EP01 ‘คุณเค’

1927 คำ
EP01 ‘คุณเค’ Valen’ s Part ผ่านไปเกือบสิบชั่วโมงในที่สุดการอ่านบทก็จบลงสักที ซึ่งกว่าจะอ่านบทจบตัวฉันก็แทบพรุนเพราะสายตาจิกกัดและคำพูดกระแหนะกระแหนจากดาราและทีมงานบางคนที่มีอคติกับฉัน สุดปังไปเลยมั้ยล่ะวาเลนน่ะนอกจากจะมีแอนตี้แฟนชาวเน็ตแล้วเพื่อนร่วมงานแต่ละคนก็รักฉันกันเหลือเกิน (ประชด) มาสายแค่ครั้งเดียวเอาไปนินทากันถึงไหนแล้วก็ไม่รู้อย่างกับตัวเองไม่เคยมาสายกันเลยอย่างนั้นแหละ ก็อย่างว่าแหละนะเพราะเป็นวาเลนจะล้มไม่ได้เลยถ้าล้มมาก็มีคนพร้อมจะเหยียบซ้ำอยู่เสมอ ความจริงเมื่อเช้าฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาสายนะแต่เมื่อเช้าฉันมีเรียนแล้วอาจารย์ดันมาขอสอบย่อยท้ายชั่วโมงอีกถึงจะเกินเวลาไปไม่เยอะฉันคิดว่ายังไงก็มาทันแต่ดันซวยรถเสียกลางทางจนต้องอาศัยพี่วินมอเตอร์ไซต์ให้แว้นมาส่งอย่างด่วนจี๋แต่กว่าจะหารถได้ก็ใช้เวลาตั้งนานทำให้ฉันมาสายเกือบครึ่งชั่วโมงจนได้ มาถึงฉันก็มัวแต่สนใจบทของตัวเองไม่ได้โฟกัสอย่างอื่นเลยกว่าจะรู้ตัวว่างานนี้ได้ร่วมงานกับ ‘คนรู้จัก’ ก็อ่านบทไปเกือบครึ่งเรื่องแล้วและตอนนี้ฉันกำลังยืนดักรอคนรู้จักที่ว่านั้นอยู่ “พี่ขุน...” คนตัวสูงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องประชุมชะงักมองหน้าฉันครู่หนึ่งก่อนที่จะ... “พี่ขุน! วาเรียกไม่ได้ยินหรือไง” เดินผ่านหน้าฉันไปเหมือนฉันเป็นอากาศจนฉันต้องตะโกนเรียกเขาเสียงดัง หยิ่งชะมัดคนอะไร ตัดสินใจเดินไปดักหน้าเข้าไว้จนคนตัวสูงยอมหยุดเดิน พี่ขุนหรือ ‘ขุนเขา’ ผู้กำกับคนเก่งที่ใครๆ ต่างก็ให้ความสนใจน่ะเป็นคนรู้จักของฉัน ไม่สิ ตอนนี้อาจจะมีแค่ฉันที่รู้จักเขาก็ได้ “ที่นี่ไม่มีคนชื่อขุน” ร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ถ้าไม่บอกก็คงคิดว่าเขาเป็นดาราอีกคนบอกเสียงเรียบ แต่จะไม่มีได้ยังไงในเมื่อเขาคือพี่ขุนที่ฉันรู้จักจริงๆ “อ้าวก็...” ‘คุณผู้กำกับเขามีชื่อในวงการว่า double K หรือคุณเค เขาไม่ใช้ชื่อจริงในการทำงานนะยัยวาถึงจะรู้จักกันแต่อย่าเผลอไปเรียกชื่อจริงของเขาต่อหน้าคนอื่นเชียว’ ประโยคที่พี่เคทกระซิบบอกไว้ตอนที่ฉันหลุดเรียกชื่อเขาในห้องอ่านบทย้อนเข้ามาในหัว อ่า เขาใช้นามแฝงในการทำงานสินะแต่แล้วยังไงล่ะเรารู้จักกันไงทำไมฉันจะเรียกว่าพี่ขุนไม่ได้? ตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่แถวนี้สักหน่อย ถึงจะไม่เข้าใจแต่ฉันก็ให้เกียรติเขาโดยการเรียกสเตจเนมของเขาอยู่ดี (สเตจเนมเขาใช้กับไอดอล!) “คุณเค” “มีอะไร” “ชิ! เย็นชาชะมัดไม่เจอกันนานไม่คิดจะทักกันหน่อยเหรอคะ” ฉันตัดพ้อแต่ถามว่าคุณเคอะไรนี่สนใจมั้ย? “จำเป็น?” ก็ไม่... “พี่ขุน!” “กรุณาอย่าเรียกชื่อจริงในที่ทำงาน ผมไม่ชอบ” “คือยังไงอะ แม้แต่วาก็ไม่มีข้อยกเว้นเหรอคะ” “คุณเป็นใครผมถึงต้องยกเว้น?” “ก็เป็น...” ฉันชะงักปากที่กำลังจะตอบเขา นั่นสินะ ฉันเป็นใครในชีวิตเขากันถึงจะรู้จักกันแต่ฉันไม่ได้สำคัญกับชีวิตเขาขนาดนั้นสักหน่อยนี่เนอะ “แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวด้วย ไม่ต้องพยายามทำตัวเหมือนรู้จักกับผมผมไม่อยากให้งานมีปัญหา” “…” “หวังว่าจะเข้าใจนะครับ คุณวาเลน” พูดจบร่างสูงก็เดินหนีไปเลย เหอะ คุณวาเลนงั้นเหรอจะเอาแบบนี้ใช้มั้ยอิตาคุณเค ได้ดิ ก็ไม่ได้อยากจะรู้จักเท่าไหร่หรอกนะ! . . “รู้จักกันเหรอวาเลน” “คะ?” “หนูกับคุณเคน่ะ” พี่เคทถามในขณะที่ขับรถไปส่งฉันที่บ้าน (รถฉันเสียตอนนี้ส่งน้องเข้าศูนย์ซ่อมไปแล้ว T.T) “ก็รู้มั้ง เขาเป็นลูกชายของเพื่อนปะป๊าหนูน่ะแต่ตอนนี้เขาน่าจะไม่อยากรู้จักกับหนูแล้วล่ะ” ฉันตอบพี่เคทไปตามความจริง พอนึกถึงคนเย็นชาก็ทำเอาฉันหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ เหอะ คุณเคงั้นเหรอ เท่ตายแหละ! “รู้จักกันก็ดีแต่เวลาอยู่ในที่ทำงานระวังตัวหน่อยนะ แค่แกหลุดเรียกชื่อคุณเคตอนอ่านบทคนก็เอาไปซุบซิบแล้วว่าแกใช้เส้นจนได้รับบทเรื่องนี้ บางคนก็บอกว่าแกอยากไต่เต้าจนต้องทำตัวรู้จักกับผู้กำกับ บลาๆๆ” “ใช้เส้นอะไรตอนแคสบทคุณเคอะไรนั่นก็ไม่ได้อยู่ด้วยสักหน่อยเหอะ หนูก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าเขาคือผู้กำกับเรื่องที่หนูจะเล่นเนี่ย” “วงการนี้อะวาเลนแกก็น่าจะรู้ ยิ่งเป็นแกยิ่งโดนเพ่งเล็งเข้าไปใหญ่” “เฮ้อ วันนี้หนูแค่ตกใจที่ได้เจอเขาคราวหลังจะระวังให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน” พี่เคทส่งมือมาลูบหัวฉันอย่างปลอบโยน ฉันไม่ได้อยากออกตัวว่ารู้จักกับเขาจริงๆ นะตอนนั้นตกใจที่ได้เจอเขาในรอบหลายปีก็เลยหลุด ตอนที่มาดักรอเขาฉันก็รอตรงที่ไม่มีคนผ่านไปมาด้วยซ้ำ “แล้วความสัมพันธ์กับคุณเคนี่คือยังไง สนิทกันมั้ยทำงานด้วยกันจะอึดอัดหรือเปล่า” เคทถามน้องด้วยความเป็นห่วง เธอรู้จักกับวาเลนมาตั้งแต่ก่อนน้องเข้าวงการแล้วซึ่งนอกจากเพื่อนมหาลัยวาเลนก็แทบจะไม่รู้จักคนอื่นเลยแต่กับผู้กำกับคนนี้น่าจะมีอะไรมากกว่านั้นเพราะวาเลนถึงขั้นไปดักรอคุยด้วยเองเลย “ก็ไม่ยังไงหรอกค่ะ วาจะคิดซะว่าก็เหมือนทำงานกับผู้กำกับคนอื่นๆ” เขาทำเหมือนไม่รู้จักเธอเธอก็จะทำเหมือนไม่รู้จักเขาเหมือนกัน! . . @ บ้านอธิพัฒน์เดชากร ร่างบางเดินเข้าบ้านมาด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นรถยนต์ราคาหลายสิบล้านที่ไม่ใช่รถของคนในครอบครัวเธอเข้ามาจอดอยู่ในบ้าน ดึกขนาดนี้แล้วใครมากันนะ? “น้องวา~ กลับมาแล้วเหรอคะ” เสียง ‘เอวา’ หรือ ‘มี๊อีฟ’ (แม่ของวาเลน) คุณแม่คนสวยที่อายุขึ้นเลขสี่แล้วแต่ยังดูสาวดูสวยเหมือนอายุสามสิบต้นๆ ทักลูกสาวคนเล็กด้วยความตื่นเต้น วาเลนหันมายิ้มให้แม่ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างปะป๊าของเธอ “อาสิงห์!” “ไงตัวแสบ ไม่เจอกันนานเลยนะ” คนตัวเล็กรีบวางของทิ้งแล้ววิ่งเข้าไปกอดคุณอาคนโปรดที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบปีด้วยความดีใจ สิงห์หัวเราะชอบใจที่ไม่ว่าจะโตขึ้นแค่ไหนวาเลนก็ยังคงเป็นเด็กน้อยในสายตาเขาเสมอ วาเลนอาจจะเป็นดาราที่หลายคนไม่ชอบแต่ในชีวิตจริงคนรอบตัวของวาเลนไม่มีใครไม่รักเธอเลยสักคน “ไม่เห็นมีใครบอกน้องวาเลยว่าอาสิงห์จะมา” คนตัวเล็กหันไปทำหน้างอแงใส่ป๊ากับมี๊ที่ไม่ยอมบอกไม่อย่างนั้นเธอคงรีบกลับบ้านมาให้เร็วกว่านี้แล้ว “ฮ่าๆ เซอร์ไพรส์ไงคะ” “แล้วคุณอาไลลาไม่มาด้วยเหรอคะ” คนตัวเล็กถามหาภรรยาคนสวยของอาสิงห์ที่วันนี้ไม่ได้มาด้วยเพราะไปเที่ยวต่างประเทศกับแก๊งเพื่อนๆ แอบเสียดายที่ไม่ได้เจอแต่แค่ได้เจออาสิงห์เธอก็ดีใจแล้ว “อาเอาของโปรดจากไร่มาฝากน้องวาด้วยนะ” “ขอบคุณค่ะ อาสิงห์รู้ใจน้องวาที่สุด!” พอเห็นสตรอว์เบอร์รีของโปรดจากไร่ที่เธอเคยไปใช้ชีวิตอยู่มาหลายเดือนวาเลนก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที เห็นแบบนี้แต่ความจริงวาเลนเองก็เคยมีช่วงเวลาที่ลำบากเหมือนกัน ในตอนที่ยังเด็กเธอใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเคยก่อเรื่องทำให้พี่ชายและแฟนของเขาเสียใจเพราะความเข้าใจผิดจนทำให้ใครหลายคนเสียใจเพราะการกระทำของตัวเอง ทำให้วาเลนถูกป๊าส่งตัวไปทำโทษโดยการช่วยงานอาสิงห์ที่โรงแรมกึ่งรีสอร์ตทางตอนเหนือของประเทศที่ทำไร่สตรอว์เบอร์รีด้วยจึงทำให้วาเลนสนิทกับอาสิงห์มากๆ หลายคนคงมีภาพในหัวเหมือนในละครว่าไปอยู่ที่นู่นวาเลนต้องโดนพวกคนงานแกล้งแน่เลยแต่ความจริงไม่ใช่เลย คุณหนูวาเลนอยู่ที่ไหนก็ยังคงเป็นคุณหนูอยู่วันยังค่ำ ถึงภายนอกจะดูดื้อดูซนมากแต่พอไปอยู่ที่นู่นวาเลนกลับเป็นที่รักของแม่บ้านและคนงานภายในเวลาไม่นาน การลงโทษแทบจะไม่เหมือนการลงโทษเพราะอาสิงห์ตามใจวาเลนยิ่งกว่าลูกแท้ๆ ของตัวเองซะอีก ภรรยาของอาสิงห์ที่อยากมีลูกสาวเองก็เอ็นดูวาเลนมากๆ ‘บทลงโทษของวาเลน’ ที่เจษฎาตั้งใจดัดนิสัยลูกสาวจึงกลายเป็น ‘การไปเที่ยวพักผ่อนของวาเลน’ ไปโดยปริยาย เกือบสามเดือนที่อยู่ที่นู่นมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นส่วนมากก็มีแต่เรื่องที่ดีแต่ก็มีเรื่องที่ทำให้วาเลนเสียใจอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะเรื่องของ... เขาคนนั้น... ถึงบทลงโทษของปะป๊าจะไม่ได้ผลแต่วาเลนคิดว่าเธอได้ลงโทษตัวเองแทนโดยการพาตัวเองไปเสียใจมาแทนแล้วล่ะ “น้องวาหนูลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ” ผ่านไปหลายนาทีอาหลานยังคงคุยจ้อกันไม่หยุดจน ‘เจษฎา’ (พ่อของวาเลน) ต้องกระแอมขัดขึ้นเมื่อลูกสาวคนสวยไม่สนใจอย่างอื่นเลยนอกจากอาสิงห์กับสตรอว์เบอร์รีกล่องใหญ่ “ลืมอะไรคะ ไม่มีนี่นา” เจษฎาชำเลืองสายตาส่งสัญญาณให้ลูกสาวมองผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ในบ้านมาตั้งแต่แรกด้วย วาเลนเห็นตั้งแต่เข้ามาแล้วล่ะแต่เธอแค่ไม่ได้สนใจ “เอ่อ พี่ขุนเขาก็มาด้วยนะคะน้องวา หนูยังไม่ได้ทักพี่เขาเลยน้า” เอวาแอบเดินมากระซิบลูกสาวที่อาจจะเผลอทำตัวไม่มีมารยาทลืมทัก ‘ขุนเขา’ ลูกชายของอาสิงห์ไปเลย “อ้อ เราเจอกันมาก่อนหน้านี้แล้วล่ะค่ะ ใช่มั้ยคะ...คุณเค?” วาเลนหันไปขอความเห็นจากคนตัวสูงที่นั่งทำหน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไร ใช่แล้วล่ะ ‘ขุนเขา’ ลูกชายอาสิงห์กับ ‘คุณเค’ ผู้กำกับจอมหยิ่งที่วาเลนต้องร่วมงานด้วยน่ะคือคนเดียวกัน ขุนเขาถึงกับกระตุกยิ้มออกมาให้กับความขี้ประชดประชันของยัยตัวแสบ ไม่เจอกันมาหลายปีนิสัยยังเหมือนเดิมเลยนะ “ครับ ผมกับน้องเจอกันตอนอ่านบทแล้ว” วาเลนแอบย่นจมูกใส่เขาไปที อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่เรียกเธอน้องอย่างนั้นน้องอย่างนี้แต่ก่อนหน้านี้ยังทำเป็นไม่รู้จักกันอยู่เลย!
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม