เช้าวันต่อมาริวจิก็เดินทางไปสนามบินแต่เช้าโดยใช้เครื่องบินส่วนตัวของตัวเอง ขณะที่ริวจิกำลังจะเดินไปขึ้นเครื่องบินก็ต้องหยุดชะงักเมื่อเห็นน้องชายของเขาทั้งสองคนกำลังเดินตรงมาหาเขา ริวจิจึงยืนรอให้น้องชายเดินมาหาตัวเอง
“มีอะไร”
ริวจิถามทาเคชิและซาโตชิน้องชายฝาแฝดที่อายุห่างเขาแค่สองปี
“พวกผมจะไปด้วย”
ซาโตชิพูดขึ้นเสียงเรียบ
“ไม่ต้อง พวกแกอยู่ดูงานที่บริษัทที่นี่ ฉันแค่ไปคุยงานไม่ได้ไปสู้กับใคร”
ริวจิเอ่ยบอกน้องชายเสียงเรียบ ตามประสานิสัยนิ่งของเขา
“แต่ไอ้ยากูซ่าแก๊งนั้นมันไม่ถูกกับเรา พี่ก็รู้ว่ามันกลัวพี่จะไปฮุบตำแหน่งแก๊งมัน ผมปล่อยพี่ไปคนเดียวไม่ได้หรอก”
ทาเคชิพูดขึ้นอย่างไม่ยอม เพราะแก๊งยากูซ่าที่ริวจิจะไปคุยงานด้วยคือแก๊งที่เก็นจิพ่อของพวกเขาทั้งสามคนเคยเป็นหัวหน้าแก๊งมาก่อนแต่ด้วยที่ตัดสินใจมาแต่งงานกับพิรดาแม่ของพวกเขาที่เป็นทายาทผู้นำของแก๊งเพลิงมังกรเก็นจิจึงสละตำแหน่งหัวหน้าแก๊งยากูซ่าแล้วให้เซนโตะลูกพี่ลูกน้องเป็นหัวหน้าแก๊งแทนแต่ด้วยที่เซนโตะกลัวริวจิจะมาทวงตำแหน่งคืนจึงได้แต่ระแวงและพยายามกำจัดริวจิและน้องชายทั้งสองทุกครั้งที่เขาก้าวเท้าเข้ามาที่ญี่ปุ่นแต่ก็ทำพลาดทุกครั้ง เพราะเหตุนี้การที่ริวจิไปที่ญี่ปุ่นทุกครั้งจึงทำให้น้องชายทั้งสองและเพื่อนทั้งสามคนเป็นห่วงเขาไม่น้อย แต่สำหรับริวจิกลับไม่ได้รู้สึกกลัวเซนโตะเลยแม้แต่น้อยเพราะเขาคิดว่าแก๊งยากูซ่าของเซนโตะไม่ได้มีความหมายอะไรกับเขาจึงไม่คิดที่จะทำลายแก๊งนี้แต่ก็ไม่เคยปล่อยให้ตัวเองโดนทำร้ายสักครั้ง ถ้าฝั่งนั้นส่งคนมาทำร้ายเขา เขาก็แค่สนองด้วยการส่งศพของคนนั้นกลับไปคืนเท่านั้นเพราะเห็นแก่ที่เคยเป็นแก๊งที่พ่อตัวเองเป็นหัวหน้ามาก่อน
“ไม่ต้องห่วง ฉันไม่ปล่อยให้ตัวเองตายหรอก พวกแกกลับไปได้แล้ว”
ริวจิพูดกับน้องชายเสียงเรียบ
“แต่พี่/พี่ครับ”
“ไม่มีแต่ กลับไปซะ”
ริวจิพูดดักน้องชายทั้งสองเสียงดุแล้วเดินขึ้นเครื่องบินไปทันที
“จะตามไปมั้ย”
ซาโตชิเอ่ยถามพี่ชายฝาแฝดของตัวเอง
“ฉันจะตามไปห่างๆ ส่วนแกก็อยู่ดูแลบริษัทแล้วกัน ไม่งั้นเดี๋ยวพี่ใหญ่กลับมาจะโดนดุเอา ถ้าทิ้งบริษัทแล้วไปทั้งสองคน”
ทาเคชิพูดเสนอขึ้นเสียงเรียบเพราะนิสัยของสองแฝดก็ดุดันไม่ต่างจากริวจิ เรียกได้ว่าคนที่ทำให้พวกเขาเชื่อฟังได้ก็มีแต่ริวจิเท่านั้นเพราะตอนนี้พ่อแม่ของพวกเขารวมทั้งคุณตาคุณยายนั้นเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุพร้อมกันตั้งแต่ตอนที่ริวจิอายุเพียงแค่สิบขวบและสองแฝดก็อายุเพียงแปดขวบเท่านั้น ริวจิจึงดูแลน้องชายตัวเองมาตั้งแต่เด็กโดยมีแม่นมบัวดูแลพวกเขาทั้งสามมาตลอดจนถึงตอนนี้
“อืม แกก็ระวังตัวด้วยแล้วกัน”
ทาเคชิพยักหน้าตอบน้องชายฝาแฝดตัวเองแล้วทั้งสองก็เดินแยกกันโดยซาโตชิกลับไปที่บริษัทส่วนทาเคชิก็เตรียมบินโดยเครื่องบินทั่วไปเพราะไม่อยากให้พี่ใหญ่ของเขาจับสังเกตได้ ทางด้านริวจิเมื่อเครื่องบินบินขึ้นแล้วก็นั่งหลับตาด้วยท่าทางนิ่งขรึมที่เขาไม่ให้น้องชายทั้งสองมาด้วยไม่ใช่ว่าไม่เชื่อใจฝีมือของทั้งสองแต่เพราะเขานั้นเป็นห่วงมากกว่า ถึงภายนอกเขาจะดูนิ่งขรึมใส่น้องตัวเองแต่ภายในเขานั้นทั้งรักและใส่ใจน้องชายทั้งมากถึงขนาดยอมเอาชีวิตเข้าแลกได้เลยทีเดียวซึ่งทั้งสองคนก็รู้เป็นอย่างดีจึงไม่เคยโกรธริวจิเลยแม้แต่น้อยที่เขามักจะห้ามน้องชายตัวเองไปเสี่ยงงานอันตรายที่คิดว่ามันเกินตัวของทั้งสอง
“โคมะ พอไปถึงญี่ปุ่นแล้วแกรอตามดูแลน้องชายฉันด้วย”
ริวจิเอ่ยสั่งโคมะเสียงเรียบ
“นายน้อยทั้งสองจะขัดคำสั่งนายด้วยหรอครับ”
โคมะถามริวจิด้วยความสงสัย
“แน่นอนว่าไม่ขัดแต่ก็ไม่คิดจะทำตามทั้งหมดแน่นอน อย่างน้อยคงจะมีหนึ่งคนตามฉันมาที่นี่ แกก็แยกจากฉันที่สนามบินแล้วรอน้องชายฉันซะ อย่าให้น้องชายฉันมีแผลแม้แต่นิดเดียว”
ริวจิพูดขึ้นอย่างรู้ทัน เพราะเขาเลี้ยงน้องทั้งสองมาเองกับมือย่อมรู้นิสัยของทั้งสองเป็นอย่างดี
“ครับนาย”
โคมะรับคำสั่งของเจ้านายด้วยน้ำเสียงหนักแน่นจากนั้นก็นั่งอยู่เงียบๆ โดยไม่พูดอะไร เพราะปกติริวจิก็มักจะชอบอยู่เงียบๆ แบบนี้ตลอดจนถึงญี่ปุ่นโคมะก็แยกจากริวจิเพื่อดักรอนายน้อยตามคำสั่งของเจ้านาย ส่วนริวจิก็เดินไปทางออกเพื่อขึ้นรถโดยมีลูกน้องเพียงแค่สองคนเดินตามหลังเพราะเขาไม่ชอบเป็นจุดสังเกต ขณะที่ริวจิกำลังเดินไปก็มีผู้หญิงคนหนึ่งเซมาชนเขาอย่างแรงจนเธอล้มลงที่พื้น
“อ๊ะ! งืออ เจ็บชะมัด ขอโทษนะคะ พอดีฉันโดนเบียดมา”
พราวฟ้าสาวสวยหน้าหวานอายุยี่สิบเจ็ดปีพูดขอโทษริวจิด้วยภาษาอังกฤษพร้อมกับเบ้หน้าเจ็บออกมา ส่วนริวจิเมื่อได้ยินคำพูดของคนที่ล้มอยู่ก็ได้แต่มองผ่านแว่นตาดำด้วยสายตาเรียบนิ่งจากนั้นก็เดินไปทันทีโดยไม่สนใจเธอเลยแม้แต่น้อยจนพราวฟ้าได้แต่ทำหน้าอึ้งที่เห็นเขาเดินไปเฉยๆ โดยไม่ยอมพูดอะไรกับเธอ
“อะไรเนี่ย รู้ว่าเราผิดแต่ก็ไม่คิดจะตอบอะไรเลยหรอ แถมไม่ช่วยพยุงขึ้นอีกต่างหาก ชิ คนต่างชาตินี่ไม่มีน้ำใจเลยจริงๆ”
พราวฟ้าบ่นให้ริวจิด้วยน้ำเสียงไม่พอใจขณะที่พยายามลุกขึ้นยืน ด้วยความที่หน้าตาของริวจินั้นเหมือนพ่อมาเยอะ พราวฟ้าจึงคิดว่าเขานั้นเป็นคนต่างชาติ ขณะที่พราวฟ้ากำลังยืนบ่นอยู่คนเดียวเสียงโทรศัพท์เธอก็ดังขึ้นก็เห็นเป็นน้ำพุเพื่อนสนิทของเธอ พราวฟ้าจึงรับสายทันที
(ฮัลโหลยัยพราว แกถึงญี่ปุ่นยัง รับแล้วแสดงว่าถึงแล้วสินะ)
“อือ พึ่งถึงเลย แกโทรมาถูกจังหวะนะเนี่ย เหมือนกับจับเวลาไว้เลย”
(ก็ใช่น่ะสิยะ แกพึ่งเคยเดินทางคนเดียวฉันก็เป็นห่วงสิ ว่าแต่แกเช็คถูกแล้วใช่มั้ยว่าคุณชานนท์พักอยู่ที่ไหน แล้วเตรียมของเซอร์ไพรส์ไปครบใช่มั้ย)
“เตรียมครบแล้วจ้า ส่วนที่พักของพี่นนท์พี่เค้าก็บอกเองว่าพักโรงแรมไหน ห้องหมายเลขอะไร นี่ฉันกะว่าจะเข้าไปเซอร์ไพรส์พี่นนท์ก่อนแล้วค่อนชวนออกไปฉลองวันเกิดข้างนอกทีหลังน่ะเพราะเห็นว่าตอนนี้กำลังพักผ่อนอยู่จะออกไปคุยงานก็ตอนสามทุ่มนุ่นล่ะ”
(โอเค งั้นมีอะไรก็โทรหาฉันนะ ฉันวางล่ะ)
“อือ”
พราวฟ้าตอบน้ำพุด้วยรอยยิ้ม พราวฟ้าเป็นพนักงานบัญชีที่บริษัทจีโอกรุ๊ปซึ่งเป็นบริษัทขนาดกลางของประเทศแต่ปีที่แล้วเธอก็ได้พบกับชานนท์ประธานบริษัทนานันกรุ๊บซึ่งเป็นบริษัทชื่อดังพอสมควรในแวดวงธุรกิจตอนที่มีงานครบรอบบริษัทของเธอ ชานนท์จึงเริ่มจีบเธอตั้งแต่ตอนนั้นจนผ่านไปสองเดือนพราวฟ้าจึงยอมตกลงเป็นแฟนกับเขาและคบกันมาจนถึงทุกวันนี้ และที่เธอมาญี่ปุ่นวันนี้เพราะวันนี้เป็นวันเกิดของชานนท์แต่เขาต้องมาคุยงานกับหุ้นส่วนที่ญี่ปุ่น พราวฟ้าจึงตัดสินใจลาพักร้อนเพื่อบินมาเซอร์ไพรส์วันเกิดเขาโดยที่เขาไม่รู้ เมื่อพราวฟ้าออกจากสนามบินแล้วก็นั่งรถตรงไปยังโรงแรมที่ชานนท์อยู่ทันที ขณะที่นั่งรถอยู่มือบางก็หยิบโทรศัพท์ขึ้นกดโทรหาชานนท์โดยโทรทางไลน์เพราะถ้าโทรเบอร์ชานนท์จะรู้ว่าเธออยู่ที่ญี่ปุ่น รอสายสักพักชานนท์ก็รับสายเธอ
“ฮัลโหลค่ะพี่นนท์ ยุ่งอยู่มั้ยคะ”
พราวฟ้าพูดขึ้นด้วยรอยยิ้มเมื่อชานนท์รับสายแล้ว
(ไม่ครับ ตอนนี้พี่กำลังพักอยู่ แต่เหนื่อยมากเลย ถ้าได้กอดพราวคงจะดีไม่น้อย)
“แหม ทำเสียงอ้อนแบบนี้ไม่กลัวพราวใจอ่อนแล้วบินไปหาหรอคะ”
(มาก็ดีสิครับ จะได้กอดให้หายคิดถึง ว่าแต่โทรหาพี่ตอนนี้มีอะไรรึเปล่าครับ)
“ไม่มีอะไรหรอกค่ะ แค่จะโทรไปถามว่าพักจากทำงานรึยัง ว่าแต่ตอนนี้อยู่ที่โรงแรมหรอคะ”
(ครับ พี่ว่าจะงีบสักหน่อย เดี๋ยวช่วงสามทุ่มต้องออกไปคุยงานอีก)
“ค่า งั้นพี่นนท์นอนพักเถอะค่ะ พราวไม่กวนแล้ว คิดถึงงนะคะ”
(คิดถึงเหมือนกันครับ)
เมื่อคุยกันเสร็จพราวฟ้าก็วางสายทันที พร้อมกับยิ้มกว้างออกมาอย่างมีความสุขเพราะตลอดหนึ่งปีกว่าที่คบกันชานนท์นั้นเสมอต้นเสมอปลายกับเธอมาตลอด ขนาดเรื่องบนเตียงเธอขอไว้ว่ายังไม่พร้อมจะมีอะไรกันกับเขา เขาก็ยอมทำตามที่เธอขอไม่เคยบังคับขืนใจเธอเลยแม้แต่น้อยอย่างมากก็แค่กอด จับมือและหอมแก้มเท่านั้น ซึ่งวันนี้เธอก็ตัดสินใจแล้วว่าจะยอมมอบร่างกายตัวเองให้เขาเพื่อเป็นของขวัญวันเกิดและเป็นการตอบแทนความรักที่เขามีให้เธอ พราวฟ้าใช้เวลาประมาณยี่สิบนาทีก็มาถึงโรงแรมที่แฟนหนุ่มพักอยู่ร่างบางจึงเดินเข้าไปในโรงแรมอย่างอารมณ์ดีจนมาหยุดที่หน้าห้องหมายเลขที่ชานนท์บอกไว้ ตอนแรกเธอก็ตั้งใจจะเคาะห้องแต่ก็ชะงักเมื่อเห็นประตูเปิดแง้มไว้เล็กน้อย พราวฟ้าจึงตัดสินใจค่อยๆ เปิดเข้าไป แล้วเดินเข้าไปในห้องเบาๆ แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเห็นเสื้อผ้าทั้งของผู้ชายผู้หญิงวางกระจัดกระจายที่พื้นรวมถึงชุดชั้นในด้วย ร่างบางใจหล่นวูบน้ำตาคลอเบ้าแล้วกลั้นใจพยายามเดินไปยังห้องรับแขกที่มีคนกำลังมีอะไรกันอยู่บนโซฟาได้แต่หวังให้ตัวเองเข้าห้องผิดแต่พอเห็นมือซ้ายผู้ชายยกขึ้นมาจับพนักพิงโซฟาพราวฟ้าก็ร้องไห้ออกมาทันที เพราะมือซ้ายของชายคนนั้นมีแหวนที่เธอสวมให้เขาเองกับมือนั่นก็คือชานนท์นั่นเอง