ไดม่อน หนุ่มหล่อลูกครึ่งไทย-อังกฤษ ที่ตอนนี้ได้มาเที่ยวผับเพื่อคลายความเบื่อของตัวเอง โดยมีลูกน้องคนสนิทสองคนอย่างทอยและทีมที่เป็นพี่น้องฝาแฝดคอยดูแลความปลอดภัย โดยการมาเที่ยวผับในครั้งนี้ของเขา อีกอย่างหนึ่งเพื่อมาหาเพื่อนรักของเขาสองคนที่เป็นเจ้าของผับแห่งนี้ด้วย โดยที่พวกเรานัดกันไว้ ซึ่งพวกมันสองคนได้มาสานต่อธุรกิจต่อจากคุณพ่อของพวกมันอย่างพ่อมาร์คกับพ่อเดวิสที่เป็นเพื่อนและหุ้นส่วนกันมานานหลายปี แถมพวกท่านทั้งสองคนยังเป็นเพื่อนสนิทของคุณพ่อของผมด้วย ผมจึงนับถือพวกท่านทั้งสองคนดั่งกับพ่อแท้ๆ ซึ่งพวกท่านก็เอ็นดูผมเหมือนลูกแท้ๆเช่นกัน เราสามครอบครัวจึงมีความสนิทสนมกันมากพอสมควร พวกผมสามคนจึงรู้จักกันมาตั้งแต่เด็ก ซึ่งตอนนี้ผมก็ได้มานั่งรอพวกมันอยู่ แต่ก็ไม่รู้ว่าเมื่อไหร่พวกมันจะว่างลงมาหาผมได้สักที ทั้งที่พวกเราก็นัดกันไว้แล้วแท้ๆ แล้วปล่อยให้ผมมานั่งรอพวกมันอยู่คนเดียว
ปัก!
"อื้อ ม่ายมีตามองหรอว่ามีคนเดินมาอยู่อ่ะ จะเดินมาชนกันทำไมไม่ทราบ" คนเมาที่เมาจนจำอะไรไม่ได้ จึงเอ่ยโวยวายขึ้น จนไดม่อนได้แต่ทำหน้างงกับคำพูดของเธอ เพราะจู่ๆก็มีผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้เดินโซซัดโซเซมาหาเขาแถมยังสะดุดขาตัวเองล้มจนมานั่งทับบนตักเขาเข้าพอดีอีก แถมยังมาโวยวายว่าเขาเป็นคนเดินชนเธออีก ทั้งที่ตัวเองหกล้มเองแท้ๆ คนเมานะคนเมา ผมล่ะหมดคำจะพูด
"ลุกออกไปซะ ฉันหนัก" ผมจึงเอ่ยบอกเธอเสียงดุ แล้วพยายามผลักเธอออกไปให้พ้น เพราะไม่ใช่ธุระกงการอะไรของผมที่ต้องปล่อยให้ผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้มานั่งตักผมต่อ แต่ติดที่ว่าเธอไม่ยอมลุกออกไปง่ายๆนี่สิ แถมยังทิ้งตัวใส่ผมอีก
"จะให้ฉานลุกปายหนาย คนยิ่งมึนๆหัวอยู่" คนเมาที่เมาจนเละเทะแถมผมยังปกปิดหน้าจนรุงรังเอ่ยเสียงขึ้นอย่างกระอ้อมกระแอ้ม แล้วซุกหน้าลงกับอกของชายหนุ่มอย่างถือวิสาสะ
"นี่เธอ ลุกออกไปเดี๋ยวนี้นะ ฉันไม่ได้รู้จักเธอ เธออย่ามาตีเนียนนะ" ไดม่อนที่เห็นว่าผู้หญิงตรงหน้าซุกไซร้หน้ากับอกเขาไม่หยุด ทำอย่างกับเขาเป็นที่นอนให้เธอนอนอย่างนั้นแหละ ผมล่ะอยากจะบ้า! เกิดมาไม่เคยพบเคยเจอ
"ม่ายออก นายอยู่เฉยๆจะได้ไหม คนจะนอน" คนเมาที่เริ่มงอแงจนหน้ายู่เอ่ยบอกไดม่อนขึ้นมาอย่างไม่สนใจว่าชายหนุ่มจะเป็นยังไง จนทำให้ไดม่อนรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาไม่น้อย
"นี่เธอ! มันจะเกินไปแล้วนะ ถ้าเธอจะนอนก็ควรออกไปเปิดโรงแรมนอนเองจะดีกว่าไหม อย่ามาสร้างความเดือดร้อนให้คนอื่นดิ แล้วเธอน่ะมาทางไหนก็กลับไปทางนั้นซะ" ผมจึงเอ่ยบอกเธออย่างเสียงดุ ก่อนที่ผมจะรู้สึกถึงลมหายใจที่เข้าออกอย่างสม่ำเสมอของผู้หญิงตรงหน้า
"โอ้ย! แม่งเอ้ย ให้มันได้อย่างนี้สิวะ เห้อ!" ผมล่ะหนักใจกับผู้หญิงคนนี้เลยจริงๆ แล้วผมจะเอายังไงกับเธอต่อดีวะ ก่อนที่ผมจะเอาผู้หญิงคนนี้มานอนตักดีๆพร้อมสางผมที่ปิดใบหน้าของเธอออก ก่อนจะต้องตกตะลึงในความสวยความน่ารักของเธอ
"หน้าตาก็ดูสวยดูน่ารักดี แต่ติดที่ขี้เมาไปหน่อย หวังว่าเราจะได้เจอกันอีกสักครั้งนะสาวน้อย ครั้งนี้ฉันจะยอมปล่อยเธอไป แต่ถ้าเรายังมีโอกาสได้เจอกันอีกครั้ง ฉันจะไม่มีทางยอมปล่อยเธอไปอีกแน่ หลังจากนี้ก็ขอให้โชคชะตาช่วยนำทางพวกเราสองคนให้มาเจอกันอีกสักครั้งก็แล้วกัน หึหึ!!” ไดม่อนที่ได้เห็นใบหน้าของหญิงสาวตรงหน้าก็รู้สึกถูกใจไม่น้อย แต่ก็ยังไม่อยากเปิดใจรับอะไรในตอนนี้ จึงหวังว่าเราจะได้เจอกันอีกสักครั้ง เขาถึงจะยอมเปิดใจรับเธอเข้ามาในชีวิต ถ้าสักวันโชคชะตานำทางให้พวกเราสองคนมาเจอกันจริงๆ เขาคนนี้ก็ไม่ยอมปล่อยเธอไปไหนแล้วเหมือนกัน นานๆทีจะเจอคนที่ถูกใจแบบนี้สักครั้ง
“ไอ้ทีม ไอ้ทอย พวกมึงมานี่ดิ” ไดม่อนที่พูดกับหญิงสาวตรงหน้าเสร็จจึงเอ่ยเรียกลูกน้องคนสนิทสองคนมาทันที
"ครับคุณไดม่อน/ครับคุณไดม่อน" สองคนที่มาถึงตัวเจ้านายหนุ่มก็รู้สึกแปลกใจไม่น้อยที่เห็นหญิงสาวจากที่ไหนก็ไม่รู้มานอนตักเจ้านายหนุ่มอย่างสบายใจ โดยปกติแล้วคุณไดม่อนจะไม่วุ่นวายหรือสุงสิงกับผู้หญิงคนไหนเลยด้วยซ้ำ แต่คนนี้ดูน่าจะมีอะไรพิเศษกว่าคนอื่น
"พวกมึงพาเธอไปส่งโรงแรมที่อยู่ใกล้ๆนี้ แล้วจัดการพาเธอเข้าห้องให้เรียบร้อย ส่วนค่าใช้จ่ายทั้งหมดมาเบิกกับกู ส่งเสร็จแล้วพวกมึงค่อยกลับมาหากูที่นี่"
"ครับคุณไดม่อน/ครับคุณไดม่อน" สองคนตอบรับคำสั่งเจ้านายหนุ่มและพร้อมทำตามในทันที โดยที่ไม่กล้าแม้จะเอ่ยถามว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใคร ก่อนที่จะจัดการพยุงผู้ใหญ่คนนี้ออกจากผับไป
"อ้าว! เห้ย แล้วไอ้ทีมกับไอ้ทอยพยุงผู้หญิงคนนั้นไปไหนวะ ดูไม่ได้สติเลยนะนั่น" พอร์ช ลูกชายของเดวิสเอ่ยขึ้น
"เออ นั่นดิวะ หวังว่าไม่ได้พากันสวิงกิ้งหรอกนะเว้ย หึหึ" มาร์ชลูกชายของมาร์คก็เอ่ยเสริมตามมาด้วยเช่นกัน
"สวิงห่าอะไรล่ะ กูแค่ใช้พวกมันไปส่งผู้หญิงคนนั้นที่โรงแรม เมาแม่งไม่ได้สติเลย เห็นแล้วก็เกิดสงสาร" ก่อนที่มึงจะได้พาเธอไปสวิง พวกมันสองตัวต้องข้ามศพเขาไปก่อนเถอะ
"หืมม คนอย่างมึงสงสารใครเป็นด้วย กูแทบไม่อยากจะเชื่อหู" ลูกชายมาเฟียอย่างมันนี่นะจะสงสารใครเป็น เขาไม่อยากจะเชื่อหูเลย
"กูก็คนเหมือนพวกมึงไหมไอ้สัส" ไอ้เวรสองตัวหนิ ชักจะคุยกันไม่รู้เรื่อง
"เออๆ มาๆดื่มๆกันดีกว่าเว้ย อีกหน่อยจะได้แยกย้ายกันทางใครทางมัน" แหม! แหย่นิดแหย่หน่อยทำเป็นหงุดหงิด
"โหย!! ไอ้พวกห่า มาก็ช้ายังจะมาแยกย้ายกันเร็วอีกนะพวกมึง" ไอ้เวรสองตัวหนิ มันน่านัก
"หืมม ก็กว่าพวกกูสองคนจะดูบัญชีของทางผับเสร็จ พวกกูสองคนก็พากันตาลายแล้วไหมวะ มึงก็หัดเห็นใจพวกกูหน่อยดิ" พวกเขาแค่อยากกลับไปพักผ่อนเอง มันผิดอะไรวะ
"แหม! สำออยจริงๆเลยนะพวกมึง กูดิดูแลธุรกิจแทนพ่อกูอยู่คนเดียว ไม่เห็นจะบ่นให้พวกมึงฟังสักคำ" เขาดิหนักกว่าเยอะ ไม่เห็นจะมาบ่นให้พวกมันฟังเลย
"ก็พวกกูกับมึง หัวสมองมันต่างกันนะรู้ไหม ใครมันจะเก่งมันจะเพอร์เฟคเท่ามึงได้ล่ะ" มึงอ่ะแม่งโครตเก่งเลย เพอร์เฟคไปซะทุกอย่าง เก่งไปซะทุกเรื่อง
"ข้ออ้างไอ้สัส หัวสมองก็มีอยู่เท่าๆกัน" มันไม่มีใครเก่งไปกว่าใครหรอก ถึงคนเราจะเก่งก็ไม่มีใครเก่งมาตั้งแต่เกิดหรอก มีแต่ความพยายาม ความอดทนเท่านั้นแหละถึงจะทำให้คนเราเก่งได้
"เออน่า มึงก็อย่าบ่นนักเลย" พวกเขารู้ว่ามันเก่งมาก พวกเขาเทียบมันไม่ได้หรอก
"หึ!" ก็พวกมึงขี้เกียจกันเองจะให้กูช่วยอะไรได้วะ