ตอนที่ 12
“ดึกแล้วกลับบ้านเลยไหม” เสียงเข้มถามขึ้น ขณะที่จ้องมองหญิงสาวที่เอาแต่เมินสายตาไม่ยอมสบตาเขา
“ยังค่ะ ต้องรอพิชชากับกรีนก่อน”
“รอทำไม”
“ลันกลับกับพวกเขานี่คะ”
“เดี๋ยวพี่ไปส่ง” เขาไม่รอให้เธอได้ตอบ แต่เดินเข้ามาฉุดแขนเธอให้ลุกยืนแล้วดึงเดินออกไปด้วยกันทันที ไม่สนสายตาของใครว่าจะมองเขาแบบไหน โดยเฉพาะกลุ่มเพื่อนของตนเองที่นั่งอยู่อีกมุม
“หึ ไหนมันบอกว่าปิดจ๊อบแล้วไง หึปิดไม่จริงนี่หว่า” อีสตันพูดขึ้น มุมปากยกยิ้มส่ายหน้าไปมา ขบขำกับท่าทีของเพื่อน ที่ปากบอกไม่เอาแล้ว แต่พอเห็นคนอื่นมาสุงสิงวุ่นวายก็ร้อนรนทนไม่ได้ ต้องลุกไปแทรก
“มึงเอาอะไรกับพวกหมาหวงกาง กูไม่กินแล้วแต่คนอื่นก็ห้ามกิน มึงเคยได้ยินไหมวะ” บรู๊คลินออกความคิดเห็นอย่างคนที่รู้นิสัยเพื่อนตนเองดีว่าเป็นคนหวงของมากขนาดไหน ต่อให้เบื่อแล้วถ้าชิ้นนั้นเคยเป็นชิ้นที่ยังถูกใจอยู่ ก็ไม่ยอมให้ใครมายุ่งวุ่นวายหรือใช้ของร่วมกับของที่เขายังไม่อยากทิ้งหรอก
บรรยากาศภายในรถคันหรูเงียบไม่มีเสียงสนทนาพูดคุยเหมือนทุกครั้ง ดาลันดาก้มหน้านิ่งมองขาตัวเองราวกับว่ามันเป็นของมหัศจรรย์ไม่อาจละสายตาไปมองที่ไหนได้ ในขณะที่ตัวเขาเองก็จ่มอยู่ความคิดของตัวเอง ไม่ได้สนใจที่จะหาเรื่องคุยกับเธอ จนเมื่อรถยนต์คันหรูขับเข้ามาในหมู่บ้านจัดสรรที่เป็นหนึ่งในธุรกิจของครอบครัวของเขา เพื่อมาส่งเธอที่อาศัยกับพ่อโดยที่เธอไม่เคยรู้มาก่อนว่าหมู่บ้านนี้และธุรกิจอื่นอีกๆมากมายมีอะไรบ้างที่เป็นของครอบครัวศาตนันท์
“ขอบคุณนะคะที่มาส่ง”
“อืม เจอกัน”
“ค่ะ” เธอเก็บงำคำพูดที่อยากเอ่ย อยากถาม อยากรู้ อยากคุยให้หายข้องใจเอาไว้กับตัวเองแล้วพับเก็บซ่อนเอาไว้ในใจในส่วนที่ลึกที่สุด พยายามกลืนก้อนสะอื้นที่มันตีรื้นขึ้นมาจุกอยู่ที่ปลายลำคอของเธอ อดกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลรินอาบแก้ม
ความโง่เขลาในครั้งนี้เธอจะจำมันไปจนวันตาย ในเมื่อเขาไม่รัก ไม่จริงใจกับเธอ เธอก็ไม่ควรอยู่เป็นของเล่นไร้ค่าให้เขาดูถูกเธอได้อีก
ร่างเล็กก้าวลงจากรถ โดยไม่หันไปมองหน้าเขาแม้แต่น้อย เปิดประตูรั้วแล้วเดินเข้าบ้านไปทันที ไม่สนใจว่าเขาจะยังจอดรถรออยู่หรือขับออกไปแล้ว
ทันทีที่ประตูบ้านปิดสนิท หญิงสาวทรุดตัวลงนั่งกับพื้นแทบจะทันทีโดยไม่คิดที่จะเปิดไฟ ปล่อยให้ความมืดโรยตัวอยู่รอบๆ เหมือนกับหัวใจดวงน้อยๆของเธอที่มันรู้สึกเจ็บปวดเจียนคลั่ง น้ำตาหลั่งไหลรินอาบแก้ม นั่งกอดเข่าซบหน้าลงสะอื้นไห้เสียงดังอย่างไม่คิดกลัวว่าใครจะได้ยิน เพราะเวลานี้เป็นเวลาที่ค่อนข้างดึกมากพอสมควร พ่อกับแม่ของเธอคงเข้านอนไปตั้งแต่หัวค่ำแล้วคงไม่มารับรู้ความเจ็บปวดของเธอในตอนนี้
เกือบครึ่งชั่วโมงที่เธอนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ตรงนั้น ก่อนจะดึงสติตัวเองด้วยการฝืนใจลุกขึ้น เข้าห้องน้ำไปอาบน้ำล้างหน้าล้างตา เปลี่ยนเสื้อผ้าชุดใหม่เตรียมเข้าก่อนนอน
แต่ก่อนที่เธอจะหลับตาลง แสดงสว่างจากหน้าจอโทรศัพท์มือถือทำให้เธอต้องหยิบมันขึ้นมาดูอีกครั้ง
‘ฝันดีนะ’ ข้อความสั้นๆจากเขาคนนั้น คนใจร้าย....
เธอตัดสินใจบล็อกข้อความของเขาเดี๋ยวนั้น โดยไม่คิดจะตอบกลับเขาอย่างเช่นทุกครั้งที่เขาส่งมาหยอดเธอแบบนี้ หลงดีใจ หลงคิดว่าเขาจริงใจ หลงบ้าเชื่อคำพูดของเขา สุดท้ายก็จอมปลอม ไม่มีความจริงอยู่ในนั้นเลย
เธอมันโง่เองที่ไปหลงรัก หลงปล่อยตัวปล่อยใจให้เขาไปเช่นนั้น
หนูขอโทษนะคะพ่อ หนูขอโทษนะคะแม่ หนูทำให้พ่อกับแม่ผิดหวัง
หญิงสาวนอนร้องไห้ น้ำตาไหลริบอาบแก้ม ซบหน้ากับหมอนใบใหญ่ คร่ำครวญร่ำร้อง โทษตัวเองอยู่ซ้ำๆจวบจนรุ่งสางเธอถึงได้พล่อยหลับไปด้วยความอ่อนเพลีย
ในขณะที่เคลย์ตันที่นั่งจ้องมองโทรศัพท์เห็นอีกฝ่ายกดอ่านนานแล้วแต่ไม่ตอบกลับเขาเช่นเคย คิ้วหนาขมวดหากันด้วยความข้องใจ ถึงความผิดแปลกไปของหญิงสาว ทั้งตอนที่เจอหน้ากันและตอนนั่งในรถก็เอาแต่เงียบไม่พูดไม่จบเหมือนเคย
เขาเก็บความสงสัยนั้นไว้ก่อนจะตัดสินใจวางโทรศัพท์ไว้กับโต๊ะหัวเตียง ปิดไฟแล้วล้มตัวลงนอนด้วยความขุ่นใจเล็กๆ เพียงเวลาไม่นานเขาก็หลับสนิท
หนึ่งอาทิตย์กับการที่ใครบางคนเงียบหายออกไปจากชีวิต มันทำให้เขาอดรู้สึกหงุดหงิดทุกครั้งที่นึกถึงไม่ได้ ไลน์ไม่เคยอ่านไม่เคยตอบ มาที่คณะเคยเห็นนั่งอยู่ที่โต๊ะกลับกลุ่มเพื่อน แต่เดี๋ยวนี้กลับหายไปเหลือเพียงเพื่อนสามคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเท่านั้น ครั้นจะให้เขาเดินไปถามก็ไม่ใช่ธุระที่เขาต้องวุ่นวายขนาดนั้น
“นั่นอะไรน่ะ?” เสียงทุ้มเอ่ยถามเพื่อนชื่อกราฟที่นั่งอยู่ใกล้ๆ เมื่อเห็นเพื่อนในห้องคนหนึ่งกำลังเดินถือซองขาวเรี่ยไรอะไรบางอย่าง
“ไม่รู้ว่ะ”
“พวกมึงทำบุญไหม”
“ทำบุญอะไรวะ” กราฟชิงถามก่อนด้วยความอยากรู้
“อ้าวก็ซองทำบุญช่วยครอบครัวน้องดาลันดาปีหนึ่งไง พวกมึงไม่รู้เหรอว่าหลายวันก่อนพ่อแม่น้องเขาประสบอุบัติเหตุรถยนต์เสียชีวิตคาที่ทั้งคู่เลยนะ เนี่ยพวกกูก็เลยจะมาเรี่ยไรเงินไปช่วยน้องเขาทำบุญ มึงจะทำหรือเปล่าล่ะ”
“เออทำๆ” กราฟรีบหยิบเงินจากในกระเป๋ามาถือพนมมืออธิษฐานงึมงำอยู่นาน ก่อนจะยื่นใส่เข้าไปในซอง จนคนถืออดแซวไม่ได้
“ใส่แค่ยี่สิบบาทแต่ขอพรหลักล้านเลยนะมึง”
“เออน่า จะกี่บาทก็ได้บุญเหมือนกันนั่นล่ะ”
“แล้วมึงล่ะ ทำไหม” หันมาถามเคลย์ตันที่นั่งนิ่งเงียบไม่พูดไม่จา ก่อนที่เขาจะหยิบแบงค์พันจากกระเป๋าใส่เข้าไปในซองสีขาวท่ามกลางสายตาของทุกคน ที่ถึงแม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายรวยมากขนาดไหนแต่ก็ยังไม่ชินกับความรวยของเพื่อนร่วมห้องอยู่ดี
ค่ำวันนั้นเขาตัดสินใจให้คนขับรถพาไปที่วัดที่พ่อแม่ของดาลันดา ตั้งสวดอภิธรรม วันนี้คณะของเขาเป็นเจ้าภาพ แขกในงานส่วนใหญ่นอกจากเพื่อนร่วมรุ่นของเธอแล้ว ยังมีรุ่นพี่และคณะอาจารย์ในคณะมาร่วมฟังสวดพระอภิธรรมด้วย
เคลย์ตันเดินเข้ามาในศาลาด้วยสีหน้าราบเรียบนิ่งเฉยไร้ความรู้สึก เข้าไปกราบหน้าศพของผู้วายชนทั้งสองท่าน ก่อนจะกวาดสายตามองหาใครบางคน ที่กำลังนั่งร้องไห้อยู่เงียบๆคนเดียวด้านหลัง เขาถึงตัดสินใจลุกเดินไปหา