๒ ตราบาป2

1354 คำ
หลังจากเกิดเหตุการณ์คืนนั้น ตีรณาลางานไปสองวันติดด้วยยังทำใจไม่ได้กับเรื่องที่เกิดขึ้นกับตนเอง ที่สำคัญไม่อยากเจอหน้าเขา... หญิงสาวนอนซมอยู่กับเตียงนอนในห้องเช่าคับแคบ ดวงตาแดงก่ำจ้องมองเช็คใบนั้นด้วยความเจ็บช้ำน้ำใจยิ่งยวด คนชั่วคนนั้นข่มเหงหล่อนแล้วฟาดหัวด้วยเช็คหนึ่งใบที่มีมูลค่าห้าแสนบาท ค่าตัวของหล่อนเมื่อคืนก่อนนี้มีค่าห้าแสนบาทเลยเชียว หญิงสาวกำมันเอาไว้ในมือจนยับ พร้อมน้ำตาที่ไหลอาบแก้ม หากหล่อนตายคงไม่มีใครรู้ เขาคนนั้นคงไม่สนใจด้วยซ้ำ หญิงสาวกัดริมฝีปาก ร่างบอบบางอยู่ในสภาพโทรม สวมเพียงเสื้อยืดย้วยสีขาวหม่นตัวเก่าลุกขึ้นนั่งริมเตียง ผมเผ้ายุ่งเหยิง ใบหน้าซีดเซียว ริมฝีปากแตกแห้งเหลือบตามองไปยังหน้าต่างห้อง ชีวิตที่แทบไม่เหลือใครทำให้หญิงสาวคนหนึ่งต้องปากกัดตีนถีบเพียงลำพัง แม้จะมีมารดาเหลืออยู่ทว่าก็เหมือนคนแปลกหน้า ตั้งแต่บิดาออกเดินทางล่วงจากโลกนี้ไปก่อนหล่อนก็ใช้ชีวิตเพียงลำพังเรื่อยมา หวังว่าสักวันชีวิตที่แทบจะไร้รากคงดีขึ้น ทว่าทุกอย่างกลับเลวร้ายลงในค่ำคืนหนึ่ง ปลายนิ้วเรียวเล็กกรีดน้ำตาออกจากนวลแก้ม พลางสูดลมหายใจ “เราจะต้องเข้มแข็ง” หญิงสาวพยักหน้าเบาๆ เรียกกำลังใจคืนกลับมาให้ตนเอง ดวงตาที่แห้งผากวาวโรจน์ บอกตนเองว่าอะไรที่เสียแล้วให้เสียไป ชีวิตเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ เมื่อคิดได้เช่นนั้น หญิงสาวจึงลุกจากเตียงและเดินตรงเข้าห้องน้ำเพื่อชำระล้างร่างกาย เพื่อที่ค่ำนี้จะออกไปทำงานเช่นทุกวันที่ผ่านมา หมดเวลาเสียใจ หล่อนจะเผชิญหน้ากับความจริงโดยไม่หวั่นไหว ไม่แยแสกับสิ่งที่เกิดขึ้น หล่อนเก่งและแกร่งแบบนี้มานานแล้วนี่ ทำไมจะเก่งและแกร่งต่อไปไม่ได้ แค่เสียตัวครั้งเดียวไม่แปลว่าเสียหาย อย่างน้อยก็ได้ค่าทำขวัญมาก้อนใหญ่ และสิ่งแรกที่ต้องทำในวันนี้คือการเอาเช็คไปขึ้นเงินที่ธนาคาร... สายตาคมกริบหยุดชะงักที่ร่างบอบบางร่างหนึ่ง ดวงตาสีเข้มหรี่มอง ร่างนั้นกำลังทำหน้าที่ของตนเองอย่างแข็งขัน เมื่อเดินผ่านหน้าเขาเจ้าหล่อนไม่ปรายตามองมาแม้สักนิด พลันมุมปากได้รูปก็กระตุกยิ้ม แรกเลยเขาคิดว่าหล่อนคงจะเหมือนคนอื่นๆ ที่พอเขาพลาดก็จะมาเรียกร้องอะไรที่นอกเหนือจากเงินที่เขาชดเชยให้ ตามติดไม่ยอมให้เขาได้อยู่อย่างสงบ เรียกร้องไม่มีวันจบสิ้น ทว่าเด็กคนนี้แตกต่างออกไป หล่อนทำเหมือนไม่มีเขายืนอยู่ตรงนี้ ทำหน้าที่ของตนเองต่อไปอย่างเงียบๆ ใบหน้างามยิ้มแย้มยามพูดคุยกับแขก เรือนร่างระหงปราดเปรียวยามเยื้องย่าง ดวงหน้าดูงดงามจนเขาต้องมองซ้ำอย่างอดใจไม่ไหว แต่แล้วชายหนุ่มก็เบือนหน้าหนีภาพนั้น สั่งตนเองให้เลิกสนใจหล่อน เขาชดใช้ไปแล้ว ทุกอย่างควรจบลงแค่ค่ำคืนนั้น เขาได้ หล่อนได้ แฟร์ๆ แม้จะรู้ว่ามีสายตาคู่หนึ่งจับจ้องมองมาแทบไม่คลาดสายตา แม้หัวใจดวงน้อยที่บอบช้ำจะหวาดหวั่นแต่ภายนอกนั้นกลับเยือกเย็นและเข้มแข็งได้อย่างไม่น่าเชื่อ ตีรณารู้สึกพอใจการรับมือกับความรู้สึกและการเผชิญหน้ากับคนที่ทำลายชีวิตของหล่อนในค่ำคืนนี้ หล่อนทำได้ดีมากแล้ว และทุกอย่างจะต้องดำเนินต่อไปอย่างมั่นคง “เฮ้อ วันนี้แขกเยอะจังเลยเนอะตี่” กันยาเปรยขึ้นมาหลังจากวางถาดเสิร์ฟลงที่เดิม ตั้งแต่เข้างานมาเพิ่งได้พัก ตีรณายิ้มให้ฝ่ายนั้น “วันศุกร์นี่คะ” ไม่ทันขาดคำ ร่างโปร่งของดุษิตาก็ก้าวมาสมทบ “มาแอบอู้คุยอะไรกันยะสองคนนี้” “อู้บ้านแกสิ ฉันกับตี่เพิ่งได้พักเนี่ย” กันยาค้อนขวับ ฝ่ายนั้นหัวเราะ พลางถอนหายใจ “คนเยอะชะมัดยาด ตี่ไม่สบายหายดีแล้วเหรอ” ดุษิตาที่เพิ่งเช็ดมือด้วยเจลแอลกอฮอล์หันมาสบตาสาวสวยรุ่นน้อง คนถูกถามยิ้มอย่างฝืดเฝื่อนเต็มที “ค่ะ ดีขึ้นเยอะแล้ว ไม่ได้เป็นอะไรมากค่ะ” ตอบไปเรียบๆ เสมองไปทางอื่น ภาวนาขอให้ไม่มีใครล่วงรู้เรื่องคืนนั้น คุยกันอีกสักพัก ทั้งสามสาวก็ต้องทำงานต่อ กระทั่งใกล้เวลาเลิกงาน ตีรณาจึงปลีกตัวเข้าห้องน้ำตามลำพัง ร่างบอบบางทำธุระเสร็จก็ออกมาล้างมือ ดวงตาคู่งามสบตาคนในกระจก เห็นชัดถึงความอ่อนล้าในแววตาคู่นั้น แล้วผ่อนลมหายใจยาวเหยียด เป็นอีกวันที่รู้สึกเหนื่อยล้าจนแทบหมดแรง คืนนี้หล่อนเห็นเขา มองแวบเดียวก็ต้องทำเป็นไม่เห็น ได้แต่ขบกัดริมฝีปากเอาไว้อย่างเก็บกดความรู้สึก แม้รู้ตัวว่าถูกจับตามองอยู่เนืองๆ แต่ก็ไม่มีทีท่าว่าเขาจะเข้ามาทักทายไถ่ถาม นี่เรายังหวังอะไรจากผู้ชายคนนั้นอีกรึ หญิงสาวเกิดคำถามขึ้นในใจ นึกถึงรอยยิ้มที่เคลือบริมฝีปากบางได้รูปแล้วขบเม้มริมฝีปากตนเองแน่น หล่อนรู้ว่าแม้ริมฝีปากบางคู่นั้นจะแย้มรอยยิ้มอยู่เสมอ ทว่าแววตาคมเฉี่ยวกลับเต็มไปด้วยความเลือดเย็น คือแววตาของเสือร้ายที่จ้องตะครุบเหยื่อ เขาไม่สนใจว่าได้ทำให้ผู้หญิงคนหนึ่งต้องสูญเสียตัวตนไปมากเพียงใด คิดว่าแค่เอาเงินฟาดหัว ทุกอย่างก็จบ...เหมือนที่เคยทำมา ตีรณากำลังคิดลาออก งานไม่ใช่ปัญหาแต่เพราะไม่อยากเห็นหน้าเขาอีก จะให้เรียกร้องความรับผิดชอบจากเขาก็เปล่าประโยชน์ คนแบบนั้นไม่มีวันมองหล่อน เรื่องที่เกิดขึ้นเป็นความผิดพลาดใหญ่หลวง หญิงสาวขมวดคิ้วนิ่วหน้าคิดถึงอาการของชายหนุ่มในกลางดึกคืนนั้น พลันก็ร้อนวูบวาบไปทั้งร่างกายเมื่อภาพเหตุการณ์ทุกช่วงตอนผ่านเข้ามาในห้วงคำนึง หญิงสาวขบเม้มริมฝีปากจนรู้สึกเจ็บ ก่อนจะส่ายหน้าแรงๆ ไล่ภาพจำน่าอดสูเหล่านั้นออกไป ร่างบางเดินออกมาจากห้องน้ำ แล้วเจอกับดุษิตา ฝ่ายนั้นเตรียมตัวกลับเช่นกัน “พี่กลับก่อนนะตี่ แฟนพี่มารอรับแล้ว” “ค่ะพี่ดุษ พรุ่งนี้เจอกันค่ะ” หญิงสาวยิ้มให้สาวรุ่นพี่ที่ก้าวฉับๆ ออกไป พอดีกับที่กันยาก็ก้าวตามออกมาอีกคน “ไปกันยังตี่” “ไปค่ะ เดี๋ยวขอตี่เข้าไปหยิบกระเป๋าก่อนนะคะ” “โอเค พี่ออกไปรอข้างหน้านะ” ตีรณาเข้าไปยังห้องพักพนักงานเพื่อหยิบสัมภาระของตนเอง พอปิดประตูก็ใจหายวาบเมื่อสบตาคมกริบของคนเลือดเย็นเข้าอย่างจัง ร่างสูงที่กำลังจะเดินผ่านไปเพียงแค่ดึงจังหวะช้าลงเล็กน้อย แววตาคมคร้ามสบมาอย่างเย็นชาสะกดให้หญิงสาวยืนตัวแข็งค้าง ขณะที่เขาไม่เอ่ยคำใดออกมานอกจากก้าวผ่านหน้าหล่อนไปโดยไม่หยุดทัก เมื่อร่างสูงก้าวพ้นหญิงสาวจึงผ่อนลมหายใจอย่างโล่งอก อาการใจเต้นรัวเมื่อครู่ค่อยๆ บรรเทาลง ก่อนจะซอยเท้าตามออกไปด้วยความรู้สึกว้าวุ่น... ริมฝีปากเต็มอิ่มเม้มแน่น ดวงตาร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงตราบาปที่เขาสาดใส่ชีวิตหล่อนแล้วทำเหมือนไม่เคยมีอะไรเกิดขึ้น เขาเห็นหล่อนเป็นเพียงกระโถนที่รองรับสิ่งปฏิกูล ไม่ได้คิดสักนิดว่าได้ทำลายชีวิตของใครคนหนึ่งให้พังลง ดวงตาคู่งามที่แดงเรื่อตวัดมองไปยังรถสปอร์ตคันโก้ของทีปกรด้วยความรู้สึกเคียดแค้นกึ่งเสียใจ จนกระทั่งรถคันนั้นขับออกไป หญิงสาวก็ยกมือขึ้นป้ายหยาดน้ำที่หางตาเมื่อกันยาร้องเรียก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม