รับงาน

1474 คำ
20.00 น. สามสาวนั่งล้อมวงมองหน้ากันในห้องพักห้องน้อยของพวกเธอเพราะเหตุการณ์ก่อนหน้าที่จะกลับมทำให้พวกเธอมีอะไรที่จะต้องคิดหนักอยู่พอสมควร เหตุการณ์หลังจากที่สารภีให้โชควนรถกลับไปเพราะสารภีต้องการทำความรู้จักกับสามสาวและวานให้ณจันทร์ช่วยปลอมตัวเป็นหลานสาวของเธอจนกว่าจะถึงวันหมั้นโดยตอบแทนเป็นเงินหนึ่งก้อน “ไม่คิดเหมือนกันว่าจะมีคนที่เหมือนจันทร์อย่างกับฝาแฝดแน่ะ” เป็นพราวมุกเริ่มเปิดประเด็นทะลายความเงียบที่เกิดขึ้นเพราะเธอแอบทึ่งในใจพอสมควรหลังจากที่สารภีเปิดรูปหลานของเธอให้ดูไม่คิดว่าหน้าตารูปร่างของณจันทร์จะไปเหมือนกับปานตะวันลูกของโสภิตาขนาดนั้น “ตอนแรกเค้าก็ตกใจเหมือนกันถึงว่าทำไมคุณน้าถึงได้มาทักด้วยสีหน้าเศร้าๆแบบนั้น” ณจันทร์เองก็ตกใจไม่ต่างจากเพื่อนทั้งสองแอบเห็นใจโสภิตาลึกๆที่จู่ๆลูกสาวก็หายตัวไปทำให้ทุกข์ใจจนสีหน้าหม่นหมองอยู่ตลอดเวลา “แล้วข้อเสนอที่พวกเค้าให้มาตัวว่าไงอะจันทร์จะรับมั้ย” ณิชาเกริ่นถามณจันทร์ด้วยอยากรู้คำตอบที่ณจันทร์ยังไมได้ให้กับโสภิตาและสารภี “อันที่จริงเค้าไม่อยากที่จะโกหกใครเลย..แต่เงินที่คุณน้าเค้าเสนอมาให้จำนวนเงินก้อนนั้นมันทำให้แม่ครูผ่าตัดได้โดยที่ไม่ต้องรอคิว” สีหน้าของณจันทร์ตอนนี้ดูลำบากใจพอสมควร “แต่ตัวก็ไม่ต้องโกหกนานไม่ใช่หรอแค่งานหมั้นจบทุกอย่างก็จบดีไม่ดีคุณน้าเค้าอาจจะตามตัวลูกสาวเค้าเจอก่อนวันงานก็ได้” พราวมุกรู้ว่าณจันทร์เป็นคนตรงไปตรงมาแค่ไหนรู้ว่าเพื่อนเธอลำบากใจหากเปลี่ยนเป็นเธอทำแทนได้คงดี “เอาเป็นว่าเค้าจะรับงานนี้เพื่อแม่ครู” ณจันทร์มองหน้าสองสาวที่รอฟังคำตอบของเธอก่อนจะตัดสินใจตกลงที่จะรับงานนี้ด้วยชั่งน้ำหนักดูแล้วเธอคิดว่าชีวิตของแม่ครูสำคัญกว่าอะไรทั้งหมด “พวกเราจะคอยสู้อยู่ข้างๆเสมอมีอะไรให้ช่วยก็บอกนะจันทร์” พราวมุกโผเข้ากอดณจันทร์รู้สึกขอบคุณเพื่อนจากหัวใจที่เสียสละตัวเองเพื่อแม่ครู “ตัวทำทุกอย่างได้อย่างราบรื่นอยู่แล้วล่ะ” ณิชาโผรวบกอดเพื่อนทั้งสองสร้างพลังบวกให้ณจันทร์มีกำลังใจทำสิ่งที่ตัวเองตัดสินใจทำรู้ว่าเรื่องนี้ทำให้ณจันทร์ลำบากใจพอสมควรแต่ก็ยังเลือกที่จะทำเพราะฉะนั้นเธอที่เป็นคนใกล้ชิดก็ต้องให้กำลังใจณจันทร์มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ เช้าวันต่อมา “ณจันทร์ยอมตกลงแล้วนะ..เธอพึ่งโทรบอกพี่เมื่อคืน” สารภีบอกกับโสภิตาที่พึ่งลงมาทานอาหารเช้าด้วยกัน “ทำไมเธอยอมตกลงง่ายๆล่ะคะดูตอนที่เราพูดเรื่องที่จะให้เธอทำดูเธอลำบากใจพอสมควรเลย” “ก็เงินที่เราเสนอให้มากพอสมควร..พี่คิดแต่แรกแล้วว่ายังไงณจันทร์ก็ต้องยอมตกลง” “จะว่าไปโสก็รู้สึกคุ้นเคยกับณจันทร์แปลกๆนะคะ” โสภิตาแอบนึกถึงสายตาของณจันทร์แม้จะมองกันไม่นานแต่สายตาคู่นั้นก็ทำให้เธอนึกถึงได้แทบจะตลอดเวลา “ก็คงจะเป็นเพราะเธอเหมือนกับปานตะวันมากนั่นแหละ” “คงอย่างนั้นค่ะ..อีกอย่างโสใจไม่ค่อยดีเท่าไรที่ต้องหลอกลวงทางบ้านของคุณพล” “หรืออยากจะให้งานหมั้นยกเลิกแล้วบริษัทที่คุณนิรุจรักพังไม่เป็นท่าล่ะยัยโส” สารภียกชื่อสามีที่เสียไปของโสภิตาเพื่ออยากให้น้องสาวของเธอมองว่าเรื่องไหนสำคัญที่สุด “เฮ้อ..” โสภิตาถอนหายใจด้วสีหน้าไม่สู้ดีเธอรู้ว่าสามีเธอและภัทรพลเป็นเพื่อนรักกันมากจนเธอรู้สึกละอายใจที่ต้องหลอกลวงเพื่อนของสามีเช่นนี้แต่ก็ไม่มีทางเลือกจริงๆ “ทานข้าวเสร็จแล้วพี่ว่าจะโทรหาณจันทร์ให้มาที่นี่จะได้ทำความรู้จักว่าคนรอบตัวยัยตะวันมีใครกันบ้าง” “ค่ะ..พี่สาคะแล้วถ้าเลยงานหมั้นแล้วนักสืบยังตามยัยตะวันกลับมาไม่ได้ล่ะคะ” “ค่อยว่ากันว่าจะเอายังไงต่อแต่เราต้องได้ของหมั้นให้ได้เพราะนั่นจะเป็นสิ่งที่พยุงบริษัทของคุณรุจเอาไว้ได้” โสภิตาและสารภีเป็นพี่น้องต่างพ่อแม่กันสารภีถูกพ่อและแม่ของโสภิตารับอุปการะมาตั้งแต่โสภิตายังไม่เกิดเพราะคราแรกพ่อและแม่ของโสภิตาเข้าใจว่าตัวเองน่าจะไม่มีบุญได้มีลูกเป็นของตัวเอง แต่หลังจากที่รับสารภีมาเป็นลูกบุญธรรมได้ไม่นานแม่ของโสภิตาก็เกิดตั้งท้อง โสภิตาเคารพสารภีเฉกเช่นพี่สาวจริงๆตลอดมาและเธอก็เชื่อฟังสารภีทุกอย่างด้วยถูกพ่อและแม่สอนให้เคารพพี่ตั้งแต่จำความได้ โสภิตาได้แต่งงานกับนิรุจเจ้าของบริษัทอสังหาจนมีลูกด้วยกันคือปานตะวัน ในขณะที่ปานตะวันยังเล็กๆก็มีสารภีคอยดูแลตลอดจนเรียกว่าแม่อีกคนก็ว่าได้เพราะโสภิตาต้องช่วยสามีทำงาน ทางสารภีเองเมื่อช่วงเป็นสาวก็กระเตงหลานไปไหนมาไหนด้วยตลอดจนคนเข้าใจว่าเธอมีครอบครัวแล้วจึงไม่มีใครมาจีบจนครองตัวเป็นโสดอยู่จนปัจจุบัน หลังจากที่นิรุจเสียไปด้วยโรคร้ายก่อนวัยอันควรแถมยังมีวิกฤตของบริษัทอีกโสภิตาจึงเคว้งแทบไม่มีจุดยืนก็ได้สารภีคอยชี้แนะแนวทางตลอดว่าจะเอาอย่างไรต่อไป เช่นตอนนี้ที่สารภีแนะนำให้โสภิตาทวงสัญญาจากครอบครัวของภัทรพลคนที่เป็นเพื่อนรักกับนิรุจเพราะเธอพึ่งมาเห็นสัญญาของนิรุจกับภัทรพลหลังจากนิรุจเสียว่าทั้งสองจะให้ลูกชายและลูกสาวแต่งงานกัน คราแรกโสภิตาไม่ได้อยากทวงสัญญานี้เพราะเคยได้ยินสามีพูดว่าให้มันเป็นโมฆะเพราะไม่อยากบังคับจิตใจลูกแต่เธอก็ต้องยอมทำตามที่สารภีบอกเพราะรู้ว่าหากให้ปานตะวันหมั้นกับลูกชายของภัทรพลสินสอดหมั้นและสินสอดแต่งคงพอที่จะทำให้กิจการของเธอดำเนินต่อไปได้ แต่ใครจะไปคิดว่าเมื่อผู้ใหญ่ตกลงกันดีแล้วปานตะวันจะหนีไปเช่นนี้ ณจันทร์เข้ามาหาสารภีในช่วงบ่ายเมื่อมาถึงสารภีก็เล่าประวัติณจันทร์ว่าพ่อแม่ปู่ย่าตายายชื่ออะไรและรวมไปถึงบอกถึงนิสัยคร่าวๆของปานตะวันให้ณจันทร์ได้รับรู้จวบจนเรื่องการแต่งตัวการใช้ชีวิตว่าปานตะวันจะต้องใช้ของมีแบรนด์มียี่ห้อและทานอาหารดีๆเท่านั้นและอีกเรื่องที่ทำให้ณจันทร์แปลกใจแต่ไม่ได้พูดอะไรออกไปก็คือวันเกิดของปานตะวันที่ทำให้หญิงสาวรู้ว่าเธอและปานตะวันรุ่นราวคราวเดียวกัน "นี่ชุดของคุณตะวันมีแต่แบบนี้หรอคะ" ณจันทร์เริ่มหน้าเสียหลังจากที่สารภีพาเธอมาดูตู้เสื้อผ้าของปานตะวันเพราะในตู้มีแต่ของแพงๆเท่านั้นยังไม่พอยังมีความเปิดตรงนั้นเว้าตรงนี้ของชุดแต่ละชุดณจันทร์ไม่รู้เลยว่าเธอจะกล้าใส่หรือเปล่าเพราะปกติแล้วหากไม่ใช่ชุดทำงานก็เป็นเสื้อยืดกางเกงยีนส์ธรรมดาๆเท่านั้นที่เธอเคยใส่ "ใช่..ต่อไปนี้ถ้าเธออยู่ในชื่อปานตะวันก็ต้องแต่งตัวแบบนี้..อ่อ..อีกอย่างปานตะวันเป็นคนที่มั่นใจในตัวเองสูงอย่าลืมข้อนี้ด้วยล่ะ..ส่วนรูปเพื่อนสนิทของปานตะวันแล้วก็รูปคนในบ้านของนนทวัตรฉันส่งเป็นข้อความไปให้เธอแล้วจำให้ได้ล่ะ" "ค่ะ" "ของว่างค่ะพี่สาหนูจันทร์" โสภิตาเตรียมผลไม้และขนมคุ้กกี้ขึ้นมาให้ทั้งสองในห้องของปานตะวัน "ขอบคุณค่ะคุณน้า" ณจันทร์รีบรับจานของว่างจากโสภิตาตามมารยาท "ข้อมูลคร่าวๆพี่บอกจันทร์ไปแล้วเรามีรายละเอียดตรงไหนอยากจะเสริมก็คุยต่อเลยนะโสพี่จะไปพักหน่อย" "ค่ะ"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม