ตอนที่ 4 Tee part

3283 คำ
หงุดหงิดครับ เจอภาพบาดตาแต่เช้า วันนี้เป็นวันถ่ายแบบโปสเตอร์ประชาสัมพันธ์คณะ ผมในฐานะประธานนักศึกษาเป็นทั้งนายแบบเป็นทั้งสตาฟฟ์ของงาน แต่สตาฟฟ์หลักเป็นพวกไอ้โจ้ที่คอยประสานงานให้ทุกอย่าง ผมแค่ช่วยคุมช่วยดูนิดๆ หน่อยๆ ทีมงานสตาฟฟ์นัดเวลารวมตัวกันตอนเก้าโมง ผมเลยมาก่อนเวลาเผื่อมีอะไรขัดข้องจะได้ช่วยแก้ไขกันก่อน ระหว่างรอให้ถึงเวลาและรอให้ทุกคนมากันครบผมไปยืนคุยกับไอ้โจ้ ไอ้กิจและไอ้มินอยู่ข้างหลังฉากกั้นซึ่งบังมิดหัวผมพอดี ผมได้ยินเสียงน้ำตะโกนเรียกไอ้หน้าหวาน เลยชะโงกหน้าออกไปดูก็เห็นเจ้าตัวเดินเข้าไปหากลุ่มเพื่อนที่ยืนรออยู่ ผมก้มดูนาฬิกาเพิ่งจะแปดโมงครึ่ง “ตรงเวลาดีแฮะ” ผมเผลอพูดออกไป “มึงว่าอะไรนะ ใครตรงเวลา” ไอ้กิจได้ยินที่ผมพูด พร้อมกับชะโงกหน้าออกไปดูบ้าง “นั่นไอ้แยมนี่ วันนี้มันดูดีว่ะ จะเรียกหล่อหรือสวยดีวะเนี่ย หึหึ” ไอ้กิจพูดขึ้นทำให้ไอ้โจ้กับไอ้มินชะโงกหน้าออกไปดูบ้าง วันนี้แยมมันดูดีเหมือนที่ไอ้กิจว่าเลยครับ อาจจะเพราะว่าผมไม่ค่อยได้เห็นมันใส่ชุดนักศึกษาเต็มยศเท่าไหร่ รวมถึงหน้าหวานๆ และรอยยิ้มละลายใจคนมองของมันด้วย ไม่แปลกที่จะมีหนุ่มๆ หลงเสน่ห์มันโดยที่มันไม่รู้ตัว “น้ำลายหกแล้วไอ้กิจ” ผมแซวมันนิดหน่อย เห็นมันยังมองแยมไม่วางตา “กูไม่ใช่มึงนะไอ้ธีร์ ชักช้าเดี๋ยวก็โดนงาบไปก่อนที่มึงจะรู้ตัว” ไอ้กิจว่าผมกลับ “พูดเรื่องอะไรของมึง” ผมยังเฉไฉไม่ยอมรับ “เออๆ เรื่องของมึงละกัน โดนแย่งเมื่อไหร่พวกกูจะหัวเราะให้ฟันร่วง” ไอ้กิจพูดอย่างเอือมๆ ก่อนจะหันไปยักไหล่กับไอ้มิน “เฮ้ยๆ ไอ้ธีร์ มึงดูโน่น” ไอ้โจ้สะกิดเรียกผมก่อนบุ้ยปากไปทางที่ไอ้หน้าหวานยืนอยู่ มันเป็นใคร นี่คือสิ่งแรกที่ผมคิด ไอ้เด็กปีหนึ่งนั่นเดินเข้าไปหาไอ้หน้าหวาน ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคนพูดอะไรกัน แต่ดูจากท่าทางนิ่งอึ้งของไอ้หน้าหวานแล้วผมขอเดาว่าไอ้เด็กนี่ต้องปีนเกลียวแน่นอน ผมยืนดูอยู่เฉยๆ ไม่ได้ยินบทสนทนาใดๆ ของทั้งคู่ และดูเหมือนไอ้หน้าหวานก็ยังไม่เห็นผมเหมือนกัน แต่ที่ทำให้ผมหงุดหงิดมากก็คือ ไอ้เด็กนั่นยื่นหน้าเข้าไปพูดใกล้หูแยมโดยที่ปากไอ้เด็กนั่นเฉียดแก้มไปนิดเดียว “เป็นอะไรไอ้ธีร์ ยืนตาเขียวเชียวมึง” ไอ้โจ้ถามก่อนตบไหล่ผมเบาๆ “หึงภาพบาดตาเมื่อกี้หรือไอ้ประธาน” ไอ้มินพูดขึ้นก่อนยักคิ้วใส่ผม แต่ผมนี่ลมหายใจสะดุดตรงคำว่าหึงแล้ว “ใครหึงไอ้มิน พูดให้ดีๆ กูไม่ได้เป็นอะไรกับไอ้แยม กูจะหึงมันทำไม” ผมรีบแก้ตัวเป็นพัลวัน “กูจะไปรู้หรือ เห็นยืนจ้องไอ้แยมกับไอ้เด็กนั่นจนตาจะหลุดออกมานอกเบ้า เป็นใครมาเห็นมึงตอนนี้เขาก็คิดว่ามึงหึงไอ้แยมทั้งนั้นแหละ” ไอ้มินยังพูดต่อซะจนผมเห็นสภาพตัวเองเมื่อกี้เลย นี่ผมแสดงออกขนาดนั้นเลยหรือ “หึงบ้าหึงบออะไร กูไม่ได้หึง” ยังครับ ผมยังไม่ยอมรับ “ปากแข็งจริงเลยมึง เล่นตัวอยู่ได้ เดี๋ยวพวกกูก็เชียร์ให้ไอ้แยมรับรักไอ้เด็กนั่นซะหรอก” ไอ้กิจคงทนไม่ไหวกับบทสนทนาของผมกับไอ้มินเลยพูดสวนขึ้น ผมเลยเงียบไม่ได้พูดอะไรต่อ แต่ประโยคหลังนี่พูดน่าเตะมาก “กูว่าไอ้เด็กเมื่อกี้ก็หล่อดีนะ มึงว่าอย่างนั้นไหมวะไอ้กิจ ถ้าไอ้แยมเซเยสขึ้นมาคนแถวนี้คงนั่งไม่ติด” ไอ้โจ้ก็เอากับเขาด้วยอีกคน แถมยังหาแนวร่วมเพิ่มอีกก่อนจะปรายตามามองผม นาทีนี้ผมต้องเงียบไว้ ปล่อยให้พวกมันพูดกันให้สนุกปากไปก่อน จนถึงเวลาเรียกรวมตัวเพื่อเริ่มงาน พวกสตาฟฟ์วางแผนงานโดยถ่ายรูปเดี่ยวของแต่ละคนกับรูปคู่ของแต่ละสาขา แบ่งตามชั้นปีเพื่อความสะดวกและเพื่อความรวดเร็ว งานช่วงเช้ามีแค่นี้แต่ก็กินเวลาจนถึงเที่ยงพอดี ถึงเวลาพักทุกคนก็แยกย้ายกันไปกินข้าวกลุ่มใครกลุ่มมัน “มึงเอาข้าวไปนั่งรอที่โต๊ะก่อน เดี๋ยวกูไปตามไอ้แยมแล้วจะตามไป” ไอ้โจ้บอกผมก่อนมันจะยื่นถุงข้าวกล่องมาให้ผมถือแล้วมันก็เดินไปหาแยม ผมเลยเดินไปนั่งรอที่โต๊ะที่มีพวกไอ้กิจ ไอ้มินนั่งรออยู่ก่อนแล้ว ไอ้ทศ ไอ้ต้นตามมาสมทบทีหลัง “แค่ไปตามกินข้าวทำไมไปนานจังวะ” ผมบ่นออกมาเมื่อเห็นว่าไอ้โจ้ไม่ยอมโผล่มาสักที “เดี๋ยวกูไปตามให้” ไอ้ต้นเสนอตัว “ไม่เป็นไรเดี๋ยวกูไปเอง” ผมขัดขึ้น จะไปดูด้วยว่าทำอะไรกันอยู่ถึงได้ชักช้า แจ๊กพอตเลยครับกับสิ่งที่เห็น ไอ้เด็กนั่นจับแขนแยมไว้ไม่ยอมปล่อย ไอ้หน้าหวานทำสีหน้าไม่พอใจใส่อย่างชัดเจนแต่ไอ้เด็กนั่นก็ยังไม่ยอมปล่อยแขน ผมเห็นไอ้โจ้เดินเข้าไปถามอะไรไอ้เด็กนั่นนิดหน่อย แต่ผมทนไม่ไหวเลยเดินเข้าไปในเหตุการณ์ด้วย “มีอะไรโจ้ แยม” ผมถาม แต่มองไอ้เด็กนั่นไม่วางตา มันก็ไม่หลบสายตาผมด้วย “เด็กมันปีนเกลียวว่ะ มึงก็มาได้จังหวะพอดีเลย มันกำลังจีบแฟนมึงอยู่ว่ะ จัดการกันเองละกันนะ” ไอ้โจ้พูดเสร็จมันก็เดินไปเลย ผมหันไปมองไอ้หน้าหวานข้างกาย เห็นมันตาโตคงตกใจที่ไอ้โจ้พูด ผมก็ตกใจนะ แต่รีบรับมุขทัน ไหนๆ ไอ้โจ้ก็เปิดโอกาสให้ทั้งที “จริงหรือแยม ว่าอย่างไรครับน้อง จะจีบแฟนพี่หรือ” ผมหันไปถามแยมพร้อมกับยกแขนโอบไหล่มันไว้ มันยืนเกร็งเชียว แต่ก็ไม่ได้ผลักผมออก ก่อนจะหันไปถามไอ้เด็กนั่นแล้วยิ้มเหมือนท้าท้ายใส่มันสักหน่อย “คนนี้แฟนพี่แยมจริงๆ เหรอครับ” ไอ้เด็กนั่นถามแยมแถมจ้องเขม็งเลย “อืม นี่พี่ธีร์แฟนพี่ มีอะไรสงสัยอีกไหม ไปกินข้าวเถอะธีร์ แยมหิวแล้ว” ไอ้หน้าหวานตอบออกไป ผมแอบดีใจลึกๆ ที่มันไม่ปฏิเสธผม ถึงมันจะจำใจเลือกผมเป็นแฟนกำมะลอก็เถอะ พวกผมทำท่าจะผละออกไปเพราะไอ้เด็กนั่นยังนิ่งอยู่แต่ก็ต้องหยุดชะงัก “หึ” ไอ้เด็กนั่นทำเสียงขึ้นจมูกจ้องหน้าพวกผมสองคน ก่อนมันจะพูดในสิ่งที่ทำให้ผมแทบอยากจะกระโดดถีบหน้ามัน “เอาเถอะครับ ถ้าพี่คิดว่าจะหยุดคนอย่างผมได้ล่ะก็ คิดผิดแล้วนะครับ ผมบอกแล้วไงว่าพี่ต้องเป็นของผม” ประโยคสุดท้ายมันหันไปพูดกับไอ้หน้าหวาน พูดเสร็จมันก็เดินจากไปเลย ผมเห็นแยมมันยืนอึ้งทำตาโตอยู่ข้างผม ไอ้เด็กนี่ร้ายกาจมาก นั่นคือสิ่งที่ผมคิด คงต้องประกาศความเป็นเจ้าของไอ้หน้าหวานข้างกายผมซะแล้ว นั่นคือสิ่งที่ผมจะต้องทำ และอาจต้องใช้ตัวช่วย ข้าวมื้อเที่ยงของผมกร่อยมาก ในหัวผมตอนนี้ตีกันยุ่งไปหมด จะบอกว่านี่เป็นครั้งแรกที่ผมเครียดเรื่องแยมก็ว่าได้ เพราะที่ผ่านมาถึงจะมีคนมาจีบมันเยอะแค่ไหน แต่มันก็ไม่เคยเล่นด้วยหรือให้ความหวังอะไรกับใครเลยแม้แต่คนเดียว พอมันเฉยเสียคนที่เข้าหามันก็ถอยทัพกลับไปหมด ผมเลยไม่ต้องมานั่งเครียดอะไรมากมาย บางทีก็มีไอ้โจ้คอยกันท่าให้บ้าง แต่คราวนี้ไม่เหมือนกัน ไอ้เด็กนั่นดูเหมือนมันจะไม่ยอมถอยง่ายๆ สงสัยผมจะแสดงสีหน้าแปลกๆ ออกไปไอ้โจ้เลยเรียกผมไปคุยห่างจากโต๊ะที่ไอ้หน้าหวานนั่งอยู่พอสมควร “ไอ้ธีร์ กูเข้าเรื่องเลยนะ” ไอ้โจ้ทำสีหน้าจริงจัง “เรื่องไอ้แยม” ผมถาม “เออ มึงคิดไงกับมัน” ไอ้โจ้เปิดประเด็นได้ตรงจุดมาก “ทำไม” ผมก็อยากรู้ล่ะนะว่ามันจะรู้ไปทำไม ไม่ใช่ปากแข็ง “มึงตอบกูมา เอาความจริง ความรู้สึกมึงอ่ะ แล้วไม่ต้องมาปากแข็งกับกู” ดูท่าคราวนี้ไอ้โจ้มันคงไม่ยอมจริงๆ “แล้วมึงคิดว่าไงล่ะ” “ไอ้ธีร์ มึงอย่ามากวนประสาทกู นี่กูจริงจังนะ” ดูท่าไอ้โจ้เริ่มองค์ลงแล้ว “กูไม่ได้กวนประสาทมึง กูแค่อยากรู้ว่าที่ผ่านมามึงคิดว่ากูรู้สึกอย่างไรกับไอ้แยม” ผมอยากรู้จริงๆ นะว่าที่ผ่านมาผมแสดงออกไปมากไหน “กูไม่รู้หรอกนะว่ามึงถึงขั้นรักไอ้แยมหรือยัง แต่กูคิดว่ามึงคิดเกินเพื่อนกับมันไปแล้ว กูพูดถูกไหม” เหมือนมันนั่งอยู่กลางใจผมเลยครับ “เออ” ผมยอมรับออกไป เพราะมันคือความจริงที่ผมคิดกับไอ้หน้าหวานเกินเพื่อนไปแล้ว “มึงจะเดินหน้าต่อไหม” ไอ้โจ้ถาม “มึงจะช่วยกูหรือไง” ผมย้อนกลับ “กูจะช่วยถ้ามึงจริงจังกับไอ้แยม” มันตอบพร้อมกับจ้องหน้าผมนิ่ง “มึงไม่รังเกียจกูหรือที่กูชอบผู้ชายด้วยกัน” ผมก็จ้องหน้ามันกลับ กลัวคำตอบเหมือนกันเพราะบางคนอาจรับไม่ได้ “กูไม่เห็นจะมีเหตุผลอะไรที่จะไปรังเกียจมึง กูคบเพื่อนที่ความรู้สึก ที่นิสัย ที่จิตใจของมึง ไม่ใช่ที่รสนิยมของมึงสักหน่อย หัวใจมันบังคับไม่ได้หรอกว่าห้ามรัก ห้ามชอบใคร มึงชอบไอ้แยมมันก็ไม่ใช่เรื่องผิด กูดีใจด้วยซ้ำถ้าเพื่อนกูสองคนใจตรงกัน” ไอ้โจ้พูดพร้อมกับตบบ่าผมเบาๆ “เพราะมึงเป็นเพื่อนกู กูรู้จักนิสัยมึงดี ไอ้แยมก็เป็นเพื่อนกู รู้จักกันตั้งแต่อนุบาลเรียกว่าเป็นพี่น้องกันได้เลย บอกตามตรงนะ กูไม่ไว้ใจไอ้เด็กเฟิร์สนั่นเลย กูกลัวไอ้แยมจะพลาดท่าให้มันซะก่อน ดูมันจะร้ายใช่ย่อย แถมมันยังเป็นลูกพี่ลูกน้องกับพี่ฟาร์มพี่เทคไอ้แยมอีก กูกลัวไอ้แยมจะติดเกรงใจพี่ฟาร์มว่ะ” ไอ้โจ้พูดเหตุผลให้ผมฟังยืดยาว ผมยอมรับว่าไอ้โจ้เป็นคนดีคนนึง ถ้าไม่นับความเจ้าชู้หื่นกามของมันอ่ะนะ มันเป็นเพื่อนที่ดีมากสำหรับผม ให้คำปรึกษาและคอยช่วยเหลือตลอด “ขอบใจมึงมาก” ผมบอกมันจากใจจริง “เพื่อนกันเว้ย แล้วเรื่องไอ้แยมมึงจะเอาอย่างไรดี” มันวกกลับมาเรื่องแยมอีกครั้ง “กูจะเดินหน้า กูจะทำให้แยมรักกูให้ได้” ผมบอกสิ่งที่ผมคิดจะทำให้ไอ้โจ้ฟัง มันก็พยักหน้ารับ “ดี เลิกปากแข็งได้สักทีนะมึง ลอยตัวอยู่ได้ตั้งสองปี ดีนะที่ไอ้แยมมันไม่มองใคร ไม่อย่างนั้นมึงกินแห้วไปนานแล้ว” มันก็ยังไม่วายเหน็บแนมผมตลอด “อ้อ ไม่ต้องห่วงนะ เดี๋ยวพวกกูช่วยเต็มที่ ไอ้พวกนั้นมันรู้เรื่องมึงกับไอ้แยมตั้งนานแล้ว รอให้มึงออกปากเองแค่นั้นแหละ” ไอ้โจ้พูดทิ้งท้ายก่อนเดินกลับไปที่โต๊ะ นี่รู้กันหมดเลยหรือนี่ อุตส่าห์ปิดตั้งนาน ผมยังคิดว่าพวกมันแค่หยอกกันเล่น บ่ายโมงพวกผมแบ่งกลุ่มเป็นสามกลุ่มตามจำนวนพี่ตากล้อง ผมได้อยู่กลุ่มเดียวกับไอ้หน้าหวานและไอ้เด็กนั่นด้วย มีไอ้โจ้กับไอ้ต้นเป็นสตาฟฟ์ ส่วนสถานที่ถ่ายแบบนั้นเป็นห้องสมุดครับ ผมได้คิวถ่ายเซตที่สองครับ เซตแรกเป็นการถ่ายกลุ่ม 4-5 คน ส่วนเซตของผมถ่ายแค่สองคน มีผมกับแยม ระหว่างที่พี่ตากล้องจัดท่าทางให้พวกผมอยู่นั้น ผมสังเกตเห็นไอ้หน้าหวานคอยมองไอ้เด็กนั่นอยู่ตลอดเวลา นั่นยิ่งทำให้ผมหงุดหงิด “สนใจมันมากหรือไง มองอยู่ได้” ผมถาม รู้สึกได้ว่าน้ำเสียงผมห้วนมาก แต่มันก็ไม่ยอมตอบผม “ว่าไง ชอบมันหรือไง จะได้หลีกทางให้” ผมไม่ยอมหรอกครับ ส่วนไอ้ที่ว่าจะหลีกทางให้นั่นก็โกหกทั้งนั้น ในเมื่อตัดสินใจเดินหน้าแล้วผมไม่ถอยง่ายๆ หรอก “เปล่า แค่เห็นมันมอง ไม่รู้มันคิดอะไรอยู่จะได้รับมือถูก” พอไอ้หน้าหวานตอบ ผมก็หันไปมองไอ้เด็กนั่นบ้าง อืม มันมองพวกผมจริงๆ ด้วย จ้องเขม็งเลย “ไม่ต้องห่วง คนอย่างไอ้ธีร์รับมือได้ทุกสถานการณ์อยู่แล้ว” ผมพูดก่อนลุกขึ้นเอามือซ้ายเท้าโต๊ะส่วนมือขวาวางไว้บนไหล่ขวาไอ้หน้าหวาน คล่อมตัวมันเอาไว้ แล้วพี่ตากล้องก็ถูกใจท่านี้ซะด้วย เข้าทางผมเลย “นิ่งๆ นะครับ น้องธีร์ก้มลงอีกนิดครับ ส่วนน้องแยมเงยหน้าขึ้นนิดนึงครับ ทำเหมือนว่ากำลังคุยกันนะครับ” พี่ตากล้องสั่งไปกดชัตเตอร์ไป ตอนนี้หน้าผมกับหน้าหวานๆ ของมันใกล้กันมาก หน้ามันแดงนิดๆ น่ารักดีครับ น่าจับจูบซะให้เข็ด ไม่ได้ถ่ายแค่ท่านั้นท่าเดียวนะครับ พี่ตากล้องแกยังไม่พอใจเลยขออีกชุด โดยให้ผมก้มหน้าลงไปแทนส่วนไอ้หน้าหวานก็ให้ก้มหน้าอ่านหนังสือไปและต้องยิ้มด้วย ผมเลยแกล้งเอาจมูกไปเฉียดแก้มมันนิดหน่อย กลิ่นหอมอ่อนๆ ลอยติดจมูกจนผมเผลอสูดหายใจเข้าไปเต็มปอด ไอ้หน้าหวานนั่งตัวแข็งเลยครับ และที่เด็ดกว่านั้นผมเห็นไอ้เด็กเฟิร์สจ้องผมตาแทบหลุด สีหน้ามันบ่งบอกว่าโกรธผมมาก แต่ผมกลับสะใจ บอกแล้วว่าถ้าผมตัดสินใจเดินหน้าแล้วก็ต้องลุยให้เต็มที่ ผ่านไปสองวัน ผลงานถ่ายแบบก็ส่งถึงมือผมครับ พี่ตากล้องทำงานเร็วมาก แถมรูปก็ออกมาสวยด้วย ฝีมือมากครับ วันนี้ถือเป็นวันรับน้องสาขาวันแรกของสาขาเครื่องกลและอาจจะสาขาอื่นด้วย พวกผมนัดน้องๆ ปีหนึ่งกับปีสองไว้ตอนเลิกเรียนแถวหน้าตึกสาขา วันนี้ก็ไม่มีอะไรมากแค่จะให้น้องๆ พบปะรุ่นพี่ปีสองปีสาม และรู้จักกับเพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันเอาไว้ ทำให้กิจกรรมวันนี้เลิกเร็วหน่อย เลยได้นัดกินข้าวกับพวกไอ้หน้าหวานกันครับ “ไปกันได้แล้ว ไอ้แยมรออยู่ตึกข้างๆ” ไอ้โจ้ตะโกนเรียกพวกผมที่กำลังเก็บของลงกระเป๋า ก่อนเดินไปยังจุดหมายคือตึกหลังข้างๆ นี่เอง “นั่นมันไอ้เด็กเฟิร์สนี่” ไอ้มินพูดขึ้นเมื่อเห็นว่ามีใครอีกคนนั่งอยู่ข้างไอ้หน้าวานของผม “ไอ้ธีร์” ไม่รู้เสียงใครเรียกผมครับ เพราะตอนนี้ขาผมกำลังก้าวตรงไปยังโต๊ะที่ไอ้หน้าหวานนั่งอยู่ “เพื่อนหรือแฟนครับ” “แฟนสิครับน้อง” ผมไม่รู้ว่าทั้งสองคุยเรื่องอะไรกันก่อนหน้านี้ ได้ยินแค่ประโยคนี้ผมก็ตอบไปเลยครับ “รอนานไหมแยม” ผมหันไปถามไอ้หน้าหวานพร้อมกับโอบเอว มันก็ไม่ได้ขัดขืนผมยิ่งได้ใจโอบแน่นขึ้น “ไม่นานหรอก ไปเถอะหิวแล้ว พี่ไปนะ” ไอ้หน้าหวานตอบผม ก่อนหันไปลาไอ้เด็กเฟิร์ส “ผมไปด้วยสิพี่แยม วันนี้ไม่มีเพื่อนกินข้าว” มันพูดกับไอ้หน้าหวานนะ แต่ตามันจ้องผมเขม็ง ผมเลยจ้องมันกลับ “หึ ได้สิ แต่ไปเองนะรถเต็มแล้ว เจอกันร้านป้าไหมหลังมหาลัยแล้วกัน” ผมตอบตกลงแทน อยากรู้เหมือนกันว่ามันจะมาลูกไม้ไหน มันก็พยักหน้ารับก่อนแยกย้ายกันไป เมื่อไปถึงร้านป้าไหม พวกไอ้ต้น ไอ้ทศและแก๊งสามนางคว้าก็นั่งคอยอยู่แล้ว ดูพวกมันไม่ค่อยแปลกใจเท่าไหร่ที่มีคนแปลกหน้าร่วมวงกินข้าวด้วย มีแต่แก๊งสามนางคว้าเท่านั้นที่คอยซักประวัติไอ้เด็กเฟิร์สซะละเอียดยิบ ระหว่างนั่งรอกับข้าวของพวกผมและของไอ้เด็กเฟิร์สที่เพิ่งสั่งใหม่ ไอ้ต้นก็เปิดประเด็นขึ้นมาทันที “ไงน้อง ได้ข่าวว่าตามจีบแยมหรือ” “ครับ น่าเสียดายนิดหน่อยที่พี่แยมดันมีแฟนซะแล้ว แต่ผมไม่ยอมแพ้หรอกครับ ถ้ามีโอกาสผมคว้าไว้แน่” มันพูดแต่ตามองผมอย่างประกาศความเป็นศัตรูชัดเจน “ไอ้แยมนี่มึงมีแฟ... โอ๊ย” ไอ้ต้นยังพูดไม่ทันจบประโยคก็ต้องร้องเสียงหลง “ไอ้โจ้ มึงเตะ...โอ๊ย” อีกครั้งกับเสียงร้องของไอ้ต้น ความนี้คงจะเจ็บกว่าครั้งแรก ถึงกับซี๊ดปาก “เป็นอะไรไอ้ต้น ร้องทำไม” ไอ้โจ้ถามออกไปก่อนส่งซิกขยิบตาให้ไอ้ต้นเงียบไว้ ไอ้ต้นก็เข้าใจทันทีเลยเงียบไม่พูดต่อ ไอ้ต้นมันคงลืมตัว แต่ไอ้หน้าหวานที่นั่งข้างผมถึงกับถอนหายใจดังพรืด คงกลัวความแตก “กินเลอะ” ผมหันไปพูดกับไอ้หน้าหวาน “หือ” มันทำหน้างงๆ ผมเลยเอาทิชชู่เช็ดปากให้ ที่จริงไม่ได้เลอะอะไรหรอกครับ แค่จะแสดงให้ไอ้เด็กนั่นเห็นว่าผมก็ไม่เปิดโอกาสให้มันเข้ามาแทรกแซงเหมือนกัน แล้วก็ได้ผล มันมองผมตาค้างเลย คงจะโกรธมาก แต่ผมแอบสะใจ “หวานเกรงใจพวกกูบ้าง นั่งหัวโด่กันทั้งโต๊ะเนี่ย หึหึ” ไอ้โจ้แซวก่อนหัวเราะออกมา “กูหวานกับแฟน มึงยุ่งอะไรด้วยวะ” ผมหันไปยักไหล่ใส่ไอ้โจ้ ไอ้หน้าหวานข้างตัวผมก็ไม่ได้ค้านอะไร ได้แต่นั่งหน้าแดง น่ารักดีครับ เวลามันไม่ชวนผมทะเลาะนี่น่ารักชะมัด พอกินกันเสร็จไอ้ทศก็เดินไปจ่ายเงิน หารเท่ากันครับยกเว้นของไอ้เด็กเฟิร์สพวกผมออกให้ ตอนแรกมันก็ปฏิเสธบอกจะจ่ายเอง แต่ปฏิเสธแค่ครั้งเดียวก่อนที่มันจะพูดขึ้น “ครั้งนี้พี่แยมเลี้ยง ครั้งต่อไปผมเลี้ยงเองนะ” ดูมัน ยังไม่เลิกตื๊อไอ้หน้าหวานของผมสักที สงสัยครั้งหน้าต้องจัดการให้เด็ดขาดสักที ออกจากร้านป้าไหม ไอ้หน้าหวานกลับกับไอ้โจ้ ผมเลยหายห่วงแล้วพวกผมก็แยกย้ายกันกลับที่ซุกหัวนอน พักผ่อนเอาแรงไว้ต่อสู้กับวันพรุ่งนี้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม