1257 คำ
“แป้งจะเรียนการท่องเที่ยวค่ะ” จอมทัพยิ้มออกมาทันทีเพราะคิดไว้ไม่มีผิด ภรรยาของเขาก็หันมาพยักพเยิด “ว่าแล้วเชียว เอาเถอะ เรียนอะไรก็ได้ที่แป้งชอบ” “แหงอยู่แล้วสิคะ” สาวน้อยตอบพลางหมุนตัวตรงไปยังพี่สาว “เสร็จหรือยังคะ เปื่อยดีหรือยัง กลิ่นมันยั่วลิ้นแป้งจะแย่แล้ว” “โธ่ แบบนี้ได้อ้วนเป็นหมูเข้าสักวัน หาแฟนไม่ได้ไม่รู้ด้วยนะ” จอมทัพแซวน้องเมียขณะที่ปภาวดีหัวเราะเบาๆ แม่สาวน้อยจึงหันมาย่นจมูกใส่พลางบอก “เชอะ ใครกลัวคะ แป้งอะไม่กลัวสักกะนิด พี่จอมเถอะ สักวันต้องลงพุง เพราะกินทุกอย่างที่พี่ปูนทำ” “ก็พี่ปูนของแป้งทำอาหารอร่อยทุกอย่าง” เขาตอบยิ้มๆ แล้วสบตาภรรยาอย่างมีความหมาย ปภาพินท์เห็นแล้วก็ทำเบ้ปาก หมั่นไส้ในความหวานเลี่ยนตลอด “หึย! อย่ามาหวานแถวนี้นักเลยค่ะ แป้งกลัวกินข้าวไม่ลง” แม่คนกลัวกินข้าวไม่ลงยกหม้อข้าวมาตั้งฉับ แล้วเตรียมคดข้าวใส่จาน “ให้จริงเถ๊อะ จริงไม่กลัว แต่พี่กลัวจะไม่จริง เห็นคดข้าวไม่ต่ำกว่าสองจานทุกที” จอมทัพกระเซ้าหญิงสาว ก่อนจะหัวเราะขบขัน ทำให้ปภาพินท์ต้องหลุดหัวเราะตามไปด้วย “โธ่ พี่จอมละก็ ชอบแหย่แป้งเรื่อยเลย ก็แป้งอยู่ในวัยกำลังกินกำลังนอนนี่คะ จะให้กินเป็นแมวดมอย่างพี่ปูนได้ยังไงกันเล่า” แม่สาวน้อยพูดจบ พี่สาวก็ก้าวเข้ามาพร้อมต้มยำพอดี “เอาเถอะๆ สองคนนี้ กินข้าวกันได้แล้ว” แล้วในที่สุด ปภาพินท์ก็สำเร็จการศึกษา สาวน้อยตั้งหน้าตั้งตาอ่านหนังสือเพื่อสอบเข้ามหาวิทยาลัย เมื่อสอบเสร็จทั้งจอมทัพและปภาวดีจึงชักชวนน้องสาวไปพักผ่อนสมองทันที “เสร็จหรือยังแป้ง” ปภาวดีเรียกน้องสาวเมื่อออกมายืนรอที่ประตูรถยนต์ “เสร็จแล้วค่า” สาวน้อยวิ่งตื๋อลงมาจากบ้าน แล้วเสือกกระเป๋าเข้าไปด้านในก่อนจะตามเข้าไปแล้วปิดประตูลง จากนั้นรถยนต์ก็เคลื่อนออกจากบ้านโดยจอมทัพ ชายหนุ่มเปิดเพลงเบาๆ คลอไป ระหว่างนั้นสองสาวก็คุยกันจิปาถะ แม่สาวน้อยข้างหลังมีโปรแกรมมากมายในการไปเที่ยวครั้งนี้ภรรยาของเขาเองก็ไม่ต่างกันนัก และเมื่อใดที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกัน ความสดใสก็กระจ่างขึ้นในทันที... นครนายก คือจุดหมายปลายทางของทุกคนและเป็นบ้านเกิดของจอมทัพ จนเกือบเที่ยงจึงเดินทางมาถึงบ้านของชายหนุ่ม รถยนต์เลี้ยวผ่านประตูรั้วเข้าไปจอดบริเวณลานหน้าบ้าน ปภาพินท์ก้มมองผ่านกระจกหน้ารถขึ้นไปบนตัวบ้านซึ่งเป็นบ้านไม้ยกพื้นขนาดใหญ่ที่จอมทัพบอกว่าบิดาได้รับมรดกมาจากปู่และย่า ซึ่งรวมแล้วอายุบ้านหลังนี้จึงไม่น้อยกว่าห้าสิบปี ทว่า สภาพที่เห็นนี้กลับดูไม่เก่าเลยสักนิด นั่นเป็นเพราะได้รับการดูแลเป็นอย่างดีมาโดยตลอด และอีกไม่นานก็จะตกเป็นของจอมทัพเพราะเขาเป็นลูกชายเพียงคนเดียว บิดาของเขาชื่อทะนง อดีตกำนันผู้มีชื่อเสียงของหมู่บ้าน ส่วนวรรณาผู้เป็นมารดานั้นเป็นครูปลดเกษียณมา สองปีแล้ว และไม่มีความเดือดร้อนเรื่องเงิน รวมทั้งจากที่จอมทัพส่งให้ทุกเดือน ทำให้ไม่ต้องดิ้นรนทำงานหนักอีกต่อไป ทั้งคู่จึงใช้เวลาว่างช่วยกันปลูกผักสวนครัวเล็กๆ น้อยๆ และรอบบ้านของพวกเขาจึงเต็มไปด้วยดอกไม้สีสันสวยงาม ทำให้ปภาพินท์ชอบเป็นอย่างยิ่งและดีใจทุกครั้งที่จอมทัพจะพามาเยี่ยมบ้าน “พี่จอม ไหนพ่อกับแม่ล่ะคะ” สาวน้อยเอ่ยถาม เมื่อเห็นว่าบ้านเงียบผิดปกติ ชายหนุ่มหันมายิ้มให้พลางตอบ “เปิดรั้วบ้านทิ้งไว้แบบนี้คงอยู่หลังบ้านนั่นแหละ” เขาพูดไม่ทันขาดคำ มารดาก็โผล่หน้าออกมาจากระเบียงบ้านชั้นบนทันที “อ้าว! นั่นไงคะ อยู่บนบ้าน” ปภาวดีเป็นคนตอบ หญิงสาวยิ้มให้สามีพร้อมกับเปิดประตูรถยนต์ออกไป “สวัสดีค่ะแม่” นางวรรณาไม่ได้รับไหว้เพราะในอ้อมแขนเต็มไปด้วยผ้าห่มที่กำลังเตรียมนำเอาไปไว้ในห้องนอนของลูกชาย ทว่ายิ้มตอบออกมาอย่างยินดีเมื่อทั้งสามออกมาจากรถ “อ้าว มากันแล้ว” “สวัสดีครับแม่” จอมทัพยกมือไหว้มารดาที่อยู่บนบ้าน เช่นเดียวกับปภาพินท์ที่ยิ้มแป้นสวัสดี “สวัสดีค่ะแม่ พ่อล่ะคะ” สาวน้อยเจื้อยแจ้ว ทำให้อีกฝ่ายรู้สึกนึกเอ็นดูเป็นทวีคูณ เนื่องจากไม่มีลูกสาว “พ่อเขาอยู่หลังบ้านโน่นแน่ะ เห็นว่าไปเก็บมะเขือกับพริกน่ะ” วรรณาตอบ “ตามสบายนะลูก เดี๋ยวแม่ลงไป” ว่าแล้ววรรณาก็ผลุบหายเข้าไปในบ้านอีกครั้ง จอมทัพจึงเดินไปที่หลังรถยนต์แล้วขนของออกมา ทั้งของใช้ของฝาก สองสาวจึงเดินมาช่วยชายหนุ่ม “แป้งเอาของกินไปไว้ในครัวนะ เดี๋ยวพี่จะขึ้นไปช่วยแม่จัดห้องจ้ะ” ปภาวดีบอกน้องสาว “ได้ค่ะ เดี๋ยวแป้งตามไปนะคะ” สาวน้อยตอบรับพลางหิ้วถุงของฝากเข้าไปเก็บไว้ในครัวซึ่งอยู่ด้านล่าง จอมทัพมองตามยิ้มๆ ก่อนจะขนของตามภรรยาขึ้นไปบนบ้าน วรรณากำลังขึงผ้าปูที่นอนอยู่ด้านใน ปภาวดีเข้ามาเห็นก็รีบวางของส่วนตัวแล้วก้าวตรงไปช่วยมารดาของสามีทันที “ปูนช่วยค่ะแม่” วรรณาหันไปยิ้มให้สะใภ้คนงาม ก่อนจะยิ้มเลยไปยังลูกชายที่ก้าวตามมาติดๆ “แม่พักเถอะนะคะ เดี๋ยวปูนกับจอมทำกันเองค่ะ ส่วนห้องของแป้งเดี๋ยวรอแป้งขึ้นมาค่อยทำ แม่ไม่ต้องทำให้นะคะ” หญิงสาวกล่าวกับท่านยิ้มๆ ฝ่ายนั้นจึงวางมือแล้วถอยออกมายืนมองสองสามีภรรยากุลีกุจอช่วยกันด้วยสายตาพึงพอใจ “ถ้าอย่างนั้นแม่ลงไปข้างล่างก็แล้วกันนะ ว่าจะไปดูพ่อเขาหน่อย เก็บไปถึงไหนแล้วก็ไม่รู้” ท่านกล่าว ก่อนจะหันหลังให้ทั้งสองแล้วก้าวออกจากห้องไป ตกเย็น ทุกคนนั่งล้อมวงกินข้าวที่โต๊ะม้าหินใต้ถุนบ้าน “จะไปเที่ยวกันกี่ที่ล่ะ” อดีตกำนันทะนงเอ่ยถาม “ว่าจะไปสักสามที่ครับ” ชายหนุ่มตอบบิดายิ้มๆ พลางเหลือบตามองคนที่ร่ำร้อง “แป้งเขาเลือกไว้เรียบร้อย เห็นว่าจะเที่ยวให้ชุ่มปอดก่อนฟังผล เผื่อเอาไว้ย้อมใจหากสอบไม่ติด” สาวน้อยทำแก้มตุ่ยทันทีที่ถูกพี่เขยเย้าแหย่ “ไม่จริงนะคะพ่อ แป้งน่ะต้องสอบติดอยู่แล้ว อย่าไปเชื่อพี่จอม” ปภาพินท์หันไปบอกกับมารดาของเขา ทั้งสองจึงหัวเราะเบาๆ พลางเอ่ย “พ่อว่าหัวดีอย่างแป้งต้องสอบติดอยู่แล้วล่ะ” “จริงจ้ะ อย่าไปฟังคำพูดของพี่จอมเขาเลย” เมื่อวรรณาพูดจบ ปภาพินท์ก็ยิ้มแป้น ก่อนจะหันไปทำหน้าเยาะเย้ยชายหนุ่ม “เห็นไหมล่ะ แม่กับพ่อยังรู้เลย ว่าแป้งหัวดี สอบติดชัวร์” ฝ่ายนั้นจึงส่ายหน้ายิ้มๆ ก่อนสบตาภรรยาที่ยิ้มอยู่ก่อนแล้ว แต่ลึกๆ แล้วทั้งสองก็เชื่อเช่นกัน ว่าน้องสาวจะต้องทำได้ เพราะปภาพินท์หัวดีอย่างที่พูดกันจริงๆ
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม