๘ ไม่ได้รู้สึกอะไร...จริงๆ นะ

1318 คำ
“คุณไทม์ก็อีกคน ทำตัวมีพิรุธ ไม่รู้ทำอะไรให้ตี่มันไม่อยากอยู่ที่นี่ด้วยหรือเปล่า” ประโยคท้ายกันยาหรี่เสียงจนเป็นกระซิบ ดุษิตาสบตาเพื่อนแล้วผ่อนลมหายใจยาว แต่เห็นใจสาวรุ่นน้องแค่ไหนก็ทำได้แค่คิด ไม่อาจช่วยอะไรได้เลย คนที่ถูกพูดถึงอยู่ในเชิ้ตสีดำผูกไทและสวมกางเกงชิโนสีเดียวกัน เดินสง่าผ่าเผยผ่านสองสาวโดยตวัดตาคมดุมองราวกับมีหูทิพย์ “พูดถึงก็มาเลย พี่แกมีพรายกระซิบหรือไงนะ” ดุษิตาเอ่ยเบาๆ ก่อนจะพากันยกเครื่องดื่มไปเสิร์ฟแขก ราวกับจะหนีความผิดฐานที่แอบนินทา ทีปกรเดินไปหยุดที่บาร์ เมื่อผู้จัดการเห็นเขาก็เดินตรงมาหา “ที่ให้จัดการน่ะ เรียบร้อยไหม” “เรียบร้อยแล้วครับ” ผู้จัดการหนุ่มตอบ ทั้งคู่สบตากันอย่างที่รู้เพียงสองคน ชายหนุ่มผู้เป็นเจ้านายพยักหน้าอย่างพอใจ จากนั้นเพียงครู่ดาราสาวชื่อดังก็เดินเข้ามาพร้อมพวกของหล่อน หญิงสาวส่งสายตาและรอยยิ้มให้ทีปกร ก่อนจะถูกพนักงานนำพาไปยังห้องวีไอพีที่ทำการจองเอาไว้ล่วงหน้า ผู้จัดการหนุ่มมองตามและหันมาถามเจ้านายเมื่ออีกฝ่ายมีท่าทางเฉยเมยแปลกไปจากทุกครั้ง “คุณไทม์จะไปเองหรือให้ผมไปครับ” ชายหนุ่มมองตามดาราสาวไปอึดใจก่อนหันมาตอบผู้จัดการร้าน “ผมไปเอง คุณดูแลทางนี้ก็แล้วกัน” พูดจบร่างสูงก็เดินจากไป “คนนี้ใช่ตัวจริงหรือยัง” บาร์เทนเดอร์คนเดิมหันไปถามเพื่อน “ใคร” เอ่ยถามพลางขมวดคิ้ว มองหาที่มาของคำถามแต่ไม่เห็นใคร “ก็คุณไทม์กับคุณวาสิตา” “อ้อ” คนที่ยืนข้างกันเลิกคิ้วยิ้ม “คิดว่าไม่นะ ไม่เคยเห็นคุณไทม์จะจริงจังกับใครสักที คบกันแป๊บๆ ก็เลิก หาคนใหม่ คนนี้ก็คงไม่ต่าง” เขาตอบตามที่เห็นมาตลอด “พูดก็พูด นายได้ยินที่เขาลือๆ กันไหม” เรื่องข่าวลือที่เพื่อนว่าไม่มีใครไม่รู้ “ทำไมจะไม่รู้ ปิดกันให้แซดขนาดนั้น” บาร์เทนเดอร์หนุ่มตอบ ใบหน้าคลายรอยยิ้มลง เพราะเมื่อคิดถึงที่มาของข่าวลือแล้วให้นึกเห็นใจ เขาเองสนใจตีรณาตั้งแต่เข้ามาทำงานใหม่ๆ พอจะเริ่มรู้จักมักคุ้นก็มีเรื่องจนเป็นเหตุให้ลาออกไปเสีย “คิดว่าจริงไหม” คำถามของเพื่อนร่วมงานทำให้อีกฝ่ายนิ่งไปอึดใจหนึ่ง “ใครจะรู้ว่าจริงหรือไม่จริง คนที่เห็นมีแค่พี่โก้ คืนนั้นกลับบ้านกันหมดแล้ว เหลือแค่พนักงานไม่กี่คน” “เห็นว่าคุณไทม์เมาด้วยนะคืนนั้น พี่โก้บอกฉุดน้องตี่เข้าไปในห้อง หายกันไปนานหลายชั่วโมง” พี่โก้เป็นพนักงานที่มีหน้าที่ดูแลความเรียบร้อยก่อนปิดร้าน เป็นมือขวาของผู้จัดการอีกที จึงเห็นเหตุการณ์ทั้งหมด คนฟังคิ้วขมวด เขาไม่ชอบนินทาใคร โดยเฉพาะผู้หญิงที่น่าสงสารเช่นตีรณา ดูหล่อนก็เป็นคนนิสัยดี ไม่น่าต้องมาเกิดเรื่องแบบนี้กับหญิงสาว จึงน่าเห็นใจมากกว่าจะต้องมาถูกพูดถึงในทางไม่ดีแบบนี้ ตัวไปแล้ว แต่ยังถูกขุดคุ้ยให้เสียหายไม่เลิก “อาจไม่จริงก็ได้นะ เราไม่รู้อย่าพูดไปเลย เรื่องนี้เกี่ยวกับคุณไทม์ด้วย เกิดเข้าหูจะพากันซวยไปเปล่าๆ” เขาเตือนเพื่อนร่วมงาน ฝ่ายปากมากไหวไหล่ ก่อนจะเอ่ยออกมาเบาๆ “ก็แค่ถาม คนอื่นนั่น พูดกันไปถึงไหนแล้ว บางคนว่าก่อนออกเห็นน้องตี่เข้าไปในห้องทำงานคุณไทม์อีกหลายครั้ง แบบนี้ท่าจะมีมูลความจริงนะ” คราวนี้คนข้างๆ ไม่ตอบ เขาไม่มีอะไรจะพูด ไม่มีความเห็นเพราะไม่ใช่เรื่องของตนเอง เมื่อเพื่อนร่วมงานไม่คิดจะนำพา อีกฝ่ายจึงเปลี่ยนเรื่องคุย ไม่นานก็มีออเดอร์ใหม่ๆ เข้ามาให้ทำ จึงเลิกคุยเรื่องของคนอื่นไปโดยปริยาย ทีปกรกับวาสิตาพบกันเป็นครั้งที่สามแล้ว ทั้งสองมีนิสัยคล้ายกันนั่นคือรักอิสระ ไม่ผูกมัดตนเองกับใครเป็นพิเศษ ทำให้คุยกันถูกคอ กอปรกับช่วงนี้เขามีเรื่องวุ่นๆ เข้ามาให้แก้ปัญหาอยู่บ่อยครั้ง การได้พูดคุยกับดาราสาวจึงช่วยผ่อนคลายได้มากทีเดียว “วันนี้ดื่มอะไรดีคะ” วาสิตาเอ่ยถามหนุ่มหล่อ ทีปกรสบตาคู่สวยที่ถูกตกแต่งอย่างดีแล้วยิ้ม “คุณจะเลี้ยงผมเหรอ” แววตากรุ้มกริ่มกับท่าทางผ่อนคลายของเขาทำให้ดาราสาวเบียดร่างชิดคนที่วางท่อนแขนทาบไปกับพนักโซฟาสีแดงเข้มเป็นโทนร้อนเข้ากับห้องนี้ จนท่อนแขนกลมกลึงเบียดไปกับอกกว้างของเขา “อยู่ที่คุณต่างหาก ว่าอยากให้เลี้ยงหรือเปล่า ได้ข่าวว่าเลือกดื่ม เลือกกิน...” แววตาที่สานสบมาเรียกรอยยิ้มพึงใจจากนัยน์ตาคมปลาบ “ถ้าเป็นของดีผมไม่ปฏิเสธอยู่แล้ว” เขาตอบเสียงนุ่ม ทำให้คนที่นั่งเบียดชายหนุ่มใจเต้นแรง ทั้งตื่นเต้นและท้าทาย “คุณมีของดีให้ผมลองไหมล่ะ” ริมฝีปากอิ่มสีหวานแย้มยิ้ม ดวงตาคู่งามเป็นประกายกล้า ท้าทาย ยั่วยวนและเชิญชวนพร้อมกัน “ฉันว่ามีนะ” วาสิตาโน้มใบหน้าเข้าหา ก่อนที่ทั้งสองจะแนบชิดเสียงแซวก็ดังมาจากเพื่อนๆ ที่นั่งอยู่ด้วยกันนั่นเอง “โหย นี่ยังมีเพื่อนอยู่ด้วยนะ อะไรจะหวานกันขนาดน้าน” วาสิตาชะงัก ก่อนจะหันไปมองค้อนเมื่อถูกขัดคอ แล้วขยับออกห่างเขามาเล็กน้อยพลางหัวเราะขัน ทีปกรยิ้มบางๆ พลางยกแก้วขึ้นจิบเบาๆ ก่อนจะหันไปเห็นพนักงานที่เข้ามาพร้อมอาหารและเครื่องดื่ม วูบหนึ่งเขาคิดถึงใครบางคนที่เคยทำหน้าที่นี้ และหลายครั้งผู้หญิงคนนั้นก็มักถูกจับจ้องจากบรรดาแขกวีไอพีทั้งหลาย รวมทั้งเพื่อนของเขาเองก็ยังมี อารมณ์สนุกสนานของเขาราวจะหายไปในพริบตาเมื่อคิดถึงเหตุการณ์สุดท้ายก่อนที่หญิงสาวจะหายไป แววตาคมที่หลุบมองน้ำสีอำพันในแก้วนั้นไหวเบาๆ รู้สึกแปลกทุกครั้งเมื่อนึกถึงผลตรวจในกระดาษใบนั้น แม้เขาจะบอกตนเองสักกี่ครั้งว่าสิ่งที่เกิดขึ้นนั้นเป็นเรื่องเล็ก และไม่มีความหมายอะไรเลย ทุกอย่างแก้ได้ด้วยเงิน แต่เอาเข้าจริงกลับรู้สึกหน่วงหนักอยู่ในส่วนลึกจนยากจะลืมเหมือนอย่างที่ตั้งใจไว้ “คุณไทม์ คุณไทม์คะ” เสียงเรียกชื่อเขาซ้ำๆ ทำให้ชายหนุ่มหันไปมอง จึงได้เห็นแววตาและสีหน้าฉงนของดาราสาว “คิดถึงใครอยู่ ฉันเรียกคุณหลายครั้งแต่คุณไม่สนใจเลย” ทีปกรปัดเรื่องราวที่อยู่ในความคิดออกไปไม่ได้ง่ายๆ แต่เขาก็ปรับตัวได้อย่างรวดเร็ว ใบหน้าคมคายจึงยิ้มตอบสาวสวย แววตาวาววามยามสบตาคู่งามจนคนถูกมองสะเทิ้นอายอย่างที่ไม่ค่อยรู้สึกกับใครบ่อยนัก “จะคิดถึงใครได้ ในเมื่อมีสาวสวยที่สุดในประเทศนั่งอยู่ตรงหน้าผมแบบนี้” ดาราสาวค้อนคม ก่อนจะยิ้มเขินแล้วเมินหน้าหนีสายตาวับวาวขยันอ่อย แต่เจ้าของแววตากลับไม่ได้รู้สึกเช่นที่กำลังทำเลยสักนิด เขามีบางสิ่งติดค้างในใจ แม้บอกตนเองซ้ำๆ ว่าไม่ได้รู้สึกอะไรเลยกับคนที่จากไป แต่ไฉนกลับไม่เคยหยุดคิดถึง
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม