อุบัติเหตุ(รัก)

2154 คำ
ปี้นนนน!! เอี๊ยดดดดด! รถเก๋งคันหรูหักพวงมาลัยกะทันหัน ก่อนจะเบรคลากล้อก็ตอนที่เลยไปไกลแล้ว ขิมนั่งจุกอยู่ข้างฟุตบาท มือข้างหนึ่งของเธอกุมท้องไว้ หน้ายับยู่ยี่เพราะความเจ็บปวดท่ามกลางผู้คนที่เริ่มจะหันมามอง “หนูเป็นอะไรรึเปล่า” เพียงรถเฉี่ยวเท่านั้น ทว่า ทำไมเจ็บจัง.. รึอาจจะเป็นเพราะว่าก้นจ้ำเบ้าเอาเต็มแรง เลยทำเธอให้ข้อศอกไปกระแทกถนน “ไม่เท่าไหร่ค่ะ” ยกแผลขึ้นมาดูก่อนจะซู้ดลมเข้าปาก เงยหน้าขึ้นไปมองรถคันต้นเหตุ พลางยันตัวเองลุกขึ้น “นั่นไงเขามาแล้ว” ในขณะป้าคนเดิมชี้ไปทางนั้น “คงมาดูอาการ ไปหาหมอซะนะลูก” ก่อนป้าแกจะเดินจากไป ปล่อยให้ขิมยืนงงอยู่คนเดียว จนกระทั่งคู่กรณีเดินมาถึง “เป็นอะไรรึเปล่าครับ” เสียงทุ่มนั้นดูมีเสน่ห์จนน่าแปลก บวกกับโคโลญจน์อ่อนๆ ที่โชยออกมาจากเสื้อของเขาให้ขิมได้กลิ่นเบาๆนั้น ...เชื่อไหมขิมไม่กล้าเงยหน้าขึ้นไปสบตาเลย ...ไม่ใช่เพราะความเขินหรอกนะ ตรงนี้เธอรู้ดี ..ถ้าให้หาเหตุผล เธอว่า..มันคงจะเป็นเพราะเขาสมาร์ทเกินไปมากกว่า “ว่าไง เป็นอะไรเหรอเปล่า ผมต้องรีบไปประชุม” “เอ่อ..” ทว่า..ประโยคคำถามใหม่นี้ทำเธอเลี่ยงที่จะเงยหน้าขึ้นไม่ได้ “เจ็บค่ะ” เธอบอก ก่อนจะชะงักไป เมื่อประสบกับดวงตาคู่นี้ และทำเธอเปลี่ยนใจทันที “แต่นิดหน่อย ไม่เป็นไร” เพราะดูท่าเขาจะรีบจริงๆอย่างที่เขาว่า อีกอย่างเขาก้มลงมองนาฬิกาตลอด ทว่า เหมือนเขาจะใส่ใจเธอไม่ต่างกัน “ไม่เป็นไรได้ไง ถลอกซะขนาดนั้น” ยื่นมือเข้ามาจับต้นแขนเธอ เล่นเอาขิมถึงกับสะดุ้ง “ถ้าไว้ใจกัน ก็ขึ้นรถ..” “คะ?” “ไปที่ทำงานกับผม เดี๋ยวจะให้ลูกน้องทำแผลให้” “เอ่อ..” แล้วทำไมไม่เป็นที่โรงพยาบาล ทำไมต้องเป็นที่ทำงานละคะ ขิมอยากจะถาม. แต่ว่า.. “เร็วๆสิครับ” “ค่ะๆ ก็ได้ค่ะ” ก็..ไม่รู้เป็นเพราะอะไรเหมือนกัน ที่อยู่ๆ ทำให้ขิม ไม่กล้าแข็งข้อใส่เขาแบบนี้ หรือ อาจจะเป็นเพราะเขาไม่ผิด เธอทะเล่อทะล่าเดินไม่มองรถเขาเองก็ได้มั้ง ..อืม เหตุผลเข้าท่า... หลังจากขึ้นรถมาได้สักห้านาที ขิมรู้สึกถึงบรรยากาศอันกดดัน อึดอัด และ กลืนน้ำลายฝืดคอขึ้นมาทันที ซึ่งมันสามารถสั่งให้เธอบีบมือเข้าหากันจนเจ็บได้ ความเย็นชาของเขาที่แผ่ออกมาจากข้างใน ช่างทำให้เขาเป็นคนขับรถที่ไม่มีอัธยาศัยเอาซะเลย ถ้ารู้อย่างนี้แต่ทีแรกล่ะก็เธอจะไม่ปีนรถขึ้นมาเป็นแน่..เธอคิด ผู้ชายอะไร สามารถนั่งเงียบได้ตลอดทาง เป็นคนที่สมาธิดีสุดๆ คือ..ทำหน้าที่ขับรถยังไงก็ทำอยู่อย่างนั้น สายตาทอดมองแต่ท้องถนน คงลืมไปแล้วแหละว่าพาคนแปลกหน้าอย่างเธอมาด้วย จนกระทั่งถึง.. “เอิ่ม..” ลงรถแบบทะมัดทะแมง และ... “เดี๋ยวพาผู้หญิงคนนั้นไปทำแผลด้วยนะ” สั่งลูกน้องมาประคองเธอ โดยตนเองนั้นเดินเข้าไปในตึกก่อนแล้ว “เชิญครับคุณผู้หญิง” และปล่อยให้เธอยืนอยู่ลำพัง “ค่ะ..” ก่อนจะค่อยๆพยุงตัวเองออกมาจากรถ แล้วเดินตะแผลกๆเข้าไปข้างใน ก็ยังงงใจ..ทำไมไม่พาไปโรงพยาบาล “ทางนี้ค่ะ” สักพักก็มีนางพยาบาล เอ้ย! ไม่ใช่สิ . พนักงาน เดินมาพยุงต่อ พาเธอไปยังห้องใดห้องหนึ่ง “เจ็บมากไหมคะ” นั่งลงตรงโซฟาขาวหรูนั่น ก่อนเงยหน้าขึ้นไปตอบพนักงาน “ตอนนี้ไม่เท่าไหร่แล้วค่ะ แค่แสบๆ” “ใช่ค่ะ แผลสด แผลถลอก มันจะแสบหน่อย เดี๋ยวล้างเศษดินก่อนนะคะ ทายาทีหลัง” เธอบอก พลางเดินไปหยิบกล่องยามานั่งลงตรงข้าม เปิดหยิบสิ่งที่ต้องการจะใช้ออกมาอย่างทะมักทะแมง “ดูคุณเก่งจังค่ะ แต่ไม่ใช่พยาบาล” ขิมถามด้วยความสงสัย ในขณะเจ้าตัวหัวเราะ “ฮ่าๆ ต้องเก่งค่ะ ถึงจะเป็นพนักงานที่นี่ได้” “ทำไมเหรอคะ เจ้านายเคี่ยวมากเลยเหรอ” “ป่าวหรอกจ้า คุณเคลน่ะเธอใจดี” “คุณเคล..” “คนเมื่อสักครู่นี้ไงคะ ที่พาคุณมา” “อะ..อ่อ..” เธอบอกยิ้มๆ ก่อนจะตัดบทมาใส่ใจการทำแผล “เจ็บหน่อยนะคะ” “อูย..” “^^ สักพักก็จะหายละค่ะ” ขณะพนักงานทำแผลปลอบเธอไปด้วยทายาให้เธอไปด้วย ต่างกับขิมที่ตอนนี้ปั้นหน้ายับยู่ยี่ไปแล้ว แต่ก็ยังไม่วายจะหายสงสัย “โอเค เรียบร้อยแล้วค่ะ” “ขอบคุณนะคะ” “ยินดีค่ะ” “ว่าแต่ บริษัท เอ่อ.. C-Man นี่ เกี่ยวกับอะไรเหรอคะ” และเธอถามจนได้ “อ่อ.. เวดดิ้งน่ะค่ะ รับจัดงานแต่งงาน งานต่างๆ ประมาณนี้ล่ะค่ะ” “อ่า...ค่ะ” ได้รับคำตอบแบบนั้น ขิมถึงกับยิ้มแหย่ๆออกมาทันที ...คงต้องรวยมากสินะ ถึงสามารถทำธุรกิจเงินเย็นแบบนี้ได้... “โอเคค่ะ คุณพักเถอะนะคะ ดิฉันขอตัวก่อน” “อ้อ เดี๋ยวก่อนค่ะ” “คะ?” “แล้ว..ถ้าจะกลับไปยังสุขุมวิทนี้ ต้องต่อรถสายไหนอะคะ ป้ายรถเมล์อยู่ไหนเหรอ” ขิมถามอีกครั้ง ทว่า คนลุกไปอย่างพนักงานทำแผลหันมายิ้มกว้างให้พร้อมส่ายหน้า “ไม่บอกค่ะ เพราะคุณเคลสั่งให้คุณรอเค้า” “อ่าว..” “เขาฝากให้ดิฉันดูแลคุณ จนกว่าเขาจะเลิกประชุมเสร็จ ตามสบายนะคะ ^^” พูดจบทำท่าจะหมุนตัวเดิน แต่เหมือนจะยังพูดไม่จบ “อ้อ .. ไม่ต้องกลัวใครจะมารบกวนนะคะ ที่นี่เป็นห้องลำลองค่ะ เวลางานยุ่งไม่กลับบ้าน คุณเขาก็จะพักที่นี่” “ห่ะ! อย่างนี้ก็ได้ด้วยเหรอคะ..” สองชั่วโมงผ่านไป นานถึงขนาดคนรออย่างขิมเผลอหลับ กว่าคนขับรถคนนั้นจะย้อนกลับมา อาจจะเพราะแอร์เย็นฉ่ำ หรือ เพราะเธอเจ็บบวกกับการตื่นเช้ารึเปล่าไม่รู้ ที่ทำให้คนไว้ใจใครยากอย่างขิมหลับง่ายขนาดนี้ ถือวิสาสะนอนราบบนโซฟา ไม่ตั้งการ์ดรักษาความปลอดภัยให้กับตัวเองเลย ปล่อยให้ใครคนนึงยืนมองอยู่ได้ ในท่ามือล้วงกระเป๋ากางเกงทำหน้างง “หลับเฉยเลย..” คลึงลิ้นเล่นในปากไปมาเสมือนคิด ก่อนจะตัดสินใจถอดสูทนอกของตัวเอง “ไหนก็ไหนๆละ เอ้า..” ยกให้คนนอนหลับได้ห่มซะนี่ ก่อนตัวเองจะปลีกตัวออกจากตรงนั้น มานั่งเล่นโทรศัพท์ เพราะไม่กล้าปลุกให้เธอตื่น อันที่จริงเขาต้องการให้ขิมอยู่รอก็เพียงจะบอกขอโทษ และเลี้ยงอาหารเธอสักมื้อ เพื่อเป็นการปลอบขวัญที่ทำเธอเจ็บตัว ไม่ได้คิดว่าจะทำให้เธอรอนานซะจนหลับอย่างนี้ ทำยังไงได้ล่ะ ในเมื่อเขาไม่กล้าที่จะปลุก ก็คงต้องนั่งรออยู่แบบนี้ล่ะ รอจนกว่าเธอจะตื่นเอง 1 ชั่วโมงผ่านไป.. ร่างสวยบนโซฟาสะดุ้ง พลางซู้ดลมเข้าปาก ก็ตอนเผลอยกข้อศอกขึ้นมากะทันหัน ก่อนจะมาเบิกตากว้างก็ตอนที่นึกอะไรบางอย่างขึ้นได้ “ตายแล้ว!!!” อุทานออกมาสุดเสียง แล้วมาเงียบกึกอีกทีก็ตอนที่มีเสียงของเคลแทรกเข้ามา “ไม่ตายหรอกคุณ..คุณก็แค่หลับไปหนึ่งชั่วโมงเต็มเอง..” พร้อมกับยกเท้าที่พาดอยู่บนโต๊ะลงพื้นพรม “อ๊ะ..คุณ.” “เป็นไง หลับสบายมั้ย..” กับคำถามนี้ ที่แทงใจขิมซะจนหน้าแดง “เอ่อ.. คือ..” ก้มหน้านิ่งด้วยความเขิน “หนู..ขอโทษค่ะ” “หืม..หนู?? อายุเท่าไหร่กันเชียว” ก่อนจะมาขมวดคิ้วเสริมอีกที ก็ตรงคำถามนี้ “สะ..สิบเก้าค่ะ” พลางช้อนตาขึ้นมาตอบ แล้วหลบลงไปใหม่ “อะไรกัน ดูโตเป็นสาวขนาดนี้ เพิ่งสิบเก้าเองเรอะ เด็กสมัยนี้โตไวจริงๆ” เพราะคำบ่นของเขานี้ที่ขิมฟังแล้วมันทะแม่งๆ ...ทำไมเขาพูดเหมือนเขาแก่เลยล่ะ ... “เงยหน้า” “คะ?” “เวลาคุยกับผู้ใหญ่ ต้องเงยหน้า ที่บ้านไม่สอนเหรอ ..” แต่แล้ว อยู่ๆก็มีคำนี้แหละ ที่ทุบกำแพงความเขินของเธอมลายหายไปได้ “เอ๋.. เกี่ยวอะไรกับที่บ้านหนูเหรอคะ?!” ยอมเหลือบหน้าขึ้นมามองเคล ก่อนจะเค้นเสียงใส่ “อ่อ ถ้าหมายถึงมารยาท .. สอนค่ะ สอนบ่อยด้วย แต่หนูไม่จำเอง!” “หืม...” ซึ่งคราวนี้ ทำเอาเคลที่นั่งหน้านิ่งอยู่ในทีแรก ถึงกับขมวดคิ้วงง ปลายจมูกที่เชิ่ดขึ้น บ่งบอกถึงความดื้อเป็นอย่างดี เคลถึงกับนั่งอมน้ำลาย พูดไม่ออก เมื่ออยู่ๆมาถูกเด็กเถียงแบบนี้ ได้แต่ขมวดคิ้วมองหน้าขิมไม่ละสายตา ก่อนจะลุกพรวดขึ้นจนขิมสะดุ้งตกใจ “อะไรคะ!” “เอาเสื้อผมคืนมา..” กลับมาหายใจโล่งอกก็เพราะประโยคนี้ ขิมกัดปากแน่น พลางยื่นมันไปให้ “ขอบคุณค่ะ” เบือนหน้าไปมองทางอื่น เธอรู้สึกอึดอัดขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก “ไปล้างหน้าล้างตาซะสิ” ก่อนเหลือบตาใหม่อีกครั้ง ในขณะเคลพยายามกลั้นหัวเราะกับท่าทางของเธอ “ทำไมหนูต้องทำตามที่คุณว่าด้วยล่ะคะ” ที่ไม่วายจะตึงใส่ เคลอยากจะถาม เมื่อยไหมกับการนั่งตัวตรงซะเหมือนหุ่นขี้ผึ้งแบบนี้ “ก็ตามใจ ถ้าอยากจะเอาน้ำลายบูดติดปากไปให้ใครต่อใครเห็นตอนนี้” เคลยักไหล่บอก หมุนตัวกลับไปนั่งที่เดิม “ห๊ะ!” ได้ผล ขิมถึงกับยอมวางมือจากการนั่งตัวทื่อ มาถูปากตัวเองแทน “จริงเหรอคะ! O.O” เธอหันซ้ายหันขวามองหาห้องน้ำ ก่อนจะพุ่งเข้าไปหามันทันทีหลังพบ ปล่อยให้เคลนั่งส่ายหน้าขำเบาๆอยู่คนเดียว “ฮ่ะๆๆ เด็กน้อยจริงๆ” ดูแวบเดียวเคลก็พอจะรู้แล้ว ขิมเป็นเด็กต่างจังหวัดที่เพิ่งจะเข้ามาเรียนที่นี่ และที่สำคัญเธอไร้เดียงสาซะจนน่ารังแก หลังจากหมดเรื่องตลกให้เขาขำ สายตาคมกริบก็ทอดยาวอย่างไร้จุดหมายออกไปทันที ก่อนหน้านี้ เขาเผลอก้มลงไปเห็นเศษกระดาษที่ขิมเขียนชื่อสถานที่ไว้ ทำให้เขารู้ว่าเด็กคนนี้กำลังจะหางานทำ ซึ่งเขากำลังคิด.. จะช่วยเธอยังไงดี.. 10 นาทีผ่านไป.. แอด... เสียงประตูห้องน้ำเปิด ทำเคลหลุดออกจากความคิด หันไปมอง ก็เห็นว่าสาวน้อยร่างบางกำลังเดินตะแผลกมาหา พลางเลิกคิ้ว “หนูไปได้หรือยังคะ” ก่อนจะยิ้มบางๆให้กับคำถามนี้ ลุกจากเก้าอี้ แล้วดึงสูทมาใส่ “ไปพร้อมผม..” “ห๊ะ!” “บ้านอยู่ไหน เดี๋ยวไปส่ง” “หนูยังไม่กลับบ้านหรอกค่ะ” “ไม่กลับบ้านแล้วจะไปไหน” “หางานทำ” ในจังหวะจัดทรงเสื้อ เคลเกิดมาสะดุดเข้ากับคำนี้ ที่พาลทำให้เขาหัวเราะ “สภาพแบบนี้เนี่ยนะ ใครเขาจะรับ รักษาตัวให้หายก่อนดีไหม” “ก็เพราะคุณนั่นล่ะ” “หืม..” แล้วมาเลิกคิ้วต่อ “เพราะผม? ผมทำไม..” เดินเข้าไปหาคู่กรณี ถึงกับขิมทำตัวไม่ถูก “กะ..ก็.. ขับรถมาเฉี่ยวหนู” “ไม่ใช่ว่าหนูข้ามถนนตัดหน้าผมเรอะ!” และก็ต้องปิดปากเงียบสนิทก็ตรงคำถามแทรกนี้แหละ ..หมอนี้ เวลาขมวดคิ้ว โคตรหลอนเลย... เธอคิด ก่อนจะก้มหน้านิ่ง ทำเคลถอนหายใจยาว พลางยื่นมือมาจับ “จะทำอะไรคะ” “จะช่วยพยุงไง ถามได้ มีปัญญาเดินไปถึงรถไหมล่ะ” “เอ่อ...” “ไป...เดิน..” “ไปไหนคะ” ทำท่าจะถามต่อ แต่ทว่า.. “ถ้ายังไม่หยุดถาม ผมอุ้ม!” “ฮ่ะ!” ทำเอาขิมถึงกับอึ้ง ได้แต่ช้อนตามอง ทำอะไรไม่ถูก ในขณะคิมเห็นว่าเธอไม่ก้าวเท้าสักที บวกกับเธอยังไม่เลิกสงสัย “หนูก็แค่งงว่าคุณจะพา...ว้าย!!!” เลยตัดสินใจอุ้มซะเลย ตัดความรำคาญ “อยู่เฉยๆ” “นี่ปล่อยหนูลงเดี๋ยวนี้นะ อายเค้า!” “บอกให้อยู่เฉยๆไง” ท่ามกลางพนักงานนับร้อยที่มองมาเป็นตาเดียวกัน หลังจากเคลเปิดประตูออกไป แล้วขิมส่งเสียงโวยวายพร้อมดิ้น แต่เขากลับไม่สนใจ แม้ว่าตอนนี้ พนักงานทั้งตึกจะลือว่าขิมคือแฟนของไปแล้ว หลังรอบสิบปีที่เขาไม่เคยพาใครมาเลยก็ตาม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม