05

1448 คำ
“ไม่รับสายหน่อยเหรอครับ” ธนินที่เดินเอาเอกสารเข้ามาให้ผู้เป็นเจ้านายในรอบบ่ายของวันชำเลืองมองเครื่องมือสื่อสารซึ่งปรากฏเป็นรายชื่อคนสำคัญของอีกฝ่ายในระดับหนึ่ง ทว่าเจ้าตัวนั้นก็เอาแต่ก้มหน้าก้มตาทำงานไม่ได้พักมาตั้งแต่วันที่เขาเลือกไปส่งทิ้งไว้หน้าเรือนหอแล้ว เรียกได้ว่าสนใจแค่งานจนบางวันข้าวตกถึงท้องก็เป็นมื้อเย็นทีเดียว ไม่ต้องถามถึงว่าพนักงานเข้าหน้าท่านประธานติดหรือไม่ เพราะเจ้านายเขาดูเหมือนจะหงุดหงิดมันไปหมดเสียทุกอย่าง “โทรมาไม่รู้จักมารยาทขนาดนี้จะเป็นเรื่องอะไรละ” “แรงมากครับ นั่นแม่ยายเลยนะเว้ย หรือไม่แน่ว่าคุณหญิงขวัญฤดีอาจจะ...” เลขาหนุ่มหุบปากของตนเองทันทีในตอนที่เพื่อนสนิทนั้นตวาดสายตาขึ้นมามองนิ่ง ๆ เป็นการเตือนว่าขณะที่อยู่ในเวลางานไม่สมควรจะเอาเรื่องส่วนตัวมาพูดคุย และถ้าหากไม่ใช่ธนินคนที่ทำงานกับอีกฝ่ายได้แบบไม่ต้องพูดอะไรให้มากความถ้ามีครั้งที่สองเปรมปวีณ์คงจะไล่ออกแบบไม่ต้องคิด “อีกกี่นาทีต้องเข้าประชุม” “อ่า 30 นาทีครับท่านประธาน ยังมีเวลาทานข้าว หรือจะรับเป็นอะไรที่รองท้องก่อนไหมครับ” “ไม่” “ครับ” ธนินละอยากจะคว้าคอเสื้อสูทราคาแพงของเพื่อนมาเขย่าถามว่ามึงเป็นห่าอะไรให้มันรู้แล้วรู้รอด ก่อนจะใจชื้นขึ้นมาบ้างเมื่อเห็นว่าอีกฝ่ายยอมยกโทรศัพท์สีเข้มขึ้นมากดรับสายในที่สุด แต่จากการทักทายคำแรกเขาก็สามารถรู้ได้แล้วว่าไม่ใช่แม่ยายที่โทรตามจิกเจ้านายเหมือนก่อนหน้านั้น “ครับ คุณแม่มีอะไรหรือเปล่า” [ทำไมไม่รับสายขวัญฤดี] “อันนี้คือธุระที่ทำให้คุณแม่ถึงขั้นต้องโทรตามผมเอง?” [ตาเปรม พูดดี ๆ ขวัญฤดีก็เป็นเหมือนแม่แกอีกคน] “คุณแม่ก็ทราบดีที่สุดไม่ใช่เหรอครับ จะมาย้ำกับผมทำไม” [ความผิดฉันเหรอ ทำไมตอนนั้นแกถึงไม่ปฏิเสธเขาไปล่ะ ที่เงียบคืออะไร ตอบไม่ได้เหรอ อย่าให้ฉันต้องพูดนะเปรมปวีณ์] “ว่าธุระของคุณแม่มาเถอะครับ จะต่อความยาวสาวความยืดทำไม” [ขวัญฤดีเขาโทรมาบอกว่าหนูชมพูไม่ค่อยสบาย แต่ก็ยังฝืนตัวเองออกไปทำงาน แกได้กลับไปดูน้องบ้างไหมเปรม ไม่ใช่ว่ามัวแต่ทำงานไม่สนใจความเป็นอยู่ของภรรยาแบบเดิมอีกแล้ว โตแล้วนะ ทำไมต้องค่อยให้ฉันสั่งสอนอยู่อีก] “จะให้ผมทำยังไงก็ว่ามาเลยครับ จะได้ถูกใจคุณแม่ ตอนนี้ผมมีเวลาไม่มาก ต้องเข้าประชุมอีก” [ไอ้ลูกคนนี้นี่ ถ้าเลิกงานแล้วก็ไปดูอาการลูกสะใภ้ฉันด้วย ฉันจองดินเนอร์เอาไว้ให้แล้ว เดี๋ยวธนินก็คงจะแจ้งกับแกเอง] เปรมปวีณ์เหลือบตามองบุคคลที่ยังยืนทำตัวไม่รู้เรื่องรู้ราวอยู่ด้วยความเหนื่อยใจ แล้วทางนั้นป่วยยังไงไม่ทราบ ให้เขาพาตัวเองไปทานมื้อเย็นด้วยอย่างเลี่ยงไม่ได้แทนที่จะไปหาหมอ เจ้าแผนเจ้าการพอการทั้งมารดาและลูกสาว เห็นเป็นสะใภ้คนโปรดแม่เขาหน่อยก็จะพากันโลภมากร้องขอจากเขาไม่หยุด เป็นภรรยาและแม่ยายที่ใช้คำขอของคนตายไปแล้วได้คุ้มค่าเสียเหลือเกิน ทำตัวดี ๆ ด้วย หลังเลิกงานแล้วผัวแกจะมารับไปทานข้าว นั่นคือประโยคของมารดาที่ยืนด่ากราดลูกสาวตัวเองให้รุ่นพี่อย่างจ๊ะจ๋าฟัง กระทั่งอีกฝ่ายคงจะเริ่มทนไม่ไหวเลยเสียมารยาทเชิญผู้เป็นมารดาของเธอออกจากห้องทำงานของเพชรชมพูไปโดยให้เหตุผลว่าอีกไม่นานลูกค้าที่จองคิวตัดชุดเอาไว้จะเข้ามาคุยรายละเอียดเป็นการส่วนตัว ขวัญฤดีจึงยอมสะบัดใบหน้าตึง ๆ ไม่พอใจกลับบ้านไปทั้งแบบนั้น อีกทั้งยังไม่ลืมกำชับกับเธอเรื่องของสามี ถ้าไม่อยากหย่าก็รีบตั้งท้องลูกของเปรมปวีณ์เพื่อจับอีกฝ่ายให้อยู่หมัด “เธอไม่สบายตรงไหน” คนเด็กกว่าสะดุ้งตกใจอย่างเห็นได้ชัด เปรมปวีณ์เองก็ไม่ทราบว่าที่ภรรยาเอาแต่เหม่อลอยหลังจากที่เขาไปรับมาดินเนอร์นั้นเป็นเพราะอาการป่วยหรือกำลังวิตกกังวลเรื่องอะไรอยู่กันแน่ และเขาเองก็ไม่ได้ลืมเรื่องที่ทำให้เราต้องทะเลาะกันจนไม่อยากจะเห็นหน้าหญิงสาวนั้นผ่านมาเกือบจะเดือนหนึ่งแล้ว ไม่รู้ด้วยว่าครอบครัวภรรยาจะมาไม้ไหนอีกเพื่อใช้ในการประวิงเวลา ที่ยอมมาเจออีกฝ่ายวันนี้ก็เพื่อที่จะพูดคุยข้อตกลงในเรื่องนี้ด้วย อยากได้เงินหรือคนเก่งกาจเพื่อที่จะเข้ามาช่วยบริหารงานเขาก็จะสรรหาให้เธอและแม่ยายทุกอย่าง ขอแค่ยอมเซ็นใบหย่าให้ไม่ต้องเป็นเรื่องเป็นราวโดยมีฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งต้องเป็นขี้ปากชวนบ้านก็พอ เพราะในเมื่อนี่มันก็ครบกำหนดเวลาที่ต้องแยกย้ายคืนความเป็นตัวเองให้กันและกันแล้ว รวมถึงไม่ได้ปฏิเสธที่ในหัวใจของเขานั้นมีคนอื่น ทว่าในระหว่างที่มีข้อสัญญาสามีภรรยาเปรมปวีณ์ก็ไม่ได้นอกลู่นอกทางเลย แต่งงานแล้วแน่นอนว่าเขาก็ต้องมีเพียงภรรยาตรงหน้า หากว่ายังใช้ไม้อ่อนไม่ได้ เห็นทีว่าเราก็คงจะคุยด้วยกันดี ๆ ไม่ได้เสียแล้วกระมัง “ปะ...เปล่าค่ะ ชมพูแค่นอนไม่พอ ขอโทษที่คุณแม่ทำเกินมากกว่าเหตุนะคะ จริง ๆ คุณเปรมไม่ต้องพาชมพูมาทานอะไรก็ได้ค่ะ” “ก็จริง เสียเวลาฉันเปล่า ๆ” มือขาวที่อยู่ใต้โต๊ะมื้อเย็นบีบเข้าหากันแน่น ที่ผ่านมาแม้จะรู้ว่าเขาไม่รัก แต่สามีก็ไม่เคยทำเย็นชาใส่กันถึงเพียงนี้ เพราะแค่หน้าเธอดูแล้วเขาก็ยังไม่อยากที่จะมองเลย งั้นก็คงจะเหลือเพียงแค่ทางเดียวตามที่มารดาว่าแล้วจริง ๆ เพชรชมพูไม่คิดว่าคนเราจะสามารถโลภมากกับการรักใครสักคนได้ถึงเพียงนี้ การที่เธอมีความคิดอยากจะปล่อยท้องกับเขาให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเลยเป็นอะไรที่เลวร้ายอย่างไม่ต้องสรรหาข้อแก้ตัว ขนาดเธอเขายังไม่รัก แล้วลูกที่จะกำเนิดเกิดมาล่ะ แค่คิดว่าเขาจะมีสายตามองมาที่เราอย่างไรเธอก็คล้ายกับว่าเหมือนจะเวียนหัวขึ้นไส้เสียดื้อ ๆ คงจะเป็นเพราะไม่ได้นอนเลย รวมถึงไม่อยากอาหารหรือไม่ ทั้งที่นาน ๆ ทีจะได้มานั่งทานข้าวกับสามีแบบนี้ “ขอร้องล่ะค่ะ เราไม่หย่ากันได้ไหม พี่เปรมช่วยลืมสัญญาที่ให้ไว้กับคุณพ่อก่อนเสียจะได้หรือเปล่าคะ” “ถ้าฉันจะทำแบบนั้น แล้วจะแต่งกับเธอตั้งแต่แรกทำไมเพชรชมพู” “แต่ชมพูไม่อยากหย่าค่ะ” “จะเอาเท่าไหร่ หรืออยากได้ทีมที่ปรึกษาธุรกิจฉันก็จะหามาให้” “คะ...ความรักของหนู มันมีค่าแค่เศษเงินจากพี่เองเหรอคะ” “ครับ เธอเข้าใจไม่ผิดหรอก ฉันให้เวลาเธออีกแค่เดือนเดียว ไปไตร่ตรองให้ดี อะไรควรเสีย อะไรควรได้ ปีนี้เธอเองก็ 25 ไม่เด็กแล้วนะเพชรชมพู” “ถึงแม้ว่าจะขอขนาดนี้แล้วคุณก็ยังใจร้ายกับหนูที่สุดอยู่ดี” “ตามแต่ใจเธอจะคิด เอาล่ะเด็กดี ถ้าไม่ทานแล้ว งั้นฉันคงขอตัวกลับก่อน ถ้าเธอเบื่อที่จะนั่งร้องไห้แล้วคนของฉันจะไปส่งที่เรือนหอเอง อ๋อ ระหว่างหนึ่งเดือนนี้ทะเบียนสมรสที่มีอยู่… เธอก็กอดมันเอาไว้ให้แน่น ๆ เพราะฉันพูดไปขนาดนี้แล้วรู้ใช่ไหมว่าต่อไปมันจะไม่มีการเจรจาแล้ว เธอน่าจะทราบดีว่าอะไรที่ฉันอยากได้หรือต้องทิ้งมัน ฉันเองก็ไม่ใช่คนดีนักหรอก และไม่คิดจะเลือกวิธีเพื่อที่จะได้มันมาด้วย เข้าใจใช่ไหมคะเพชรชมพู” TBC. ออกมาเถอะลูก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม