EP01 ‘คุณเค’
Valen’ s Part
ผ่านไปเกือบสิบชั่วโมงในที่สุดการอ่านบทก็จบลงสักที ซึ่งกว่าจะอ่านบทจบตัวฉันก็แทบพรุนเพราะสายตาจิกกัดและคำพูดกระแหนะกระแหนจากดาราและทีมงานบางคนที่มีอคติกับฉัน สุดปังไปเลยมั้ยล่ะวาเลนน่ะนอกจากจะมีแอนตี้แฟนชาวเน็ตแล้วเพื่อนร่วมงานแต่ละคนก็รักฉันกันเหลือเกิน (ประชด)
มาสายแค่ครั้งเดียวเอาไปนินทากันถึงไหนแล้วก็ไม่รู้อย่างกับตัวเองไม่เคยมาสายกันเลยอย่างนั้นแหละ ก็อย่างว่าแหละนะเพราะเป็นวาเลนจะล้มไม่ได้เลยถ้าล้มมาก็มีคนพร้อมจะเหยียบซ้ำอยู่เสมอ
ความจริงเมื่อเช้าฉันไม่ได้ตั้งใจจะมาสายนะแต่เมื่อเช้าฉันมีเรียนแล้วอาจารย์ดันมาขอสอบย่อยท้ายชั่วโมงอีกถึงจะเกินเวลาไปไม่เยอะฉันคิดว่ายังไงก็มาทันแต่ดันซวยรถเสียกลางทางจนต้องอาศัยพี่วินมอเตอร์ไซต์ให้แว้นมาส่งอย่างด่วนจี๋แต่กว่าจะหารถได้ก็ใช้เวลาตั้งนานทำให้ฉันมาสายเกือบครึ่งชั่วโมงจนได้
มาถึงฉันก็มัวแต่สนใจบทของตัวเองไม่ได้โฟกัสอย่างอื่นเลยกว่าจะรู้ตัวว่างานนี้ได้ร่วมงานกับ ‘คนรู้จัก’ ก็อ่านบทไปเกือบครึ่งเรื่องแล้วและตอนนี้ฉันกำลังยืนดักรอคนรู้จักที่ว่านั้นอยู่
“พี่ขุน...” คนตัวสูงที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องประชุมชะงักมองหน้าฉันครู่หนึ่งก่อนที่จะ...
“พี่ขุน! วาเรียกไม่ได้ยินหรือไง” เดินผ่านหน้าฉันไปเหมือนฉันเป็นอากาศจนฉันต้องตะโกนเรียกเขาเสียงดัง หยิ่งชะมัดคนอะไร
ตัดสินใจเดินไปดักหน้าเข้าไว้จนคนตัวสูงยอมหยุดเดิน พี่ขุนหรือ ‘ขุนเขา’ ผู้กำกับคนเก่งที่ใครๆ ต่างก็ให้ความสนใจน่ะเป็นคนรู้จักของฉัน ไม่สิ ตอนนี้อาจจะมีแค่ฉันที่รู้จักเขาก็ได้
“ที่นี่ไม่มีคนชื่อขุน”
ร่างสูงเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาที่ถ้าไม่บอกก็คงคิดว่าเขาเป็นดาราอีกคนบอกเสียงเรียบ แต่จะไม่มีได้ยังไงในเมื่อเขาคือพี่ขุนที่ฉันรู้จักจริงๆ
“อ้าวก็...”
‘คุณผู้กำกับเขามีชื่อในวงการว่า double K หรือคุณเค เขาไม่ใช้ชื่อจริงในการทำงานนะยัยวาถึงจะรู้จักกันแต่อย่าเผลอไปเรียกชื่อจริงของเขาต่อหน้าคนอื่นเชียว’
ประโยคที่พี่เคทกระซิบบอกไว้ตอนที่ฉันหลุดเรียกชื่อเขาในห้องอ่านบทย้อนเข้ามาในหัว
อ่า เขาใช้นามแฝงในการทำงานสินะแต่แล้วยังไงล่ะเรารู้จักกันไงทำไมฉันจะเรียกว่าพี่ขุนไม่ได้? ตอนนี้ก็ไม่มีใครอยู่แถวนี้สักหน่อย
ถึงจะไม่เข้าใจแต่ฉันก็ให้เกียรติเขาโดยการเรียกสเตจเนมของเขาอยู่ดี (สเตจเนมเขาใช้กับไอดอล!)
“คุณเค”
“มีอะไร”
“ชิ! เย็นชาชะมัดไม่เจอกันนานไม่คิดจะทักกันหน่อยเหรอคะ” ฉันตัดพ้อแต่ถามว่าคุณเคอะไรนี่สนใจมั้ย?
“จำเป็น?”
ก็ไม่...
“พี่ขุน!”
“กรุณาอย่าเรียกชื่อจริงในที่ทำงาน ผมไม่ชอบ”
“คือยังไงอะ แม้แต่วาก็ไม่มีข้อยกเว้นเหรอคะ”
“คุณเป็นใครผมถึงต้องยกเว้น?”
“ก็เป็น...” ฉันชะงักปากที่กำลังจะตอบเขา
นั่นสินะ ฉันเป็นใครในชีวิตเขากันถึงจะรู้จักกันแต่ฉันไม่ได้สำคัญกับชีวิตเขาขนาดนั้นสักหน่อยนี่เนอะ
“แยกแยะเรื่องงานกับเรื่องส่วนตัวด้วย ไม่ต้องพยายามทำตัวเหมือนรู้จักกับผมผมไม่อยากให้งานมีปัญหา”
“…”
“หวังว่าจะเข้าใจนะครับ คุณวาเลน”
พูดจบร่างสูงก็เดินหนีไปเลย เหอะ คุณวาเลนงั้นเหรอจะเอาแบบนี้ใช้มั้ยอิตาคุณเค
ได้ดิ
ก็ไม่ได้อยากจะรู้จักเท่าไหร่หรอกนะ!
.
.
“รู้จักกันเหรอวาเลน”
“คะ?”
“หนูกับคุณเคน่ะ”
พี่เคทถามในขณะที่ขับรถไปส่งฉันที่บ้าน (รถฉันเสียตอนนี้ส่งน้องเข้าศูนย์ซ่อมไปแล้ว T.T)
“ก็รู้มั้ง เขาเป็นลูกชายของเพื่อนปะป๊าหนูน่ะแต่ตอนนี้เขาน่าจะไม่อยากรู้จักกับหนูแล้วล่ะ” ฉันตอบพี่เคทไปตามความจริง พอนึกถึงคนเย็นชาก็ทำเอาฉันหงุดหงิดขึ้นมาอีกรอบ
เหอะ คุณเคงั้นเหรอ เท่ตายแหละ!
“รู้จักกันก็ดีแต่เวลาอยู่ในที่ทำงานระวังตัวหน่อยนะ แค่แกหลุดเรียกชื่อคุณเคตอนอ่านบทคนก็เอาไปซุบซิบแล้วว่าแกใช้เส้นจนได้รับบทเรื่องนี้ บางคนก็บอกว่าแกอยากไต่เต้าจนต้องทำตัวรู้จักกับผู้กำกับ บลาๆๆ”
“ใช้เส้นอะไรตอนแคสบทคุณเคอะไรนั่นก็ไม่ได้อยู่ด้วยสักหน่อยเหอะ หนูก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าเขาคือผู้กำกับเรื่องที่หนูจะเล่นเนี่ย”
“วงการนี้อะวาเลนแกก็น่าจะรู้ ยิ่งเป็นแกยิ่งโดนเพ่งเล็งเข้าไปใหญ่”
“เฮ้อ วันนี้หนูแค่ตกใจที่ได้เจอเขาคราวหลังจะระวังให้มากกว่านี้ก็แล้วกัน”
พี่เคทส่งมือมาลูบหัวฉันอย่างปลอบโยน ฉันไม่ได้อยากออกตัวว่ารู้จักกับเขาจริงๆ นะตอนนั้นตกใจที่ได้เจอเขาในรอบหลายปีก็เลยหลุด ตอนที่มาดักรอเขาฉันก็รอตรงที่ไม่มีคนผ่านไปมาด้วยซ้ำ
“แล้วความสัมพันธ์กับคุณเคนี่คือยังไง สนิทกันมั้ยทำงานด้วยกันจะอึดอัดหรือเปล่า” เคทถามน้องด้วยความเป็นห่วง เธอรู้จักกับวาเลนมาตั้งแต่ก่อนน้องเข้าวงการแล้วซึ่งนอกจากเพื่อนมหาลัยวาเลนก็แทบจะไม่รู้จักคนอื่นเลยแต่กับผู้กำกับคนนี้น่าจะมีอะไรมากกว่านั้นเพราะวาเลนถึงขั้นไปดักรอคุยด้วยเองเลย
“ก็ไม่ยังไงหรอกค่ะ วาจะคิดซะว่าก็เหมือนทำงานกับผู้กำกับคนอื่นๆ”
เขาทำเหมือนไม่รู้จักเธอเธอก็จะทำเหมือนไม่รู้จักเขาเหมือนกัน!
.
.
@ บ้านอธิพัฒน์เดชากร
ร่างบางเดินเข้าบ้านมาด้วยความแปลกใจเมื่อเห็นรถยนต์ราคาหลายสิบล้านที่ไม่ใช่รถของคนในครอบครัวเธอเข้ามาจอดอยู่ในบ้าน
ดึกขนาดนี้แล้วใครมากันนะ?
“น้องวา~ กลับมาแล้วเหรอคะ”
เสียง ‘เอวา’ หรือ ‘มี๊อีฟ’ (แม่ของวาเลน) คุณแม่คนสวยที่อายุขึ้นเลขสี่แล้วแต่ยังดูสาวดูสวยเหมือนอายุสามสิบต้นๆ ทักลูกสาวคนเล็กด้วยความตื่นเต้น
วาเลนหันมายิ้มให้แม่ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดกับผู้ชายที่นั่งอยู่ข้างปะป๊าของเธอ
“อาสิงห์!”
“ไงตัวแสบ ไม่เจอกันนานเลยนะ”
คนตัวเล็กรีบวางของทิ้งแล้ววิ่งเข้าไปกอดคุณอาคนโปรดที่ไม่ได้เจอหน้ากันมาเกือบปีด้วยความดีใจ สิงห์หัวเราะชอบใจที่ไม่ว่าจะโตขึ้นแค่ไหนวาเลนก็ยังคงเป็นเด็กน้อยในสายตาเขาเสมอ
วาเลนอาจจะเป็นดาราที่หลายคนไม่ชอบแต่ในชีวิตจริงคนรอบตัวของวาเลนไม่มีใครไม่รักเธอเลยสักคน
“ไม่เห็นมีใครบอกน้องวาเลยว่าอาสิงห์จะมา”
คนตัวเล็กหันไปทำหน้างอแงใส่ป๊ากับมี๊ที่ไม่ยอมบอกไม่อย่างนั้นเธอคงรีบกลับบ้านมาให้เร็วกว่านี้แล้ว
“ฮ่าๆ เซอร์ไพรส์ไงคะ”
“แล้วคุณอาไลลาไม่มาด้วยเหรอคะ” คนตัวเล็กถามหาภรรยาคนสวยของอาสิงห์ที่วันนี้ไม่ได้มาด้วยเพราะไปเที่ยวต่างประเทศกับแก๊งเพื่อนๆ แอบเสียดายที่ไม่ได้เจอแต่แค่ได้เจออาสิงห์เธอก็ดีใจแล้ว
“อาเอาของโปรดจากไร่มาฝากน้องวาด้วยนะ”
“ขอบคุณค่ะ อาสิงห์รู้ใจน้องวาที่สุด!”
พอเห็นสตรอว์เบอร์รีของโปรดจากไร่ที่เธอเคยไปใช้ชีวิตอยู่มาหลายเดือนวาเลนก็อารมณ์ดีขึ้นมาทันที
เห็นแบบนี้แต่ความจริงวาเลนเองก็เคยมีช่วงเวลาที่ลำบากเหมือนกัน ในตอนที่ยังเด็กเธอใช้อารมณ์อยู่เหนือเหตุผลเคยก่อเรื่องทำให้พี่ชายและแฟนของเขาเสียใจเพราะความเข้าใจผิดจนทำให้ใครหลายคนเสียใจเพราะการกระทำของตัวเอง ทำให้วาเลนถูกป๊าส่งตัวไปทำโทษโดยการช่วยงานอาสิงห์ที่โรงแรมกึ่งรีสอร์ตทางตอนเหนือของประเทศที่ทำไร่สตรอว์เบอร์รีด้วยจึงทำให้วาเลนสนิทกับอาสิงห์มากๆ
หลายคนคงมีภาพในหัวเหมือนในละครว่าไปอยู่ที่นู่นวาเลนต้องโดนพวกคนงานแกล้งแน่เลยแต่ความจริงไม่ใช่เลย
คุณหนูวาเลนอยู่ที่ไหนก็ยังคงเป็นคุณหนูอยู่วันยังค่ำ ถึงภายนอกจะดูดื้อดูซนมากแต่พอไปอยู่ที่นู่นวาเลนกลับเป็นที่รักของแม่บ้านและคนงานภายในเวลาไม่นาน การลงโทษแทบจะไม่เหมือนการลงโทษเพราะอาสิงห์ตามใจวาเลนยิ่งกว่าลูกแท้ๆ ของตัวเองซะอีก ภรรยาของอาสิงห์ที่อยากมีลูกสาวเองก็เอ็นดูวาเลนมากๆ
‘บทลงโทษของวาเลน’ ที่เจษฎาตั้งใจดัดนิสัยลูกสาวจึงกลายเป็น ‘การไปเที่ยวพักผ่อนของวาเลน’ ไปโดยปริยาย
เกือบสามเดือนที่อยู่ที่นู่นมีเรื่องราวมากมายเกิดขึ้นส่วนมากก็มีแต่เรื่องที่ดีแต่ก็มีเรื่องที่ทำให้วาเลนเสียใจอยู่เหมือนกันโดยเฉพาะเรื่องของ...
เขาคนนั้น...
ถึงบทลงโทษของปะป๊าจะไม่ได้ผลแต่วาเลนคิดว่าเธอได้ลงโทษตัวเองแทนโดยการพาตัวเองไปเสียใจมาแทนแล้วล่ะ
“น้องวาหนูลืมอะไรไปหรือเปล่าคะ”
ผ่านไปหลายนาทีอาหลานยังคงคุยจ้อกันไม่หยุดจน ‘เจษฎา’ (พ่อของวาเลน) ต้องกระแอมขัดขึ้นเมื่อลูกสาวคนสวยไม่สนใจอย่างอื่นเลยนอกจากอาสิงห์กับสตรอว์เบอร์รีกล่องใหญ่
“ลืมอะไรคะ ไม่มีนี่นา”
เจษฎาชำเลืองสายตาส่งสัญญาณให้ลูกสาวมองผู้ชายอีกคนที่นั่งอยู่ในบ้านมาตั้งแต่แรกด้วย วาเลนเห็นตั้งแต่เข้ามาแล้วล่ะแต่เธอแค่ไม่ได้สนใจ
“เอ่อ พี่ขุนเขาก็มาด้วยนะคะน้องวา หนูยังไม่ได้ทักพี่เขาเลยน้า”
เอวาแอบเดินมากระซิบลูกสาวที่อาจจะเผลอทำตัวไม่มีมารยาทลืมทัก ‘ขุนเขา’ ลูกชายของอาสิงห์ไปเลย
“อ้อ เราเจอกันมาก่อนหน้านี้แล้วล่ะค่ะ ใช่มั้ยคะ...คุณเค?”
วาเลนหันไปขอความเห็นจากคนตัวสูงที่นั่งทำหน้านิ่งไม่แสดงความรู้สึกอะไร
ใช่แล้วล่ะ ‘ขุนเขา’ ลูกชายอาสิงห์กับ ‘คุณเค’ ผู้กำกับจอมหยิ่งที่วาเลนต้องร่วมงานด้วยน่ะคือคนเดียวกัน
ขุนเขาถึงกับกระตุกยิ้มออกมาให้กับความขี้ประชดประชันของยัยตัวแสบ
ไม่เจอกันมาหลายปีนิสัยยังเหมือนเดิมเลยนะ
“ครับ ผมกับน้องเจอกันตอนอ่านบทแล้ว”
วาเลนแอบย่นจมูกใส่เขาไปที
อยู่ต่อหน้าผู้ใหญ่เรียกเธอน้องอย่างนั้นน้องอย่างนี้แต่ก่อนหน้านี้ยังทำเป็นไม่รู้จักกันอยู่เลย!