คืนนั้น ฟ้าปิดสนิท ลมเงียบสนิทจนได้ยินเสียงหัวใจตัวเองเต้น
กลิ่นธูปกลับมาอีกครั้ง... หนักแน่นกว่าเดิม ราวกับใครกำลังจุดธูปนับร้อยดอกอยู่ข้างบ้าน
ฉันเดินไปที่หน้าต่าง — แสงไฟสีแดงเรื่อ ๆ ลอยมาจากบ้านไม้ของยายผ่อง
ในเงา ฉันเห็นหญิงแก่คนนั้น... นั่งนิ่งอยู่กลางบ้าน มือกำธูปแน่น ดวงตาสีขุ่นจ้องตรงมาที่ฉัน
ข้างหลังเธอ มีเงาเด็กผู้หญิงคนเดิม ยืนร้องไห้เงียบ ๆ
ฉันตัดสินใจเปิดประตูออกไป ทั้งที่เท้าสั่นและใจเต้นแรง
กลิ่นธูปโอบล้อมฉันตั้งแต่ก้าวแรกเข้าไปในรั้ว
บันไดไม้ส่งเสียงเอี๊ยดเหมือนกำลังบ่นถึงอดีตที่ไม่เคยถูกให้อภัย
ทุกก้าวที่เดินขึ้นไป เหมือนใกล้ “อะไรบางอย่าง” ที่ฉันรู้ดีว่าควรหลีกเลี่ยงที่สุด
ที่กลางห้อง... มีโต๊ะหมู่บูชาที่เต็มไปด้วยธูปไหม้ครึ่งแท่ง
และรูปถ่ายเก่าใบหนึ่ง — รูปเด็กหญิงในชุดนักเรียนยืนยิ้มคู่กับหญิงชรา
ด้านหลังรูปเขียนว่า “อรินทร์ ลูกยาย”
ฉันทรุดลงทันที ความจำบางอย่างที่ฉันปิดไว้ในใจกลับมา
ตอนเด็ก... ฉันเคยอาศัยอยู่กับยายผ่องจริง ๆ
วันหนึ่ง ฉันเผลอทำแจกันล้มใส่ยายจนเลือดออก ฉันตกใจ หนีออกจากบ้าน... และไม่เคยกลับมาอีก
ฉันทิ้งเธอไว้ลำพัง — ในคืนนั้นเองที่ยายตาย... ตายโดยไม่มีใครขอขมา
ตอนนี้ ฉันร้องไห้จนตัวสั่น “ยาย... หนูขอโทษ...” เสียงสั่นพร่าออกมาพร้อมกลิ่นธูปที่แรงขึ้นเรื่อย ๆ
เงาของหญิงแก่ค่อย ๆ เดินเข้ามา มือเธอยื่นธูปให้ฉัน พร้อมพูดว่า
“จุดให้แม่สิลูก... จะได้ไม่ต้องหากันอีก”
ฉันจุดธูป ดวงไฟสว่างขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่ลมเย็นจะพัดดับลง
ควันธูปค่อย ๆ ลอยวนรอบตัวฉันเหมือนอ้อมกอด
เงาของยายผ่องและเด็กหญิงคนนั้นค่อย ๆ จางหายไปในกลิ่นธูป
เหลือเพียงความเงียบ และหัวใจที่เบาขึ้นอย่างประหลาด
เช้าวันต่อมา บ้านไม้ข้าง ๆ ถูกรื้อทิ้ง
ไม่มีใครเห็นเงา ไม่มีใครได้กลิ่นอีกเลย
มีเพียงกระถางธูปเก่า ๆ วางอยู่ข้างรั้ว กับป้ายไม้เขียนด้วยตัวสั่น ๆ ว่า
“การให้อภัย...คือการปลดปล่อยวิญญาณของทั้งสองฝ่าย”