ผมให้ต้นกล้าเข้าไปเป็นนกต่อเพื่อหลอกหาความจริง หลังจากที่เฝ้าดูเธอมาตลอดหนึ่งอาทิตย์ เพื่อนของผมแสร้งเข้าไปตีสนิท ไม่นานทั้งคู่ก็ออกไปด้วยกันตามที่ผมคาดเอาไว้แต่ทว่าหายไปไม่ถึงครึ่งชั่วโมง ผู้หญิงตัวเล็กก็กลับเข้ามาด้วยใบหน้ายิ้มแย้มมีความสุขเหมือนทุกๆครั้ง และมองมาที่ห้องของผมเช่นเคย
“ทำไมเอาเร็วขนาดนั้น แต่ดูจากสีหน้าท่าทาง สงสัยลีลาไอ้กล้าก็คงเร้าอารมณ์เธออยู่” เสียงในลำคอ มองร่างหญิงสาวผ่านกระจกบานหนา แต่ความสงสัยที่อยู่ในใจของเขายังคงไม่กระจ่าง
ผมโทรหาเพื่อนที่หายหัวไปตั้งแต่เมื่อคืน แต่ไม่สามารถติดต่อได้ จนกระทั่งช่วงสายของวันนั้น มันก็เข้ามาหาผมถึงที่ร้านด้วยอารมณ์หงุดหงิดอย่างที่ผมเองก็ไม่เคยเห็น
“ไอ้เพื่อนเวร! ไอ้ฉิบหาย! ให้กูไปเป็นนกต่อ หรือว่าให้ผู้หญิงคนนั้นมาเป็นนกต่อวะ” เสียงโวยวายดังมาแต่ไกล
“เป็นอะไรของมึง ไปกินรังแตนที่ไหนมา หรือว่าเมื่อคืนจัดหนักไม่พอ?”
“จัดหนักเชี้ยอะไร แม่งเอาเงินกูไปซะเกลี้ยงบัญชี จากโจรกลายเป็นคนใจบุญซะงั้น”
เวหานั่งมองหน้าเพื่อนที่เดินเข้ามาในห้องด้วยความสงสัย ก่อนจะยื่นแก้วที่มีน้ำสีทองอร่ามส่งให้เพื่อน เป็นการปลอบใจ
“ยังไงวะ?”
“ไปถึงโรงแรมไม่ถึงห้านาที แม่ง! พอตื่นอีกทีก็เจอหน้าแม่บ้านแก่ๆ อยู่ในห้อง”
“เชี้ย! อย่าบอกนะว่ามึงเอากับแม่บ้าน?”
“เดี๋ยวกูก็ไล่ไปอยู่กับไอ้กริชหรอก แม่ง ฟังกูก่อนสิวะ” ใบหน้าแดงก่ำลามไปจนถึงใบหู ความโกรธที่กำลังเดือดพล่าน ระอุอยู่ภายในอก พร้อมที่จะระเบิดได้ตลอดเวลา
“ฮาๆ เอ่อๆ โทษที มาๆเล่ามากำลังรอฟังอยู่”
“โดนวางยาตั้งแต่ยังไม่แก้ผ้า ตื่นขึ้นมาเจอแม่บ้านไม่พอ เงินในบัญชีก็ถูกโอนไปเข้าบัญชีรับบริจาคจนเกลี้ยงไม่เหลือสักแดง คอยดูนะเจอเมื่อไหร่กูจะเอาให้ขาถ่างเดินไม่ได้เลย แสบชิบหาย” ใบหน้าขึงขัง กำหมัดแน่น เสียงกัดฟันดัง กร็อดๆ จากที่เคยเป็นคนใจเย็นแต่ตอนนี้กลับเดือดจนเลือดขึ้นหน้า ทำให้เวหาที่นั่งมองอยู่ ถึงกลับเก็บอาการ กลั้นเสียงหัวเราะเอาไว้ไม่ไหว
ฮ่า ๆ
“มึงหัวเราะอะไรวะ! ห้ามเอาเรื่องนี้ไปเล่าให้ใครฟังเด็ดขาด รู้ถึงไหนอายถึงนั่น รูไม่ได้เสียบแต่เสือกเสียเงินจนหมดตัว”
ในขณะที่คนฟังหัวเราะชอบใจ แต่คนประสบภัยได้แต่นั่งกัดฟันข่มอารมณ์โกรธเอาไว้
“ถ้ากูให้มึงดูอะไร สัญญานะว่าจะไม่หัวเราะ” เวหาพยักหน้ารับ รอดูในสิ่งที่เพื่อนกำลังพูดถึง ต้นกล้าหันหลังไปทางเวหา ก่อนเสื้อเชิ้ตสีขาวจะถูกถลกขึ้นสูง โชว์ข้อความที่อยู่บนแผ่นหลังให้เวหาอ่าน
“ไอ้หน้าหม้อ ฮ่าๆ”
“ไอ้เวหา กูบอกแล้วไงว่าห้ามหัวเราะ” ต้นกล้า หันกลับมาทำหน้าค้อนใส่เพื่อน ที่กำลังหัวเราะลั่นอย่างไม่เกรงใจ
ความอายกว่าการเสียเงินให้ผู้หญิง ก็คือการถูกผู้หญิงยามศักดิ์ศรีความเป็นชายแบบนี้
“โอเค ๆ กูไม่ขำแล้ว หึ ๆ”
“เอาน่าเดี๋ยววันนี้เธอก็น่าจะมาอีก เดี๋ยววันนี้กูขอเล่นด้วย อยากรู้เหมือนกันว่าเธอจะเก่งสักแค่ไหน?”
วันนี้ผมกับเพื่อนนัดรวมตัวกันที่ร้าน หลังจากไม่ได้เจอกันมาเกือบอาทิตย์เพราะตั้งแต่เรียนจบเราก็ไม่ค่อยมีโอกาสได้เจอกันบ่อยๆ
แต่คืนนี้ผมกำลังจะมีเรื่องสนุกๆ ให้เล่น เพราะผู้หญิงที่ผมล็อคเป้าไว้ เธอกำลังทำให้ผมสนใจจนไม่อาจปล่อยไปได้
ผมจัดแจงวางแผน ให้ต้นกล้าเข้าไปทักทายเพื่อทวงสิทธิ์และพูดถึงเหตุการณ์เมื่อวานนี้ ก่อนที่ตัวเองจะสวมบทฮีโร่เข้าไปช่วยสาวงามอย่างที่ผู้หญิงหลายคนอยากให้เป็น เพราะถ้าเธอเป็นผู้หญิงแบบนั้น คืนนี้เธอก็คงหนีไม่พ้นเสนอตัวอ้าขาให้เพื่อเป็นตอบแทนที่ช่วย นั่นคือสิ่งที่ผมคิดไว้ แต่ทว่าผมคิดผิด!!
เธอปฏิเสธ แถมยังหักหน้าผมแบบไม่สนใจความหล่อที่ฝั่งอยู่ในดีเอ็นเอของผมเลยสักนิด และระหว่างที่กำลังต่อปากต่อคำ เธอก็ถูกเพื่อนลากพาออกไปจากร้านง่ายๆซะงั้น ถ้าอยู่นานกว่านั้นอีกสักหน่อย ผมคงอุ้มเธอขึ้นบ่าจัดการปราบพยศซะให้เข็ด อยากรู้ว่าถ้าโดนผมเอาเธอจะยังปากดีอยู่หรือเปล่า แต่วันนี้ผมจะปล่อยไปก่อน รับรองว่าเธอไม่มีทางรอดจากผมไปได้แน่นอน
หลังเธอออกไปจากร้าน ผมเลยกลับเข้าขึ้นมาบนห้องที่มีกลุ่มเพื่อนนั่งกินดื่มรออยู่ก่อนแล้ว ไม่เว้นแม้แต่ไอ้กล้าที่ถูกการ์ดของร้านลากออกมาไปก่อนหน้านี้
“สรุปมึงจะเล่าให้พวกกูฟังได้หรือยัง? ว่าคิดจะทำอะไร? แล้วทำไมมึงถึงสนใจผู้หญิงสิบแปดมงกุฎคนนี้”
ยังไม่ทันได้ตอบคำถามของเพื่อน เสียงฝีเท้าของใครบางคนก็เดินเข้ามาในห้อง
กึก กึก กึก
“นายครับ นาย! เรื่องที่ให้ไปสืบมา ได้แล้วนะครับ”
“ว่ามา”
“ผู้หญิงคนนั้นชื่อแป้งฝุ่น เรียนที่มหาลัยZEE คณะการบริหารธุรกิจระหว่างประเทศ พักอยู่กับครอบครัวของป้า เพราะแม่ของเธอเสียชีวิตไปตั้งแต่ยังเด็กด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ลูกสาวคนเดียวไม่มีพี่น้องครับ”
“แล้วพ่อล่ะ?”
“หลังอุบัติเหตุ พ่อของเธอก็ขาดการติดต่อไป ไม่โผล่มาให้เห็นอีก ดูเหมือนจะไม่ถูกกับญาติฝั่งเมีย”
“แล้วฐานะทางบ้านเป็นยังไง รวยไหม?” ไมค์ถามแทรกหลังจากที่นั่งฟังเงียบๆอยู่นาน
“ปานกลางครับ มีธุรกิจร้านอาหารเล็กๆ ที่เป็นของป้าครับ”
“โห้~ ไอ้เวหามึงแน่ใจนะว่าไม่ได้จริงจัง แม่งสืบยันโคตร”
“ถ้ามึงไม่หยุดพูดกูจะให้มึงแดกตีนแทนเหล้าจริงๆ” เสียงลมหายใจสูดเข้าเต็มปอด สายตาคมเหลือบมองคนพูดที่ตอนนี้ย้ายไปนั่งอยู่อีกฝั่ง ให้ห่างจากรัศมีปลายเท้า
“แล้วไอ้ศิลากับไอ้กร หายหัวไปไหนวะ ตั้งแต่มีเมียก็ไม่เคยคิดจะโผล่หน้ามาให้เห็นเลย”
“นั้นสิ!”
เอกกับต้นกล้าพูดพลางหันมองชายหนุ่มที่เป็นทั้งพี่ชายและว่าที่พี่เขยของเพื่อนสองคนที่หายหน้าไม่ยอมมาร่วมดื่มสังสรรค์ ซึ่งตอนนี้ก็เหลือเพียงไม่กี่คน และยังเป็นหนุ่มโสดที่ยังอยู่ภายในห้อง
“ปล่อยพวกมันมันสองคนเถอะ ตอนนี้เพลิงหลานกูกำลังหัดเดิน ส่วนไอ้กรก็ติดน้องกูยังกับหมาติดสัส คงไม่มีอารมณ์มาเจอหน้าพวกมึงหรอก”
“หนุ่มโสดกลุ่มเราก็เหลือน้อยแล้วสินะ เดี๋ยวอีกหน่อยก็คงจะลดลงอีก คิวต่อไปจะเป็นใครวะ?”
สิ้นเสียงกริช เวหาก็เหลือบมองเพื่อนด้วยหางตา หมายเป้าเตรียมถือขวดเหล้าไว้ในมือ
“เอาสิไอ้กริช พูดต่อเลยกูอยากเห็นคนหัวแตก ฮ่า ๆ”
ฮ่า ๆ ฮา~
เสียงหัวเราะดังลั่น ขณะที่ผู้ถูกกล่าวถึงได้แต่นั่งเม้มปากแน่น ไม่กล้าแม้แต่จะส่งเสียง
..วันอาทิตย์สุดสัปดาห์ ร้านอาหารเล็กๆในพื้นที่บริเวณบ้านสวนร่มรื่น ต้นไม้น้อยใหญ่ปลูกเรียงรายเป็นแถวตามแนวประตูรั้วไม้ไผ่ลำยาว รถหรูราคาหลักล้านวิ่งเข้ามาจอดด้านหน้า ก่อนร่างของชายตัวโตจะก้าวลงมาจากรถ ใบหน้าคมเข้ม การแต่งตัวเรียบง่ายหากแต่ดูดีเกินกว่าจะเป็นแค่ลูกค้าขาจรที่หลงเข้ามาในร้านกลางสวนแห่งนี้
“สวัสดีค่ะ เชิญด้านในก่อนนะคะ” เสียงแหบของหญิงสูงวัย กล่าวทักทายผู้มาเยือนด้วยใบหน้าเป็นมิตร ชายตัวโตเดินตามหลังพนักงานสูงอายุเข้ามานั่งในร้านตามคำเชิญ พลางสำรวจมองไปรอบๆ