EP.05
ไม่สนใจ
SOH Talk’s
ค่ำคืนที่ผมกำลังปล่อยตัวเองให้หลับสนิทอยู่นั้น มันน่าหงุดหงิดมากเมื่อถูกปลุกขึ้นมากลางดึก ผมสะดุ้งเฮือกตั้งแต่ได้ยินเสียงฝีเท้าหนักย่ำเข้ามาในบ้านแล้ว ตามมาด้วยเสียงอีกคนรายงานความเป็นไปกับนายใหญ่ของพวกเขาไม่หยุด ไม่นานไฟในห้องนอนก็ถูกเปิด
สิงห์จะมาที่นี่อะไรป่านนี้...
“โซ่!! ตื่นมาคุยกันให้รู้เรื่อง”
“...”
ได้ยินที่เขาพูดทุกอย่างนะครับแต่ผมยังคงแกล้งหลับต่อเพราะไม่มีอะไรจะคุยด้วย สิงห์เขาเป็นคนใจร้อน เอาแต่ใจมากด้วย เรื่องนั้นผมรู้ดี หากเป็นเมื่อก่อนผมคงกระดิกหางดีใจทันทีที่สิงห์เรียกหา ทว่าตอนนี้ไม่รู้สึกอะไรเลยนอกจากความหงุดหงิดงุ่นง่านอยู่ในใจ
“รู้ว่าแกล้งหลับ ลุกขึ้นมาเลยโซ่”
“...”
อย่ามาทำเป็นรู้ดีหน่อยเลย ผมไม่ตื่นหรอก เรียกผมให้ตายผมก็จะไม่ลุกไปคุยกับเขาแน่นอน แล้วไม่รู้หรอกนะครับว่ามาหากลางดึกแบบนี้มีธุระอะไรสำคัญนัก สำคัญกับเขาที่สุดก็คงไม่พ้นเรื่องซื้อขายที่ดินผืนนี้นั่นแหละ และมันไม่ใช่เวลาคุย ตอนนี้มันตีสองแล้ว!!
“ลุก!”
ผ้าห่มถูกกระชากออกไป ความตกใจทำให้ผมลืมตาโพลงขึ้นจนได้ ชายร่างสูงโยนผ้าห่มของผมทิ้งไปอย่างไม่ใส่ใจก่อนจะเท้าเอวและมองหน้าผมนิ่ง
“มีอะไรสิงห์ คนจะหลับจะนอน”
“แกล้งหลับต่างหาก”
“รู้ได้ยังไง นี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว โซ่หลับอยู่สิงห์ก็เห็น มีอะไรค่อยคุยกันตอนเช้านะ”
“โซ่ไม่ใช่คนนอนคลุมโปงแล้วหลับ แล้วตอนหลับสนิทจริงผ้าห่มกองอยู่ข้างตัวแล้ว โซ่ถีบออกหมด เหอะ คงรู้ว่าสิงห์มาล่ะสิเลยรีบคลุมโปงหนี”
อ่า...จริงด้วย ผมเป็นอย่างที่เขาว่าจริง ๆ ว่าแต่สิงห์รู้ด้วยเหรอว่าผมมีนิสัยการนอนเป็นแบบไหน เราไม่เคยนอนค้างคืนด้วยกันบนเตียงเลยนะ มากสุดผมเคยไปนอนเฝ้าไข้สิงห์ตอนไปเรียนต่างประเทศ แต่ผมออกมานอนที่โซฟา สิงห์เองก็ไม่เคยนอนกับผมสักหน่อย
“เฮ้อ ช่างเถอะ แล้วมีอะไรล่ะ?”
“ตอนค่ำใครมาหา? เข้ามาทำอะไรกัน?”
“ลูกน้องรายงานว่าอะไรล่ะ กระจ่างไม่พอเหรอถึงต้องมาถามด้วยตัวเองแบบนี้?”
“บอกว่ามีผู้ชายเข้ามาหาโซ่ในบ้าน พากันหายไปสองชั่วโมงแล้วโซ่ก็ออกไปส่งมันหน้าไร่”
“อื้ม ถูกแล้วนี่ แล้วสิงห์ถามทำไมว่าเขามาทำอะไร โซ่ต้องตอบไหม มันเรื่องส่วนตัวนะ”
หลังจากที่ผมตอบไปแบบนี้สิงห์เขาก็ดูอารมณ์ฉุนเฉียวขึ้นพอสมควร เขายกมือขึ้นเสยผมที่ไม่ได้เซ็ตตัวพลางพ่นลมหายใจออกมายาวพรืด ร่างสูงทิ้งตัวนั่งลงบนเตียง เขาทุบกำปั้นลงมาทีหนึ่งก่อนจะเอ่ยปากถามต่อ
“บนเตียงนี้ มันได้ขึ้นมานั่งไหม?”
“ขึ้น”
ผมตอบออกไปตามความจริง ทำให้สิงห์หันขวับมาเหยียดตามองผมทันที เรียวคิ้วทั้งสองข้างขมวดเป็นปม ตอนนี้ผมรู้แล้วว่าเขากำลังควบคุมอารมณ์ของตัวเองอยู่ ผมรู้ว่าสิงห์ตอนโมโหน่ะเป็นอย่างไร ทว่าเขาจะมาโมโหอะไรกับเรื่องส่วนตัวของผม?
“ทำไมใจง่าย นอนกับใครก็ได้เหรอเดี๋ยวนี้ ห่างกันสองปีลืมกันง่ายจังเลยนะโซ่”
ลืมง่าย? ผมเนี่ยนะลืมง่าย? เหอะ ตอนผมกลับมาผมจะเป็นจะตายแค่ไหนสิงห์เคยรู้บ้างไหม เขาไม่เคยรู้เลย กว่าผมจะผ่านความเจ็บปวดตอนนั้นมาเป็นโซ่อย่างทุกวันนี้ได้ผมเจียนตายแค่ไหน ถ้าเขาคิดว่าผมลืมรักเดียวของผมสิบปีง่ายขนาดนั้น มันก็เท่ากับว่าเขาไม่ได้รู้จักผมเลย
“สิงห์ไม่รู้อะไรอย่าพูดดีกว่า”
“เมื่อก่อนสิงห์ใกล้ใครโซ่ยังหึงเลย โซ่ไม่ชอบให้ใครมายุ่ง แล้วดูวันนี้โซ่ทำอะไรวะ เอากับมัน? พาผู้ชายคนอื่นเข้ามาทั้งที่ลูกน้องสิงห์ก็อยู่ข้างนอกตรงนั้นเนี่ยนะ โซ่เป็นบ้าอะไร!”
“เมื่อก่อนโซ่ทำแบบนั้นเพราะสิงห์ให้ความหวังต่างหาก สิงห์ให้โซ่หึงได้ หวงได้ ทำทุกอย่างตามใจได้แต่กลับเป็นแฟนให้ไม่ได้ ตอนนี้ไม่ได้เป็นอะไรกันทำไมโซ่จะต้องมานั่งเกรงใจสิงห์ด้วย ตัวก็ตัวโซ่ ก้นก็ก้นโซ่ จะใช้งานต้องขออนุญาตสิงห์หรือไง?”
“โซ่...โซ่แม่ง ไม่เหมือนเดิมเลยว่ะ”
“ไม่ใช่สิงห์เหรอที่ทำให้โซ่คนเดิมหายไปน่ะ แล้วถ้าจะมาฟื้นเรื่องเก่า คืนนี้ก็คุยกันไม่จบหรอก สิงห์เป็นอะไรก็ว่ามาตามตรง หรือมีเรื่องอื่นที่สำคัญกว่าเรื่องนี้ไหม?”
“มีอะไรกับมันจริงเหรอ? ใช่เหรอโซ่ โซ่ไว้ตัวมาก ไม่ใช่คนที่ใครจะเข้ามาจับเนื้อต้องตัวได้ง่ายขนาดนั้นไม่ใช่เหรอ? จะเอากับใครทั้งทีทำไมไม่เลือกหน่อยวะ นี่ทำกับไอ้เด็กกระจอกนั่นน่ะนะ? เชี่ย”
ปัญหาระหว่างผมกับเขาตอนนี้คือเรารู้จักกันดีเกินไป น่าตกใจที่สิงห์เพิ่งแสดงออกให้ผมรู้สึกว่าเขาเองก็รู้จักผมดีพอสมควร ที่ผ่านมาผมไม่รู้เลย สิงห์ไม่เคยสนใจ ไม่เคยใส่ใจ ไม่เคยถามไถ่อะไรผมทั้งสิ้น ที่แท้ก็เก็บข้อมูลผมเหมือนกันนี่นา แต่ต้องขอโทษทีที่ผมไม่ใช่โซ่คนเดิมที่หลงรักเขาหัวปักหัวปำอีกแล้ว
โซ่คนที่หยัดตัวนั่งเผชิญหน้ากับสิงห์ตอนนี้ คือโซ่ที่อยู่ได้ตัวตนเองโดยไม่ต้องมีสิงห์อีกแล้ว
“หึงโซ่เหรอ? มาพูดเรื่องพวกนี้ทำไมกัน”
“เคยบอกว่าถ้าจะมีอะไรกับใครเป็นคนแรก จะมีกับสิงห์ แต่วันนี้โซ่มีกับไอ้เวรนั่น โซ่ลดตัวขนาดนั้นทำไม จะมีทั้งทีหาดีกว่าสิงห์หน่อยเถอะ แต่ก็หายากหน่อยนะ”
“สิงห์ ฟังให้ดีนะ เมื่อก่อนคือเมื่อก่อน ตอนนี้คือตอนนี้ เมื่อก่อนโซ่เป็นโซ่ที่รักสิงห์มากไงถึงได้พูดอะไรแบบนั้น หวังว่าจะได้คบกัน หวังว่าจะให้สิงห์เป็นคนแรก”
“แล้วตอนนี้ล่ะ?”
“เอ้า โซ่จะรักคนที่ไม่รักโซ่ทำไมล่ะ สิงห์ไม่เคยรักโซ่เลยนั่นคือความจริง คิดว่าสารภาพรักสามครั้งแล้วโดนปฏิเสธมันสนุกเหรอสิงห์ ไม่เลย โซ่โคตรเจ็บ และความเจ็บปวดนั่นแหละที่หล่อหลอมโซ่คนใหม่ขึ้นมาเป็นคนที่สิงห์กำลังคุยด้วยเนี่ย อย่ายึดติดว่าโซ่จะเหมือนเดิมเลย โซ่มองโลกกว้างกว่าเมื่อก่อนมากแล้ว ไม่ได้ถวายชีวิตให้กับสิงห์คนเดียวอย่างแต่ก่อน”
เป็นครั้งแรกที่เรามีโอกาสได้นั่งคุยกันเรื่องอดีตอย่างเปิดใจอย่างนี้ ผมโล่งอกที่ได้พูดอะไรออกไปบ้าง ถึงจะไม่ทั้งหมดเท่าที่ใจอยากจะพูดก็เถอะ อย่างที่ผมบอกนั่นแหละครับว่าถ้าจะย้อนอดีตกันคืนนี้ก็คงคุยกันไม่จบ และผมไม่รู้ด้วยว่าสิงห์จะระงับอารมณ์ตัวเองได้อีกนานแค่ไหน ตอนนี้เขาดูนิ่งมาก เก็บงำความไม่พอใจไว้ภายในอย่างสุดความสามารถเลยล่ะ
“ผ่านมากี่คนแล้ว?”
“มันใช่เรื่องที่สิงห์ต้องใส่ใจเหรอ? ติดปัญหาอะไรกับการที่โซ่จะมีอะไรกับใครนักหนา โตแล้วนะ รับผิดชอบตัวเองได้แล้ว”
เถียงกันมาจนถึงตอนนี้ผมจะบอกเขาอย่างไรดีล่ะเนี่ยว่าคนที่มาหาผมตอนเย็นน่ะ ไม่ได้มาทำอะไรไม่ดีเลย ผมจ้างน้องมันมานวดให้เฉย ๆ ผมปวดบ่ากับหลังเพราะวันนี้ไปช่วยคนงานขนผลไม้ขึ้นรถมาน่ะครับ แต่สิงห์ปักใจเชื่อมากว่าผมมีอะไรกัน ทีแรกผมตั้งใจจะเฉไฉไม่ตอบ คิดว่าเดี๋ยวเขาก็เลิกสนใจ ซึ่งเหมือนผมจะคิดผิด สิงห์เขาติดเรื่องนี้เรื่องเดียวเลย ถามซ้ำไปซ้ำมากับเรื่องนี้
อันที่จริงผมไม่จำเป็นต้องมานั่งอธิบายความจริงอะไรเลยด้วยซ้ำ เป็นอะไรกันล่ะถึงต้องมาใส่ใจเรื่องพวกนี้ ถ้าเป็นเมื่อก่อนผมคงดีใจแย่เลยนะครับที่สิงห์เข้ามาถามรายละเอียดเรื่องส่วนตัว
“ไม่เป็นไร รับได้ แต่ต่อไปอย่ามีอะไรกับใครอีกได้ไหม ไม่ชอบเลยว่ะโซ่”
“ทำไมโซ่ต้องรับปากล่ะ”
“สิงห์ห้ามโซ่ไม่ได้ แต่ห้ามคนอื่นได้แน่ เอาเป็นว่าใครกล้าแตะต้องโซ่หลังจากนี้โทษของมันคือตาย”
“โอ๊ย ทำตัวเป็นผัวขี้หึงไปได้ อย่าทำแบบนี้ได้ไหมสิงห์ถ้าเป็นผัวให้กันไม่ได้อะ มันน่าหงุดหงิด”
“โซ่ลองมาขอสิงห์คบอีกทีสิ”
“ไม่ล่ะ ไม่มีครั้งที่สี่ ไม่มีการสานต่ออะไรทั้งนั้นด้วย เลิกทำตัวให้ความหวังสักทีเพราะโซ่ไม่ได้ใจอ่อนเหมือนเมื่อก่อนแล้ว”
ผมคว้าผ้าห่มมาคลุมกาย เอนตัวนอนตะแคงหันหลังให้สิงห์เพื่อตัดบทและจบการสนทนาเสียที เขาเองก็ลุกเดินออกไปจากห้องผมไม่พูดไม่จาอะไรออกมาอีกเช่นกัน ไฟในห้องก็ไม่ปิดให้
เช้าวันต่อมา
08.25 น.
วันนี้ผมตื่นสายเป็นพิเศษ โดยปกติจะตื่นไม่เกินเจ็ดโมงครึ่ง คงเป็นเพราะเมื่อคืนหลับต่อยากไปหน่อย จู่ ๆ ในหัวมันก็คิดเรื่องนั้นเรื่องนี้กินเวลาไปจนเกือบรุ่งสาง ทำให้วันนี้กว่าผมจะอาบน้ำแต่งตัวเพื่อออกมาดูแลไร่ได้ก็เกือบเก้าโมงแล้ว ทุกคนกินข้าวกันหมดแล้วแหละครับป่านนี้
ตึก ตึก ตึก
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณโซ่”
“อ้าว คุณเฟย มายืนรอผมทำไมครับเนี่ย?”
“คุณสิงห์ให้มารอคุณโซ่ครับ เขารอทานอาหารเช้าอยู่ที่ศาลา”
ผมสวมรองเท้าแตะเสร็จก็เดินมาชะเง้อมองไปทางศาลา ก่อนกวาดสายตาไปรอบ ๆ เพื่อสำรวจความเรียบร้อย ครั้งนี้มีรถตู้สีดำจอดคันเดียว เขาไม่ได้ขนลูกน้องมาเปลี่ยนกะ แบบนี้คงไม่ได้มาอยู่หลายวันหรอกมั้ง
“เจ้านายคุณเฟยเขาเป็นบ้าอะไรครับเมื่อคืน มาหาผมซะดึกเลย”
“เขาร้อนใจจนต้องนั่งเครื่องบินส่วนตัวมาลงในเมือง แล้วนั่งรถต่อมาหาคุณที่นี่กลางดึกนั่นแหละครับ ส่วนเรื่องร้อนใจที่ว่าคุณสิงห์คงคุยกับคุณไปหมดแล้ว ผมเป็นคนนอก ไม่อยากยุ่งครับ”
“มันเรื่องไร้สาระมากเลย คุณตามใจเขามากไปแล้ว ลองปรามเขาหน่อย ถ้าเขาเอาแต่ใจแบบนี้นึกอยากจะไปไหนก็ไปไม่ดูเวล่ำเวลา ตัวเขาจะเอาเวลาที่ไหนพักผ่อน งานก็ทำเยอะด้วยนี่ หักโหมมากไปเดี๋ยวก็ป่วยหรอก”
“ผมปรามเขาไม่ไหวหรอกครับ คุณน่าจะรู้จักเขาดี อ้อ แล้วคุณสิงห์คงดีใจแย่เลยนะครับถ้ารู้ว่าคุณโซ่ห่วงขนาดนี้”
“ใครห่วงเขาครับ ผมเปล่า แค่ผมรู้สึกเสียเวลาที่ต้องตื่นมาคุยเรื่องไร้สาระกลางดึกแบบนี้”
“คุณโซ่ช่วยใจเย็นกับคุณสิงห์หน่อยนะครับ ช่วงสัปดาห์ที่เขากลับกรุงเทพฯ เขางานเยอะมาก คิดแก้ปัญหา ชิงไหวชิงพริบจนแทบไม่มีเวลาพักผ่อน วันนี้ตอนบ่ายเขาก็มีประชุมใหญ่ เดี๋ยวทานข้าวกับคุณเสร็จก็ต้องรีบกลับแล้ว”
“อ่า มันก็ไม่ใช่ปัญหาของผมนี่ครับ นี่สิงห์สั่งให้มาพูดใช่ไหม? เขาอยากให้ผมใจดีกับเขาทำไม ผมไม่ได้ขอให้เขามาหาสักหน่อย”
คุณเฟยเงียบไปทันทีเมื่อโดนผมจับได้ ผมบอกแล้วว่าผมรู้จักสิงห์ดีเกินไป การที่ให้คนมาดักรอผมเพื่อยัดเยียดข้อมูลบางอย่างให้น่ะมีแค่เขานั่นแหละที่จะทำกับผมแบบนี้ เมื่อก่อนเขาก็เป็น เวลาทำอะไรให้ผมไม่พอใจสิงห์จะไม่เคยพูดคำว่าขอโทษออกมา เขาจะใช้วิธีวานลูกน้องมาพูดจาหว่านล้อมผมแบบนี้ด้วยการเปิดต้นประโยคให้ผมใจเย็น อย่าโกรธเขา อะไรทำนองนี้เลย
สิงห์ก็ยังเป็นสิงห์อยู่วันยันค่ำ เขาเหมือนเดิม ใช้มุกเดิม นิสัยก็ใจร้อนเหมือนเดิม และคงจะหัวใจด้านชาเหมือนเดิมด้วย
ผมเดินนำคุณเฟยไปยังศาลา พบสิงห์กำลังยืนคุยอยู่กับคนงานในไร่ที่กำลังนั่งคัดแยกผลไม้อยู่มุมหนึ่ง ด้านหลังเขามีบอดี้การ์ดสองคนยืนอารักขาอยู่ เห็นอย่างนี้ผมก็รู้ทันอีกนั่นแหละว่าสิงห์คิดจะใช้วาจาและความน่าเชื่อถือของตัวเองกล่อมให้คนงานสนใจโปรเจกต์สนามกอล์ฟบ้านั่น
บอกตามตรงว่าผมไม่เคยพูดเรื่องนี้กับใครเลยนะ ยังไม่ได้เล่าให้ใครฟังเลยว่าสิงห์ต้องการเข้ามาซื้อที่ดินสามร้อยไร่ตรงนี้ไปจากผม ไม่รู้ว่าตอนนี้เขาเป่าหูผู้คนได้มากน้อยแค่ไหน วาดฝันว่าทำสนามกอล์ฟมันดีอย่างไร แต่ผมมีคำตอบอยู่ในใจอยู่แล้วว่าจะไม่ขาย ฉะนั้นไม่ว่าสิงห์จะพูดอะไรเขาก็ไม่มีทางทำมันสำเร็จ
“โซ่ กินข้าวกัน”
สิงห์เดินเข้ามาหาผมทันทีเมื่อหันมาเห็น เขาวางฝ่ามือใหญ่ลงบนสะโพกของผม ประคองเดินจนถึงโต๊ะอาหาร เขาดูอารมณ์ดีผิดกับเมื่อคืนมาก ซึ่งไม่น่าแปลกใจหรอกครับ เขาก็เป็นอย่างนี้แหละ ชอบทำดีทดแทนหลังจากพลั้งเผลอทำตัวไม่น่ารักใส่
“ไม่ต้องรอก็ได้นะ ทีหลังกินก่อนได้เลย บางทีโซ่ตื่นสาย”
“จะรอ”
คุณเฟยเข้ามาจัดการยกข้าวต้มมาเสิร์ฟให้เราสองคน จากนั้นลูกน้องทุกคนก็แยกย้ายกันไป ไม่มีใครยืนเฝ้าเจ้านายเลยสักคน ราวกับเขาตั้งใจจะให้ตรงนี้มีเพียงแค่ผมกับเขา
“มีอะไรก็พูดมา กันคนออกไปทำไม”
“รู้ดีนักนะโซ่”
ผมยักไหล่อย่างไม่ยี่หระ สิงห์ตอนปกติก็พูดน้อยแบบนี้แหละครับ สบายใจได้ที่เขาอารมณ์คงที่แล้ว แต่สิงห์คนงี่เง่าจะพูดมากเหมือนเมื่อคืนราวกับคนย้ำคิดย้ำทำ
“ย้ายไปอยู่กรุงเทพฯ ด้วยกันไหม?”
“ไม่ล่ะ”
“คิดก่อนค่อยตอบ”
“ไม่ไป”
ข้าวต้มคำแรกถูกตักเข้าปาก จากนั้นผมก็ก้มหน้าก้มตากินไม่ยอมเงยหน้าสบตากับสิงห์เลย ชั่วอึดใจหนึ่งผมได้ยินเสียงกัดฟันกรอดดังออกมาจากเขา รู้ว่าเขาอาจไม่พอใจที่ผมตอบไปแบบไม่คิด ผมเลยเลือกที่จะไม่สนทนาต่อดีกว่า อย่างไรเสียผมก็ไม่คิดจะไปอยู่กรุงเทพฯ ในเร็ววันนี้หรอก งานที่ไร่เยอะจะตาย คนเข้ามามากขึ้นผมก็มีส่วนดูแลรับผิดชอบมากขึ้น
ทว่าขณะที่ผมนั่งก้มหน้าไป กินข้าวไป จู่ ๆ มือเรียวของสิงห์ก็เอื้อมมาจับปอยผมทัดหูให้
“แล้วอยากไปเที่ยวไหนไหม จะพาไป”
“เที่ยวเหรอ อืม...ไม่รู้สิ เบื่อภูเขาแล้ว แต่ก็ไม่ได้ชอบทะเล แบบนี้เหลือที่ไหนน่าไปบ้างล่ะ”
“บ้านพักสวย ๆ น่าจะได้ ที่มีต้นไม่เยอะ ๆ ร่มรื่นหน่อย”
“มีด้วยเหรอที่แบบนั้น น่าไปนะ พักผ่อนสักคืนสองคืนคงสดชื่น ถ้ามีสระว่ายน้ำด้วยคงดีมากเลย”
“มีสิ บ้านสิงห์ไง”
“อ๋อ งั้นโซ่ไม่ไปละ”
ไม่รู้ว่าสิงห์จะมาไม้ไหนถึงได้ชวนผมไปบ้านเขา ซึ่งมันไม่น่าไว้วางใจมาก เขาเป็นคนหวงพื้นที่ส่วนตัว ผมรู้จักกับเขามาสิบปีผมยังไม่เคยรู้เลยว่าสิงห์พักอยู่แถวไหน รู้แค่ว่าบ้านเขารวยมาก มีคนขับรถคอยรับคอยส่งเวลามาเรียนตลอด มีบอดี้การ์ดคอยตามเฝ้าอยู่ห่าง ๆ เพื่อรักษาความปลอดภัย ส่วนข้อมูลเชิงลึกกว่านี้ผมไม่รู้เลย
นั่นเป็นเหตุผลที่ผมรีบปฏิเสธทันทีที่สิงห์เชิญชวน คือผมไม่ชินครับ รู้สึกไม่ดีด้วยถ้าต้องรุกล้ำก้าวเข้าไปยังพื้นที่ส่วนตัวเขา ในเมื่อที่ผ่านมาเขาเว้นระยะห่างส่วนนี้ไว้ตลอดเวลา
“โซ่หาเวลาพักผ่อนบ้างเถอะ”
“ที่ไหนก็ได้ที่ไม่ใช่บ้านสิงห์”
“ไม่สนใจเหรอ ที่บ้านมีทุกอย่างนะ”
ผมช้อนตาขึ้นมองเขา สิงห์เองก็หรี่ตามองผมอยู่ก่อนแล้วเช่นกัน
“อย่าทำตัวแปลกไปมากกว่านี้ได้ไหมสิงห์ โซ่ไม่ชินเลย”
“กำลังเป็นสิงห์แบบที่โซ่อยากให้เป็นมาตลอดไง”
เป็นอีกครั้งที่ผมนิ่งเงียบไป สมองขาวโพลนไร้ซึ่งความคิดอะไรทั้งสิ้น ความรู้สึกตีกันวุ่นวาย มันไม่ใช่อาการหวั่นไหวหรอกครับเพียงแต่ตอบคำถามตัวเองไม่ได้เฉย ๆ ว่าสิงห์ที่ผมต้องการมาตลอดน่ะคือแบบไหน ผมไม่เคยต้องการอะไรจากเขาเสียหน่อย
หลังมื้อเช้าแสนเรียบง่ายนี้ผ่านไป สิงห์ต้องเดินทางกลับกรุงเทพฯ ทันที ได้ความว่าเขามีประชุมกับบอร์ดบริหารอะไรสักอย่างนี่แหละครับ
“เดินทางปลอดภัยนะสิงห์”
“ไม่สนใจจะไปด้วยกันเหรอ?”
“ไม่สนใจหรอก”
“ได้ งั้นเดี๋ยวมาหาใหม่”
“สิงห์ไม่ต้องมาบ่อยก็ได้ มันเหนื่อย”
“ก็โซ่อยู่นี่ ไม่อยากให้มาโซ่ก็ไปด้วยกันสิ”
“อ๋อ ไม่ไปหรอก”
สิงห์ถอนหายใจพรืดใหญ่อย่างจนใจ ก่อนที่เขาจะยื่นมือมาดึงแก้มผมเล่นทีหนึ่ง จากนั้นก็หันหลังขึ้นรถไปโดยไม่พูดอะไรสักคำ ตัวผมได้แต่ยืนมองรถตู้สีดำเคลื่อนตัวออกไปจากประตูเข้าออกของไร่อย่างเชื่องช้าด้วยความรู้สึกกลืนไม่เข้าคายไม่ออก
ภายในใจมีความรู้สึกได้ชัดเจนว่าเราต้องได้เจอกันอีกบ่อยครั้งแน่นอน แค่คิดก็เหนื่อยใจแล้วนะครับ เขาเป็นคนที่ผมต้องตั้งสติคอยรับมืออยู่ตลอดเวลา จริงอยู่ที่ผมรู้จักสิงห์มากกว่ารู้จักตัวเองเสียอีก รู้ทันเขาไปเสียหมด แต่พอเขาพยายามเปิดโลกส่วนตัวของเขาให้ผมเข้าไป ผมกลับรู้สึกอยากถอยหนีออกมาให้ไกลกว่าเดิม
อยากรู้จักสิงห์อย่างที่เคยรู้จักก็พอแล้ว หากรู้มากไปกว่านี้ ผมเกรงว่ามันจะไม่เกิดผลดีกับใครเลย ตัวผมก็มีเรื่องส่วนตัวที่ไม่อยากบอกใครเหมือนกัน และยังไม่ได้ยินดีจะเปิดให้เขาเข้ามาเหยียบโลกของผม
ถ้าเป็นโซ่เมื่อก่อนผมจะเปิดประตูรอเขาเข้ามาเลยแหละครับ แต่โซ่ตอนนี้ดันล็อกประตูไว้แน่นแล้วสิ ถ้าสิงห์คิดจะเข้ามา เขาก็ต้องควานหาลูกกุญแจที่ผมโยนทิ้งให้เจอเอง ซึ่งอย่าคิดไปถึงขนาดนั้นเลย คนอย่างสิงห์น่ะ เขารักคนอื่นไม่เป็นหรอก