูเหมือนจะไม่พอใจของเธอ ก่อนที่เขาจะหันหลังเดินออกจากห้องนี้ไป
“คนบ้า!” วีนัสว่าให้ตามหลังพลางทำหน้ามุ่ย เธอหยิบเครดิตการ์ดที่เขาทิ้งเอาไว้ขึ้นมาดู ดวงตากลมเบิกโพลงขึ้นเท่าไข่ห่านเมื่อเห็นว่ามันคือบัตรSSVIP เป็นบัตรที่เซเลบคนดังหรือพวกไฮโซนิยมใช้กัน แม้ฐานะที่บ้านของเธอจะร่ำรวย แต่ก็ยังไม่เคยได้ใช้มันมาก่อน “ท่าจะรวยไม่เบา”
คนตัวเล็กวาดขาก้าวลงจากเตียงพร้อมหยัดกายลุกขึ้นยืน ก่อนจะเปิดประตูเพื่อเดินลงไปยังชั้นล่างเมื่อนึกเรื่องอะไรดีๆ ออก
“มึงแน่ใจนะว่าแฟนของเธอคือคนที่เป็นหนี้เรา”
เรียวขาเล็กชะงักฝีเท้าอัตโนมัติเมื่อได้ยินเสียงคุ้นเคยของฟิลลิปส์ดังลอดออกมาจากห้องที่กำลังจะเดินผ่าน สิ่งที่เรียกความสนใจคือประโยคที่เขาพูดเมื่อครู่ เดาได้ไม่ยากว่าคงต้องหมายถึงเธอและแฟนหนุ่มเป็นแน่
“ครับ เป็นนาย บิลลี่ นพรุ่งเรื่อง ไม่ผิดแน่ครับ”
“แล้วตอนนี้มันอยู่ที่ไหน”
“ยังไม่ทราบแน่ชัดครับนาย แต่มันต้องยังอยู่ในอัมสเตอร์ดัมแน่นอนครับ”
“ดี ส่งคนไปลากคอมันมา” หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบจนเผลอทำบัตรเครดิตในมือหล่นลงพื้น เธอตะครุบปากห้ามเสียงร้องของตัวเองเอาไว้แทบไม่ทัน เมื่อได้ยินคำสั่งการที่ไม่ดีของฟิลลิปส์ อีกทั้งผู้ชายคนนั้นยังเป็นถึงแฟนหนุ่ม เห็นทีเธอคงจะอยู่เฉยๆ ไม่ได้เสียแล้ว
แกร๊ก!
“คุณห้ามทำแบบนั้นกับพี่บิลลี่นะคะ เขาเป็นแฟนหนูค่ะ ถ้าจะทำอะไรเขาก็ต้องข้ามศพหนูไปก่อน” วีนัสถือวิสาสะเปิดประตูเข้ามาโดยที่ไม่ได้ขออนุญาต พร้อมพูดปกป้องคนรักด้วยน้ำเสียงหนักแน่นไม่ยอมคน
“เด็กโง่”