บทที่ 14
ใครกันแน่ที่เป็นโจร!
ด้วยการนำทางอันแม่นยำของเสิ่นหลาง ไม่นานทั้งสามคนก็มาถึงค่ายโจร
ค่ายโจรตั้งอยู่กลางป่าลึก รอบค่ายมีรั้วไม้หยาบๆ ปักล้อมไว้ บนรั้วแขวนกะโหลกสัตว์ป่าและกะโหลกของมนุษย์ กะโหลกเหล่านั้นเป็นทั้งเครื่องประดับ และสัญลักษณ์แสดงอำนาจให้ผู้คนหวาดกลัว
ภายในค่ายคือบ้านไม้หลายหลังที่สร้างขึ้นอย่างสะเปะสะปะ กลางลานกว้างคือกองไฟที่ยังไม่ดับมอด และตรงนั้นก็มีชายฉกรรจ์ถืออาวุธนั่งเฝ้ายามอยู่กันสามคน
ตอนนี้เป็นยามจื่อ(23.00-01.00 น) ภายในค่ายค่อนข้างเงียบ เนื่องจากก่อนหน้านั้น หัวหน้าโจรกับพรรคพวกของมันบุกมาจู่โจมคณะเดินทางของเซี่ยหยู่ บาดเจ็บล้มตายจำนวนมาก ที่รอดกลับมามีแค่สามสี่คนเท่านั้น
แต่ถึงอย่างนั้น โจรป่าที่ยังเหลืออยู่ในค่ายก็ยังมีจำนวนเยอะอยู่ดี เมื่อนับรวมกับองครักษ์ฝีมือดีของเผิงอู๋แล้ว คาดว่าน่าจะมีประมาณสิบกว่าคน หากเลี่ยงการปะทะกันตรงๆ ได้ย่อมดีที่สุด
เซี่ยหยู่ ไป๋มู่อวิ๋นและเสิ่นหลางซุ่มอยู่ในความมืดนอกค่าย หาจังหวะบุกจู่โจม เวลานั้นเอง จู่ๆ เสียงด่าทอหยาบคายปนความหงุดหงิดก็ดังขึ้น
“สารเลว! ทำงานไม่สำเร็จแล้วยังจะทวงเงินค่าจ้างอีก ไสหัวไป อย่าขวางทางข้า!”
ทั้งสามคนมองไปที่เจ้าของเสียง พบว่าเป็นชายหนุ่มแต่งกายด้วยเสื้อไหมเนื้อดี ท่าทางไม่ใช่โจรป่า
ใช่...ชายคนนั้นคือเผิงอู๋นั่นเอง
“คุณชายขอรับ คนของข้าตายไปมาก ท่านจะไม่รับผิดชอบบ้างหรือ?”
ชายฉกรรจ์ที่ไล่ตามหลังเผิงอู๋ แม้ปากจะพูดว่าคนของตนตายไปเยอะ แต่สีหน้ากลับเต็มไปด้วยความละโมบ
“หึ! ถ้าอยากได้เงินนัก ก็ต้องเอาหัวของไป๋มู่อวิ๋นมาแลก!”
“แต่...อั่ก!”
ชายฉกรรจ์คนนั้นยังพูดไม่จบ องครักษ์ที่ยืนอยู่ข้างกายเผิงอู๋ก็ฟันฉับเข้ากลางอก เลือดสาดกระเซ็น ต่อมา ร่างของชายฉกรรจ์คนนั้นก็ล้มลงและแน่นิ่งไปทันที
โจรป่าสามคนที่เฝ้ายามอยู่ตรงลานกว้างเพียงปรายตามอง ไม่ได้สนใจคนตายแต่อย่างใด แม้เป็นโจรป่าเหมือนกัน แต่ค่ายโจรเร่ร่อนแห่งนี้ ใครอยากเข้าก็เข้า ใครอยากออกก็ออก ส่วนคนที่ตายก็มีให้เห็นบ่อยๆ พวกเขาชินชาเสียแล้ว
“ทำงานไม่สำเร็จ ริอาจมาทวงเงินจากข้า สมควรตาย!” เผิงอู๋พูดพลางยกเท้าเหยียบหัวชายฉกรรจ์ที่นอนตายบนพื้น
เซี่ยหยู่แอบดูอยู่ก็อดหาวไม่ได้ น่าเบื่อชะมัด!
คิดจบ นางก็หันไปทางไป๋มู่อวิ๋นเพราะเมื่อกี้เผิงอู๋คนนั้นพูดชื่อของเขาออกมา
อย่างที่คิด ไป๋มู่อวิ๋นกำหมัดแน่นจนเส้นเลือดปูดโปน
โกรธสินะ เข้าใจๆ
เซี่ยหยู่ตบบ่ากว้างปลอบเขาไปสองสามที จากนั้นก็ยกมือส่งสัญญาณด้วยสีหน้าจริงจัง
นางชี้นิ้วไปที่รังโจร หมุนข้อมือ ปิดท้ายด้วยการกางนิ้วทั้งห้า
ไป๋มู่อวิ๋นกับเสิ่นหลางมองหน้ากัน สีหน้าว่างเปล่าและเต็มไปด้วยเครื่องหมายคำถาม
“???”
เหนืออื่นใด ท่าทางขององค์หญิง ทำให้ความโกรธที่ครอบงำสติของไป๋มู่อวิ๋นลดลงอย่างสิ้นเชิง
ความเงียบดำเนินอยู่หลายวินาที เซี่ยหยู่เกาจมูกเขินๆ ก่อนจะกระซิบเสียงต่ำ “ข้าหมายถึง…มันจะหนีแล้ว สาดยานอนหลับ บุกเลย!”
ไป๋มู่อวิ๋นกับเสิ่นหลางพยักหน้าเข้าใจแล้ว หากแววตากลับเผยความขบขันเล็กน้อย
อย่างไรก็ตาม แม่ทัพไป๋กับรองแม่ทัพเสิ่นทำงานอย่างมืออาชีพ ในความมืดทั้งสองเคลื่อนไหวอย่างรวดเร็วและเงียบกริบ
หลังจากย่องเข้าไปในค่ายโจรสำเร็จ ทั้งสองก็วางยานอนหลับทุกคนอย่างชำนาญ แม้การปะทะจะเกิดขึ้นบ้าง แต่ก็ถูกเก็บกวาดอย่างรวดเร็ว
..
..
การบุกยึดค่ายโจรเกิดขึ้นเพียงชั่วครู่สั้นๆ และแทบไม่มีการปะทะ เพราะสุดท้าย ทุกคนในค่ายโจรก็ถูกยานอนหลับพลังล้มช้างของเซี่ยหยู่เล่นงานจนสิ้นท่ากันหมด ไม่เว้นแม้แต่เผิงอู๋กับองครักษ์
เมื่อคนชั่วถูกปราบจนสิ้นฤทธิ์ เสิ่นหลางจับโจรมัดทีละคน ไป๋มู่อวิ๋นไปช่วยเหลือเหล่าสตรีและเด็กที่ถูกขัง
เซี่ยหยู่ไม่รอช้า รีบค้นหาที่ซ่อนสมบัติของโจรด้วยความกระตือรือร้น
หาอยู่สักพัก ในที่สุดก็เจอห้องลับใต้ดินในบ้านไม้หลังใหญ่ เดาว่าน่าจะเป็นบ้านของหัวหน้าโจร
คงเป็นความโชคดีในความโชคร้าย ทันทีที่เปิดประตูเข้ามา เซี่ยหยู่เห็นหญิงสาวผู้เคราะห์ร้ายกำลังถูกชายฉกรรจ์ร่างใหญ่หาความสำราญอย่างชั่วช้า เสียงกรีดร้องและเสียงสะอื้นไห้ดังระงมในบ้านไม้ จึงทำให้มันไม่ได้ยินเสียงความวุ่นวายที่ด้านนอก
แววตาของเซี่ยหยู่เย็นเฉียบ มือเรียวเล็กยกหน้าไม้ขึ้น แล้วเล็งอย่างไม่ลังเล
ฟิ้ว! ฟิ้ว!
ปัก! ปัก!
ลูกศรพุ่งเสียบทะลุท้ายทอยของชายฉกรรจ์อย่างแม่นยำ ร่างนั้นทรุดฮวบไร้ลมหายใจ หญิงสาวที่ถูกกักขังกรีดร้องเสียงแหลม ดิ้นรนถีบร่างนั้นจนตกเตียง ก่อนรีบคว้าผ้าห่มมาคลุมร่างตนเอง
ตอนนี้เองที่เซี่ยหยู่เห็นร่างกายของหญิงคนนั้นอย่างชัดเจน บนร่างกายของนางเต็มไปด้วยบาดแผลและร่องรอยการถูกทารุณกรรมนับไม่ถ้วน
เซี่ยหยู่กำมือแน่นพร้อมกับบอกหญิงสาวด้วยเสียงเย็นเฉียบว่า “เจ้าปลอดภัยแล้ว ออกไปข้างนอกเถิด ข้างนอกมีคนรอช่วยเจ้าอยู่”
“เจ้า...เจ้าค่ะ” หญิงสาวพยักหน้าทั้งน้ำตา
แม้หัวหน้าโจรจะถูกตัดหัวไปแล้ว แต่ที่นี่คือรังโจร ไม่อาจหลีกเลี่ยงภาพอันโหดร้ายป่าเถื่อนเช่นนี้ได้
เซี่ยหยู่สูดลมหายใจลึก ปรับอารมณ์ให้สงบ ก่อนกวาดสายตาไปรอบห้อง เมื่อสายตาสะดุดกับพื้นไม้ที่ดูไม่สม่ำเสมอ นางรีบก้าวเข้าไปตรวจสอบ และพบว่ามันคือบานประตูสู่ห้องใต้ดิน
เซี่ยหยู่หยิบไฟฉายออกมาจากมิติ เมื่อก้าวลงบันไดสู่ห้องลับใต้ดิน กลิ่นอับชื้นปนฝุ่นคละคลุ้งอย่างรุนแรงจนแทบอาเจียน
นางยกแขนเสื้อขึ้นปิดจมูก หากเท้าทั้งสองข้างก็ยังเดินลึกเข้าไปในห้องใต้ดินต่อ
วาบ!
ทันทีที่ลำแสงจากไฟฉายส่องกระทบสิ่งหนึ่ง แสงสีทองอร่ามก็สะท้อนเข้ามาในดวงตา ทำเอาเซี่ยหยู่ถึงกับกลั้นหายใจไปชั่วขณะ
นะ…นั่นมันทองแท่งกับก้อนเงินขาวๆ ไม่ใช่หรือ!?
ดวงตาของเด็กสาวลุกวาวทันที
นางไม่รอช้า เพียงโบกมือเบาๆ หีบเงินหีบทองทั้งหลายก็หายวับเข้าไปอยู่ในมิติ
ถัดมาคือกล่องใส่ผ้าแพรไหมเนื้อดี รวมถึงเครื่องแต่งกายสำเร็จรูป ของพวกนี้คงถูกปล้นมาจากคาราวานพ่อค้าขายผ้าแน่ๆ
คิดดังนั้น นางก็สะบัดมืออีกครั้ง เก็บทั้งหมดเข้ามาในมิติโดยไม่ลังเล
ยังไม่หมด! กล่องไม้ขนาดใหญ่ที่เปิดอ้าอยู่ตรงมุมห้อง ภายในเต็มไปด้วยเครื่องประดับทองคำและหยก นางเพียงสะบัดปลายนิ้ว ของล้ำค่าก็หายวับราวกับล่องหน
ดาบกระบี่ที่ยังอยู่ในฝัก มีดสั้น หอก ธนู พร้อมลูกศรทั้งมัด นางก็กวาดเรียบ ไม่ให้เหลือ
อ้อ! หีบหนังสัตว์อีกสองหีบก็ถูกอัญเชิญเข้ามาในโกดังของนางเหมือนกัน!
ใช้เวลาเพียงไม่นาน ห้องใต้ดินที่เต็มไปด้วยสมบัติก็ว่างเปล่า…
ในขณะที่เซี่ยหยู่ปัดฝุ่นออกจากมือ พร้อมกับเดินออกจากบ้านของหัวหน้าโจรอย่างสง่างาม จู่ๆ เสียงโมโนโทนของระบบก็ดังขึ้นในหัว
[ยินดีด้วย น้ำพุวิญญาณอัปเกรดเป็นระดับ 2]
“เอ๊ะ?”
เด็กสาวชะงักเล็กน้อย ก่อนริมฝีปากจะค่อยๆ คลี่ยิ้มกว้าง
น้ำพุวิญญาณเดิมก็สามารถรักษาอาการบาดเจ็บเล็กน้อย หากเลื่อนเป็นระดับ 2 หมายความว่า…ต้องรักษาอาการบาดเจ็บสาหัสหรือโรคร้ายแรงได้สินะ ดีจริงๆ!
เมื่อได้ระบบแจ้งเตือนเรื่องดีๆ อารมณ์หดหู่ก่อนหน้านี้ถูกแทนที่ด้วยความดีใจ แถมดวงตาของนางยังกลับมาสดใสและมีชีวิตชีวา นางเดินไปที่ห้องเก็บของต่อ เก็บถ้วยชาม ไหพริก ไหเกลือ ข้าวสารที่ยังเต็มกระสอบและเหลือติดกระสอบนิดหน่อย ทุกอย่างถูกกวาดเข้ามิติเรียบร้อย
เพียงพริบตา ภายในห้องเก็บของก็ถูก ‘ทำความสะอาด’ อย่างหมดจด
เซี่ยหยู่ยิ้มบางด้วยความพึงพอใจ เดินออกมาที่ลานกว้าง เสิ่นหลางยังคงขะมักเขม้น ทำหน้าที่จับโจรที่หลับเป็นตาย มัดเรียงราย
นางยกมือสะบัดเบาๆ คราวนี้เสื้อผ้าและมีดพกทั้งหลายก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย เหลือทิ้งไว้เพียงชุดกลางสีขาวที่เหม็นเหงื่อ
เสิ่นหลางเดินออกมาจากกระท่อมพร้อมเชือกในมือ พอเห็นภาพตรงหน้าก็ตะลึงตาแทบถลน
ก่อนเข้าไปค้นหาเชือก โจรพวกนี้ยังใส่เสื้อผ้าครบทุกชิ้น…ลับหลังแป๊บเดียว โจรพวกนี้ก็เหลือเพียงชุดขาวบางๆ เสียแล้ว!
ด้านไป๋มู่อวิ๋นที่ช่วยเหลือทุกคนออกมา เห็นภาพนั้นหางคิ้วถึงกับกระตุก แม้สีหน้ายังคงเรียบเฉย หากดวงตากลับแอบเหลือบมององค์หญิงที่กำลังปัดฝุ่นซึ่งไม่มีจริงออกจากเสื้อผ้าของนางด้วยท่าทางอารมณ์ดี