1 : จุดเริ่มต้น

2064 คำ
ชีวิตคนเรามันไม่ได้มีทางเลือกมากมายนักหรอกนะ ฉันเองก็เหมือนกันที่ไม่สามารถเลือกได้กับชีวิตของตัวเอง... ฉัน แตงกวา ลูกสาวคนเล็กของครอบครัว ...ครอบครัวที่ฉันแทบจะไม่รู้สึกกับมันเลย... ตอนนี้ฉันเรียนอยู่มหาวิทยาลัยปี 1 คณะบริหารธุรกิจเอกบัญชี.... ตั้งแต่พ่อของฉันเสียไป ฉันต้องอาศัยอยู่กับแม่และพี่สาวต่างพ่อ ตอนพ่อยังอยู่ทุกอย่างดูสมบูรณ์แบบไปซะหมดสำหรับฉัน ทั้งแม่ทั้งพี่สาวทุกคนดูรักฉันมาก แต่พอพ่อจากไปทุกอย่างก็ค่อยๆ เปลี่ยนไป... ทุกคนค่อยๆ เปลี่ยนไปเหมือนเป็นคนละคนจนฉันเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าที่ผ่านมาพวกเขาเคยรักฉันจริงๆ หรือเปล่า แม้กระทั่งแฟนที่คบกันมาเกือบปีก็ยังเปลี่ยนไป..... “ทอยด์!! นี่มันอะไรกัน!!??” แทบไม่แรงเดินเมื่อกลับมาถึงบ้านแล้วเห็นภาพตรงหน้า แฟนที่เคยบอกว่ารักฉันนักรักฉันหนาแต่ตอนนี้กลับนอนอยู่บนเตียงกับพี่สาวของฉัน....ในห้องของฉันเอง “อ้าว กลับมาแล้วเหรอยัยแตงกวา” เสียงหวานของพี่มะปรางเอ่ยออกมาเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นพร้อมกับรอยยิ้มเหยียดของเธอ “แตงกวา!! คือเรา...... เราขอโทษ” นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่ฉันต้องเจอกับเหตุการณ์แบบนี้ พี่มะปราง พี่สาวต่างพ่อของฉัน ถึงพวกเราจะไม่ได้มีพ่อคนเดียวกันแต่ฉันก็รักเธอมากแต่ดูเหมือนเธอจะไม่เคยคิดแบบเดียวกับฉันเลย ตั้งแต่เด็กจนโตเธอมักจะคอยแย่งทุกสิ่งทุกอย่างที่ฉันรักไป แต่เพราะเธอเป็นพี่สาวฉันถึงได้ยอมมาตลอดทั้งที่ตัวฉันเองไม่ใช่คนยอมคนแต่กับพี่สาวฉันยอมเธอทุกอย่าง ก่อนหน้านี้ฉันมีแฟนอยู่คนหนึ่งที่คบกันมาตั้งแต่ ม.ต้น แต่พอขึ้น ม.ปลาย เขาก็เปลี่ยนไปเหตุผลก็มาจากพี่มะปรางที่เข้ามาแทรกกลางระหว่างพวกเรา แต่ครั้งนั้นฉันยังเด็กจึงไม่ได้คิดอะไรมาก แต่กับทอยด์ฉันคบกับเขามาได้เกือบปีแล้วถึงเราจะยังไม่ได้มีอะไรเกินเลยกันแต่ตลอดเวลาที่คบกันเราสองคนก็ไม่เคยทะเลาะกันเลย ฉันไว้ใจเขาจนไม่เคยเผื่อใจว่าคนที่ฉันรักจะหักหลังฉันได้..... “จะขอโทษมันทำไมทอยด์ ผู้หญิงน่าเบื่อแบบนั้นน่ะทอยด์เลิกกับมันก็ถูกแล้ว” พี่สาวที่รักพูดมาได้หน้าตาเฉย ตอนนี้ฉันไม่รู้จะเจ็บกับเรื่องไหนก่อนดีเลย เรื่องที่แฟนนอกใจ พี่สาวแย่งแฟน หรือที่ทั้งคู่หักหลังฉัน.... “ไหนๆ แกก็เห็นหมดแล้ว ฉันขอก็แล้วกันนะผู้ชายคนนี้น่ะ” พี่มะปรางยกยิ้มอย่างผู้ชนะ สายตาคมของเธอมองมาที่ฉันอย่างดูถูก แล้วฉันจะทำอะไรได้นอกจากเดินออกมาจากตรงนั้นอย่างเงียบๆ หัวใจของฉันตอนนี้มันเหมือนกับกำลังมีใครเอาค้อนมาทุบซ้ำย้ำๆ จนมันเจ็บระบมไปหมด..... ท้าวเล็กก้าวลงมาหยุดยืนอยู่กลางบ้านพร้อมกับน้ำตาที่ไหลรินก่อนจะยกมือขึ้นมาปาดมันออกจากแก้มของตัวเอง “มายืนร้องไห้อะไรตรงนี้ยัยแตงกวา!! แล้วนี่หายหัวไปไหนมาทั้งอาทิตย์บ้านช่องไม่รู้จักกลับ ไม่ใช่ว่าไปกกอยู่กับผู้ชายหรอกนะ” เสียงของผู้หญิงวัยกลางคนที่ฉันเรียกว่าแม่กำลังต่อว่าฉันราวกับว่าฉันไม่ใช่ลูก ความเจ็บปวดที่ถูกคนที่รักหักหลังมันยังไม่เท่ากับความเจ็บที่ถูกแม่แท้ๆ ของตัวเองต่อว่ามาแบบนี้เลย “หนูค้างที่คอนโดน่ะค่ะ... ช่วงนี้ยุ่งๆ เลยไม่ได้กลับบ้าน” “เรื่องของแก... จะค้างที่ไหนมันก็เรื่องของแก แต่อย่าท้องไม่มีพ่อมาให้ฉันเลี้ยงก็แล้วกัน” “แม่คะ!” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างเลี่ยงไม่ได้กับคำพูดของผู้เป็นแม่ ฉันรู้ว่าท่านเปลี่ยนไปมากแต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไรทำไมท่านถึงทำท่าเหมือนกับรังเกียจฉันนักหนาทั้งๆ ที่ก่อนหน้านี้ท่านเป็นคนที่รักฉันมากเหมือนกันกับพ่อ ก้อนสะอื้นถูกกลืนลงคออย่างยากลำบาก รู้สึกได้ถึงขอบตาที่ร้อนผ่าวของตัวเองแต่ฉันไม่อยากร้องไห้อีกแล้ว “ถ้างั้นหนูขอตัวนะคะ... หนูมีรายงานที่ต้องทำกับเพื่อนน่ะค่ะ” ฉันเลือกที่จะเดินออกมาจากตรงนั้นแต่ก่อนที่จะก้าวเท้าออกจากบ้านก็ต้องชะงักเพราะเสียงของพี่สาวที่ดังตามหลังมา “แม่คะวันนี้หนูกับทอยด์จะออกไปดูหนังนะคะ... อาจจะค้างที่คอนโดทอยด์ แม่ไม่ต้องรอนะคะ.... อ้าว! แกยังไม่กลับอีกเหรอแตงกวา” “กำลังจะกลับแล้วค่ะ” “แตงกวา...เราขอคุยอะไรด้วยหน่อยสิ!” เสียงของผู้ชายที่ฉันเคยรักดังขึ้นพร้อมกับมือหนาที่จับเข้าที่แขนของฉัน เพียงแค่สัมผัสจากมือของเขามันก็ทำให้ฉันแทบกลั้นน้ำตาไม่อยู่ “แต่เราไม่มีอะไรจะคุยกับเธอ.... ขอตัวนะ” ฉันรีบก้าวเท้าออกมาโดยที่ไม่ได้อยู่รอฟังคำพูดของใครอีก มันเจ็บเกินกว่าที่จะทนยืนให้พวกเขาซ้ำเติม.... บนท้องถนนที่คลาคล่ำและวุ่นวายในช่วงเย็นของเมืองหลวงมันยังไม่ว้าวุ่นเท่าใจของฉันตอนนี้เลย ฉันที่ประคองตัวเองให้ขับรถกลับมาถึงคอนโดของตัวเองในช่วงเย็นพร้อมกับทิ้งตัวลงนอนบนเตียงกว้างสายตาเหม่อมองไปยังเพดานห้องสีขาว หัวใจตอนนี้มันเหมือนว่างเปล่าไปหมด “พ่อคะ....หนูคิดถึงพ่อจังเลยค่ะ” น้ำใสไหลออกจากหางตา แต่ครั้งนี้มันไม่ใช่เพราะความเสียใจแต่มันเพราะความคิดถึง... หากตอนนี้พ่อยังอยู่เรื่องทุกอย่างมันคงไม่เกิดขึ้น.... หลังจากที่พ่อจากไปฉันก็ใช้ชีวิตส่วนใหญ่อยู่ที่คอนโดที่พ่อซื้อให้เพื่อเป็นของขวัญวันเกิดอายุครบ 17 ปีของฉัน บวกกับตอนนี้ที่ฉันกำลังเรียนอยู่ปีหนึ่งด้วยเลยทำให้ไม่ค่อยได้กลับบ้าน ถึงจะเสียพ่อไปแต่ครอบครัวของฉันก็ไม่ได้ลำบากอะไรเพราะพ่อยังมีบริษัทส่งออกขนาดกลางที่ท่านสร้างไว้และตอนนี้ก็มีคุณอาซึ่งเป็นน้องชายของพ่อของฉันเข้ามาช่วยบริหาร โดยหุ้นของพ่อถูกโอนเป็นชื่อของแม่สิบเปอร์เซ็น พี่มะปรางสิบเปอร์เซ็น และฉันได้รับมากกว่าคนอื่นถึงสี่สิบเปอร์เซ็นตามพินัยกรรมที่พ่อได้ทำไว้ ซึ่งฉันก็ไม่เข้าใจว่าทำไมเหมือนกัน ก่อนหน้านี้ฉันจำได้ดีว่ามีเรื่องวุ่นวายเกิดขึ้นในวันที่เปิดพินัยกรรมเนื่องจากฉันเป็นคนเดียวที่ได้รับหุ้นในส่วนนี้เป็นจำนวนมากที่สุดและดูเหมือนว่าแม่กับพี่สาวของฉันจะไม่พอใจเป็นอย่างมาก ฉันเองอยากจะสละในส่วนของตัวเองให้กับแม่แต่คุณอาของฉันท่านไม่ยอมและยืนกรานจะให้ทุกอย่างเป็นไปตามพินัยกรรมของพ่อ แต่ก็นั่นแหละค่ะ....ฉันไม่ได้สนใจอะไรมันมากนัก ตอนนี้ฉันยังคงได้รับเงินเดือนจากบริษัทของพ่อในทุกๆ เดือนและมันก็เพียงพอสำหรับการใช้ชีวิตของฉัน ถึงแม้ชีวิตของฉันจะสะดุดไปบ้างแต่ฉันก็ยังมีคุณอาที่คอยช่วยเหลือฉันอยู่ตลอด ท่านเป็นเหมือนครอบครัวคนสุดท้ายของฉัน รวมถึงเพื่อนรักอีกสองคนของฉันด้วยที่คอยอยู่ข้างๆ ฉันมาตลอด ถึงพวกเราจะเพิ่งรู้จักได้ไม่นานแต่พวกเราก็สนิทกันมาก.... พูดถึงเพื่อนรักก็ไลน์ไปหาพวกมันหน่อยละกัน หาเพื่อนคุยจะได้หายเศร้าจากเรื่องแย่ๆ ที่ได้เจอมา........ แตงกวา : ฮัลโล่ทุกคนนนนนน ว่างกันไหมวันนี้ไปร้านเหล้ากันไหม? น้ำหวาน : โทษทีวันนี้ไม่ว่างว่ะ เฮียฉันกลับมาบ้านโดนสั่งห้ามออกไปไหน โคตรเซ็งเลย -_- อายตา : กรูอยู่เชียงใหม่กลับอีกทีอาทิตย์หน้า ไว้จะชดเชยให้นะเพื่อนรัก นั่นแหละค่ะบทสนทนาสั้นๆ ของฉันกับเพื่อน เฮ่ออออ.... ไม่มีใครว่างสักคน แต่ก็เอาเถอะวันนี้นอนอยู่ห้องอย่างเหงาๆ ก็แล้วกัน.... ว่าแล้วก็เดินเข้าห้องน้ำจัดการอาบน้ำเตรียมตัวนอน .... ชีวิตของฉันผ่านไปเรื่อยๆ เหมือนๆ กันในทุกๆ วัน... เช้ามาไปเรียนเย็นมาก็กลับห้องมีบ้างที่ออกไปกินข้าวกับยัยน้ำหวานกันสองคนเพราะยัยอายตายังไม่กลับจากไปเยี่ยมครอบครัวที่เชียงใหม่ แต่ไม่รู้ทำไมแค่ไปเยี่ยมพ่อแม่ที่เชียงใหม่มันถึงได้เงียบหายไปเลย ไม่รู้มันจะยุ่งอะไรขนาดนั้น.... อายตาเป็นสาวเชียงใหม่รูปร่างไม่ต่างจากฉันมากนัก ตาโต ปากนิดจมูกหน่อยจัดว่าสวยเลยหละแต่นิสัยค่อนข้างห้าวๆ เหมือนกับฉันซึ่งขัดกับบุคลิกของมันมาก ส่วนน้ำหวานก็หวานสมชื่อมันนั่นแหละค่ะ รูปร่างของพวกเราไม่ได้ต่างกันมากนักแต่น้ำหวานออกจะเป็นสาวหวานเรียบร้อยแต่ก็ไม่ได้นุ่มนิ่ม ก็อย่างที่เขาว่ากันว่า...คนศีลเสมอกันถึงอยู่ด้วยกันได้.... พวกเราก็เป็นแบบนั้นนั่นแหละค่ะ..... หนึ่งอาทิตย์ที่ผ่านมาฉันต้องเผชิญกับการรังควานจากแฟนเก่าอย่างทอยด์ หมอนั่นยังคงโทรหาฉันไม่เลิก และพี่มะปรางเองก็โทรมาก่อกวนไม่เลิกเหมือนกัน ฉันไม่รู้ว่าสองคนนั้นเป็นยังไงกันบ้างแต่ที่รู้ๆ คือเหมือนทั้งคู่จะทะเลาะกันอยู่เพราะทอยด์ยังคงโทรหาฉันแต่ฉันไม่ได้รับสายเขา จนเขาตามมาถึงคณะของฉัน และวันนี้ก็เป็นอีกวันที่เขาตามมาหาฉันถึงที่คณะ ทอยด์กับฉันเราเรียนอยู่มหาวิทยาลัยเดียวกันแต่ทอยด์เรียนวิศวะ “แตงกวาคุยกับเราก่อนสิ” “เลิกยุ่งกับฉันซะที!!” พวกเรายืนคุยกันอยู่บริเวณลานจอดรถโดยมีน้ำหวานอยู่ในเหตุการณ์ด้วย ทอยด์รั้งแขนของฉันไว้แน่นสายตาของเขาดูเศร้ามาก ถ้าเป็นเมื่อก่อนฉันคงจะยกโทษให้เขาแม้ทำผิด แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วเพราะเขาเลือกที่จะหักหลังฉันแล้วไปนอนกับพี่สาวของฉัน “เราแค่อยากคุยกับแตงกวา... ฟังเราก่อนได้หรือเปล่า เราไม่ได้อยากยุ่งกับพี่มะปรางเลยนะแต่วันนั้นเราเมาน่ะ แล้วก็เลย.......” “อย่าเอาความเมามาอ้างเลยทอยด์ เราสองคนจบกันไปแล้ว... ฉะนั้นฉันขอร้องเลิกยุ่งกับฉันซะที!!” ฉันสะบัดแขนของตัวเองอย่างแรงเพื่อให้หลุดจากการเกาะกุมของเขาแล้วหมุนตัวเดินกลับมาที่รถที่มีน้ำหวานนั่งรออยู่ เรื่องนี้ฉันยังไม่ได้บอกเพื่อนรักทั้งสองคนเลย “เป็นไรวะเมิง? ทะเลาะอะไรกัน?” น้ำหวานถามขึ้นมาทันทีที่ฉันเข้ามานั่งในรถ “ไม่ได้ทะเลาะหรอก... แต่เราเลิกกันแล้ว” “ห๊ะ!!??” ยัยน้ำหวานถึงกับอ้าปากค้างเลย “ทำไมอ่ะ? เกิดอะไรขึ้น? พวกแกคบกันมาเกือบปีแล้วนะแล้วทำไมอยู่ๆ ถึงเลิกกันอ่ะ?” “ช่างมันเหอะ.... ไม่อยากคิดถึงมันอีกอ่ะ... คืนนี้ไปดื่มกันไหม?” ฉันหันไปมองหน้าเพื่อนรักที่ยังคงมีสีหน้าตกใจอยู่ “เออๆ ไปก็ได้ ชวนอายตาด้วยนะเหมือนมันจะกลับมาจากเชียงใหม่แล้ว” “อืม” จากนั้นพวกเราก็ขับรถออกมาจากมหาวิทยาลัยฉันแวะส่งน้ำหวานที่คอนโดของมันแล้วตรงกลับมาที่คอนโดของตัวเอง อาบน้ำแต่งตัวรอเวลาที่จะออกไปร้านเหล้าที่นัดกับเพื่อนไว้.......
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม