๖ สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ

2249 คำ
๖ สายน้ำไม่ไหลย้อนกลับ อิชย์พารถยนต์เคลื่อนไปในซอยอย่างช้าๆ ดวงตาคมกริบกวาดมองไปยังตัวบ้านแต่ละหลัง สลับกับการคอยดูสัญญาณจีพีเอสไปด้วย เขาเสียเวลากับการแกะรอยทั้งวัน จนได้ความคืบหน้าจากผู้ที่พบเห็นจันทร์กระจ่างครั้งสุดท้ายที่ขนส่งจังหวัด ชายหนุ่มติดตามจนพบบ้านเจ้าของรถรับจ้างที่พาหญิงสาวไปส่งยังที่หมาย บ้านปูนชั้นเดียวกลางเก่ากลางใหม่ ด้านหน้ามีรถรับจ้างจอดอยู่ อิชย์รู้สึกโล่งใจที่หาจนเจอ เมื่อชายหนุ่มลงไปเจ้าของบ้านก็เดินออกมา... เวลาเดียวกัน จันทร์กระจ่างนั่งรอปัทมาเพื่อจะออกไปดูบ้านเช่า โดยมีทินกรเป็นคนพาไป “พร้อมหรือยังจันทร์ พี่เต้มาถึงแล้ว” “พร้อมแล้ว” เมื่อได้รับคำตอบ ทั้งหมดจึงเดินทางออกจากบ้าน ขับรถออกมาประมาณสามสิบนาทีจึงถึงที่หมาย จันทร์กระจ่างรู้สึกประทับใจตั้งแต่ปากซอยเลยก็ว่าได้ เพราะถนนหนทางสะอาดสะอ้าน สะดวกสบาย ต้นไม้ข้างทางไม่ยื่นออกมาระเกะระกะเหมือนที่อื่น บ้านช่องเป็นระเบียบ ดูเงียบสงบเหมือนอย่างที่ต้องการ เขาว่ากันว่า หากจะเลือกเช่าบ้านหรือซื้อบ้านสักหลัง ให้ดูที่เพื่อนบ้านเป็นหลัก ถ้าเพื่อนบ้านดี สิ่งแวดล้อมดี เรียกว่าเหมือนถูกหวยรางวัลที่หนึ่ง หากเพื่อนบ้านแย่ สิ่งแวดล้อมย่อมแย่ พานเสียสุขภาพจิตตามไปด้วย “ถึงแล้ว หลังนี้ไง” ทินกรลงไปเปิดรั้ว จากนั้นจึงขับรถเข้าไปภายในบ้านหลังน้อยที่ไม่น้อยอย่างที่คิด ทั้งหมดลงจากรถแล้วกวาดตามองด้วยความพอใจ “สวยจังเลยนะจันทร์” ปัทมาเกริ่น “จะเดินดูรอบๆ ก่อนหรือจะขึ้นไปดูบนบ้านก่อนดีล่ะ” ทินกรเอ่ยถาม “ขอเดินดูรอบบ้านก่อนนะคะ” จันทร์กระจ่างตอบยิ้มๆ จากนั้นทั้งสามคนก็พากันเดินดูพื้นที่รอบๆ บริเวณบ้าน ตัวบ้านยังดูเหมือนใหม่ และค่อนข้างใหญ่กว่าที่คิด พื้นที่รอบตัวบ้านมีเยอะกว่าที่เห็นในภาพด้วยซ้ำไป เหลือให้ทำอะไรอีกมากมายเลยทีเดียว ด้านหลังบ้าน เคยมีร่องรอยการปลูกผักสวนครัวที่เจ้าของบ้านทำทิ้งเอาไว้ พื้นที่ด้านข้างห่างจากเพื่อนบ้านพอสมควร และมีต้นไม้ใหญ่ที่ดูท่าจะอายุไม่น้อยอยู่หลายต้น บังสายตาจากเพื่อนบ้านได้เป็นบางส่วน เรียกว่ามีความเป็นส่วนตัวมาก โดยเฉพาะด้านหน้า เมื่อมองออกไปยังสนามโล่งๆ หล่อนเห็นภาพสวนหย่อม ดอกไม้สวยๆ และหญ้านุ่มๆ ทับซ้อนขึ้นมา ถ้าได้แบบนั้นคงดี ลูกของหล่อนคงจะมีที่ให้วิ่งเล่นสนุกสนาน ท่าทางของจันทร์กระจ่างดูจะพอใจมาก ทินกรสบตาคนรักยิ้มๆ จากนั้นจึงพาขึ้นไปดูด้านบน สภาพภายในยังใหม่ไม่ต่างจากด้านนอกเลย อากาศถ่ายเทสะดวก เป็นอีกจุดหนึ่งที่จันทร์กระจ่างพอใจ เมื่อดูจนครบทุกห้อง ทั้งหมดก็ออกมานั่งที่โต๊ะหินหน้าบ้าน “ตัวบ้านใหญ่กว่าที่จันทร์คิดเอาไว้เยอะเลยค่ะ พื้นที่รอบบ้านก็กว้างมาก จันทร์ชอบทั้งบ้านและบรรยากาศ ว่าแต่เพื่อนบ้านเป็นยังไงบ้างคะ” “เจ้าของบ้านบอกว่า คนแถวนี้อัธยาศัยดีมากทีเดียว มีอะไรก็มักช่วยเหลือกันอยู่เสมอ ไม่มีเรื่องโจรขโมย หรือถ้ามีเหตุอะไรเกิดขึ้นแค่ตะโกนดังๆ พวกเขาก็จะรีบออกมาช่วยเราแล้ว นี่ก็ได้บ้านข้างเรือนเคียงคอยดูแลสอดส่องให้นะ” จันทร์กระจ่างค่อนข้างพอใจที่นี่มาก แต่เมื่อคิดถึงเงินในบัญชีก็ต้องคิดหนัก แม้จะมีเงินอยู่ก้อนหนึ่ง แต่หล่อนต้องเตรียมมันเอาไว้ให้ลูกน้อยเป็นหลัก หญิงสาวมองเพื่อนและสบตาทินกรอย่างครุ่นคิดก่อนเอ่ยออกมาว่า “พอจะลดราคาให้ได้ไหมคะ คือ...” หญิงสาวอึกอักเล็กน้อย พร้อมกับหลุบมองที่หน้าท้องตัวเอง ทินกรยังไม่รู้เรื่องนี้ สำหรับเงินที่ต้องจ่ายไปทุกเดือนเดือนละหนึ่งหมื่นสองพันบาท หล่อนจะหาตรงนี้มาจากที่ไหนได้บ้าง เพราะถ้าใช้เงินเก็บไปตลอด สักวันก็ต้องหมด ดังนั้นจึงต้องคิดให้รอบคอบ “คุยกันได้ ถ้าจันทร์สนใจจริงๆ พี่จะขอให้เป็นพิเศษ เพราะยังไงพวกเขาก็ไม่ได้มาอยู่อยู่แล้ว ขอแค่อยู่แล้วช่วยดูแลบ้านให้ดูดีสะอาดสะอ้านเป็นพอ อันนี้ไม่ใช่คำพูดของพี่ แต่เจ้าของเขาฝากมาบอก ที่ตั้งราคานี้เอาไว้ ไม่ใช่แค่บ้านยังใหม่และพื้นที่รอบๆ กว้างขวาง แต่จันทร์จะได้เพื่อนบ้านดีอีกด้วย ที่สำคัญ ต้องการคนที่จะไม่ทำให้เขาต้องปวดหัวในอนาคตน่ะ ที่ต้องเน้นเป็นพิเศษเพราะเมื่อก่อนเคยให้คนเช่า ค้างค่าเช่าไม่พอยังทำบ้านเละอีกด้วย ญาติพี่ก็เลยทำใจไม่ได้ ตั้งแต่นั้นเลยเลือกมากมาตลอด แต่พี่เชื่อว่าจันทร์จะดูแลบ้านหลังนี้ได้ดี เพราะงั้นพี่จะพูดขอลดราคาให้ ถ้าจันทร์สนใจจริงๆ” คำบอกเล่าของทินกรทำให้คนฟังเข้าใจดี เหตุผลที่ได้รับฟังไม่เกินจริง หนึ่ง...เจ้าของบ้านไม่อยากมีปัญหาให้ตามแก้ อย่างที่ได้เห็นกันบ่อยๆ ในข่าว สอง...เจ้าของบ้านไม่ได้เดือดร้อนเรื่องเงิน เขาจึงคัดคนให้เช่าเป็นพิเศษ “จันทร์ไหวที่ราคาเท่าไรบอกพี่ได้เลยนะ พี่จะไปพูดให้ หรือจะสนใจซื้อขาด พี่ก็คุยให้ได้เหมือนกัน” หญิงสาวได้ฟังดังนั้นรู้สึกใจชื้น พลางสบตาเพื่อนรักที่ยืนยิ้มอยู่ข้างๆ “คิดก่อนจันทร์ ยังไม่ต้องรีบตัดสินใจ แต่ถ้าแกอยากได้ที่ราคาต่ำกว่านี้ เราลองดูบ้านหลังอื่นๆ ก่อนก็ได้” ทินกรยิ้มกว้างพยักหน้าอย่างเห็นด้วย เขาไม่คิดยัดเยียดบ้านหลังนี้ให้เพื่อนรักของปัทมา ถึงแม้สิ่งแวดล้อมจะดีมาก แต่ทุกอย่างขึ้นอยู่กับความพร้อมของจันทร์กระจ่างด้วย ทว่าหญิงสาวเองก็คิดเหมือนกันกับคู่รัก หล่อนชอบทุกอย่างที่นี่ โดยเฉพาะสิ่งแวดล้อม... ในขณะที่จันทร์กระจ่างกำลังตัดสินใจอยู่นั่นเอง อิชย์ขับรถตรงไปยังบ้านของปัทมา เขาขับรถค่อนข้างเร็วด้วยมีจุดหมายปลายทางที่ชัดเจน และมีคำถามมากมายที่รอให้หล่อนตอบ รวมทั้งตั้งใจจะพาหล่อนกลับไปกับเขาด้วยให้ได้... รถยนต์ไม่คุ้นตากับเจ้าของร่างสูงใหญ่ผิวเข้มหน้าตาดี ทำให้นายสถาพรที่นั่งใช้พัดโบกไปมาอยู่ที่กระท่อมหน้าบ้านเขม้นตามองอย่างแปลกใจ “เสียงรถใครมาเหรอพ่อ” คนเป็นภรรยาที่อยู่ในบ้านร้องถาม คนเป็นสามีจึงร้องตอบออกไป “ไม่รู้เหมือนกัน เดี๋ยวไปดูก่อน” นางอำภาก้าวออกมาหยุดมองที่ประตูบ้าน เห็นสามียืนคุยอยู่กับคนแปลกหน้า สักพักชายคนนั้นเดินตามสามีเข้ามาภายในบ้าน “สวัสดีครับ” อิชย์ยกมือไหว้นางอำภา จากนั้นเริ่มแนะนำตัวเอง ทำให้คนฟังนิ่งอึ้งเมื่อรู้ว่าอีกฝ่ายเป็นอะไรกับเพื่อนของลูกสาว ก่อนจะสบตาสามีแวบหนึ่งแล้วหันมายิ้มให้ชายร่างสูงตรงหน้า “ผมมารับจันทร์กลับบ้านครับ” “นั่งก่อนสิคุณ” นางอำภาเชื้อเชิญชายหนุ่ม ทั้งหมดจึงเข้าไปนั่งภายในกระท่อม “จันทร์แวะมาหาลูกสาวของฉันจริงคุณ แต่ไม่ได้อยู่ที่นี่” คำตอบของนางอำภาทำให้อิชย์นิ่งงัน เขามองตาคนตรงหน้าราวจะค้นคว้า ว่าที่พูดออกมานั้นคือความจริง “จันทร์ไปไหนครับ” สองสามีภรรยาสบตากันนิ่งอยู่อึดใจ แล้วพากันหันไปมองหนุ่มหล่อที่อ้างตัวเป็นสามีของจันทร์กระจ่างอีกครั้ง “หนูจันทร์ได้ที่อยู่ใหม่” “ผมขอที่อยู่ใหม่ของจันทร์ได้ไหมครับ” “ฉันเองก็ไม่รู้รายละเอียดมากหรอกนะว่าไปอยู่ที่ไหน ต้องโทร.ไปถามลูกสาว คุณรอประเดี๋ยวก็แล้วกันนะ” “ขอบคุณครับ” อิชย์ยิ้มให้อย่างยินดีเมื่อมีความหวังอีกครั้ง ฝ่ายเจ้าของบ้านจึงหมุนตัวเดินกลับเข้าข้างใน เมื่อได้อยู่ตามลำพัง นางอำภาจึงรีบโทรศัพท์ไปยังลูกสาว รออยู่อึดใจ คนปลายสายจึงรับโทรศัพท์ “ถึงไหนแล้ว” “ถึงตลาดแล้วแม่ แม่จะเอาอะไรไหม หนูจะได้แวะซื้อให้” เสียงตอบรับของลูกสาวสดใสตามเคย ทำให้คนเป็นแม่คิดว่าการดูบ้านเช่าคงราบรื่น เวลาเดียวกันก็แอบมองผ่านช่องหน้าต่างออกไปยังกระท่อมหน้าบ้าน “ไม่เอาๆ ที่โทร.มาแม่แค่จะบอกว่าแฟนหนูจันทร์เขามาที่บ้านเรา บอกว่าจะมารับกลับบ้าน แม่ไม่รู้ว่าหนูจันทร์จะยอมหรือเปล่า ก็เลยแกล้งบอกไปว่าหนูจันทร์ไม่ได้อยู่บ้านเรา แต่อยู่ที่อื่น พอแม่บอกไปแบบนั้น เขาก็เลยขอที่อยู่ แม่ถึงรีบมาโทรศัพท์หาเอ็งนี่แหละ” ปัทมาทำตาพอง หันขวับไปยังเพื่อนรักที่นั่งเบาะหลังพลางบอก “แม่ทำดีมาก” “แล้วตกลงจะเอายังไง นี่แม่ถ่วงเวลาได้ไม่นานนะ” ปัทมาหันไปสบตาเพื่อน ก่อนบอกแม่ “แป๊บนะแม่ เดี๋ยวหนูโทร.กลับ” หญิงสาวตัดสายมารดาแล้วหันไปสบตาเพื่อน “ใครมาเหรอ” จันทร์กระจ่างเอ่ยถามเพราะได้ยินแว่วๆ ว่ามีคนมาที่บ้าน “สามีแกน่ะสิ! คุณอิชย์น่ะ เขาบอกว่ามารับแกกลับบ้าน” คนฟังถึงกับใจไหวโลดก่อนดิ่งวูบลงในเวลาไล่เลี่ยกัน “แล้วแม่กับพ่อเผลอบอกอะไรไปบ้างหรือเปล่า” ปัทมาส่ายหน้า “พ่อกับแม่ฉันไหวพริบดีเยี่ยม ยิ่งได้รู้เรื่องของแกกับเขามาก่อน ยิ่งไม่บอกคนแปลกหน้าง่ายๆ โดยเฉพาะสามีของแก” ได้ฟังเช่นนั้นหญิงสาวถึงกับถอนหายใจอย่างโล่งอก “ดีแล้ว ฉันไม่อยากเจอเขาอีก” “แม่บอกว่าแกออกไปอยู่ที่อื่นแล้ว เขาก็เลยอยากได้ที่อยู่ของแก ก็เลยทำทีโทร.มาถามฉัน แล้วแกจะให้ตอบว่ายังไงล่ะทีนี้” สายตาของเพื่อนทำให้หญิงสาวครุ่นคิด “บอกเขาไปว่า ฉันไม่ต้องการพบเขาอีก และตอนนี้ฉันสุขสบายดี ไม่ต้องตามหา” คนฟังนิ่งเงียบ ดวงตาหลุบมองยังหน้าท้องของเพื่อน “แล้ว...” “บอกไปตามนี้ ขอร้อง” เมื่อเพื่อนออกปากพูดถึงขนาดนี้ ปัทมาจึงจำต้องทำตามที่เพื่อนร้องขอ หญิงสาวสบตาคนรักแวบหนึ่ง ก่อนจะกดโทรศัพท์กลับไปหามารดา “แม่ ขอคุยกับคุณอิชย์หน่อย” ปัทมาสบตาเพื่อนขณะที่กล่าวกับมารดา เพียงไม่นานเสียงทุ้มๆ ของชายหนุ่มก็ดังขึ้น “สวัสดีครับ ผมอิชย์พูดอยู่” น้ำเสียงที่ดังออกมาจากลำโพงทำให้หัวใจคนที่นั่งด้านหลังไหวหวิว ก่อนจะเมินหน้ามองไปข้างทาง พิงร่างไปกับพนักอิง แล้วน้ำตาก็คลอออกมาอย่างห้ามไม่อยู่ “ต้องขอโทษด้วยจริงๆ นะคะ ฉันบอกกับคุณไม่ได้ แต่ฉันยอมรับว่าเมื่อสักพักได้คุยกับจันทร์” กรอกเสียงลงไปพลางมองเพื่อน จึงทันได้เห็นจันทร์กระจ่างยกมือขึ้นเช็ดน้ำตาป้อย “เธอบอกว่าไม่ต้องการพบหน้าคุณอีก ไม่ต้องตามหา เพราะตอนนี้จันทร์สบายดีแล้ว ปัทต้องขอโทษด้วยจริงๆ ที่ช่วยคุณไม่ได้” คนฟังนิ่งงันเพราะไม่ได้เตรียมใจว่าจะได้รับคำตอบออกมาในรูปนี้ เขาถือสมาร์ตโฟนแนบหูอยู่พักใหญ่ จากนั้นจึงหันไปมองสองสามีภรรยาแล้วส่งคืน ใบหน้าคมคายคล้ายจะเผือดลงหลังจากนั้น คนมองอดเห็นใจเสียไม่ได้ แต่พวกตนไม่ได้รับอนุญาตให้บอกเล่าเรื่องราวของจันทร์กระจ่างมากไปกว่านี้จริงๆ ชายหนุ่มยกมือทั้งสองข้างขึ้นลูบใบหน้าของตนราวกับคนสิ้นหวัง เขาก้มหน้าเช่นนั้นอยู่อึดใจก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมด้วยรอยยิ้มเซียวๆ “ขอบคุณนะครับที่ช่วยเหลือ” เขายื่นนามบัตรให้สองสามีภรรยา “ถ้ามีอะไรที่เกี่ยวกับจันทร์ รบกวนโทร.บอกกับผมที่เบอร์นี้ได้ตลอดเวลานะครับ” นางอำภารับนามบัตรของอิชย์เอาไว้ ดวงตาสองคู่มองเจ้าของร่างสูงใหญ่ที่หันหลังให้พวกตนขณะเดินจากไปด้วยอาการไหล่ตกด้วยความเห็นอกเห็นใจไม่น้อย “เฮ้อ...น่าสงสาร” นายสถาพรเปรยขึ้นหลังจากรถยนต์ของอิชย์ขับออกไป จากนั้นจึงขมวดคิ้วเมื่อภรรยาเดินตรงไปยังหน้าบ้าน “นั่นจะไปไหน” “ไปดูว่าพ่อคนนั้นเขาไปจริงหรือเปล่าน่ะสิ เกิดจ๊ะเอ๋กันตอนที่จันทร์กลับมาบ้านพานจะเสียคนไปเสียเปล่าๆ” นางอำภาเป็นคนรอบคอบ ไหนๆ ช่วยแล้ว ก็ต้องช่วยให้ถึงที่สุด เมื่อมองซ้ายมองขวาแล้วไม่พบรถยนต์คันโตก็ถอนหายใจยาว จากนั้นจึงเดินกลับเข้าบ้านด้วยท่าทางโล่งอก ทว่ารถยนต์คันนั้นไม่ได้ไปไหนไกล แต่ถอยหลังเข้าไปยังซอยข้างเคียง เขาดั้นด้นมาจนถึงราชบุรี อดหลับอดนอนหลายคืนติด งานการต้องละทิ้งให้คนอื่นดูแล คำตอบแค่นี้จึงไม่ทำให้เขายอมถอดใจง่ายๆ อย่างแน่นอน...
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม