เช้าตรู่ วันที่มีหมอกเจือจางบางตา แคนเชลสกี้ ยูรี หรือสมุด ลืมตาตื่นตั้งแต่ตอนนั้น ตลอดทั้งคืนเธอแทบไม่ได้นอน เพราะมัวแต่ตื่นเต้นกับสิ่งที่ยังไม่เกิดขึ้น
" เฮ้อ.. จะรอดถึงตอนเย็นไหมเนี่ยฉัน "
เธอบ่นพึมพำกับตัวเอง หลังลุกขึ้นมาบิดขี้เกียจ หาวหวอดๆ มองไปข้างหน้าอย่างไร้จุดหมาย ด้วยตาที่ปรือหลับไม่เต็มอิ่ม ก่อนจะลุกพรวดขึ้นมายืนเต็มความสูงอีกครั้ง และย้ายร่างบางพร้อมผ้าขนหนูผืนหนาเดินตรงไปยังห้องน้ำ
หนึ่งชั่วโมงต่อมา
ยูรีหยิบหนังสือไม่กี่เล่มบนโต๊ะ ที่คาดว่าน่าจะต้องใช้วันนี้ หลังเตรียมไว้ตั้งแต่เมื่อคืน ใส่กระเป๋าเป้สีดำ ก่อนยกขึ้นมาสะพายข้างเดียว พลางเดินลงไปข้างล่างเมื่อทุกอย่างพร้อมแล้ว
" อรุณสวัสดิ์จ้ะลูกรัก หวังว่าเมื่อคืนลูกจะหลับสบายนะจ๊ะ "
เสียงคุณนายแคนเชลสกี้ วิล่า แม่บุญธรรมของเธอทักทายด้วยน้ำเสียงอารมณ์ดี หลังได้ยินเสียงอุ้งเท้าเล็กกระทบขั้นบันไดขั้นแรกก่อนจะเห็นหน้าผู้เป็นลูกสาว
" อรุณสวัสดิ์ค่ะ.."
ในขณะยูรี ทักทายสั้นๆ พร้อมยิ้มบางๆ ในแบบฉบับของเธอ ไม่สนว่าคนในบ้านจะคาดหวังอยากเห็นฟันสวยของเธอสักครั้ง พลางปลดกระเป๋าออก ปีนขึ้นไปนั่งบนเก้าอี้ที่สูงกว่าเอวคอด เนื่องจากเป็นเก้าอี้บาร์ ที่พ่อของเธอทำไว้ให้เธอตั้งเล็ก เพราะรู้ว่าเมื่อไหร่ที่อุ้มเธอขึ้นไป เธอจะยอมกินข้าวแต่โดยดี ไม่กล้ากระโดดลงมาเพราะกลัวความสูง ก่อนจะถอนหายใจเบา หลังเห็นสภาพผู้เป็นแม่อยู่ในลักษณะอ่อนเพลีย ไม่ได้ดูสุขภาพดีเหมือนน้ำเสียงเท่าไหร่นัก
นั่นเพราะหล่อนป่วย และอยู่ในวัยสูงอายุ ที่ไม่ควรตื่นตั้งแต่หัวรุ่ง มาทำอะไรแบบนี้
" แม่คะ หนูบอกแม่กี่ครั้งแล้วว่าหนูหากินเองได้ "
" ไม่เอาน่ายูรี ลูกเปิดเทอมวันแรก แม่ก็อยากมอบสิ่งดีๆ ให้ลูก ขนมปังมันไม่ได้ช่วยทำให้ฉลาดขึ้นสักเท่าไหร่หรอกนะ จริงไหมคะที่รัก "
แต่เช่นเคย ไม่ทันที่เธอจะพูดจบหรือทิ้งห่างสักเสี้ยววินาที วิล่ามักจะมีเหตุผลของหล่อนเสมอ มิหนำซ้ำทุกครั้งที่พูด ประโยคทิ้งท้ายจะหันไปถามพ่อบุญธรรมของยูรีหวังหาแนวร่วมเป็นประจำ
ที่นามว่า 'แคนเชลสกี้ ไคลน์'
แน่นอนคำตอบที่ได้คือการพยักหน้าเห็นด้วย
" หนูรู้ว่าหนูทำอย่างอื่นไม่เป็นนอกจากการ..ปิ้งขนมปัง แต่มันอร่อยนี่คะ หนูชอบมัน"
ส่วนเธอก็จะยกเหตุผลมาเอาชนะตลอด เพื่อให้ทั้งคู่เชื่อเธอ ทว่าท้ายที่สุด เธอไม่เคยชนะพวกเขา
" ไม่จริงหรอกจ้ะ ไม่มีใครสามารถกินขนมปังวันละสิบแผ่นได้ทุกๆ วัน เป็นเดือนๆ หรอก "
" แต่ว่า.."
" ลูกเกลียดผักแม่รู้ ลูกไม่กลัวขาดสารอาหารแม่เข้าใจ แต่แม่กลัว"
วิล่าสวนแทรก ไม่รอให้บุตรสาวบุญธรรมได้พูดต่อ พร้อมกับเน้นเสียง และหันไปวุ่นวายอยู่กับการตักพาสต้า และสลัดถ้วยใหญ่ที่มีแต่ผักใบเขียวนานาชนิดเต็มไปหมดใส่ชาม ยกมาวางตรงหน้าเธอ
" อี๋~ แม่ หนูไม่เอาอันนั้น "
หญิงสาวเตรียมจะดันออก แต่ถูกผู้เป็นแม่ยื้อไว้เสียก่อน หล่อนแย่งมาถือไว้ ก่อนจะนำมาวางใหม่อีกครั้ง เสียงก้นชามกระทบโต๊ะดังโปะ
" ไม่ได้ลูกรัก ลูกต้องกินมัน "
" มันขม แม่ก็รู้หนูจะอ้วก "
" ยูรี .. วันนี้แม่จะไม่ยอมอ่อนให้ลูกเด็ดขาด เพราะแม่อยากให้ลูกของแม่ดูดีที่สุดในวันเปิดเรียนวันแรก "
ในขณะผู้เป็นพ่อ เอาแต่สนใจข่าวบนหนังสือพิมพ์ในทีแรก ถึงกับหลุดขำให้กับคำเถียงข้างๆ คูๆ เพื่อเอาตัวรอดของยูรี ก่อนจะเลิกคิ้วสูงละสายตาไปสนใจข่าวตรงหน้าต่อ หลังถูกวิล่ามองค้อน
" กินผักตอนนี้ ใช่ว่าจะมีออร่าเลยสักหน่อย "
" ใครบอกว่าแม่จะให้ลูกกินแค่ตอนนี้ แม่จะให้ลูกกินก่อนไปโรงเรียนทุกวันต่างหากล่ะ "
พูดจบหล่อนก็เดินออกไปทันที ปล่อยให้ยูรีนั่งหน้ามุ่ยอยู่คนเดียว
" แม่~"
ก่อนจะถอนหายใจพรืดใหญ่ เตรียมจัดการอาหารตรงหน้าให้หมด ไม่งั้นเธอจะไปโรงเรียนสาย เพราะแม่เธอจะไม่ยอม
" โอเค ก็ได้! "
ส่วนไคลน์ นาทีนี้ทำได้แค่ยกนิ้วให้ลูกสาวเท่านั้น พร้อมกับไหวไหล่ แน่นอนมันทำให้เธอกลอกตา ก่อนจะตักผักในจานขึ้นมาคำโต เคี้ยวงั่มๆ โชว์พ่อ
นี่คือความยุ่งเหยิงของครอบครัวเธอ ที่มักจะตื่นเต้นทุกครั้งตอนเธอเปิดเรียน เนื่องจากดีใจต่อเกียรติที่ได้รับจากทางโรงเรียนเก่าของเธอเป็นรางวัล โดยการส่งชื่อไปอยู่ในโครงการนักเรียนดีเด่น จนได้ทุนเรียนโรงเรียนดีๆ ในเทอมนี้
ผิดกับครอบครัวอื่น ที่ไม่ได้ยุ่งเหยิงเหมือนครอบครัวเธอ พวกเขาแทบไม่รู้สึกตื่นเต้นอะไรเลย ไม่ต้องดิ้นรนเลยด้วยซ้ำ นั่นเพราะพ่อแม่มีอิทธิพลอยู่แล้ว อาทิเช่น ผู้ชายคนนี้ ที่เธอไม่เคยกล้ามองเขาได้เต็มตา
++ โรงเรียน ++
" ทุกคน เรอัสซ์มาแล้ว! "
ใครบางคนตะโกนมาจากที่ใดสักที่ มีแค่เสียงไม่เผยหน้า ทว่าสามารถทำทุกคนในบริเวณนี้พากันสะดุ้งโหยงได้ และแตกตื่นในเวลาเดียวกัน แต่เป็นการแตกตื่นที่แปลกพิลึก เพราะทุกคนไม่ได้วิ่งหนี ต่างกันกลับเดินไปให้ความสนใจเขา
ยูรีที่ยืนอยู่ใกล้ๆ กำลังจะเดินเข้าอาคารจึงได้แต่ชะงัก ทำอะไรไม่ถูก เนื่องจากบริเวณนั้นถูกขวางไปด้วยผู้คน เปิดไว้เพียงจุดเดียวคือปากทางเข้า นั้นหมายความว่าหากเดินไปจะเป็นจุดเด่นทันที กลายเป็นว่าเธอต้องยืนอยู่ตรงนั้น ท่ามกลางกลุ่มคนขนาบข้าง เบียดเสียดเต็มไปหมด
" เขาต้องเท่เหมือนเดิมแน่ๆ เลยแก "
" เขาจะดูดุขึ้นไหมนะ ถ้าดุจะดูหล่อมากเลย"
" แกนี่แปลก เวลาเขาทำหน้าดุ น่ากลัวจะตาย "
" แล้วแกเคยเห็นเขายิ้มด้วยเหรอ ก็เห็นว่าหน้าเขามีแต่หน้านั้นหน้าเดียว เคยมีความรู้สึกซะที่ไหนกันล่ะ "
" เว้นแต่ตอนอยู่กับเพื่อนของเขา "
" แต่ก็ยังชอบ / แต่ก็ยังชอบ"
และเธอจะไม่รู้สึกกระอักกระอ่วนเลย ถ้าไม่ได้ยินเสียงกระดี๊กระด๊าเหล่านี้ จนรู้สึกว่าไม่รู้จะยืนต่อไปทำไม ในเมื่อเธอไม่รู้จักพวกเขา
" เฮ้อ.."
คิดได้อย่างนั้น หญิงสาวจึงทำการกระชับสายกระเป๋าเตรียมเดินทันที
แต่แล้ว..
ในจังหวะที่หลุดออกจากกลุ่มคนไปยังทางเข้าประตูอาคาร เป็นจังหวะเดียวกันกับที่ใครคนนั้นลงจากรถมาพอดี เร่งให้ทุกคนที่รอคอยพากันตื่นเต้นหนักเข้าไปอีก แย่งไปต้อนรับเขา ถึงขนาดมีใครบางคนหนึ่งในนั้นล้ำอาณาเขตเข้ามากระแทกไหล่เธอ จนร่างเธอกระเด็นลอยไป ถลาลงไปฟุบอยู่บนพื้น ตรงกลางทางเดิน
ปึก!
" O.O"
ตุบ!
".............."
แน่นอนรอบตัวเธอเงียบ ราวกับไม่มีใครยืนอยู่ เว้นแต่เสียงรองเท้าที่เดินใกล้เข้ามาอย่างเดียว
ตึก ตึก ตึก