12 : ข้อแลกเปลี่ยนหรือโดนบังคับ?

3908 คำ
วันที่ต้องไปหัวหิน.... รถตู้สีขาวแล่นเข้ามาจอดยังรีสอร์ทหรูแห่งหนึ่งในหัวหิน ที่พักนี้ตั้งอยู่ติดกับทะเลบรรยากาศโดยรอบร่มรื่นและวิวสวยเอามากๆ หากแต่หญิงสาวที่ยืนอยู่นั้นบนใบหน้าของเธอกลับไม่ได้รู้สึกยินดีไปกับบรรยากาศโดยรอบเลย.... แตงกวายืนอยู่ข้างๆ แม่ของเธอพร้อมด้วยเมธาหุ้นส่วนคนสำคัญที่จะร่วมธุรกิจกับแม่ของเธอ รวมถึงลูกชายของเขาอย่างกันต์ด้วย ตั้งแต่มาถึงกันต์ก็เอาแต่ชวนแตงกวาพูดคุยไม่หยุดและผู้ใหญ่ก็เห็นดีเห็นงามไปกับเขาซะหมด แตงกวาที่เป็นเสมือนตัวเชื่อมในครั้งนี้ได้แต่ปั้นหน้ายิ้มและตอบคำถามของกันต์ แม้จะไม่เต็มใจนักก็ตาม “แล้วนี่คุณวิกับหนูแตงกวากินอะไรมากันหรือยังครับ ถ้ายังเราไปหาข้าวเช้าแถวนี้กินกันไหมครับ” “ก็ดีค่ะ วิกับลูกยังไม่กินอะไรมากันเลย” “โอเคครับงั้นเราไปกันเลยไหม?” “ค่ะ” วิภาดากับเมธาพูดคุยกันพลางเดินนำหน้าไปยังร้านอาหารของรีสอร์ทก่อนที่แตงกวาและกันต์จะเดินตามหลังผู้ใหญ่ไป ตลอดทางกันต์ก็คอยชวนแตงกวาพูดคุยไปเรื่อย “น้องแตงกวามาเที่ยวทะเลบ่อยไหมครับ?” “ไม่ค่อยบ่อยค่ะ พอดีแตงกวาเพิ่งเข้าปีหนึ่งก็เลยยุ่งๆ กับเรื่องเรียนแล้วก็กิจกรรม” “อ้อ งั้นเหรอครับ ถ้าอยากมาอีกบอกพี่ได้นะ พี่รู้จักโรงแรมแล้วก็รีสอร์ทสวยๆ เยอะเลยครับ” “เหรอค่ะ แสดงว่าพี่กันต์มาเที่ยวบ่อยสินะคะ” หญิงสาวทำเป็นใคร่รู้ถึงเรื่องของเขา พร้อมกับรอยยิ้มบนใบหน้าที่แสดงออกถึงความสนใจทั้งที่ในใจนั้นเธอไม่ได้อยากรู้เลยสักนิด “ก็บ่อยอยู่ครับ พวกเพื่อนๆ ของพี่ชอบชวนมาเที่ยวน่ะครับ” กันต์ตอบกลับแตงกวาด้วยรอยยิ้ม แต่หญิงสาวรู้ดีว่าเพื่อนที่เขาพูดถึงน่าจะเป็นผู้หญิงมากกว่า เพราะจากที่เธอสืบประวัติของเขามาคราวๆ นั้น เขาน่ะมันเสือผู้หญิงตัวพ่อเลยทีเดียว “ค่ะ” รอยยิ้มถูกส่งไปให้เขาตามมารยาท “ครั้งหน้าน้องแตงกวาชวนเพื่อนๆ มาเที่ยวกันก็ดีนะครับ... พี่จะได้พาเพื่อนพี่มาด้วย พวกเพื่อนพี่มันโสดเหมือนพี่นี่แหละ... อยากทำความรู้จักสาวๆ” ชายหนุ่มยังคงชวนคุยไม่หยุดและไม่ลืมที่จะย้ำกับเธอว่าเขานั้นไม่มีใคร ก็แหงสิ...เขาไม่มีใครเป็นตัวเป็นตน แต่ที่มีอยู่นั้นก็ละลานตาเลยทีเดียว “แตงกวาต้องถามเพื่อนก่อนน่ะค่ะ แล้วก็ไม่รู้ว่าแฟนพวกมันจะอนุญาตด้วยไหม” คำตอบของแตงกวาทำเอากันต์ยิ้มเจื่อนไปเลย ก่อนที่เขาจะเอ่ยถามเธอด้วยคำถามที่ยังคาใจอยู่ “แล้วอย่างนี้น้องแตงกวาต้องถามแฟนก่อนด้วยไหมครับ” สิ้นเสียงของเขาแตงกวาก็มองหน้าเขานิ่งก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ “ก็คงต้องถามค่ะ หรืออาจจะพาเขามาด้วยก็ได้... ถ้าพี่กันต์ไม่ว่าอะไร” คำตอบพร้อมรอยยิ้มของแตงกวาทำเอาคนฟังถึงกับหุบยิ้มลงทันทีก่อนที่เจ้าตัวจะรีบปรับสีหน้าแล้วยิ้มตอบกลับเธออีกครั้ง “ไม่ว่าหรอกครับ” “ค่ะ” ตอบเขาแล้วเธอก็สาวเท้าเดินตามผู้ใหญ่ไป ส่วนกันต์ที่เดินตามเธออยู่นั้นสายตาของเขากลับดำดิ่งเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ เขารู้สึกไม่ค่อยพอใจกับคำตอบของหญิงสาวตรงหน้าสักเท่าไร แต่เขาจะแสดงออกอะไรมากนักไม่ได้ เพราะเขาเองก็เป็นหมากตัวหนึ่งในการร่วมธุรกิจครั้งนี้ของพ่อเขากับแม่ของแตงกวาด้วย.... หลังจากทานอาหารเช้ากันเสร็จทุกคนก็เดินทางไปดูที่ดินที่จะก่อสร้างโครงการบ้านจัดสรรค์ขนาดใหญ่ และที่ดินนั้นก็มีทำเลที่ดีมากเลยทีเดียว เพราะเป็นที่ที่อยู่ติดกับทะเล และไม่ไกลจากตัวเมืองมากนัก “สำหรับโครงการนี้นะครับทางเรามีแผนงานที่วางไว้เกือบจะเสร็จสมบูรณ์แล้วครับ ทั้งโครงการจะมีสิ่งอำนวยความสะดวกต่างๆ รวมถึงพื้นที่ส่วนกลางสำหรับครอบครัวได้ใช้เวลาว่างด้วยกัน และอาจจะมีโซนที่เราจะเปิดให้เช่าพื้นที่เพื่อทำร้านอาหารเล็กๆ หรือร้านกาแฟด้วยครับ” เสียงของเลขาส่วนตัวของเมธาอธิบายรายละเอียดโครงการให้แม่ของแตงกวาได้รับทราบ จริงๆ เรื่องนี้วิภาดาก็พอรู้มาคร่าวๆ แล้ว เพียงแต่เมธาต้องการที่จะอธิบายรายละเอียดให้วิภาดาทราบอีกครั้ง “ค่ะ... เรื่องนั้นวิก็ว่าดีนะคะ แล้วเรื่องสัญญาซื้อขายที่ดินไปถึงไหนแล้วคะ” วิภาดาเอ่ยถามหุ้นส่วนคนสำคัญของเธอ “ใกล้จะเสร็จเรียบร้อยแล้วครับ เงินที่เราใช้ค่อนเยอะผมเลยอยากตรวจสอบเอกสารให้ละเอียดอีกครั้งหนึ่ง... ว่าแต่คุณวิสะดวกเข้าไปประชุมที่บริษัทของผมไหมครับ เราจะได้พูดคุยกันในเรื่องของเงินลงทุนด้วย” “วิสะดวกตลอดเลยค่ะ เอาเป็นวันจันทร์ดีไหมคะ?” “ถ้าได้แบบนั้นก็ดีเลยครับ เดี๋ยวผมจะให้เจ้ากันต์เข้าร่วมประชุมด้วย” “ดีเลยค่ะ เราจะได้รับฟังความคิดเห็นของเด็กรุ่นใหม่ๆ บ้าง เผื่อจะมีไอเดียดีๆ มาปรับปรุงโครงการของเรากัน” “ผมก็ว่าอย่างนั้นแหละครับ” วิภาดาและเมธาพูดคุยเรื่องงานกัน ส่วนแตงกวาและกันต์ก็ยืนฟังอยู่เงียบๆ ก่อนที่กันต์จะเอ่ยบางอย่างออกมาซึ่งทำให้แตงกวารู้สึกอึดอัดอยู่ไม่น้อย “ถ้างั้นหลังประชุมเสร็จ ผมขอไปรับน้องแตงกวาที่มหาลัยได้ไหมครับ จะได้พาไปทานข้าวด้วยกันเลย” “เออ...” แตงกวาที่กำลังจะอ้าปากตอบกลับต้องกลืนคำพูดของตัวเองลงคอ เพราะสายตาของแม่เธอที่มองมา “ได้สิจ้ะ เดี๋ยวน้าจะจองร้านอาหารไว้เลย.... ดีไหมลูก” วิภาดาตอบกันต์พร้อมรอยยิ้มก่อนจะหันไปถามความเห็นจากแตงกวา ความเห็นที่เธอรู้ดีว่าแตงกวาต้องตอบตกลงตามที่เธออยากให้เป็นอยู่แล้ว “ค่ะ... ได้ค่ะ” “ดีครับ งั้นเดี๋ยวพี่โทรหานะครับ” “ค่ะ...” รอยยิ้มเจื่อนๆ ถูกส่งไปให้ชายหนุ่มตรงหน้า แต่เขากลับยิ้มกว้างตอบกลับมาพร้อมกับแววตาแพรวพราวลุกวาวของเขา วิภาดาและเมธาที่ยืนฟังสองหนุ่มสาวพูดคุยกันต่างก็พากันยิ้มด้วยความพอใจเพราะพวกเขาคิดว่าความสัมพันธ์ของคนทั้งสองเริ่มขยับไปในทิศทางที่ดีตามแบบที่พวกเขาอยากให้เป็น แต่ความเป็นจริงนั้นกลับไม่ใช่เลย ความสัมพันธ์ที่พวกเขาพยายามยัดเหยียดให้กับหนุ่มสาวนั้นกลับกำลังสวนทางกันอย่างสิ้นเชิง ....................... หลังจากที่ผู้ใหญ่พูดคุยเรื่องงานกันเสร็จก็แยกย้ายไปพักผ่อนเพื่อรอไปทานมื้อเย็นกัน และระหว่างนั้นแตงกวาก็ออกไปเดินเล่นริมทะเล.... ลมเย็นๆ ยามเย็นที่ถูกพัดมาจากทะเลหอบเอากลิ่นอายของทะเลมาปะทะหน้า ร่างบางของแตงกวาทรุดตัวลงนั่งบนพื้นทรายพลางยกโทรศัพท์มือถือขึ้นมาถ่ายรูปท้องทะเลเบื้องหน้าแล้วส่งเข้าไปในไลน์กลุ่มของเธอกับเพื่อน ติ๊ง!! เสียงแจ้งเตือนข้อความดังขึ้นหลังจากที่เธอส่งรูปไปไม่นาน ริมฝีปากบางยกยิ้มก่อนจะตอบกลับข้อความของเพื่อนรัก น้ำหวาน :: เมิงไปเที่ยวทะเลเหรอ? อายตา :: หนีเที่ยวเหรอย๊ะ? แตงกวา :: มาทำธุระกับแม่ เดี๋ยวพรุ่งนี้ก็กลับแล้ว น้ำหวาน :: ไปกับผู้หรือไปกับแม่เอาดีๆ ฮ่าๆ แตงกวา :: กับแม่โว้ยยยย อายตา :: ไหนถ่ายชุดบิกินี่มาให้ดูหน่อยสิ ฮ่าๆ แตงกวา :: กรูมาทำธุระคร้า เดี๋ยวซื้อขนมไปฝากนะ น้ำหวาน :: กรูเอาปลาหมึกเส้นนะ อยากกิน อายตา :: กรูด้วย... มีอะไรซื้อมาให้หมด ห้ามลืม ฮ่าๆ แตงกวา :: คร้าเพื่อนร้ากกกกก เดี๋ยวจะเหมาไปให้หมดเลย.... แตงกวา :: ถ้าพวกมึงมาด้วยคงจะสนุกนะ... คิดถึงวะ รอยยิ้มบนใบหน้าของแตงกวาค่อยๆ หายไปเมื่อนึกถึงเรื่องที่เธอต้องเจอ เรื่องที่เธอไม่สามารถขัดคำสั่งของแม่เธอได้ ก่อนที่ข้อความต่อมาของเพื่อนจะทำให้เธอยิ้มได้อีกครั้ง น้ำหวาน :: เป็นอะไร? อายตา :: มีอะไรก็เล่าให้พวกกรูฟังได้นะ แตงกวา :: ไม่มีอะไรหรอก แล้วเจอกันที่กรุงเทพฯ นะ... อายตา / น้ำหวาน :: เครๆ... รอยยิ้มผุดขึ้นบนใบหน้าของแตงกวาอีกครั้ง เพราะไม่ว่าเธอจะกำลังรู้สึกแย่หรือมีปัญหาอะไรแต่คนที่คอยอยู่ข้างๆ เธอเสมอก็คือเพื่อนรักทั้งสองคนนี้ แม้ว่าเรื่องบางเรื่องนั้นจะบอกหรือระบายให้ใครฟังไม่ได้ก็ตาม.... ................................ มื้อค่ำของวันนี้เธอและแม่ของเธอ พร้อมกับเมธาและกันต์พากันมานั่งทานอาหารอยู่ที่ร้านอาหารแห่งหนึ่งที่ตั้งอยู่ริมทะเล บรรยากาศภายถูกตกแต่งอย่างเรียบหรู แต่แตงกวากลับรู้สึกอึดอัดเพราะชายหนุ่มที่นั่งอยู่ตรงข้ามกับเธอเขาเอาแต่คอยถามและชวนคุยจนเธอขี้เกียจที่จะตอบ ปกติเธอเป็นคนพูดเก่งแต่พอเจอเขาคนนี้เข้าไปคนพูดเก่งๆ อย่างเธอถึงกับต้องเงียบเพื่อฟังเขา “ตากันต์นี่ดูแลน้องดีจังเลยนะ วันหลังน้าคงต้องฝากยัยแตงกวาไว้กับตากันต์แล้วหละ” “ไม่ขนาดนั้นหรอกครับ... แต่ผมก็ยินดีนะครับ” บทสนทาของแม่เธอกับกันต์ที่มีเธอเป็นหัวข้อในการพูดคุยดังขึ้นเป็นระยะสลับกับการพูดคุยเรื่องงาน แตงกวาละสายตาจากมื้ออาหารตรงหน้า เพราะเธอรู้สึกเบื่ออย่างบอกไม่ถูก ก่อนที่สายตาของเธอจะสบเข้ากับใครบางคนที่เธอก็ไม่อยากเจอเหมือนกัน ไม่รู้ว่าจะเรียกว่าเป็นความซวยของเธอหรือเพราะพระเจ้ากลั่นแกล้งเธอกันแน่ถึงได้ส่งเขามาอยู่ที่นี่ตอนนี้.... อิฐ นั่งอยู่โต๊ะตรงข้ามกับแตงกวาและเขาเองก็กำลังมองมาที่เธอเหมือนกันแต่ข้างกายของเขากลับมีหญิงสาวอีกคนนั่งอยู่ด้วยและก็ดูจะสนิทสนมกันเอามากๆ พร้อมกับรอยยิ้มที่ผุดขึ้นบนมุมปากหยักของเขา สายตาคมจ้องมองแตงกวานิ่งๆ แต่แค่นั้นกลับทำเอาคนถูกมองถึงกับไปไม่เป็นเลยทีเดียว เพราะสายตาที่เขามองมามันเดาไม่ออกเลยว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ Rrrrr… แต่ในขณะที่เธอกำลังตกอยู่ในสถานการณ์กลืนไม่เข้าคายไม่ออกอยู่นั้นเสียงโทรศัพท์ของเธอก็ดังขึ้น เธอเลยขอตัวออกไปรับโทรศัพท์และเบอร์ที่โทรมาก็คืออายตาเพื่อนของเธอนั่นเอง แตงกวาเดินออกมาจากร้านเพื่อมารับโทรศัพท์ของเพื่อนแต่ยังไม่ทันจะได้กดรับสายแขนของเธอก็ถูกรั้งไว้ด้วยฝามือหนาของใครบางคน “ให้พี่ไปเป็นเพื่อนไหมครับ” กันต์ที่เดินตามเธอออกมารั้งเธอไว้ “แตงกวาแค่ไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนเองค่ะ” “น้องแตงกวาก็คุยโทรศัพท์ไปแต่เดี๋ยวพี่ยืนรออยู่ห่างๆ... พี่ไม่อยากให้น้องแตงกวาเดินออกมาคนเดียวมืดๆ แบบนี้น่ะครับ” “ค่ะ… โอเค” เธอตอบปัดๆ ก่อนจะสะบัดข้อมือของตัวเองให้หลุดออกจากการกอบกุมของเขา จากนั้นก็เดินเลี่ยงออกไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อน โดยมีสายตาของกันต์ที่มองดูเธออยู่ห่างๆ แต่ก็ไม่ได้ไกลมากนัก แตงกวาเดินออกไปคุยโทรศัพท์กับเพื่อนอยู่สักพักใหญ่ก่อนที่เธอจะเดินกลับเข้ามา พอกันต์เห็นเธอเดินกลับมาทางเขา เขาก็รีบก้าวเท้าเดินเข้าไปหาเธอพร้อมกับรอยยิ้ม แต่แล้วสายตาของแตงกวาก็เหลือบไปเห็นใครบางคนที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับสาวสวยข้างกาย อิฐ เดินออกมาจากร้านอาหารพร้อมกับผู้หญิงที่เขาควงมาวันนี้ ชายหนุ่มปรายตามองแตงกวาเล็กน้อย แต่ก็แค่นั้นแล้วเขาก็เดินผ่านไปราวกับไม่เคยรู้จักเธอมาก่อน แตงกวาเองก็ยืนนิ่งไม่รู้ทำไมเธอถึงรู้สึกแปลกๆ ขึ้นมา ก่อนที่จะสะลัดความรู้สึกแปลกๆ นั่นออกแล้วเดินตรงไปหากันต์ที่ยืนรออยู่ “พี่กันต์ แตงกวาว่าจะกลับรีสอทร์เลย ฝากพี่กันต์บอกแม่ด้วยนะคะ” “อ้าว แล้วจะกลับยังไงครับ” “เดี๋ยวเรียกแท็กซี่กลับค่ะ” “ถ้างั้นกลับพร้อมพี่เลยแล้วกันครับ พี่เองก็อยากกลับแล้วเหมือนกัน” สายตาคมที่เขามองเธอนั้นมันฉายแววบางอย่างที่ทำให้แตงกวารู้สึกไม่ปลอดภัยถ้าหากต้องกลับพร้อมกับเขา “เออ... พี่กันต์อยู่ต่อกับคุณลุงแล้วก็แม่ของแตงกวาเถอะคะ เดี๋ยวแตงกวากลับเองได้” “อย่าปฏิเสธความหวังดีของพี่สิครับ... กลับกับพี่นะ” มือหนายื่นมาจับข้อมือของเธอไว้ก่อนจะออกแรงบีบเบาๆ แตงกวามองตามมือของเขาก่อนจะเงยหน้าไปสบตากับเขาอีกครั้ง แต่แววตาของเธอนั้นกลับเต็มไปด้วยความไม่พอใจ “ไม่เป็นไรค่ะ คือแตงกวาอยากกลับจริงๆ ค่ะ ขอตัวนะคะ” เธอออกแรงสะบัดก่อนจะรีบหมุนตัวเดินออกมาแต่ในขณะที่เธอเดินออกมานั้นกลับไม่ทันระวังและไม่ได้ดูทางเลยทำให้รถที่กำลังแล่นออกมาจากลานจอดรถของร้านเกือบชนเธอเข้า แต่ด้วยความตกใจก็ทำเอาร่างเล็กล้มไปนอนกองกันพื้น “โอ๊ยยย!!” เสียงหวานร้องออกมาในขณะที่ตัวเองนั่งอยู่บนพื้น ใบหน้าหวานบิดเบี้ยวเหย่เกเพราะความเจ็บที่ได้รับ ก่อนที่ประตูรถหรูจะเปิดออกแล้วตามมาด้วยเสียงทุ้มต่ำของเจ้าของรถ “ตาเขามีไว้ให้มองทางไม่ใช่มีไว้แค่มองผู้ชาย อยากเล่นหนังแขกให้ผู้ชายวิ่งตามว่างั้น? แต่เสือกไม่ดูรถ!” ถ้อยคำที่พูดออกมาจากริมฝีปากหยักทำเอาแตงกวาถึงกับต้องเงยหน้าขึ้นไปมองเจ้าของเสียงนั่น ก่อนที่สายตาของเธอจะสบเข้ากับสายตาดุดันของคนที่ยืนค้ำหัวเธออยู่ อิฐยืนเท้าเอวมองคนที่นั่งอยู่บนพื้นอย่างไม่สบอารมณ์มากนัก จริงๆ เขาก็หงุดหงิดอยู่ไม่น้อยที่วันนี้ดันมาเจอกับเธอเข้า เพราะเขาตั้งใจพาผู้หญิงของเขามาเที่ยวเพื่อให้เขาสามารถลืมเรื่องราวของเขากับเธอที่เกิดขึ้นในคืนนั้น แต่สิ่งที่ตั้งใจไว้กลับพังไม่เป็นท่าเพราะดันมาเจอกันเข้าซะได้ สุดท้ายก็ต้องให้ผู้หญิงที่มาด้วยกันกลับไปก่อนเพราะหมดอารมณ์ “ปากเหรอนั่นน่ะ!!” ใบหน้าหวานของแตงกวามองคนตรงหน้าด้วยอาการเคืองเป็นอย่างมาก เขาเป็นคนขับรถจนเกือบจะชนเธอแต่กลับมายืนท้าวเอวด่าเธอแบบนี้เนี้ยนะ “ก็หรือไม่จริง” “ปากหมาเสมอต้นเสมอปลายจริงๆ นะพี่เนี้ย!” แตงกวามองค้อนอิฐเข้าให้ “หึ! แล้วจะนั่งอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม?” “น้องแตงกวาเป็นอะไรมากไหมครับ” แตงกวายังไม่ทันจะได้ตอบกลับอิฐเสียงของกันต์ก็ดังขึ้นพร้อมกับก้าวขายาวๆ มาหาเธอก่อนจะช่วยประคองร่างบางให้ลุกขึ้นยืน “ไม่เป็นอะไรค่ะ ขอบคุณนะคะ” เธอเองก็หันไปตอบเขาก่อนที่จะขยับตัวออกห่างจากเขาเล็กน้อย “ไม่เป็นไรได้ไงกัน พี่เห็นอยู่ว่าน้องแตงกวาเกือบจะโดนไอ้หมอนี่ขับรถชนน่ะ” “คือ...” “ก็ยังไม่ได้ชนป่าววะ” อิฐที่ยืนฟังชายหนุ่มที่ดูท่าทางเป็นห่วงเป็นใยแตงกวาพูดสวนขึ้นมาทันที “แต่ก็เกือบชนป่าววะ!” กันต์ที่ได้ยินเขาพูดแบบนั้นก็หันหน้าไปมองหน้าอิฐอย่างไม่ยอม สองหนุ่มจ้องหน้ากันอย่างเอาเรื่อง ก่อนที่แตงกวาจะถอนหายใจออกมาแล้วก้าวเท้าเข้าไปหยุดยืนระหว่างผู้ชายตัวโตสองคนพร้อมกับเอ่ยบางอย่างออกมาที่ทำเอากันต์ถึงกับกัดฟัดกรอด “พี่กันต์คะ... นี่แฟนแตงกวาเองค่ะ พอดีแตงกวาให้เขามารับแล้วแต่แตงกวาก็เดินไม่ดูทางเองเพราะมัวแต่รีบเลยเกิดเรื่องนี้ขึ้น” “แฟน!? ไหนน้องแตงกวาบอกว่าจะกลับแท็กซี่ไงครับ แล้วทำไมถึงมีแฟนมารับหละ?” “คือแตงกวาไม่อยากให้แม่รู้น่ะค่ะ ว่าแฟนของแตงกวาตามมาที่นี่ด้วย... รบกวนพี่กันต์อย่าบอกแม่ได้ไหมคะ?” “แล้วน้องแตงกวาจะกลับกับมันเหรอครับ?” “เขาก็บอกอยู่ว่าแฟนมารับ แค่นี้มึงไม่เข้าใจเหรอ?” เสียงทุ้มต่ำของคนที่ยืนฟังอยู่นานโพล่งขึ้นมากลางบทสนาพร้อมกับแขนแกร่งที่ยื่นออกไปโอบเอวบางของแตงกวาไว้ พร้อมกับออกแรงดึงรั้งให้เธอถอยหลังมาหาเขา แตงกวาเองก็เงยหน้ามองเขาเล็กน้อย ถึงแม้ว่าก่อนหน้านี้เธอจะรู้สึกโกรธเขาแต่ว่าตอนนี้กลับรู้สึกขอบคุณเขาที่ยอมเล่นบทแฟนเพื่อตบตากันต์ได้อย่างสมจริง “ค่ะ” แตงกวาตอบกลับกันต์ก่อนจะหันไปหาอิฐ “กลับกันเถอะค่ะ” ว่าแล้วร่างบางก็เดินอ้อมไปขึ้นรถอีกฝั่งหนึ่งทันที อิฐมองหน้ากันต์เล็กน้อยพร้อมรอยยิ้มกวนของเขาก่อนจะเดินกลับไปที่รถของตัวเองแล้วขับออกไปปล่อยให้กันต์ยืนโมโหหงุดหงิดอยู่คนเดียว เพราะคืนนี้เขากะจะขยับความสัมพันธ์กับแตงกวาแต่ไม่คิดเลยว่าแฟนของเธอจะตามมาด้วย “แม่งเอ้ย เล่นตัวชิบ!!” กันต์สถบออกมาอย่างหัวเสีย ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในร้านที่มีพ่อของเขาและแม่ของแตงกวาอยู่ด้านใน..... ....................... รสสปอตสุดหรูสีดำสนิทแล่นออกมาจากร้านอาหารได้สักพัก แตงกวาที่นั่งนิ่งอยู่ก็หันไปพูดกับคนขับด้วยน้ำเสียงราบเรียบ “ช่วยจอดข้างหน้าด้วยคะ เดี๋ยวหนูกลับเอง” สิ้นเสียงของแตงกวาอิฐก็ชะลอความเร็วของรถลงก่อนจะจอดรถที่ข้างทางที่ค่อนข้างเปลี่ยวพร้อมกับค่อยๆ หันไปมองหน้าของคนที่นั่งข้างๆ “แหกตาดูสิแตงกวาว่าตรงนี้มันมืดแค่ไหน คิดจะลงตรงนี้จริงๆ เหรอ?” คิ้วเข้มเลิกสูงขึ้นพลางปรายตามองไปรอบๆ บริเวณนี้ที่มืดสนิท แตงกวาเองก็มองตามสายตาของเขาพร้อมกับเม้มปากเข้าหากันแน่น อันที่จริงที่เธอพูดออกไปแบบนั้นเพียงเพราะว่าต้องการจะลงจากรถของเขาแต่ลืมไปว่าตรงนี้มันมืดแล้วก็เปลี่ยว “ช่างหนูเหอะน่า... ว่าแต่ผู้หญิงของพี่ไปไหนแล้วอ่ะ” พอเห็นว่าทำอะไรไม่ได้เพราะที่เขาพูดมามันก็ไม่ผิด และเธอก็ไม่กล้าจะลงจากรถตรงนี้แน่นอน เลยชวนเขาเปลี่ยนเรื่องคุยแทนเพราะนึกขึ้นมาได้ว่าก่อนหน้านี้เธอเห็นเขามากับผู้หญิงคนหนึ่ง แต่ตอนนี้กลับไม่เห็นเธอคนนั้นแล้ว แต่ไม่รู้ทำไมเธอถึงถามเขาแบบนั้นทั้งที่มันไม่ใช่เรื่องของเธอเลย “กลับไปแล้ว...” อิฐเองก็ตอบกลับเสียงเรียบ พลางในใจก็รู้สึกหงุดหงิดขึ้นมาเพราะเธอเป็นต้นเหตุที่ทำให้เขาต้องไล่ผู้หญิงของเขากลับไปก่อน ดังนั้นเรื่องนี้เธอต้องรับผิดชอบ “อ้าว... เหรอ” “แตงกวา” “คะ?” อยู่ๆ อิฐก็หันมามองหน้าเธอแล้วเอ่ยบางอย่างออกมาด้วยน้ำเสียงจริงจัง สายตาคมของเขาจ้องมองเธอนิ่งๆ อย่างแน่วแน่ “ไหนๆ เราก็มีอะไรกันแล้ว แล้วเธอก็ใช้ฉันหลอกคนอื่นว่าเป็นแฟนของเธอ... งั้นเรามาลองเป็น Friend with benefit กันไหม” “พูดบ้าอะไรของพี่!!” ดวงตากลมโตของแตงกวาเบิกกว้างทันทีที่ได้ฟังในสิ่งที่เขาพูด “ข้อแลกเปลี่ยนของฉันไง... แลกกับการเก็บเรื่องในคืนนั้นไว้เป็นความลับ” แต่คนพูดกลับเอนหลังพิงกับเบาะนั่งด้วยท่าทางสบายๆ พลางจ้องหน้าเธอไปด้วย “แต่ FWB เนี้ยนะคือสิ่งที่พี่อยากได้จากหนู??” “อือ” “บ้า!! ไม่เอา” เธอตอบปฏิเสธออกไป เพราะสิ่งที่เขาขอนั้นมันมากเกินไปสำหรับเธอ และเธอเองก็ไม่อยากอยู่ในความสัมพันธ์แบบนั้นกับคนอย่างเขาด้วย “งั้นถ้าเรื่องคืนนั้นระหว่างเราจะรู้ถึงหูคนอื่นๆ ก็ไม่เป็นไรใช่ป่ะ” อิฐเองก็ตอบกลับเธอด้วยน้ำเสียงราบเรียบแต่มุมปากหยักนั่นกลับยกยิ้มเจ้าเล่ห์กวนอารมณ์ “ไอ้พี่อิฐ!!” “เอาไง” “พี่นี่มันบ้าชัดๆ... หนูอยากจบเรื่องนี้คะไม่ได้อยากอยากสร้างเรื่องเพิ่ม... แล้วไอ้ FWB เนี้ยพี่รู้ใช่ไหมว่ามันหมายความว่าไง” แตงกวาจ้องหน้าเขาเขม็งเพราะความสัมพันธ์แบบนั้นน่ะมันหมายถึงต้องมีเรื่องเซ็กส์เข้ามาเกี่ยวด้วยแน่นอน “ถ้าไม่รู้จะพูดแบบนั้นทำไม... ไม่มีอะไรเกินเลยหรอกน่า” “คนอย่างพี่น่ะมันเชื่อไม่ได้ จะบอกว่าแค่อยากมีเพื่อนไปนู่นนี่ด้วยกัน กินข้าว ดูหนัง แล้วก็กลับบ้านงั้นสิ?” “เออ... แล้วจะตกลงหรือไม่ตกลงพูดมา” “แล้วหนูมีทางเลือกอื่นหรือไง!!” ในที่สุดแตงกวาก็จนมุมเพราะผู้ชายอย่างอิฐ เขาร้ายกาจมากกว่าที่เธอคิด “ดีมาก เข้าใจอะไรง่ายๆ แบบนี้แหละดี... งั้นก็ตามนั้นนะ” อิฐสรุปเองเออเองเสร็จสรรพจากนั้นก็ขับรถไปส่งแตงกวาที่รีสอร์ทตามที่อยู่ที่เธอบอก พอถึงปุ๊บแตงกวาก็ลงจากรถทันที แต่มือหนากลับคว้าข้อมือเธอไว้ก่อน “เอาเบอร์เธอมาสิ” เขาว่าพลางยื่นโทรศัพท์มือถือของตัวเองไปให้เธอ แตงกวาเองก็รับมันมากดเบอร์เธอลงไปด้วยท่าทางที่ไม่เต็มใจนัก แต่จะให้ทำไงได้ในเมื่อเขาขู่เธอไว้แบบนั้นน่ะ เธอเลยไม่มีทางเลือก “ถ้าฉันโทรหาหวังว่าเธอจะรับ... แต่ถ้าไม่รับเธอรู้ใช่ไหมว่าจะเกิดอะไรขึ้น” “พี่เป็นหมาเหรอขู่เก่ง!!” แตงกวากระแทกเสียงใส่อิฐแล้วลงจากรถของเขาอย่างรวดเร็ว อิฐมองตามหลังของแตงกวาที่เดินเข้าไปในรีสอร์ทด้วยท่าทางฟึดฟัด ก่อนที่มุมปากหยักจะยกยิ้มเจ้าเล่ห์ออกมา ในเมื่อเขาเองที่ลืมเรื่องในคืนนั้นกับเธอไม่ได้ แต่เขาไม่อยากจะมีใครเป็นตัวเป็นตน ดังนั้นวิธีนี้ที่เขาใช้กับเธอนี่แหละตอบโจทย์เขาที่สุดแล้ว และหวังว่าต่อไปเขาจะไม่รู้สึกหงุดหงิดกับเรื่องนี้อีก......
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม