มิเกลหัวเสียเดินทางกลับบ้าน เธอกลายเป็นนางฟ้าปีกหักลากกระเป๋าเดินทางกำลังจะเข้าคอนโดก็มีผู้ชายคนหนึ่งมาดักหน้าเธอไว้ หน้าตาท่าทางไม่น่าไว้ใจสักเท่าไหร่
กำลังคิดอะไรเพลินๆถึงโชคชะตาที่เล่นตลก เธอแน่ใจว่าไปแก้ปีชงมาแล้วตั้งหลายวัดยังเอาไม่อยู่อีกหรือ
เจ้ากรรมนายเวรยังไม่ให้อภัยเธออีกหรือ
"แก้วตา...แก้วตา หยุดก่อน"
มิเกลที่กำลังลากกระเป๋าเดินทางหันรีหันขวางเมื่อได้ยินเสียงเรียกของชายหนุ่มตรงหน้า เสียงห้าวของเขาเรียกความสนใจจากคนแถวนั้นเป็นตาเดียว ต่างกวาดตามองหาร่างของหญิงสาวที่มีนามว่าแก้วตาว่าจะมีหน้าตาเป็นเช่นไร
"แก้วตา" นิรุจน์เรียกอีก
ใครนะชื่อแก้วตา แต่ที่นี่เธอคือมิเกลไม่ได้ชื่อแก้วตาซักหน่อยอย่าไปสนใจเลยมันไม่ใช่เรื่องของเธอ ใบหน้าสวยแสนเย่อหยิ่งคอตั้งตรง ลากกระเป๋าเดินทางเพื่อขึ้นห้องพัก
ทางด้านนิรุจน์ที่เหยียบคันเร่งออกจากเมืองกาญจน์แบบเร่งด่วน เมื่อได้รับสายจากแพรวาว่าแก้วตาได้เดินทางกลับมาแล้ว
เขากึ่งเดินกึ่งวิ่งมาทางหญิงสาวที่ออร่าความสวยเปล่งประกายมาแต่ไกล ร่างแบบบางสูงโปร่งในชุดธรรมดาไม่ใช่ชุดแอร์โฮสเตสผมยาวมันขลับถูกรวบไว้ที่ด้านหลัง ใบหน้ารูปไข่ที่แต่งแต้มด้วยความปราณีต แต่มองยังไงเธอก็ยังดูซีดเซียวอยู่ดีอาจเป็นเพราะความอ่อนเพลียจากการเดินทางก็ได้ นิรุจน์คิดแบบนั้น ที่สำคัญลักยิ้มสองข้างแก้มทำให้เธอดูน่ารักจนบาดใจ
ยัยแก้วตาตอนนี้ทำไมมันน่ารักแท้วะ...
มิเกลลากกระเป๋าเดินทางในท่วงท่าไม่รีบไม่ร้อนใดๆยังคงไม่สนใจสิ่งรอบตัวเช่นเดิม เธอไม่มีเวลาสนใจใครทั้งนั้นตอนนี้ขอโฟกัสแค่เรื่องตัวเองก็พอ
ทางด้านนิรุจน์ เมื่อเขาเรียกชื่อเธอแล้วเธอไม่สนร่างสูงของนิรุจน์จึงไปดักหน้าไว้กางแขนไม่ให้เธอไป ดึงแว่นกันแดดออกดวงตาคมกริบสีสนิมเปียกน้ำมองเธอด้วยท่าทางเอาเรื่อง
ก็หน้าตาแบบนี้คือแก้วตาไม่ใช่เหรอ
สายตานิรุจน์จับจ้องไปที่แก้วตารู้สึกว่าเธอทำไมถึงได้หยิ่งจังนะแม่คนสวย
สายตาของแก้วตาก็จับจ้องไปที่นิรุจน์
"นี่มันคนหรือว่ายักษ์กันแน่ มายืนแยกเขี้ยวน่าเกลียดจริงๆ"
มิเกลสบตากับดวงตาคู่นั้นที่ถือวิสาสะมาดักหน้าเธอ คนตัวสูงรูปร่างบึกบึนใบหน้าคมจมูกโด่งรับกับริมฝีปากหยักได้รูป เขาหล่อล่ำบึ่กผิวสีน้ำตาลทองดูแล้วเร้าใจเป็นบ้า กล้ามขาของเขาก็ดูแข็งแรงน่ามองจนไม่อยากจะละสายตาได้
สรุปว่าเธอไม่เข็ดผู้ชายใช่ไหม...
ยัยมิเกล...
แต่เธอมั่นใจว่าผู้ชายหน้าตาแบบนี้เธอไม่เคยรู้จักแน่ๆ มั่นใจว่าเทสเธอดีแบบร้อยเปอร์เซ็นต์
นิรุจน์เรียกเธออีกเขาจะเรียกจนกว่าเธอจะหันมา
"แก้วตา เธอชื่อแก้วตาไม่ใช่เหรอ"
"โน้ว"
ในที่สุดนิรุจน์ก็บรรลุเป้าหมายเสียที หลังจากรอโทรศัพท์จากแพรวาอยู่หลายวัน ปกติเขาจะไม่พกโทรศัพท์เวลาทำงานแต่วันสองวันมานี้เขาแทบจะสิงเข้าไปกับโทรศัพท์อยู่แล้ว
เขาเรียกชื่อผู้หญิงสวยๆตรงหน้าอีกครั้งเริ่มหงุดหงิดเพราะอากาศที่ร้อนอย่างกับเตาอบ
"แก้วตา"
มิเกลทำเมินกวักมือเรียกรปภ.ให้ไล่คนแปลกหน้าไปให้ไกลหูไกลตาลักษณะเหมือนพวกมิจฉาชีพก็ไม่ปาน
"พี่รปภ.คะช่วยด้วยค่ะ"
ได้ผล... พี่รปภ.เดินอาดๆออกจากออฟฟิศรปภ.ตู้เล็กๆที่เปิดแอร์เย็นฉ่ำในมือกำกระบองมาด้วยตรงดิ่งมาหาเธอ คุณแอร์โฮสเตสคนสวยประจำคอนโด
"มีอะไรให้ผมรับใช้ครับคุณมิเกล ให้ผมโทรแจ้งตำรวจไหมครับ"
นิรุจน์หน้าถอดสี เธอจะจับเขาส่งตำรวจเชียวหรือ
"หยุด หยุดก่อนผมมาดี คุณแม่ดวงแก้วส่งผมมา"
ชายหนุ่มรีบยกมือห้ามแล้วหยิบจดหมายจากกระเป๋าเสื้อส่งให้หญิงสาว
"คุณแม่ดวงแก้ว จดหมายของคุณแม่ดวงแก้วเธอคงไม่ลืมแม่ดวงแก้วใช่ไหม"
"คุณป้าดวงแก้ว"
นั่นสิเธอลืมป้าดวงแก้วญาติเพียงคนเดียวของเธอไปได้อย่างไร ฟังจากสำเนียงเหน่อๆแล้วก็น่าจะใช่คนเมืองกาญจน์ มิเกลจึงหยิบจดหมายจากมือเขา เมื่อผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่คนร้ายเธอรีบเปิดอ่านทุกตัวอักษร
ทางด้านรปภ.ที่เห็นว่าทั้งสองน่าจะคุยกันด้วยดี ผู้ชายตรงหน้าไม่ใช่มิจฉาชีพจึงขอตัวกลับไปในออฟฟิศของเขาตามเดิม
"ถ้าไม่มีอะไรแล้วผมขอตัวก่อนนะครับคุณมิเกล"
"ค่ะ ขอบคุณค่ะรปภ"
มิเกลอ่านจดหมายตั้งแต่ต้นจนจบรู้สึกว่าตนเองแย่มากถึงมากที่สุด ตาเธอแดงด้วยความเศร้าน้ำตารื้นแบบไม่รู้ตัวยิ่งอ่านเธอก็ยิ่งรู้สึกผิด ขนาดว่าสองปีแล้วที่เธอไม่ได้ไปเยี่ยมคุณป้าที่เลี้ยงเธอมาจนโต คุณป้าก็ยังคิดถึงเธอเป็นคนแรก
คุณป้าดวงแก้วยังให้เธอไปรับมรดกที่สร้างขึ้นเองกับมืออีกต่างหาก ถ้าเธอไม่ไปคุณป้าจะยกให้ไอ้เด็กขี้ก้างคนนั้น
"ไอ้ก้างรุจน์"
เรื่องอะไรเธอจะยอมล่ะ...
"ไง...คุณจะเอาไงคุณมิเกล"
"จะให้ผมเรียกว่าคุณมิเกลหรือคุณแก้วตาดี"
เขาบูลลี่ชื่อเธอเหรอ...
เจ้าของริมฝีปากบางอยากจะลากคนตรงหน้ามาด่านักทำไมเขาช่างยียวนกวนประสาทขนาดนี้ และเธอยังเห็นมุมปากยิ้มเยาะใส่เธอด้วย
"เรียกแก้วตา มิเกลไว้ให้เพื่อนฉันเรียก"
นิรุจน์เท้าสะเอว "คุณจะเอายังไง ผมร้อน"
มิเกลหรือแก้วตาต้องใช้ความอดทนและความยับยั้งชั่งใจสูงที่จะไม่เล่นงิ้วในตอนกลางวันแสกๆแบบนี้ เม้มริมฝีปากของตนเองไว้จนจะห้อเลือด กัดฟันกรอด
"รอฉันเดี๋ยว ขอขึ้นไปเก็บเสื้อผ้าก่อน"
ก็ได้... เธอจะใช้ช่วงเวลาพักงานหนึ่งเดือนไปดูแลป้าแท้ๆเพียงคนเดียวที่เหลืออยู่ก็ได้ ส่วนมรดกป่าไม้สักถ้าคุณป้าเสียชีวิตไปแล้วเธอก็ไม่อยู่ที่นั่นหรอกจะขายให้หมดแล้วใช้ชีวิตหรูหราที่กรุงเทพดีกว่าเป็นไหนๆ
จากนั้นรถโฟร์วีลสี่ประตูก็มุ่งหน้าไร่ทรัพย์สักทองจังหวัดกาญจนบุรี
นิรุจน์ลอบมองกระเป๋าเดินทางใบใหญ่สองใบที่เบาะหลัง และเหลือบมองผู้โดยสารที่เอาแต่นิ่งเงียบไม่พูดอะไรสักคำ
นอกจากบอกว่าหิวกับจะเข้าห้องน้ำ ก็เอาแต่นั่งเงียบเอาหน้าแนบไปกับกระจกเหม่อลอยตลอดทางเหมือนคนสิ้นหวัง
"นี่...แก้วตา"
ไม่หัน
"แก้วตา"
"อะไร้...จะเรียกทำไม้"
เออ...ได้ยินเสียงตวาดดีกว่านั่งซึมกระทือเป็นไหนๆ คิ้วเข้มเลิกขึ้นขณะเหยียบคันเร่งฝ่าความมืดสองข้างทาง มีไฟทางบ้างบางจุดที่เป็นทางแยก
"ทำไมเรียกแก้วตาถึงไม่ได้ยิน ผมเรียกคุณตั้งหลายครั้งแล้ว"
"ไม่ชิน...ฉันชื่อมิเกลไม่ใช่แก้วตา"
"อ้อเหรอ...อยู่บ้านนอกเป็นแก้วตาพอเข้ากรุงเป็นมิเกล"
"ใช่...แล้วจะทำไม"
"ก็ไม่ทำไมหรอกจะชื่ออะไรก็เรื่องของคุณ"
"คุณเป็นแอร์ไม่ใช่เหรอ แล้วนี่ขนเสื้อผ้าไปขนาดนี้บริษัทเขาไม่ไล่คุณออกเหรอ"
"ฉันลาพักร้อนพอดี ตั้งแต่ทำงานไม่เคยลาหยุดเลยป่วยก็ไม่เคยป่วยบริษัทเขาเลยให้หยุดได้นานหน่อย"
คิ้วเข้มเลิกสูงไม่อยากเชื่อสิ่งที่เธอพูดสักเท่าไหร่ แต่ก็ไม่อยากพูดมาก
"นายคือเด็กขี้ก้างที่ป้าฉันเก็บมาเลี้ยงใช่ไหม"
"นิรุจน์ เรียกพี่รุจน์"
"ขี้ก้าง พุงโลก้นปอด"
รอยยิ้มผุดขึ้นที่มุมปากของหญิงสาวความทรงจำในวัยเด็กกลับคืนมา เด็กชายตัวผอมถึงแม้ว่าเขาจะแก่กว่าเธอไม่กี่เดือนผอมแห้งแคระแกรนชอบขลุกอยู่แต่ในครัวและเข้าสวน เล่นปลากัดในขวดแก้วใส
ตอนเด็กเขาคือลูกไล่เธอ
"ขี้ก้างเอ้ย..."
แต่ตอนนี้เขาตัวใหญ่อย่างกะยักษ์...
คิ้วเข้มเลิกขึ้นปรายตามองหญิงสาวที่คิดอะไรอยู่คนเดียว ผู้หญิงคนนี้น่ะเหรอที่จะมาเป็นเมียเขา แล้วเธอรู้ตัวหรือเปล่าถึงได้นั่งเงียบเป็นเป่าสากแบบนี้
หรือว่าจะรู้แล้ว คุณแม่ดวงแก้วน่าจะบอกแล้วล่ะมั้งคงเห็นว่าเขาหล่อเลยรีบเก็บเสื้อผ้ามาตั้งสองใบ
ออนไรท์
♥️คุณพรี่เขามาถูกที่ถูกเวลาจริงๆ แต่ยัยน้องคงไม่รู้ชะตาตัวเองสินะ
ตอนต่อไป👉 ไร่ทรัพย์สักทอง