บทที่ 2 ถูกบุรุษด้วยกันย่ำยี

4786 คำ
 ***เนื้อหานี้มีฉากรุนแรง มีการขืนใจ NC18+ กรุณาใช้วิจารณญาณในการอ่าน**** หยางจิวเมิ่งเดินกลับบ้านตระกูลหยางด้วยความงุนงงสงสัยกับเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อครู่ แต่สุดท้ายเขาก็ทิ้งความคิดฟุ้งซ่านนั้นไปและไปจัดการภาระหน้าที่ของตน เย็นนี้เขาต้องเตรียมอาหารเย็นรอท่านพ่อกลับบ้าน หน้าที่ทำอาหารเป็นอีกอย่างหนึ่งที่เขาต้องทำ เพราะเขาช่วยแม่เลี้ยงทำอาหารมาตั้งแต่ยังเด็กจึงทำให้ฝีมือทำอาหารนั้นดีเข้าขั้น คนรับใช้ในบ้านจะเพียงคอยช่วยเตรียมวัตถุดิบและข้าวของบางอย่างให้ การปรุงอาหารเป็นหน้าที่หลักของเขาเพราะบิดานั้นชอบรสมือของเขาเป็นพิเศษ "คุณชายป้าหุงข้าวและเตรียมผักที่จะใช้ทำกับข้าวไว้ให้เรียบร้อยแล้วนะเจ้าคะ วันนี้ฮูหยินบอกว่าให้ท่านทำผัดผักกับน้ำแกงและกับข้าวอีกสักสองอย่าง" "ได้ท่านป้าสาม ท่านไปตั้งโต๊ะเถิดเดี๋ยวข้าจัดการที่เหลือต่อเองป่านนี้ท่านพ่อคงใกล้กลับมาแล้ว" "เจ้าค่ะ" เพียงไม่นานร่างบางก็จัดการทำกับข้าวจนเสร็จก่อนจะช่วยกันยกออกมาจากครัว กลิ่นหอมของอาหารส่งกลิ่นฟุ้งกระจายไปทั่วบริเวณ หยางจิวเมิ่งนั้นทำได้น่ารับประทานจนป้าสามที่เป็นผู้ช่วยยังอยากทานบ้างเลยทีเดียว "ป้าสามข้าแบ่งส่วนของท่านไว้ให้แล้วนะ ท่านก็ไปทานให้อร่อยเถอะที่เหลือข้าจัดการเอง" "ขอบคุณเจ้าค่ะ คุณชาย" ร่างบางยิ้มให้หญิงชราที่กำลังเดินกลับไปด้วยความยินดี ป้าสามเป็นอีกคนในบ้านที่ใจดีกับเขาไม่น้อย แม้ว่าจะกลัวท่านแม่จะโกรธแต่นางก็คอยแอบช่วยเหลือเขาเสมอ "เสร็จแล้วหรือ" "ขอรับท่านแม่ เชิญท่านแม่นั่งเถิดขอรับเดี๋ยวข้าจะตักข้าวให้" "รอท่านพ่อเจ้าสักครู่ก่อนเดี๋ยวก็คงมา" "ขอรับ" "ท่านแม่มีอะไรกินบ้างวันนี้" "นั่นสิท่านแม่ข้าหิวจะแย่" "จิวหู จิวชี่ นั่งเร็วพี่ทำของโปรดพวกเจ้าด้วยวันนี้" "อะไรหรือขอรับ" "หมูแดง" "ว้าว" เด็กสองคนมองตาวาวด้วยความดีใจ หยางจิวหูและหยางจิวชี่เด็กชายกำลังโตวัยสิบสองปีและสิบเอ็ดปี มองอาหารจานโปรดจนน้ำลายแทบจะไหล ครอบครัวเขาไม่ได้ร่ำรวยนักอาหารจานนี้จึงเป็นอาหารพิเศษที่ไม่ค่อยมีโอกาสได้ทานบ่อยนัก "นั่งลงดีๆ จิวหู จิวชี่" "ขอรับท่านแม่" "ทำไมวันนี้ถึงทำหมูแดงเล่า" "พอดีว่าเถ้าแก่ที่โรงเตี๊ยมในเมืองเขาพอใจกับผักที่ข้าปลูกส่งขายให้เขานะขอรับท่านแม่ เขาจึงได้ให้พิเศษข้ามาอีกเล็กน้อยขากลับวันนี้ข้าจึงแวะซื้อเนื้อหมูมาทำหมูแดงให้น้องๆ และท่านพ่อท่านแม่ทาน" "หึ สิ้นเปลืองใช่เหตุ ของที่มีในบ้านก็กินไปก่อน ได้เงินมาไฉนไม่รู้จักเก็บออมไว้บ้างหน้าใหญ่เสียจริงนะเจ้า" "ข้า..ก็เพียงแค่อยากให้ทุกคนได้ทานของอร่อยกัน อีกอย่างท่านแม่นานๆ ทีข้าว่าก็ไม่เห็นจะเป็นไรเลยนี่ขอรับ" "นั่นสิท่านแม่ทุกวันทานแต่ผักกับไข่ ข้าจะโตได้อย่างไร อย่างดีก็ได้ทานแค่ปลาบ้าง" "กินผักกับปลาดีจะตาย เจ้าเป็นเด็กจะไปรู้อะไร ไม่ต้องพูดมากเงียบไปเลย" "เถียงอะไรกันดังลั่นเชียว" "ท่านพ่อ!!" "มาทานข้าวเถอะ" "ขอรับ ท่านพ่อนั่งก่อนเถิดขอรับข้าจะตักข้าวให้" แม้จะวุ่นวายบ้างเล็กน้อยแต่มื้ออาหารก็ผ่านไปด้วยดี เด็กสองคนทานหมูแดงอย่างอร่อยวันนี้จึงไม่ดื้อกับจิวเมิ่งเลยแม้แต่น้อย แม้ว่าจะดื้อเพียงไหนสุดท้ายพวกเขาก็ยังคงเป็นเพียงแค่เด็ก เมื่อพี่ชายมีของอร่อยมาให้เด็กๆ ก็ทำตัวดีเชื่อฟังขึ้นมาอย่างที่ไม่ค่อยได้เห็นบ่อยนัก หยางจิวเมิ่งเรียกได้ว่าในวันนี้นับว่ามีความสุขและผ่านไปได้อีกวัน แม้จะถูกแม่เลี้ยงตำหนิเล็กน้อยแต่ดูท่าทางนางก็อร่อยกับหมูแดงของเขาไม่น้อย ร่างบางมองทุกคนในบ้านทานอาหารมื้อนี้ด้วยความสุขมากกว่าทุกวัน ความสุขที่มาจากความสามารถของเขาที่ใช้หาเงินมาสร้างรอยยิ้มเล็กน้อยให้คนในครอบครัว . . . เวลาผ่านพ้นไปสามวันหลังจากนั้นก็มีเรื่องไม่คาดคิดเกิดขึ้นกับหยางจิวเมิ่ง ยามค่ำคืนหนึ่งเมื่อเขาเดินผ่านศาลาพักร้อนกลางทางระหว่างเดินกลับบ้าน ศาลานี้ตั้งอยู่ชานเมืองติดกับชายป่าไผ่ที่เด็กหนุ่มมักมาเดินเล่นเป็นประจำทุกที แต่เพราะวันนี้ตอนบ่ายเขาดันเผลอหลับยาวจนเลยเวลากลับบ้านเสียได้ เมื่อตื่นมาอีกทีรอบตัวก็มืดมิดเสียแล้ว เส้นทางมืดมิดไร้แสงสว่างนำทางทำให้เด็กหนุ่มต้องค่อยๆ เดินออกจากป่าอย่างระมัดระวัง อาศัยเพียงแสงจากดวงจันทร์ช่วยนำทางเพียงเท่านั้น  หยางจิวเมิ่งย่างเท้าเดินมาจนถึงที่แห่งนี้ ซึ่งเดิมทีเขากำลังจะผ่านไปแล้วด้วยซ้ำ แต่กลับต้องมาสะดุดกับเสียงร้องไห้คร่ำครวญของใครบางคน ที่ดังลอดมาจากศาลาพักร้อนริมทางที่อยู่ด้านหน้าเขายามนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นเสียงชายหนุ่มผู้หนึ่งที่กำลังร่ำไห้เสียใจอย่างหนักกับเรื่องบางอย่างอยู่ ทีแรกเขาก็ไม่อยากจะยุ่งเพราะคิดว่าธุระไม่ใช่ จิวเมิ่งจึงเดินผ่านไปโดยไม่ใส่ใจกับเสียงนั้น แต่เมื่อได้ยินเสียงขลุกขลักเหมือนมีบางอย่างตกกระแทกพื้น นั่นมันกลับเรียกความสนใจของเขาอย่างดีจนทำให้เขาต้องย้อนกลับไปดู ในศาลานั้นมีเงาร่างหนาของชายผู้หนึ่งดูเหมือนว่าชายผู้นี้จะตัวสูงใหญ่กว่าเขาไม่น้อย คนผู้นั้นแม้ว่าจะแต่งกายดูดีท่าทางเป็นคุณชายมีฐานะ แต่สภาพเขาเวลานี้กลับดูไม่ได้เอาเสียเลย ด้วยเขานั้นกำลังเมามายอย่างหนักจนไร้สติยิ่งนัก บุรุษผู้งามสง่าแม้ภายใต้เงามืดล้มลงนอนอยู่บนพื้นกอดไหสุราแนบอกแน่นพร่ำเพ้อร่ำไห้จนไม่เป็นภาษา ร่างบางเห็นเข้าด้วยความเวทนาและกลัวว่าคนผู้นี้จะถูกยุงหามหรืออาจถูกสัตว์มีพิษขบกัดเอาได้ หยางจิวเมิ่งจึงได้เข้าไปลองเรียกชายผู้นั้นดูสักครั้ง "คุณชายๆ ขอรับ ท่านไหวหรือไม่ ลุกขึ้นเถิดมานอนอยู่ตรงนี้มืดๆ ผู้เดียวมันอันตรายนะขอรับ" หยางจิวเมิ่งย่อตัวนั่งลงพยายามเรียกสติชายผู้นั้นด้วยความหวังดี หมายจะช่วยพยุงร่างหนาให้ลุกขึ้น แต่ใครจะรู้ว่าจะเกิดสิ่งไม่คาดคิด เมื่อชายตรงหน้าที่มีกลิ่นเหล้าเหม็นคละคลุ้งนั้นเมาจนขาดสติอย่างหนัก เพียงเมื่อถูกจิวเมิ่งสัมผัสกาย  เขากลับคว้าข้อมือบางของเด็กหนุ่มดึงรั้งร่างบางลงไปจนเสียหลักถลาล้มลงบนอกตนเอง ก่อนจะใช้วงแขนแกร่งกอดรัดไว้เสียจนแนบแน่นในทันที หยางจิวเมิ่งไม่สามารถขยับเขยื้อนออกจากอ้อมกอดนี้ไปได้แม้แต่น้อย "เจียวหวง เจ้าอย่าทิ้งข้าไปเลยนะ เจ้าอยากได้อะไรก็บอกข้าสิ" น้ำเสียงสั่นเครือกล่าวออกมาด้วยความมึนเมาอย่างไม่รู้สติเท่าใดนักของชายผู้นั้นดังอยู่ข้างหูเขาในระยะประชิด เด็กหนุ่มตกใจนิ่งอึ้งเมื่อถูกอีกฝ่ายรั้งตัวไว้และกอดจนแน่นจมอก ร่างบางดิ้นขลุกขลักด้วยความตกใจลนลานกับการกระทำของคนตรงหน้า "ปล่อยนะ คุณชายท่านเมาแล้ว ปล่อยข้า ข้าไม่ใช่เจียวหวง" ร่างบางดิ้นหนีอย่างสุดแรงพยายามสลัดให้พ้นจากวงแขนแกร่งที่รัดเขาไว้แน่นในยามนี้ "เจ้ารังเกียจพี่ถึงเพียงนี้เลยหรือ เหตุใดจึงปฏิเสธข้า" คนเมายังคงพร่ำเพ้อไม่หยุดด้วยน้ำตานองหน้า เขาไม่มีสติยั้งคิดแม้แต่น้อย 'โอ๊ยก็ข้าไม่ใช่นางอย่างไรเล่าจึงปฏิเสธ เจ้าบ้านี่แรงเยอะชะมัดข้าจะดิ้นให้หลุดได้อย่างไรดีเนี่ย' ร่างบางได้แต่บ่นในใจแต่ยังไม่ทันได้ทำอะไร เขาก็ลอยวืดหนึ่งที รู้ตัวอีกทีหลังเขาก็อยู่บนพื้นแทนเสียแล้ว ร่างหนาตรงหน้ามีร่างกายกำยำกว่าเขามาก อีกทั้งยังแรงเยอะอีกด้วย เขาจึงมีแต่เสียเปรียบอย่างเห็นได้ชัด เมื่อถูกคนตัวโตกว่าคร่อมทับร่างจนไม่สามารถขยับได้ "อ๊าก...ปล่อยข้านะ" คนตัวเล็กกว่าเริ่มตวาดแหว ทั้งยังลนลานหาทางหนี เมื่อเห็นสถานการณ์ล่อแหลมตรงหน้า ดูท่าว่าชักไม่ค่อยดีเสียแล้ว เมื่อตนเองกำลังเสียเปรียบอีกฝ่ายอย่างเห็นได้ชัด ชายหนุ่มตรงหน้าเริ่มหอบหายใจถี่ ท่าทางเหมือนกำลังทรมานเล็กน้อยกับการพยายามอดทนอดกลั้นบางอย่าง จ้องมองมาที่เขาอย่างตาปรือปรอย สุดท้ายเขาผู้นั้นก็กล่าวออกมาอย่างคนขาดสติ "ไม่ปล่อย ข้ารักเจ้านะเจียวหวง เป็นของข้าเถอะนะ" กล่าวจบริมฝีปากหยักที่อยู่ด้านบนก็ประกบลงมาปิดริมฝีปากเรียวเล็กตรงหน้าอย่างอุกอาจ คนตัวเล็กไร้เรี่ยวแรงจะขัดขืนแม้จะพยายามดิ้นหนีสุดชีวิต แต่ก็ดูเหมือนว่าช่างไร้ประโยชน์สิ้นดี เมื่อริมฝีปากด้านบนขบเม้มริมฝีปากของเขาอย่างรุนแรง พร้อมลิ้นร้อนแทรกเข้ามาเกี่ยวกระหวัดชิมรสชาติคนที่กำลังตกที่นั่งลำบากเช่นเขาอย่างจาบจ้วง ดูเหมือนว่าเพียงรสจูบจะยังไม่เพียงพอทำให้คนบนร่างเขาเวลานี้หนำใจ เมื่อถูกร่างบางพยายามขัดขืนเขาก็ใช้มือหนารวบรั้งข้อมือบางสองข้างที่พยายามดิ้นรนทุบตีไปยังเขาออกและรวบมันกดไว้เหนือศีรษะ จนคนตัวเล็กกว่าเช่นเขาไม่สามารถขยับหนีหรือดิ้นรนต่อสู้ใดๆ ได้อีก ปลายจมูกโด่งซุกไซ้สูดดมกลิ่นหอมจากซอกคอขาวตามอำเภอใจ พร้อมริมฝีปากอ่อนนุ่มที่พรหมจูบไปทั่วใบหน้าและลำคอก่อนจะจูบซับขบเม้มไล่ลงมาถึงเนินไหล่ สาบเสื้อของเขาถูกมือหนาแหวกมันออกจากกันอย่างเอาแต่ใจ เพื่อเปิดทางให้ริมฝีปากที่กำลังโลมเลียร่างขาวไล่ลงมาจากซอกคอตรงเข้ารุกรานกายขาวเนียนนุ่มตรงหน้า เวลาผ่านไปไม่นานร่างบางที่พยายามดิ้นหนีอย่างหนักก็สิ้นเรี่ยวแรงขัดขืน เมื่อโดนคนตัวโตระดมจูบไปทั่วทั้งร่าง ผิวกายเนียนนุ่มที่ไม่เคยถูกผู้อื่นสัมผัสมาก่อน บัดนี้กำลังร้อนรุ่มตอบรับทุกสัมผัสเร่าร้อนที่อีกฝ่ายบังคับมอบให้อย่างรุนแรง สุดท้ายอาภรณ์ประดับกายของร่างบางก็ถูกคนเมาไร้สติดึงทึ้งมันจนฉีกขาด เมื่อเขาพยายามถอดมันอย่างไรก็ไม่ออก เพราะความมึนเมาและการถอดเสื้อผ้าผู้อื่นยามนี้มันก็ยากและช้าเกินไปสำหรับคนเมาเช่นเขา เสื้อผ้ารุ่มร่ามที่ถูกดึงทึ้งพยายามถอดอยู่นานจึงกลายเป็นขาดวิ่นแทบไม่เหลือชิ้นดี เผยให้เห็นผิวกายขาวนวลเนียนที่นอนเปลือยเปล่าไร้สิ่งใดปกปิดท่ามกลางแสงจันทร์ที่ส่องสลัว  ร่างบางทั้งตกใจและหวาดกลัวอย่างบอกไม่ถูก คนตรงหน้าเขาเหมือนหมาป่าที่กำลังหิวโซก็ไม่ปาน ท่าทางรุนแรงดุร้ายจากบทรักที่เขาเริ่มบังคับมอบให้เมื่อครู่นั้น ดั่งกับหมาป่าดุร้ายที่หมายจะขย้ำเหยื่อเช่นเขาให้แหลกลาญคามือ "ปล่อยนะข้าไม่ใช่..อื้อ.." หยางจิวเมิ่งพยายามประท้วงร้องห้ามอีกครั้ง ก่อนที่เขาจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้อีก แต่ดูเหมือนว่ามันจะไม่เป็นผล เมื่อเขาถูกคนที่คร่อมอยู่บนกายทาบทับลงมาบนร่าง ด้วยกายที่เกือบเปลือยไม่ต่างกันเท่าใดนัก หลังจากชายผู้นั้นปลดสายคาดเอวและถอดกางเกงของตนออกไป เหลือเพียงเสื้อผ้าบางส่วนที่ยังคงปกคลุมร่างกายส่วนบนของเขาไว้ แม้ว่ามันจะยังไม่เปลือยเปล่าเช่นเขาแต่มันก็หมิ่นเหม่เต็มที เพราะสาบเสื้อสองข้างนั้นแหวกออกจากกัน จนทำให้เขาเห็นแผงอกแข็งแกร่งตรงหน้าได้อย่างชัดเจน กายแกร่งที่ทาบทับลงมาบนร่างเปลือยเปล่าของเขาจนอุ่นร้อน ครอบครองกายบางของเขาเอาไว้ใต้ร่าง พร้อมด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความต้องการ ริมฝีปากหยักบดจูบซ้ำลงมายังคนที่อยู่ใต้ร่างอีกคราอย่างหื่นกระหาย พร้อมกับสะโพกกลมนวลเนียนพอดีมือของร่างบางนั้นที่กำลังถูกมือหนาบีบนวดเคล้นคลึงรังแกตามชอบใจ ร่างบางได้แต่ถูกกระทำอยู่ฝ่ายเดียวอย่างหวาดกลัวจนตัวสั่นแต่ก็ไร้เรี่ยวแรงมากพอต่อต้านเมื่อไฟปรารถนาในกายกำลังลุกโชนตามมาไม่ต่างกัน รสจูบร้อนแรงคละคลุ้งกลิ่นสุราถูกป้อนเข้าหาร่างบางซ้ำๆ ไม่ขาด ทำเอาคนที่อยู่ใต้อาณัติเช่นเขาเผลอไผลเคลิบเคลิ้มไปกับมันจนเหนื่อยหอบ ด้วยร่างกายของเขานั้นเวลานี้มันกำลังตอบสนองกับสัมผัสอันร้อนแรง เต็มไปด้วยความเสน่ห์หาของคนบนร่างนี้เป็นอย่างดี ร่างหนาค่อยๆ แทรกตัวลงกลางร่างบางแยกเรียวขาสองข้างของเขาออก โดยที่ร่างบางไม่ทันรู้ตัวเพราะยังคงเคลิบเคลิ้มมัวเมาไปกับรสจูบที่เขายังคงป้อนเข้าหาเรื่อยๆ ไม่ขาด ก่อนที่ร่างบางจะทันได้ตั้งตัวก็ต้องสะดุ้งเฮือกด้วยความตกใจ เมื่อรู้สึกได้ถึงบางอย่างที่กำลังพยายามรุกล้ำหาทางผ่านเข้ามายังส่วนล่างของกลางกาย  ไม่ทันให้เขาได้คิดออกว่ากำลังจะเกิดสิ่งใดขึ้น คนตัวเล็กต้องสะดุ้งจนสุดตัวอีกครั้งและหวีดร้องออกมาด้วยความเจ็บปวดรวดร้าวอย่างที่สุด เมื่อร่างกายส่วนนั้นของเขารู้สึกราวกับว่ามันกำลังจะฉีกขาดออกเป็นเสี่ยงๆ เพราะมีสิ่งใหญ่โตบางอย่างที่กำลังพยายามรุกรานแทรกตัวเข้าไปอย่างดื้อดึง "โอ๊ย!! ฮือ..เจ็บ" "ปล่อยข้านะ ปล่อย ได้โปรด ฮึก.. เอามันออกไป ฮือ.." มือบางทุบตีคนบนร่างอย่างอ่อนแรงแต่คนเมาที่กำลังหูอื้อตามัวมีหรือจะฟัง เขายังคงดื้อดึงพยายามดันแกนกายที่แข็งขืนของตน แทรกเข้าไปในกายของร่างบางจนสุดอย่างรวดเร็วและรุนแรงไปตามอารมณ์ที่กำลังพลุ่งพล่าน โดยไม่ได้ยินหรือสนใจเลยแม้แต่น้อยว่าคนใต้ร่างยามนี้จะเป็นเช่นไร สวบ "อื้อออ........" ร่างบางหวีดร้องสุดเสียงหอบเกร็งจนแทบจะหยุดหายใจ เมื่อแกนกายใหญ่โตนั้นชำแรกเข้ามาในกายรวดเดียวจนสุด ริมฝีปากบางสั่นระริกขบเม้มเข้าหากันจนแน่นด้วยความเจ็บปวดทรมาน ดวงเนตรคู่สวยเวลานี้มันกำลังเปรอะเปื้อนไปด้วยน้ำตา มือบางสองข้างของเขาเกร็งจิกเข้าที่ต้นแขนแกร่งของอีกฝ่ายจนแน่นอย่างลืมตัว เพราะต้องการระบายความเจ็บปวดที่ได้รับจากคนบนร่าง "อ่าห์" เสียงครางต่ำอย่างสุขสมจากความคับแน่นที่ตอดรัดทำให้ร่างหนารู้สึกดีไม่น้อย ด้วยความไร้สติจะยับยั้งชั่งใจใดๆ เขาจึงกระทำสิ่งหยาบโลนกับร่างบางต่อไปด้วยสัญชาตญาณ เมื่อความต้องการทางร่างกายมีเหนือสติสัมปชัญญะและเหตุผลทั้งปวง ร่างหนาเริ่มขยับตัวตนของเขาออกมาช้าๆ พร้อมกดจูบลงบนไรผมอ่อนนุ่มของคนใต้ร่างที่กำลังร้องไห้เวลานี้ด้วยความเจ็บปวดดุจต้องการจะปลอบโยน ก่อนที่เขาจะขยับเข้าไปใหม่ "โอ๊ย....ฮือ..อื๊อ....."  การกระทำอันจาบจ้วงหยาบคายเริ่มรุนแรงขึ้นเรื่อยๆ เมื่อคนตัวโตที่อยู่บนร่างเขาเริ่มขยับกายเนิบช้าเข้าออกหลายทีและเร่งจังหวะรวดเร็วขึ้นตามระดับแรงอารมณ์ จนร่างบางสั่นคลอนไปตามแรงกระแทก โลหิตที่ไหลชโลมออกมาจากช่องทางที่บาดเจ็บเป็นตัวช่วยให้เขาสามารถเข้าออกช่องทางนั้นได้สะดวกขึ้นกว่าคราแรกเป็นอย่างดี คนตัวเล็กได้แต่ร้องครวญครางอย่างน่าเวทนาด้วยความเจ็บปวดจนสุดทน ทั้งยังเสียวซ่านจนแทบขาดใจ กายบางบิดเร่าอย่างทรมาน ด้วยแรงกำหนัดที่ถูกบังคับมอบให้ ยามนี้เขารู้สึกทั้งเจ็บทั้งอายและไร้ค่าจนแทบมิอยากจะมีชีวิตอยู่ ความรู้สึกของการถูกย่ำยีนั้นมันช่างเจ็บปวดทรมานจนเกินกว่าจะทนรับไหวเสียเหลือเกิน "อ่ะ...อ่ะ...อ่ะ...ฮึก..." "อ่าห์  พี่รักเจ้าเจียวหวง รักเจ้าเหลือเกิน" เสียงครางต่ำอย่างสุขสมที่ดังข้างหูคนตัวเล็กอย่างต่อเนื่องเวลานี้ยิ่งตอกย้ำว่าคนบนกายมีความสุขมากมายเพียงไรที่รังแกเขาไม่หยุดหย่อน "อ่ะ....อ่ะ....ไม่..ฮึก...ข้าไม่ใช่...อื้อออ....." กายเล็กกระตุกสั่นไหวพร้อมกับปลดปล่อยน้ำขาวขุ่นออกมา ช่องทางนั้นของเขากระตุกถี่รัว ขณะที่คนบนร่างหยัดสะโพกกระแทกเข้าไปอย่างแรงจนสุดแช่สิ่งใหญ่โตนั้นไว้ในกายบางและปลดปล่อยสายธารแห่งชาติพันธุ์ตามมาจากนั้นไม่นาน "อ่าห์~...." ร่างบางที่กายอ่อนปวกเปียก แม้นอนไร้เรี่ยวแรงอยู่เช่นนั้นก็รู้สึกได้ว่ามีความอุ่นร้อนบางอย่างที่อัดเข้ามาจนเต็มช่องท้อง แต่เวลาที่ผ่านไปเพียงครู่มังกรที่แช่ค้างอยู่ในช่องทางนั้น ทั้งที่มันควรสงบลงไปแล้วกลับแข็งขืนผงาดขึ้นมาใหม่ จนจิวเมิ่งรู้สึกถึงความคับแน่นที่กลับมา ร่างบางได้แต่ผวาสบถในใจด้วยความเหนื่อยหอบที่ยังไม่หายเหนื่อยดี 'ไม่นะ! ไม่...เจ้าบ้านี่...ไม่เอา ข้าไม่ไหวแล้ว...ฮือ...' ยังไม่ทันได้หลบหนีบทรักดำเนินต่อทันทีจิวเมิ่งได้แต่ต้องยอมรับถูกกระทำซ้ำอีกหนอย่างไม่เต็มใจ แม้เหนื่อยหอบแทบตายแต่ร่างกายดันสนองตอบทุกสัมผัสอย่างดีจนร่างบางนึกโมโหตัวเอง ร่างหนายังคงกระแทกเข้าออกอย่างหนักอยู่เช่นนั้นเนิ่นนานหยางจิวเมิ่งได้แต่ร้องครวญครางอย่างเจ็บปวดและสุขสมกับความเสียวซ่านที่ถูกบังคับมอบให้ แม้ว่าไม่เต็มใจแต่กลไกธรรมชาติของร่างกายก็ไม่อาจปฏิเสธความกระสันซ่านนั้น คนตัวใหญ่บนร่างดูเหมือนจะไม่ยอมเลิกราง่ายๆ สิ่งนั้นเกิดขึ้นซ้ำๆ วนเวียนหลายครั้งจบแล้วเริ่มใหม่ไปมาไม่รู้กี่ครั้งกี่หนกัน จนหยางจิวเมิ่งแทบจะสิ้นสติ เวลาผ่านไปเกือบเข้ายามอิ๋น[1]ร่างบางจึงเป็นอิสระ บทรักอันแสนร้ายกาจที่เขาโดนบังคับขืนใจจึงจบลง  หมาป่าคลุ้มคลั่งตรงหน้าที่เพิ่งเริ่มหมดแรงซุกใบหน้าคมเข้มลงหอบหายใจข้างแก้มเนียนของเหยื่อที่ถูกขย้ำจนแหลกลาญคามือนั้นอย่างเหนื่อยอ่อน ก่อนจะทิ้งกายลงนอนผล็อยหลับลงไปข้างร่างบางที่ถูกบดขยี้ด้วยมือของเขาจนแทบไม่เหลือชิ้นดีนั้นอย่างไม่รู้เรื่องราวใดๆ กายบางนอนกองหมดแรงอยู่ตรงนั้นด้วยเจ็บปวด ร่างกายของเขามันบาดเจ็บบอบช้ำจนเกินกว่าจะขยับกายหนีไปจากตรงนั้นได้ ร่างสั่นเทาอ่อนแรงพยายามประคองสติตนเองไว้อย่างลำบาก หยางจิวเมิ่งพยายามยันกายลุกขึ้นเพื่อหนีไปจากคนใจร้ายที่ย่ำยีร่างกายและหัวใจเขาจนแหลกสลายไม่มีชิ้นดีผู้นี้ แต่ทุกอย่างที่พยายามกระทำก็ไม่เป็นผล เมื่อร่างกายเขาอ่อนแอเกินกว่าจะพาตัวเองหนีไปจากตรงนี้ได้ไหว  ร่างบางรู้สึกถึงบางอย่างที่ไหลย้อนออกมาจากร่างกายตัวเอง ความรู้สึกเฉอะแฉะไม่สบายตัวที่กำลังไหลย้อนออกมาจากตรงนั้น แต่ด้วยความมืดเขาจึงมองเห็นไม่ชัดนักว่ามันคือสิ่งใด "ฮึก..ฮือ.....ฮือ..อ..." ใบหน้าหวานยามนี้เปียกชุ่มไปด้วยน้ำตาที่ไหลอาบลงมาบนสองแก้มนวล หยางจิวเมิ่งค่อยๆ ขยับกายของตนเองออกจากชายแปลกหน้าช้าๆ ประคองตัวเองขึ้นอย่างลำบาก แม้จะอยากหนีออกจากที่ตรงนี้แค่ไหนแต่เขาในเวลานี้ก็ไร้ซึ่งเรี่ยวแรงที่จะพาตนเองหลบหนีไปได้ เรี่ยวแรงที่มีทำได้เพียงฝืนพาตัวเองออกห่างจากคนใจร้ายได้ไม่ถึงสองก้าว ด้วยร่างกายของเขาเวลานี้มันบอบช้ำจากช่องทางที่บาดเจ็บจนปวดระบม และอ่อนแรงเกินกว่าจะหอบสังขารตนเองกลับบ้านไหว ร่างบางทำได้แค่เพียงกอบกุมเสื้อผ้าที่ขาดวิ่นของตนค่อยๆ สวมมันกลับคืนอย่างทุลักทุเล สุดท้ายเมื่อสิ้นหนทางหลบหนีกลับไปได้ เขาจึงได้แต่นั่งกอดเข่าตัวเองร่ำไห้ด้วยกายที่สั่นระริกไร้เรี่ยวแรงจะยืน ทอดสายตามองชายแปลกหน้าอย่างหวาดกลัว ชายผู้ที่เพิ่งสร้างตราบาปให้เขาแล้วกลับหลับลงไปอย่างสบายใจ โดยไม่รู้ตัวแม้แต่น้อยว่าได้ทำลายชีวิตของเด็กหนุ่มผู้หนึ่งลงไปจนไม่เหลือชิ้นดี เพียงเพราะดื่มสุราจนไม่สามารถควบคุมสติสัมปชัญญะของตนเองเอาไว้ได้ เขาเป็นเพียงหนุ่มน้อยอายุสิบเจ็ดปีเท่านั้น หนุ่มน้อยที่ใสซื่อบริสุทธิ์เช่นเขาที่ไม่เคยทำร้ายใคร ไม่เคยทำให้ใครต้องเดือดร้อนแม้แต่น้อย แต่ทำไมจึงต้องมาถูกผู้อื่นทำร้ายเอาเช่นนี้ สวรรค์ช่างไม่ยุติธรรมเอาเสียเลย ทั้งที่เขาเคยวาดหวังเอาไว้ว่าวันหนึ่งจะสร้างครอบครัวเป็นของตนเอง อีกไม่นานเขาคงได้แต่งฮูหยินที่ดีและเพียบพร้อม มีลูกด้วยกันตามที่ท่านเซียนผู้นั้นให้พรไว้ แต่เหตุใดกันเจ้าหมอนี่กลับมาทำลายเขาจนป่นปี้ไม่เหลือชิ้นดีเช่นนี้ ศักดิ์ศรีและความภาคภูมิใจในตนเองของเขาไม่เหลืออีกแล้ว ถูกบุรุษด้วยกันย่ำยีเช่นนี้หากมีใครรู้เข้าเขาจะมีชีวิตอยู่ต่อไปได้เช่นไร  น้ำตายังคงร่วงเผาะไม่ขาดสายด้วยความอับอายและเจ็บช้ำ หากกลับบ้านไปตอนนี้ทุกคนคงรู้เรื่องอัปยศกันหมด เขาคงต้องถูกลงโทษจากบิดาและแม่เลี้ยงเป็นแน่ และคงไม่แคล้วที่ตัวเขารวมไปถึงท่านพ่อและทุกคนในบ้าน คงจะต้องถูกผู้คนรุมเยาะเย้ยถากถางดูแคลน  ชื่อเสียงวงศ์ตระกูลครานี้คงต้องมาพินาศมัวหมองเพราะเขาเพียงผู้เดียว เด็กหนุ่มได้แต่นั่งกอดเข่าตัวเองแน่นซุกหน้าลงร้องไห้อยู่เช่นนั้นอย่างอับจนหนทาง จนเวลาผ่านเลยไปไม่รู้นานเท่าไหร่ รู้ตัวอีกทีก็เป็นเวลาเกือบรุ่งสาง เมื่อเสียงสกุณาเริ่มกู่ร้องกึกก้องป่าเพราะเหล่านกน้อยเริ่มออกหากิน คนก่อเหตุที่หลับไประยะหนึ่งก็เริ่มตื่นขึ้นมาเพราะรู้สึกตัว หลังจากได้พักผ่อนเอาแรงชายผู้นั้นจึงตื่นขึ้นหลังเริ่มได้ยินเสียงร้องไห้สะอึกสะอื้นของบางคนที่กำลังดังรบกวน ลอยเข้ามาในโสตประสาทและสติของเขาที่เริ่มกลับมาอีกครั้งหลังจากเริ่มสร่างเมา "ฮือ........." ร่างหนาตื่นมาด้วยความหงุดหงิดเล็กน้อยก่อนจะนึกได้ว่าตอนนี้ตนไม่ได้อยู่ในบ้านตัวเอง และต้องตกใจอีกครั้งกับสภาพคนตรงหน้าเมื่อเห็นหนุ่มน้อยหน้าตางดงามที่กำลังนั่งร้องไห้ปานจะขาดใจ กับสภาพของเด็กหนุ่มผู้นั้นที่ถูกทำร้ายย่อยยับจนเสื้อผ้าขาดวิ่นผมเผ้ารุงรัง เขาก้มมองตัวเองที่แต่งกายไม่เรียบร้อยเช่นกันก่อนที่จะเริ่มค่อยๆ ได้สติ นึกย้อนถึงเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นเมื่อคืน ภาพการร่วมรักที่เร่าร้อนค่ำคืนแสนร้อนแรงของเขาและหนุ่มน้อยผู้นี้แล่นเข้ามาในหัว เขาบังคับขืนใจเด็กหนุ่มผู้นี้งั้นหรือ... "ข้า..ขอโทษ ข้าเมามากไปทำให้ไร้สติถึงเพียงนี้จนทำร้ายเจ้า" คนโตกว่าเป็นฝ่ายเริ่มกล่าวคำขอโทษก่อนด้วยสีหน้ารู้สึกผิดอย่างมาก เมื่อได้สติกลับคืนมาและเห็นสิ่งที่ตนเองก่อเอาไว้ "ฮืออออออ....." หยางจิวเมิ่งทำเพียงแค่ซุกหน้าร้องไห้อยู่เช่นนั้นเพราะไม่รู้จะทำอย่างไรดี "ข้าขอโทษ เจ้าเป็นใคร ชื่ออะไร ข้าจะชดใช้ให้ทุกอย่างที่เจ้าต้องการ" ร่างหนาพยายามจะเข้าไปใกล้ๆ หมายจะชดใช้ความผิดที่ก่อด้วยความจริงใจ ทุกอย่างเป็นเพราะเขาไร้สติยั้งคิด ปล่อยให้ร่างกายทำไปตามอารมณ์โดยไม่สนถูกผิด จึงทำร้ายอีกฝ่ายถึงเพียงนี้ ร่างบางเห็นเขาจะเข้ามาหาก็พยายามขยับกายหนีด้วยความหวาดกลัวร้องห้ามปากคอสั่น "อย่า....ฮึก......อย่าเข้ามา อย่าทำอะไรข้าเลยฮือ...." "ข้าไม่ทำร้ายเจ้า ใจเย็นๆ เราค่อยๆ มาคุยกันนะ เจ้าเป็นใครบอกข้าสิ ข้าจะชดใช้ให้เจ้าเอง" ร่างหนาพยายามพูดจาไกล่เกลี่ยปลอบโยนอย่างใจเย็น เมื่อเห็นท่าทีหวาดกลัวของคนตรงหน้า เป็นเพราะเขา ทุกอย่างเขาล้วนเป็นผู้ทำผิดเพราะความไร้สติจึงทำร้ายเด็กคนนี้อย่างน่าสงสารเช่นนี้ "ไม่...ข้าไม่ต้องการอะไร ฮึก.. ไม่ต้องการ เจ้าทำร้ายข้าทำไมกัน... ฮือ......" ร่างบางได้แต่สะอื้นไห้กล่าวตัดพ้อออกมาด้วยความเสียใจ ก่อนที่จะพยายามฝืนหยัดกายขึ้นยืนอย่างลำบาก แม้จะยังคงไร้เรี่ยวแรงแต่เขาก็พยายามฝืนทน ด้วยทนความรู้สึกอับอายต่อสิ่งที่ถูกกระทำจากคนตรงหน้าไม่ได้ เขาไม่อยากเห็นหน้าคนใจร้ายผู้นี้ จึงพยายามฝืนสังขารตัวเองเพื่อหนีออกไปให้ไกลห่าง "นั่นเจ้าจะไปไหน"  "ฮึก......ฮือ.........." คำถามที่ฟังดูง่ายๆ ธรรมดาที่ออกมาจากคนตรงหน้า ทำให้คนที่ถูกถามเช่นเขาก็ไม่รู้ว่าจะตอบออกไปเช่นไรได้ เขาทำได้เพียงแค่ปล่อยให้น้ำตาไหลออกมาเช่นนั้นเพื่อขับไล่ความรู้สึกเจ็บช้ำในหัวใจ ร่างบางได้แต่สะอื้นจนตัวโยนอย่างไร้หนทาง ถามตัวเองในใจอย่างโง่งมอับจนว่า เขาในยามนี้จะไปที่ใดได้บ้าง บนโลกใบนี้ยังมีที่ให้เขายืนอีกหรือ ขาสั่นเทาพยายามพาตนเองก้าวเดินออกไปอย่างไร้จุดหมาย เพียงแค่ต้องการพากายอันบอบช้ำหนีไปให้ไกลจากสายตาของคนผู้นี้ "เดี๋ยวก่อน คุยกันให้รู้เรื่องก่อน" ร่างหนาดึงข้อมือคนตรงหน้าเพื่อรั้งไว้ อย่างไรก็ควรให้เขาได้รับผิดชอบต่อสิ่งที่ทำลงไปบ้าง "ไม่คุย ฮึก ข้าเกลียดเจ้า... ปล่อยข้านะ ปล่อย ฮือ...." ร่างบางเบือนหน้าหนีด้วยความอับอายและหวาดกลัว สะอื้นไห้อย่างหนัก เขาพยายามแกะมือหนาที่กุมข้อมือบางของตนเองเอาไว้ออก แต่ทำอย่างไรก็แกะไม่หลุดเพราะสู้แรงคนตัวโตตรงหน้าไม่ไหว แสงสว่างเริ่มพาดผ่านท้องฟ้าทำให้ทั้งสองเริ่มเห็นสภาพของกันและกันชัดขึ้น หว่างขาของร่างบางนั้นชุ่มไปด้วยคราบคาวและโลหิตจนคนตัวโตได้เห็นต้องตกตะลึงกับสภาพของคนตัวเล็กตรงหน้า นี่เขาทำอะไรลงไปกับเด็กนี่กัน "ปล่อย..."คำสุดท้ายแผ่วเบาหลุดออกจากปากร่างบางที่กำลังหมดสติลงไป ร่างหนารั้งเอวของเขาเอาไว้ได้ทันก่อนที่ร่างบางจะเซล้มลง "เจ้าเป็นใครกันเด็กน้อย ข้าทำผิดต่อเจ้าเสียแล้ว" ร่างหนาอุ้มช้อนร่างบางที่หมดสติขึ้นแนบอก ตรงไปยังรถม้าของเขาที่จอดอยู่ไม่ไกลนักก่อนพาร่างบางกลับไปยังจวนของตนเอง   อ่านจบแล้วช่วยคอมเม้นติชมผลงานให้ไรท์กันบ้างนะคะ ขอบพระคุณล่วงหน้าค่า ^^ ทุกคอมเม้นเป็นกำลังใจที่ดีเยี่ยมในการสร้างสรรค์ผลงานเสมอค่ะ tbc. #พรวิเศษ     เชิงอรรถ ^ ยามอิ๋น (*:yín) คือ 03.00 - 04.59 น.  
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม