หลายชั่วโมงต่อมา
อึก.... ปวดหัวเป็นบ้า
ฉันปรือเปลือกตาหนักๆ ขึ้น เหม่อมองไปรอบห้องด้วยสายตาพร่ามัว ในหัวรู้สึกตึงๆ ก่อนจะเหลือบเห็นแผ่นหลังขาวจั๊วะนอนซุกตัวอยู่ใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
หัวใจฉันกระตุกไหว เสี้ยวหน้าหล่อเหลาที่เห็นแค่ด้านข้างแต่ฉันก็จำได้ในทันที
“คลื่น!?”
ลางสังหรณ์บางอย่างทำให้รีบก้มมองสภาพตัวเองก่อนจะกรีดร้องออกมาอย่างสติแตก
“กรี๊ด! คลื่น!! นี่นายทำบ้าอะไรกับฉัน ไอ้สารเลว”
คลื่นลืมตาขึ้น ชักสีหน้าหงุดหงิดทันทีที่โดนก่อกวน แต่ใครว่าฉันสนเรื่องนั้นกันล่ะ โกรธจนตัวสั่นไปหมดแล้ว ฉันรวบผ้าห่มขึ้นปิดหน้าอกที่เปลือยเปล่า โพล่งด่าไอ้สารเลวตรงหน้าไม่ยั้ง
“อะไร?”
คลื่นมองฉันนิ่งเหมือนยังมึนๆ ไม่หาย ไม่สะทกสะท้านต่อความเดือดดาลของฉันสักนิด
“กรี๊ดดดดดดดดด”
ฉันกรีดเสียงร้องอย่างทนไม่ไหว โกรธจนตัวแดงจัด จ้องมองท่าทางไม่รู้ร้อนรู้หนาวของคลื่นอย่างอยากจะกินเลือดกินเนื้อ
ทำไม! ฉันไม่เข้าใจ ทำไมมันถึงเกิดเรื่องแบบนี้ได้ ทำไมจู่ๆ ฉันตื่นขึ้นมาบนเตียงกับเขา
“ฮึก... ฮือๆ”
กรี๊ดเสร็จต่อมน้ำตาก็แตกพราก
“อธิบายมาเดี๋ยวนี้นะ มันเกิดอะไรขึ้น ฮือๆ ทำไมฉันอยู่ในสภาพนี้กับนาย นายทำอะไรฉันคลื่น ตอบมาสิ! ไอ้บ้า เงียบทำไม ฮือๆ”
“โว้ย! เลิกโวยวายสักทีรำคาญ! เธอเป็นคนอ้าขาให้ฉันเองจำไม่ได้เหรอ”
“ฮึก! ไม่จริง”
“จะเอาหลักฐานมั้ยล่ะ แต่ละท่าน่ะเด็ดๆ ทั้งนั้น”
“ไม่... พูดเรื่องอะไร” หน้าฉันชาวาบ มองรอยยิ้มหยันของคนตรงหน้าอย่างหวั่นใจ คลื่นเอื้อมไปหยิบโทรศัพท์มือถือที่หัวเตียง ระหว่างนั้นหัวใจฉันเต้นเป็นจังหวะไม่ดีเลย
“หึ”
เขากระตุกยิ้ม ก่อนเปิดคลิปให้ฉันดู
‘อื้อ อ๊า ดีมากเลย อ๊ะ...อ๊าง!~’
“....!!!”
ฉันรู้สึกวูบโหวงเหมือนร่างกายโดนสูบวิญญาณ มันจะไม่สะเทือนจิตใจขนาดนี้ถ้าคนในคลิปไม่ใช่ฉัน
“เธอนี่มันร่านดีว่ะ ว่ามั้ยเหมย”
“กรี๊ดดด ไม่จริง... ไม่จริ๊ง!!!!!”
ฉันเอามือปิดหู รับไม่ได้อย่างแรง กรีดร้องลั่นแทบจะเสียสติลงตรงนั้น
“เงียบ!”
“อึก....”
เขากระชากมือฉันออก แววตาคมกริบจ้องมองมาอย่างเลือดเย็น มันทำให้ฉันหยุดนิ่งในทันใดแต่ความปั่นป่วนข้างในยังไม่สงบ
“ถ้าไม่อยากให้คลิปนี่หลุดไปล่ะก็ เธอต้องทำตามที่ฉันบอก”
อะไรนะ!
สิ่งที่เกิดขึ้นมันร้ายแรงและรวดเร็วจนตั้งตัวไม่ทัน คำข่มขู่ของคลื่นทำให้ฉันไม่มีเวลามานั่งรำลึกถึงเวอร์จิ้นที่เสียไปด้วยซ้ำ จิตใจมันสับสนไปหมด รับมือกับความเสียใจก็รวดร้าวมากพออยู่แล้วยังต้องมาหวาดผวาเพราะคลิปอัปรีย์นั่นอีก
ฮือๆ ทำไมชีวิตฉันต้องมาเจออะไรแบบนี้
ฉันนั่งกอดเข่าร้องไห้คนเดียวในหอพัก ไอ้เวรนั่นขู่จนฉันยอมเชื่อฟังมันก็ขับรถมาส่งฉันแล้วกลับไป
ถึงฉันจะไม่สนใจเรื่องเวอร์จิ้นแต่มันต้องไม่ใช่แบบนี้สิ! นี่มันโหดร้ายเกินไปแล้ว ฮือๆ ร่างกายฉันร้าวระบมไปหมด ยิ่งคิดก็ยิ่งรู้สึกขยะแขยงตัวเอง
ฉันร้องไห้กับความโง่เง่าของตัวเองจนเผลอหลับไปตั้งแต่เมื่อไหร่ไม่รู้
รู้ตัวอีกทีก็ค่อนคืนเข้าไปแล้ว...
ความหิวทำให้ฉันลุกออกจากที่เป็นครั้งแรก เปิดตู้เย็นหาอะไรใส่ท้อง ไม่งั้นคงอ่อนแรงตายไปจริงๆ
ฉันหยิบแซนวิสกับน้ำเปล่าในตู้ออกมาแล้วเปิดทีวีเพื่อไม่ให้ห้องเงียบเกินไป อย่างน้อยก็พอทุเลาอาการหดหู่ลงได้
พอคว้าโทรศัพท์มาดูก็เห็นว่ามีสายโทรเข้ากับข้อความที่ยังไม่ได้อ่านเป็นพืด คนที่โทรมาเยอะที่สุดคือพี่แทน เลโอ และคะนิ้ง ตามลำดับ
คะนิ้ง หัวใจฉันบีบแน่นเมื่อนึกถึงหน้าของเพื่อนคนนี้ ฉันรู้คะนิ้งไม่ใช่คนไม่ดีและการที่ฉันเป็นแบบนี้ก็ไม่ใช่ความผิดเธอด้วย ทั้งหมดนี่เป็นฝีมือไอ้สารเลวนั่นคนเดียว!
ฉันบี้แซนวิสในมือจนเละ โกรธแค้นจนอยากจะฆ่าคลื่นให้ตายคามือ
ฉันจำอะไรแทบไม่ได้ แต่ร่องรอยความเจ็บปวดบนร่างกายและหลักฐานความร่านสวาทที่อยู่ในโทรศัพท์หมอนั่นมันทำให้ฉันกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ฉันปฏิเสธไม่ได้ว่ามันไม่ใช่เรื่องจริง
ความทรงจำที่ชัดเจนที่สุดคือตอนเข้าไปนั่งในรถ...คลื่นบอกจะไปส่งฉัน หลังจากนั้นภาพในหัวก็ขาดๆ หายๆ ปะติดปะต่ออะไรไม่ได้เลย
>> เลโอ
แสงไฟที่กะพริบบนหน้าจอทำให้ฉันได้สติ ตวัดมองชื่อที่โทรเข้ามา
“ว่าไงเลโอ”
(ผมโทรไปหลายครั้งทำไมคุณหนูไม่รับ หรือว่าเกิดอะไรขึ้น)
“เปล่าหนิ ฉันรำคาญเสียงเตือนก็เลยปิดเอาไว้ มีอะไรเหรอ”
ฉันพูดด้วยน้ำเสียงปกติ ไม่อยากให้เลโอระแคะระคายอะไรทั้งนั้น หมอนี่ยิ่งชอบกังวลเรื่องของฉันจนเกินเหตุอยู่ด้วย แล้วถ้าเลโอรู้ว่าคลื่นทำอะไรกับฉัน เลโอต้องบุกไปเอาเรื่องคลื่นถึงที่แน่...
คุยกับเลโอเสร็จฉันก็กลับมานอนร้องไห้ต่อจนถึงเช้า ร่างกายหนักอึ้งไปหมดเหมือนจะมีไข้ ให้ตายสิ เมื่อวานยังดีๆ อยู่เลย หรือจะเป็นเพราะยาคุมฉุกเฉินที่ไอ้เวรนั่นให้ฉันกิน? ถึงขนาดมียาคุมติดห้องคงจะหลอกผู้หญิงไปฟันเยอะแน่ๆ ไอ้คนน่ารังเกียจ ขยะแขยงที่สุด!
โอ๊ยปวดหัว ลำคอแสบปร่าขนาดกลืนน้ำลายยังเจ็บ ไม่ไหว... ฉันว่าฉันต้องไปโรงพยาบาลแล้วล่ะ