ตอนที่ 2.1

1625 คำ
“นี่ตกลงว่าจะไปส่งมั้ย ถ้าไม่ไป ฉันจะได้กลับเอง”               ฉันตะโกนเรียกคลื่น หมอนั่นเอาแต่มองไปทางอื่นเหมือนกำลังหาใครสักคนอยู่ ก็พอรู้นะว่าใครแต่ตอนนี้ฉันทั้งเหนื่อย ทั้งง่วงและก็เหนียวตัวสุดๆ ไม่มีอารมณ์มาห่วงใครทั้งนั้น               “ถ้านายไม่ไปส่ง ฉันกลับเองก็ได้นะ แต่ขอไปเอาของในรถก่อน”               ถ้าไม่ใช่กระเป๋ากับโทรศัพท์อยู่ในรถหมอนั่นฉันไม่เสียเวลาอยู่ที่นี่หรอก               “เดี๋ยวไปส่ง”               พูดเสร็จเขาก็เดินนำฉันมาที่รถ ท่าทางไม่กล้าปล่อยฉันกลับเองคงกลัวคะนิ้งว่านั่นแหละ ฉันรู้นะว่าเขาคิดจะจีบเพื่อนฉันแต่คะนิ้งเหมือนจะมีเจ้าของแล้วเนี่ยสิ               เฮ้อ ช่างเถอะ ใครจะอะไรยังไงมันก็ไม่เกี่ยวกับฉันหรอก ฉันเดินตามร่างสูงมาที่รถ ตอนแรกจะนั่งเบาะหลังแต่ก็ฉุกนึกได้ว่าเบาะหน้าว่าง เลยเปลี่ยนใจ นั่งเบาะหน้าข้างคนขับเพื่อรักษามารยาท ขวดน้ำที่วางอยู่ช่องวางแก้วสะดุดตาฉันทันที กำลังคอแห้งเลย น่าจะเป็นของคะนิ้ง ฉันเปิดฝาแล้วกระดกรวดเดียวครึ่งขวด เสียดายไม่เย็นไม่งั้นคงชื่นใจกว่านี้               “เหี้ย!”               เสียงอุทานในลำคออย่างตกใจเกินจำเป็นของคลื่นทำฉันหันไปมอง อะไรวะ กินน้ำแค่นี้ต้องด่าเหี้ยด้วย!? เขาเปิดประตูเข้ามานั่งในรถแล้วมองขวดน้ำในมือฉันด้วยสายตาเบิกโพลงเป็นพิเศษ               “ทำไม? แค่ดื่มน้ำหรือดื่มไม่ได้”               “ขวดน้ำนั่น อย่าบอกนะว่าเธอหยิบมาจาก...” เขามองขวดในมือฉันสลับกับช่องใส่แก้วที่คอนโซลหน้า               “ก็ ...ตรงนี้ไง ทำไม?”               “เออๆ ดื่มแล้วก็ช่างเหอะ” ใบหน้าแตกตื่นของคลื่นสงบลงในชั่วเวลาสั้นๆ ไม่รู้ฉันคิดไปเองหรือเปล่าแต่รู้สึกเหมือนเห็นประกายตาเจ้าเล่ห์จากเขาแวบหนึ่ง               พอได้ยินแบบนั้นฉันดื่มต่อจนหมดขวด คลื่นเหลือบมองฉันทีแรกเขาทำท่าเหมือนจะห้ามแต่สุดท้ายก็ไม่ได้อะไร ขับรถต่อไปเงียบๆ นั่นน่ะสิถ้าแค่น้ำดื่มยังหวงก็เค็มเกินไปละ               สักพักใหญ่ๆ ก็รู้สึกร้อนๆ หนาวๆ ฉันยกมือขึ้นกุมศีรษะ เกิดอะไรขึ้น? หรือว่าตากแดดนานไปหน่อยก็เลยรู้สึกไม่ค่อยสบาย               เหงื่อผุดขึ้นตามไรผมอย่างไม่รู้ตัว ร่างกายร้อนรุ่มขึ้นเรื่อยๆ ฉันเอื้อมมือไปเร่งแอร์จนสุด คลื่นมองสิ่งที่ฉันทำเงียบๆ ก่อนเบือนสายตากลับไปจ้องถนนต่อ               “ทำไมมันร้อนแบบนี้ แอร์เสียหรือเปล่า”               “แอร์ไม่เสียหรอก”               น้ำเสียงนุ่มลึกของคลื่นทำฉันขนลุกแปลกๆ มองหน้าเขาด้วยแววตาสับสน ทำไมนะ.... ทำไมถึงรู้สึกว่าคนข้างๆ หล่อเหลาเป็นพิเศษ ทั้งที่สเป็กฉันชอบคนผิวเข้มตาเฉี่ยวแบบไทยๆ ที่ผ่านมาฉันไม่เคยปลื้มผู้ชายสูงขาวหน้าโอปป้าแบบนี้เลยสักนิด               ฉันมองสันคางคมๆ ของคลื่นเลยไปถึงลูกกระเดือกที่คอแล้วกลืนน้ำลายอึก ความร้อนพรั่งพรูออกมาจากด้านใน เหงื่อเริ่มชื้นตามตัว รู้สึกว่าเสื้อผ้าชิ้นน้อยที่สวมอยู่มันเกะกะจนอยากจะสะบัดทิ้ง แต่ฉันยังพอมีสติอยู่ ต่อให้รู้สึกรำคาญขนาดไหนก็ไม่บ้าพอจะทำเรื่องน่าอายแบบนั้น               ฉันกำคอเสื้อตัวเองแน่น ลมหายใจอึดอัดขึ้นทุกขณะ ความร้อนไม่ทุเลามีแต่จะระอุขึ้นเรื่อยๆ               นี่ฉันเป็นอะไรเนี่ย               “ร้อนจังคลื่น ...นี่ทำอะไรสักอย่างสิ ฉันร้อน ไม่ไหวแล้วนายเป็นหมอไม่ใช่เหรอ”               “อยากให้ช่วย?” เขาเอ่ยด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง สายตายังคงมองถนนเบื้องหน้าไม่ไหวติง ใบหน้าหล่อเหลาฉายแววยะเยือก               “อื้อ ไม่ไหวแล้ว”               ฉันพยายามควบคุมลมหายใจเข้าออก ความรู้สึกทุรนทุรายเหมือนตัวจะปริแตกทำให้โน้มตัวข้ามคอนโซลกลางไปคว้าไหล่แกร่งอย่างต้องการความช่วยเหลือ อะไรก็ได้ ช่วยทำให้ฉันหลุดพ้นจากความทรมานนี่สักที               “ใจเย็นก่อน อีกนิดเดียวก็จะถึงคอนโดแล้ว”               “คอนโด?” ฉันชะงัก เหมือนจะนึกอะไรบางอย่างออกแต่ก็ลืมแทบจะทันที หน้าอกและสะโพกรู้สึกบิดเกร็งแปลกๆ ช่วงล่างอ่อนไหวมากเป็นพิเศษจนต้องถูขาไปมาเพื่อผ่อนคลายความรู้สึกหนักอึ้งที่สุมอยู่ด้านใน               “ถึงคอนโดแล้วจะดีเหรอ”               “ดีสิ รับรองเธอได้รู้สึกดีอย่างไม่เคยลองมาก่อนเลยล่ะ”                    ชั่วเวลาไม่กี่สิบนาทีที่ต้องทนนั่งอัดอั้นอยู่ในรถฉันรู้สึกเหมือนตกนรก แต่ความรู้สึกทั้งหมดก็เบาลงเมื่อคลื่นขับรถเข้ามาจอดในอาคารจอดรถของคอนโด ฉันรีบเปิดประตูลงไปข้างล่างทันทีเพราะเข้าใจว่าที่ห้องหมอนั่นต้องมียาแก้อาการแปลกๆ นี่ ทันทีที่เหยียบลงบนพื้น ร่างฉันทรุดฮวบลงไปอย่างไม่ทันตั้งตัว               “ระวัง!”               พริบตาที่ฉันกลั้นหายใจคิดว่าต้องเจ็บตัวแน่ๆ วงแขนแข็งแกร่งของคลื่นก็เอื้อมมารั้งเอวฉันเอาไว้ แรงฉุดทำให้ร่างที่อ่อนปวกเปียกของฉันเซไปกระแทกกับเขาอย่างจัง หน้าอกเบียดเข้ากับลำตัวแกร่ง ความรู้สึกวาบหวิวทำฉันเผลอครางเสียงแปลกๆ ออกมาจากลำคอ               “อ๊า~”               แก้มฉันร้อนจัด รีบก้มหน้าหลบสายตาคมกริบที่มองลงมาของคลื่นเลิ่กลั่ก               “ขะขอโทษ อื้อ...คลื่น!?”               ฉันผวาคว้าต้นคอเขาอย่างตกใจ คลื่นช้อนร่างฉันขึ้นอุ้มโดยไม่พูดไม่จามีเพียงสายตาดุดันที่มองลงมา แบบที่ทำให้ฉันไม่กล้าปริปาก อยู่นิ่งๆ ในวงแขนของเขาเหมือนลูกนกที่กำลังหนาวสั่น ไม่สิ สำหรับฉันต้องเรียกว่าร้อนจนสั่นไปทั้งตัวถึงจะถูก               “คลื่น...” ลมหายใจฉันติดขัด สมองเริ่มเบลอ สายตาพร่ามัวมองเห็นจุดขาวโพลนเต็มไปหมด ยิ่งโดนอากาศข้างนอกก็ยิ่งอบอ้าวเหงื่อผุดขึ้นตามรูขุมขนรู้สึกชื้นแฉะไปทั้งตัว               มันทั้งอึดอัดทั้งไม่สบาย กระสับกระส่ายอย่างบอกไม่ถูก               เขาวางฉันลงในลิฟต์ แต่เพราะขาที่อ่อนแรงทำให้ทรงตัวยังไม่ได้ ฉันทิ้งน้ำหนักตัวลงบนร่างสูง คลื่นเซถอยหลังไปพิงกับผนังลิฟต์ระหว่างเอื้อมมือไปกดปุ่ม               “ขอโทษ...”               ฉันเอ่ยอย่างรู้สึกผิด พยายามดันตัวออกห่าง แต่แรงสัมผัสที่เสียดสีของร่างกายมันชวนเคลิบเคลิ้มเสียจนไม่อยากถอยออกมา ระหว่างที่ฉันกำลังต่อสู้กับอารมณ์ชั่ววูบคลื่นกลับเชยคางฉันขึ้น ดวงตาคมกริบจ้องลึกเข้ามาในตาฉันราวกับจะสะกดทุกสิ่งทุกอย่างให้หยุดนิ่ง ระยะห่างลดลงเรื่อยๆ พร้อมกับแรงลมหายใจที่เป่ารดบนผิวหน้า               ริมฝีปากของเราทั้งคู่ประกบกันราวกับแม่เหล็กคนละขั้วที่ถูกดึงดูด สัมผัสที่แนบสนิทสร้างความปั่นป่วนให้กับร่างกายฉันอย่างยากจะทานไหว หัวใจฉันเต้นแรง แตกตื่นกับจูบที่กะทันหันของคลื่น               คำถามมากมายไหลเข้ามาในหัว แต่จูบที่เร่าร้อนของคนตรงหน้าก็ทำให้ฉันลืมเหตุผลทั้งหมดไป               ฉันซุกตัวเข้าหาร่างแกร่ง แอ่นหน้ารับสัมผัสที่ชวนหวามไหวของคลื่นด้วยความเสน่หา ฉันไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตัวเองแต่มันรู้สึกเหมือนจะขาดใจให้ได้ถ้าต้องเบือนหน้าหนีริมฝีปากหวานฉ่ำของเขา               ติ้ง~               เสียงประตูลิฟต์เปิด ฉันรู้สึกขัดใจเล็กน้อยที่ถูกฝ่ามือหนาผลักไหล่ออกห่าง               “คลื่น...”               ฉันส่งสายตาเรียกร้องไปให้ ไม่สนว่าประตูลิฟต์จะเปิดหรือปิด แต่คนตรงหน้าดันส่งสายตาเซ็กซี่กลับมาทรมานฉันเล่น               “ตรงนี้ไม่ได้นะคนสวย”               “อ๊ะ”               ฉันรู้สึกร้อนที่แก้มไปจนถึงใบหู คำพูดหวานหูของคลื่นทำฉันอ่อนระทวยไปทั้งตัวและหัวใจ               คลื่นดึงฉันออกจากลิฟต์ ความรู้สึกหวามไหวแทรกแซงอยู่ทั่วอณูผิวหนังเพียงแค่ถูกสัมผัสก็แทบเปล่งเสียงครางหวิวชวนอับอายออกมา               คลื่นผลักฉันเข้ามาในห้อง วูบหนึ่งที่เซไปชนกับโซฟา ฉันก็นึกอะไรได้               “ยาล่ะคลื่น ขอยาให้ฉันทีนะ ไม่ไหวแล้ว”               ฉันทรุดลงนั่งกอดตัวเองบนพื้น ลมหายใจหอบกระเส่า ลำคอแห้งผาก ส่งสายตาอ้อนวอนไปให้คนตรงหน้า               “ยาเหรอ อยากได้ก็ลองขอร้องฉันด้วยร่างกายที่สั่นระริกของเธอดูสิ”               ทำไมคลื่นพูดแบบนั้นล่ะ สายตาชั่วร้ายของเขาทำฉันจังงันไปชั่วขณะ คว้าเรียวขายาวมากอดเงยหน้าขึ้นมองด้วยแววตาอ้อนวอน               “ขะขอร้อง คลื่น... ฉันทรมาน ไม่ไหวแล้ว คลื่น...”               “ถ้าบอกว่ามีวิธีแก้ที่ดีกว่านั้นล่ะ”               “เอ๊ะ....”               คลื่นย่อตัวลง บีบคางฉันแล้วดึงเข้าไปมองใกล้ๆ รู้ตัวอีกทีริมฝีปากอ่อนนิ่มก็ทาบทับลงมาอีกครั้ง หัวใจฉันสะท้านไหว ความร้อนรุ่มทำเอาร่างกายปั่นป่วนไปหมด ฉันดันตัวเข้าหาร่างสูงยกมือขึ้นโอบรอบคอคลื่นแน่น เวลาที่ร่างกายสัมผัสกันมันทำให้รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูก ฉันขึ้นไปนั่งคร่อมอยู่บนตักคลื่นตั้งแต่เมื่อไหร่รู้ ได้ยินแต่เสียงดูดลิ้นกันไปมาดังจ๊วบแจ๊บ ทั่วทั้งผิวหน้าร้อนจัด สะโพกถูกบีบเคล้นอย่างมีชั้นเชิง ฉันส่งเสียงครางลอดช่องว่างของริมฝีปากออกมาไม่หยุด               “ไม่ไหวแล้วคลื่น อื้อ~”               ฉันกัดริมฝีปากแน่น แอ่นคอด้วยความสยิวเมื่อคลื่นซุกหน้าลงมาจูบไซ้ซอกคอ เขาทำให้ฉันรู้สึกราวกับจะหลอมละลาย               “ไปที่เตียง”              
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม