ดวงตะวันลาลับท้องฟ้าเริ่มเปลี่ยนเป็นสีน้ำเงินเข้มในยามพลบค่ำ ปรากฏร่างหญิงสาวผู้หนึ่งนั่งทอดกายอยู่บนโซฟาสีขาวริมสระน้ำใสแจ๋วสีฟ้า ที่ตอนนี้มันกลายเป็นสีเข้มขึ้นเรื่อย ๆ เพราะความมืดมิดกำลังคืบคลานเข้ามา ดวงตาคู่งามเหม่อมองไปยังแสงไฟสีส้มที่สะท้อนบนพื้นผิวระยิบระยับเหมือนคนไร้จิตวิญญาณ
ในตอนนี้เซี่ยอันหนิงได้กลับมาเกิดใหม่ในโลกปัจจุบันเป็นหญิงสาวชาวไทยที่มีชื่อเล่นว่าชมพู หากแต่ยังมีความทรงจำในอดีตทั้งหมดที่ฝังอยู่ในส่วนลึกไม่จางหาย เธอกำลังนั่งคิดถึงบิดาที่ล่วงลับในชาติที่แล้วและยังคงโทษตัวเองอยู่เสมอที่หลงชายผู้นั้นมากจนเป็นเหตุทำให้บิดาต้องตายไป เมื่อคิดถึงเหตุการณ์เก่าก่อนขึ้นมา หญิงสาวก็นึกรังเกียจตัวเองในอดีตมากนัก ไม่รู้ทำไมเธอช่างโง่งมถึงเพียงนี้
ในชาตินี้เธอเป็นเพียงหญิงสาวผู้หนึ่งที่ไร้หัวใจเย็นชา และไม่สนใจในความรัก ตัวเองเธอในยุคปัจจุบันนี้เป็นเด็กกำพร้าไร้ซึ่งครอบครัว คงเป็นเพราะผลกรรมในอดีตที่เคยทำไว้นั่นแหละ เธอก็เข้าใจดีและพยายามใช้ชีวิตในชาตินี้ เพื่อชดใช้สิ่งที่เคยทำไว้จนกว่าจะจบสิ้นวันเวลายาวนานในภพชาตินี้ลง นี่คือสิ่งยึดเหนี่ยวเดียวในโลกใบนี้ที่เธอคิดได้
ชมพูใช้ชีวิตในโลกใบนี้อย่างไร้ซึ่งจุดมุ่งหมาย ความหวังเดียวในชีวิตมีเพียงช่วยเหลือผู้คนไปเรื่อย ๆ เพื่อชดเชยความรู้สึกผิดภายในใจ และทำให้ตัวเธอเองไม่มีเวลาว่างในการต้องมาคิดฟุ้งซ่านอยู่กับสิ่งเดิม ๆ ใช่แล้วในชาตินี้ชมพูคือแพทย์ทหารหญิงแกร่ง มากความสามารถที่หาตัวจับยาก หญิงสาวทุ่มเททั้งชีวิตในการฝึกฝนตัวเองให้เก่งรอบด้านเพื่อช่วยเหลือผู้อื่นให้ได้มากที่สุด
ไม่นานมานี้ตัวเธอเองได้หนังสือนิยายเล่มหนึ่งมาจากร้านขายหนังสือเก่าแก่ในหมู่บ้านที่เธอมาประจำการได้ยังไม่ถึงเดือน ในยามว่างเช่นตอนนี้คุณหมอชมพูจึงหยิบหนังสือนิยายมานั่งอ่านดูกะว่าจะอ่านจนดึก ให้ความเพลียเป็นยานอนหลับชั้นดีในการข่มตาหลับลงได้ แต่...เนื้อหาในนิยายเล่มนี้ช่างเหมือนเรื่องราวชีวิตในชาติก่อนของเธอไม่มีผิดเพี้ยน มุมปากเล็กถูกยกยิ้มขึ้นอย่างขื่นขมพร้อมกับเสียงหัวเราะหึหึในลำคอ
หญิงสาวเพิ่งรู้ว่าชาติที่ผ่านมาเธออยู่ในโลกของนิยายอย่างนั้นหรือ มันช่างน่าขำสิ้นดี ทั้งที่ตัวเธอเองยังมีบทบาทเป็นเพียงตัวประกอบร้ายที่คอยช่วยเหลือพระเอกกับนางเอก เป็นหินรองมือรองเท้านำพาพวกเขาให้ก้าวสู่ความสำเร็จเท่านั้นเองหรือช่างน่าตลกเหลือเกิน
แต่ก็ยังมีเรื่องที่น่าขบขันยิ่งกว่า ที่ในนิยายเรื่องนี้ดันมีอีกคนที่โง่เง่าเช่นเดียวกับหญิงสาวตัวร้ายอย่างเธอ ชมพูพลิกเปิดดูเนื้อเรื่องบทบาทของเขาอย่างสนใจอีกครั้ง
หน้ากระดาษว่างในหนังสือมีรูปวาดด้วยพู่กันลายเส้นตัวการ์ตูนที่ดูดีของเขา ปลายนิ้วเรียวสัมผัสไปมาบนเสี้ยวหน้าตัวการ์ตูนนั้น ราวกับว่ามันสามารถปลอบประโลมจิตใจของเธอได้ไม่มากก็น้อย
เขาผู้นั้นคือท่านอ๋องสาม หวงเยี่ยนจื่อ ตัวร้ายที่เป็นหินรองเท้าให้พระเอกอย่างหานชงอวิ๋นไต่เต้ากลายเป็นใหญ่ เพียงเพราะเขาหลงรักนางเอกอย่างจ้าวอวี้เจินมากจนกระทั่งทำได้ทุกอย่างเพื่อความสุขของนาง ขอเพียงนางเอกต้องการ แม้แลกด้วยชีวิตเขาก็ยินดีสละให้
'นี่น่ะหรือเพื่อนร่วมชะตากรรมเดียวกับเซี่ยอันหนิงช่างน่าสงสารและน่าเห็นใจยิ่งนัก'
บุรุษผู้นี้เป็นถึงท่านอ๋องผู้เรืองอำนาจ เพื่อสตรีรักนางเดียวเขากลับทำได้ถึงเพียงนี้ ช่างเป็นบุรุษที่น่านับถือนัก หากคนที่เขารักเป็นเธอล่ะเซี่ยอันหนิง เธอจะไม่ยอมปล่อยคนดี ๆ เช่นนี้ไปเป็นอันขาด!
ชมพูยังคงทำหน้าที่ของตัวเองในทุกวัน ทั้งเดินทางไปรักษาทหารที่บาดเจ็บในค่ายทหารกลับมาก็ฝึกศิลปะการต่อสู้ด้วยมือเปล่าต่าง ๆ ระหว่างนี้หากพบเจอคนตกทุกข์ได้ยากก็ให้การช่วยเหลือตามกำลัง ในวันว่างก็ใช้ชีวิตเรียบง่าย ปลูกผักทำสวน ทำกิจการขายของเล็ก ๆ น้อย ๆ อ่านนู่นอ่านนี่เพิ่มเติมความรู้ทางอินเทอร์เน็ต หากิจกรรมทำอยู่ตลอดเวลาเพื่อไม่ให้คิดถึงเรื่องราวในอดีตจนจิตใจรู้สึกย่ำแย่
เมื่อหลายปีก่อน เธอมีโอกาสเข้าร่วมภารกิจกองทัพบกของจีนที่มาขอความร่วมมือจากหน่วยแพทย์ทหารของไทยจนพลัดหลงไปที่หุบเขาแห่งหนึ่ง ได้พบและรักษาชายแก่ผมขาวจนจับพลัดจับผลูได้เรียนรู้สมุนไพรและอักษรในรูปแบบจีนโบราณที่หายสาบสูญไปนาน
พูดถึงเรื่องนี้แล้วก็ยิ่งน่าเหลือเชื่อ หลังจากเรียนจนสำเร็จภายในเวลาไม่ถึงสามเดือน ก็มีกลุ่มทหารมาพบเธอเข้า และพาเธอกลับค่ายทหารไปโดยที่ชายชราคนนั้นก็หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย
"อ้าว! หมอชมพูนี่ขยันจังเลยนะคะ วันหยุดยังมาปลูกผักปลูกพืชอีก"
ป้ามาลัยหญิงวัยกลางคนข้างบ้านเอ่ยทักทายข้ามรั้วบ้านมา เมื่อเห็นว่าชมพูกำลังรดน้ำในแปลงผักอยู่ ทำให้หญิงสาวที่กำลังหมกมุ่นในความคิดตื่นจากภวังค์ห้วงความคิดคำนึงถึงเรื่องต่าง ๆ ที่ผ่านเข้ามาในชีวิตนี้
หมอชมพูยิ้มหวานให้กับป้ามาลัยอย่างเป็นมิตร ตัวป้าเองก็เป็นคนที่เธอให้ความเคารพอยู่ไม่น้อย ป้าให้การช่วยเหลือชมพูมาตลอดตั้งแต่เธอย้ายเข้ามาอยู่ที่บ้านหลังนี้ใหม่ ๆ
"อ๋อ! อยู่ว่าง ๆ ก็น่าเบื่อน่ะค่ะ อีกอย่างปลูกพืชผักไว้กินเองก็ประหยัดดีค่ะ ไว้มันโตแล้วพอกินได้ หนูจะเก็บให้ป้าไว้ทำอาหารนะคะ"
"อุ๊ย! ดีจริงผักปลอดสารพิษด้วย ขอบใจจ้ะ จริงสิวันนี้ป้ามีต้มซุปโสมไก่มาให้ชิมดู หลานป้าซื้อโสมมาฝากเลยเอามาต้มเสียหน่อย เดี๋ยวจะน้อยใจว่าป้าไม่กินของที่เขาเอามาฝากน่ะ" ป้ามาลัยเอ่ยปากบอกพลางยื่นหม้อใบเล็กที่มีฝาปิดสนิทแน่นผ่านรั้วเตี้ย ๆ ให้กับคุณหมอชมพูพร้อมกับรอยยิ้มที่แสนใจดี
"ขอบคุณนะคะ ป้ามาลัยนี่ใจดีกับหนูตลอดเลยค่ะ"
หญิงสาววางสายยางรดน้ำลงแล้วรีบเดินไปรับหม้อซุปในมือป้ามาลัยที่ข้างรั้วในทันที คนอื่นเขาให้ของมาจะอิดออดให้รอนานได้อย่างไรล่ะ
หลังจากรับของแล้วคุณหมอสาวสวยก็กล่าวขอบคุณอีกครั้ง เธอนำหม้อซุปในมือไปเก็บไว้ในครัวก่อน จากนั้นก็กลับมารดน้ำผักต่อให้เสร็จจึงได้ไปทานข้าว
หมอชมพูยังคงใช้ชีวิตเช่นนี้ในทุกวัน จนกระทั่งวันหนึ่งเธอได้รับงานด่วนให้ไปรักษาทหารที่ได้รับบาดเจ็บจากเหตุระเบิดหลายสิบนายร่วมกับทีมแพทย์อีกหลายคนในค่ายทหารที่ชายแดนห่างจากที่ที่เธออยู่ตอนนี้ไม่ถึงสองร้อยกิโลเมตร
เสียงระเบิดจากประเทศฝั่งตรงข้ามยังคงดังขึ้นเรื่อย ๆ อย่างไม่ลดละ เสียงดังอยู่ด้านนอกห่างจากเต็นท์ของโรงพยาบาลสนามไม่มากนัก
สถานการณ์ในตอนนี้ทำให้ทหารบาดเจ็บเพิ่มขึ้นจากเดิมมาก จนทีมแพทย์ที่มีอยู่ไม่เพียงพอต่อจำนวนทหารที่ได้รับบาดเจ็บ แม้จะแยกทหารที่บาดเจ็บเล็กน้อยไปจนถึงบาดเจ็บสาหัสแล้วแต่ทหารที่บาดเจ็บคนอื่น ๆ ก็ถูกส่งเข้ามาเรื่อยๆ
ด้านนอกเต็นท์โรงพยาบาลสนามชุลมุนวุ่นวายมาก หมอชมพูเห็นว่าเสียงผู้คนปนเสียงความวุ่นวายดังขึ้นไม่หยุดหย่อนจึงออกจากเต็นท์มาดูซะหน่อย เธอเองก็อยากรู้ว่าสถานการณ์ด้านนอกเป็นอย่างไรบ้าง
ลานด้านนอกเป็นสนามกว้างมีหลายเต็นท์ตั้งอยู่ห่างกันเล็กน้อย ระเบิดยังคงตกลงมาอย่างไม่ขาดสาย แม้ทหารกล้าทางนี้จะยิงสกัดไว้แล้วก็ตาม แต่ก็ยังไม่สามารถสกัดกั้นได้หมด ผู้คนมากมายต่างก็วิ่งหนีกันอย่างอลหม่าน
ตู้ม!!
ยังไม่ทันที่หมอชมพูจะได้ก้าวเท้าออกไปจากหน้าเต็นท์ดี ระเบิดลูกหนึ่งก็ตกลงมาใกล้ ๆ กับที่ที่คุณหมอหญิงยืนอยู่ ด้วยสัญชาตญาณของเธอ ชมพูก็ทรุดตัวหมอบลงกับพื้นในทันที หากแต่ความรุนแรงของสะเก็ดระเบิดทำให้ร่างของหมอชมพูกระเด็นมาตกอยู่อีกที่หนึ่งไม่ไกลจากเต็นท์มากนัก ความเจ็บปวดจากศีรษะเกิดขึ้นอย่างฉับพลัน...
'นี่คงถึงคราวที่เธอต้องจบลงแล้วสินะ'