“คุณไทม์ก็อีกคน ทำตัวมีพิรุธ ไม่รู้ทำอะไรให้ตี่มันไม่อยากอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า”
ประโยคท้ายกันยาหรี่เสียงจนเป็นกระซิบ ดุษิตาสบตาเพื่อนแล้วผ่อนลมหายใจยาว แต่เห็นใจสาวรุ่นน้องแค่ไหนก็ทำได้แค่คิด ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย
คนที่ถูกพูดถึงอยู่ในเชิ้ตสีดำผูกไทและสวมกางเกงชิโนสีเดียวกัน เดินสง่าผ่าเผยผ่านสองสาวโดยตวัดตาคมดุมองราวกับมีหูทิพย์
“พูดถึงก็มาเลย พี่แกมีพรายกระซิบหรือไงนะ” ดุษิตาเอ่ยเบาๆ ก่อนจะพากันยกเครื่องดื่มไปเสิร์ฟแขก ราวกับจะหนีความผิดฐานที่แอบนินทา
ทีปกรเดินไปหยุดที่บาร์ เมื่อผู้จัดการเห็นเขาก็เดินตรงมาหา
“ที่ให้จัดการน่ะ เรียบร้อยไหม”
“เรียบร้อยแล้วครับ” ผู้จัดการหนุ่มตอบ ทั้งคู่สบตากันอย่างที่รู้เพียงสองคน
ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นเพียงครู่ดาราสาวชื่อดังก็เดินเข้ามาพร้อมพวกของหล่อน หญิงสาวส่งสายตาและรอยยิ้มให้ทีปกร ก่อนจะถูกพนักงานนำพาไปยังห้องวีไอพีที่ทำการจองเอาไว้ล่วงหน้า
ผู้จัดการหนุ่มมองตามและหันมาถามเจ้านายเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทางเฉยเมยแปลกไปจากทุกครั้ง
“คุณไทม์จะไปเองหรือให้ผมไปครับ”
ชายหนุ่มมองตามดาราสาวไปอึดใจก่อนหันมาตอบผู้จัดการร้าน
“ผมไปเอง คุณดูแลทางนี้ก็แล้วกัน” พูดจบร่างสูงก็เดินจากไป
“คนนี้ใช่ตัวจริงหรือยัง”
บาร์เทนเดอร์คนเดิมหันไปถามเพื่อน
“ใคร” เอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว มองหาที่มาของคำถามแต่ไม่เห็นใคร
“ก็คุณไทม์กับคุณวาสิตา”
“อ้อ” คนที่ยืนข้างกันเลิกคิ้วยิ้ม “คิดว่าไม่นะ ไม่เคยเห็นคุณไทม์จะจริงจังกับใครสักที คบกันแป๊บๆ ก็เลิก หาคนใหม่ คนนี้ก็คงไม่ต่าง” เขาตอบตามที่เห็นมาตลอด
“พูดก็พูด นายได้ยินที่เขาลือๆ กันไหม”
เรื่องข่าวลือที่เพื่อนว่าไม่มีใครไม่รู้
“ทำไมจะไม่รู้ ปิดกันให้แซดขนาดนั้น” บาร์เทนเดอร์หนุ่มตอบ ใบหน้าคลายรอยยิ้มลง เพราะเมื่อคิดถึงที่มาของข่าวลือแล้วให้นึกเห็นใจ เขาเองสนใจตีรณาตั้งแต่เข้ามาทำงานใหม่ๆ พอจะเริ่มรู้จักมักคุ้นก็มีเรื่องจนเป็นเหตุให้ลาออกไปเสีย
“คิดว่าจริงไหม”
คำถามของเพื่อนร่วมงานทำให้อีกฝ่ายนิ่งไปอึดใจหนึ่ง
“ใครจะรู้ว่าจริงหรือไม่จริง คนที่เห็นมีแค่พี่โก้ คืนนั้นกลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือแค่พนักงานไม่กี่คน”
“เห็นว่าคุณไทม์เมาด้วยนะคืนนั้น พี่โก้บอกฉุดน้องตี่เข้าไปในห้อง หายกันไปนานหลายชั่วโมง”
พี่โก้เป็นพนักงานที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยก่อนปิดร้าน เป็นมือขวาของผู้จัดการอีกที จึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด
คนฟังคิ้วขมวด เขาไม่ชอบนินทาใคร โดยเฉพาะผู้หญิงที่น่าสงสารเช่นตีรณา ดูหล่อนก็เป็นคนนิสัยดี ไม่น่าต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้กับหญิงสาว จึงน่าเห็นใจมากกว่าจะต้องมาถูกพูดถึงในทางไม่ดีแบบนี้ ตัวไปแล้ว แต่ยังถูกขุดคุ้ยให้เสียหายไม่เลิก
“อาจไม่จริงก็ได้นะ เราไม่รู้อย่าพูดไปเลย เรื่องนี้เกี่ยวกับคุณไทม์ด้วย เกิดเข้าหูจะพากันซวยไปเปล่าๆ”
เขาเตือนเพื่อนร่วมงาน ฝ่ายปากมากไหวไหล่ ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ
“ก็แค่ถาม คนอื่นนั่น พูดกันไปถึงไหนแล้ว บางคนว่าก่อนออกเห็นน้องตี่เข้าไปในห้องทำงานคุณไทม์อีกหลายครั้ง แบบนี้ท่าจะมีมูลความจริงนะ”
คราวนี้คนข้างๆ ไม่ตอบ เขาไม่มีอะไรจะพูด ไม่มีความเห็นเพราะไม่ใช่เรื่องของตนเอง
เมื่อเพื่อนร่วมงานไม่คิดจะนำพา อีกฝ่ายจึงเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่นานก็มีออเดอร์ใหม่ๆ เข้ามาให้ทำ จึงเลิกคุยเรื่องของคนอื่นไปโดยปริยาย
ทีปกรกับวาสิตาพบกันเป็นครั้งที่สามแล้ว ทั้งสองมีนิสัยคล้ายกันนั่นคือรักอิสระ ไม่ผูกมัดตนเองกับใครเป็นพิเศษ ทำให้คุยกันถูกคอ กอปรกับช่วงนี้เขามีเรื่องวุ่นๆ เข้ามาให้แก้ปัญหาอยู่บ่อยครั้ง การได้พูดคุยกับดาราสาวจึงช่วยผ่อนคลายได้มากทีเดียว
“วันนี้ดื่มอะไรดีคะ” วาสิตาเอ่ยถามหนุ่มหล่อ ทีปกรสบตาคู่สวยที่ถูกตกแต่งอย่างดีแล้วยิ้ม
“คุณจะเลี้ยงผมเหรอ”
แววตากรุ้มกริ่มกับท่าทางผ่อนคลายของเขาทำให้ดาราสาวเบียดร่างชิดคนที่วางท่อนแขนทาบไปกับพนักโซฟาสีแดงเข้มเป็นโทนร้อนเข้ากับห้องนี้ จนท่อนแขนกลมกลึงเบียดไปกับอกกว้างของเขา
“อยู่ที่คุณต่างหาก ว่าอยากให้เลี้ยงหรือเปล่า ได้ข่าวว่าเลือกดื่ม เลือกกิน...”
แววตาที่สานสบมาเรียกรอยยิ้มพึงใจจากนัยน์ตาคมปลาบ
“ถ้าเป็นของดีผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” เขาตอบเสียงนุ่ม ทำให้คนที่นั่งเบียดชายหนุ่มใจเต้นแรง ทั้งตื่นเต้นและท้าทาย “คุณมีของดีให้ผมลองไหมล่ะ”
ริมฝีปากอิ่มสีหวานแย้มยิ้ม ดวงตาคู่งามเป็นประกายกล้า ท้าทาย ยั่วยวนและเชิญชวนพร้อมกัน
“ฉันว่ามีนะ” วาสิตาโน้มใบหน้าเข้าหา ก่อนที่ทั้งสองจะแนบชิดเสียงแซวก็ดังมาจากเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกันนั่นเอง
“โหย นี่ยังมีเพื่อนอยู่ด้วยนะ อะไรจะหวานกันขนาดน้าน”
วาสิตาชะงัก ก่อนจะหันไปมองค้อนเมื่อถูกขัดคอ แล้วขยับออกห่างเขามาเล็กน้อยพลางหัวเราะขัน ทีปกรยิ้มบางๆ พลางยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ ก่อนจะหันไปเห็นพนักงานที่เข้ามาพร้อมอาหารและเครื่องดื่ม วูบหนึ่งเขาคิดถึงใครบางคนที่เคยทำหน้าที่นี้ และหลายครั้งผู้หญิงคนนั้นก็มักถูกจับจ้องจากบรรดาแขกวีไอพีทั้งหลาย รวมทั้งเพื่อนของเขาเองก็ยังมี อารมณ์สนุกสนานของเขาราวจะหายไปในพริบตาเมื่อคิดถึงเหตุการณ์สุดท้ายก่อนที่หญิงสาวจะหายไป
แววตาคมที่หลุบมองน้ำสีอำพันในแก้วนั้นไหวเบาๆ รู้สึกแปลกทุกครั้งเมื่อนึกถึงผลตรวจในกระดาษใบนั้น แม้เขาจะบอกตนเองสักกี่ครั้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องเล็ก และไม่มีความหมายอะไรเลย ทุกอย่างแก้ได้ด้วยเงิน แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกหน่วงหนักอยู่ในส่วนลึกจนยากจะลืมเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้
“คุณไทม์ คุณไทม์คะ”
เสียงเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง จึงได้เห็นแววตาและสีหน้าฉงนของดาราสาว
“คิดถึงใครอยู่ ฉันเรียกคุณหลายครั้งแต่คุณไม่สนใจเลย”
ทีปกรปัดเรื่องราวที่อยู่ในความคิดออกไปไม่ได้ง่ายๆ แต่เขาก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมคายจึงยิ้มตอบสาวสวย แววตาวาววามยามสบตาคู่งามจนคนถูกมองสะเทิ้นอายอย่างที่ไม่ค่อยรู้สึกกับใครบ่อยนัก
“จะคิดถึงใครได้ ในเมื่อมีสาวสวยที่สุดในประเทศนั่งอยู่ตรงหน้าผมแบบนี้”
ดาราสาวค้อนคม ก่อนจะยิ้มเขินแล้วเมินหน้าหนีสายตาวับวาวขยันอ่อย แต่เจ้าของแววตากลับไม่ได้รู้สึกเช่นที่กำลังทำเลยสักนิด เขามีบางสิ่งติดค้างในใจ
แม้บอกตนเองซ้ำๆ ว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับคนที่จากไป แต่ไฉนกลับไม่เคยหยุดคิดถึง