ฉันลืมตาตื่นขึ้นมาในตอนเช้าเพราะเสียงเรียกเข้าจากโทรศัพท์ เป็นมีมี่ที่โทรมาปลุก ฉันรีบลุกขึ้นอาบน้ำแต่งตัวด้วยความลนลาน คลาสนี้จะไปสายไม่ได้ด้วยสิ อาจารย์โหดอย่างกับอะไร
หลังจากอาบน้ำแต่งตัวเสร็จ ฉันมานั่งอึนอยู่ที่โซฟา จ้องมองแผลบนหัวเข่าตัวเองนิ่ง ๆ ตอนอาบน้ำฉันรู้สึกแสบแผลจึงนึกถึงเรื่องเมื่อวานขึ้นมาได้ และตอนนี้กำลังมานั่งนึกทบทวนเรื่องที่เกิดขึ้น
ฉันกลับมาที่ห้องได้ยังไงกัน?
ถ้าจำไม่ผิด… เมื่อวานฉันถูกโรคจิตสะกดรอยตาม ฉันวิ่งหนีจนหกล้ม โรคจิตนั่นใช้มีดข่มขู่ มันขย้ำแผลฉันด้วย แล้วหลังจากนั้นล่ะ?
Rrr…
ฉันสะดุ้งน้อย ๆ กับเสียงเรียกเข้า มีมี่โทรมาตามอีกแล้ว ฉันสะบัดศีรษะเลิกคิดไปก่อน ตอนนี้ไปเรียนก่อนแล้วกัน เรื่องอื่นค่อยว่ากันใหม่
ติ๊ง…
ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นล่าง ฉันชะงักฝีเท้า เงยหน้ามองร่างสูงที่กำลังจะเดินสวนเข้ามาในลิฟต์ เขาเองก็มองฉันเช่นกัน แต่สีหน้าไร้ความแปลกใจ ต่างจากฉันที่เบิกตากว้างมองเขา
“พี่สิบทิศ?”
“อือ ไปเรียนเหรอ” เขาก้าวเข้ามาในลิฟต์ หยุดยืนข้างฉัน ประตูลิฟต์ทำท่าจะปิด แต่ถูกมือหนาขวางเอาไว้ เขาหันมาหลุบตามอง สีหน้าเฉยชา แววตาเรียบนิ่ง “ไม่ออกเหรอ หรือจะตามขึ้นไปส่งฉันบนห้อง?”
“อ๊ะ… ออกค่ะ!” ฉันเพิ่งได้สติ รีบเดินออกจากลิฟต์ พอหันกลับมามองก็เห็นว่าประตูกำลังปิดลงพร้อมใบหน้าหล่อเหลากับรอยยิ้มมุมปากแสนเจ้าเล่ห์ รอยยิ้มนั่นมันอะไร…
ไม่สิ… ต้องถามว่าทำไมสิบทิศถึงอยู่ที่นี่ต่างหากล่ะ?
.
.
.
“อือ พี่สิบอยู่คอนโดเดียวกับเรา อ้าว ฉันยังไม่ได้บอกเหรอ?” มิลินเลิกคิ้วหน่อย ๆ ขณะเติมแป้งลงบนใบหน้าสวยของตัวเอง ฉันอ้าปากนิด ๆ เพราะไม่คิดว่าโลกมันจะกลมขนาดนั้น นี่ฉันเก็บความสงสัยไว้ทั้งวันเพื่อรอมาถามมิลินตอนเรียนคลาสเดียวกันเลยนะ “อีกอย่างนะ คอนโดนั่นเป็นธุรกิจในเครือของครอบครัวพี่สิบด้วย จาไม่รู้เรื่องนี้เหรอ?”
“มะ ไม่รู้น่ะสิ” ฉันส่ายหน้ารัว ปกติฉันไม่ได้สนใจเรื่องของธุรกิจในครอบครัวอยู่แล้ว ฉันรู้แค่ว่าน้าสายซอกับลุงสิงห์คำรามทำธุรกิจอะไร แต่ไม่ได้รู้ลึกถึงขนาดว่ามีทรัพย์สินอยู่ที่ไหนบ้าง ก็ครอบครัวฉันไม่ได้สนิทกับครอบครัวลุงสิงห์คำรามขนาดนั้นนี่นะ
“แปลกจริง ทั้งที่จาออกจะสนิทกับพี่เก้าขนาดนั้นแท้ ๆ” มิลินเก็บตลับแป้งลงกระเป๋าแล้วหันมองฉัน ดวงตาคมเฉี่ยวกรีดอายไลน์เนอร์หรี่มองเล็กน้อย “ถามจริงเถอะ จาไม่ได้คบกับพี่เก้าอยู่จริง ๆ ใช่ไหม?”
คำถามนี้อีกแล้ว… ทำไมมิลินชอบถามฉันแบบนี้อยู่เรื่อยเลยนะ
“เลิกถามจาเรื่องนี้ได้แล้วนะลิน จาบอกแล้วไงว่าจาไม่ได้คบกับเขา เราไม่ได้เป็นอะไรกันเลยด้วยซ้ำ” ฉันหันไปมองโปรเจคเตอร์เบื้องล่าง ทำทีเหมือนสนใจการเรียนการสอนขึ้นมา มิลินใช้นิ้วมือที่ปลายเล็บยาวเกี่ยวคางฉันให้หันกลับมาสบตากัน เธอหรี่ตาจับผิด
“แน่ใจนะจา ที่ฉันถามย้ำเนี่ย เพราะฉันไม่อยากแย่งผู้ชายกับเพื่อนนะ” ฉันดึงมือมิลินออก มองสบตากับเธอ
“นี่ลินคงไม่ได้… เอ่อ… คงไม่ได้คิดจะชอบพี่เก้าจริงจังหรอกใช่ไหม?” ฉันรู้เรื่องที่มิลินชอบเก้าทัพ แต่ฉันเข้าใจว่ามิลินแค่ชอบเพราะเก้าทัพหล่อ เหมือนที่เธอบอกชอบผู้ชายคนอื่นนั่นแหละ แม้แต่กับสิบทิศเธอยังบอกว่าชอบเลย แต่ดูจากสายตาเธอตอนนี้ ฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้ว…
“จะว่าไงดีล่ะ จริง ๆ ฉันชอบทั้งพี่สิบ ทั้งพี่เก้านะ แต่ว่าพี่สิบเขาดูเจ้าเล่ห์เกินไป ไม่ใช่สเปคน่ะ ฉันชอบผู้ชายนิ่ง ๆ ติดเย็นชาอย่างพี่เก้ามากกว่า มันน่าตื่นเต้นดี”
“อ่า… สเปคลินแปลก ๆ นะ” ฉันยิ้มเจื่อน เก้าทัพหล่อมากก็จริง มีแต่สาว ๆ รุมชอบเขา แต่เรื่องนิสัยเย็นชา เข้ากับคนยากนั่น ทำให้ความหล่อของเขาลดลงไปหลายส่วนเลยนะ
“ช่างเถอะ เอาเป็นว่าจาไม่ได้คิดอะไรกับพี่เก้าจริง ๆ ใช่ไหม?”
“จะ จริงสิ” เพราะจู่ ๆ ก็ถูกถามกะทันหัน ฉันเลยตอบออกไปแบบตะกุกตะกัก พอมิลินหรี่ตามอง ฉันจึงพูดขึ้นใหม่ “จาไม่ได้คิดอะไรกับเขาจริง ๆ นะ ลินก็เห็นแล้วนี่ว่าพักหลังมานี้เขาไม่มายุ่งวุ่นวายกับจาเลย”
“อืม ก็จริง” มิลินพยักหน้า เธอเปลี่ยนมากอดแขนฉันพลางยิ้มกว้าง “ถ้างั้นฉันจะรุกจีบพี่เก้าแล้วนะ จาช่วยเชียร์ด้วยล่ะ”
เอ๊… จะให้ฉันช่วยอะไรล่ะ ฉันไม่อยากเกี่ยวข้องอะไรกับผู้ชายคนนั้นอีกแล้วนะ!
.
.
.
คอนโด Reno
ฉันกลับมาที่คอนโดตอนค่ำ ๆ และที่แรกที่ฉันตรงมาก็คือห้องรักษาความปลอดภัย ฉันต้องการจะรู้เรื่องที่เกิดขึ้นเมื่อวาน เพราะงั้นก็ต้องมาถามจากที่นี่นี่แหละ
“มีธุระอะไรหรือเปล่าครับ?” รปภ. คนหนึ่งเดินเข้ามาทัก ฉันจึงเล่าเรื่องเมื่อวานให้เขาฟัง หลังฟังจบเขาก็เอาแต่ยืนก้มหน้านิ่งจนฉันนึกแปลกใจ
“มีอะไรหรือเปล่าคะ จาแค่อยากทราบว่าเมื่อวานมันเกิดอะไรขึ้นหลังจากนั้นน่ะค่ะ จากลับไปที่ห้องได้ยังไง แล้วใครเป็นคนพาขึ้นไปคะ”
“คือว่า… เรื่องนั้น… คือ…” เขาอึกอัก สีหน้าลำบากใจที่จะพูด ทว่ายังไม่ทันจะได้คำตอบอะไรจาก รปภ. คนนั้น เสียงเสียงหนึ่งดังแทรกมาจากด้านหลังซะก่อน
“ฉันเป็นคนจัดการเอง”