EP3 น้องอย่าดื้อ!
Neptune’ s Part
ฉันมองพี่เจ้าชายอย่างตกใจเมื่ออยู่ๆ เขาก็พูดออกมาเหมือนว่าเขา...ชอบฉัน ฉันไม่รู้หรอกว่าที่เขาพูดออกมามันจริงมั้ยแต่มันก็ทำให้ใจฉันสั่นจนแทบจะระเบิดออกมาเลยล่ะ
ยอมรับว่าก่อนหน้านี้ฉันกำลังน้อยใจที่พี่เจ้าชายบอกว่าฉันเป็นแค่ ‘น้อง’ ถ้าเป็นแค่น้องแล้วเขามาจูบฉันทำไมล่ะ?
โอเคว่ามันอาจจะเพราะอารมณ์พาไปอะไรหลายๆ อย่างแต่ถ้าคนไม่มีใจอะทำแบบนี้มันเหมือนให้ความหวังเลยนะ
"หื้ม? ว่าไง"
"พะ พี่เจ้าอย่ามาล้อเล่นนะ!" พอฉันเอาแต่เงียบพี่เจ้าชายก็หันมาคาดคั้นเอาคำตอบจากฉันต่อ ฉันได้แต่ตอบเสียงตะกุกตะกักเหมือนคนหาเสียงตัวเองไม่เจอ ก่อนหน้านี้ยังซีเรียสอยู่เลยมันวนมาเข้าเรื่องชวนเขินได้ไงเนี่ย
“หึ พี่ล้อเล่นก็ได้ครับ โอเคถ้าเราไม่ชอบพี่ก็จะไม่ทำอีก" พอเห็นฉันไปไม่เป็นคนตัวสูงจึงไม่คาดคั้นเอาคำตอบอีกก่อนจะหันไปตั้งใจขับรถต่อ
"ไม่ใช่ไม่ชอบ"
"หืม?"
"กะ ก็โดนคนที่ตัวเองชอบจูบมีใครไม่ชอบบ้างอะ" จะหาว่าฉันเป็นเด็กใจแตกก็ได้แต่ตอนที่พี่เจ้าชายจูบมัน...รู้สึกดีชะมัดเลย
"แล้วที่ทำเหมือนโกรธพี่?"
“ถ้าเนปโกรธจริงพี่เจ้าจะง้อหรือเปล่า?”
“ง้อสิ ก็พี่ผิดนี่นา”
“งั้นเนปโกรธ” อยากโดนง้ออยากโดนพี่เจ้าชายเอาใจแม้ว่าฉันจะใจอ่อนแค่ไหนเวลาเห็นหน้าเขาแต่จะ ‘แกล้ง’ โกรธก็ได้ถ้ามันจะทำให้พี่เจ้าชายง้อฉันน่ะนะ
“เอ้า แบบนี้ก็ได้เหรอ?”
“ได้สิ ง้อเนปเลยนะเนปโกรธพี่เจ้าแบบมากๆ เลย”
“แล้วจะให้พี่ง้อยังไงวะ” คนตัวโตขมวดคิ้วงงๆ ในขณะที่รถของเขาเคลื่อนตัวมาถึงคอนโดพอดี พี่เจ้าชายจอดรถแล้วหันมาเอาคำตอบจากฉัน
“ง่ายมากๆ สัปดาห์นี้ทั้งสัปดาห์พี่เจ้าต้องให้เนปติดรถไปคณะด้วย แล้วก็มารับด้วย” อย่างที่รู้ว่าฉันน่ะต้องไปดักรอพี่เจ้าชายเพื่อให้ได้กลับคอนโดพร้อมเขาแทบทุกวันบางวันก็ตื่นมาดักรอให้ได้ไปมหาลัยพร้อมกัน ตอนนี้แหละได้โอกาสแล้วให้พี่เขามารอฉันบ้างดีกว่า
“แค่นี้?”
“ช่าย แค่นี้แหละแล้วเนปจะหายโกรธเลย”
“ตอนนี้ก็เหมือนไม่ได้โกรธอยู่แล้วเปล่าวะ” พี่เจ้าชายบ่นอุบอิบเหมือนคุยกับตัวเองแต่ฉันได้ยินนะ!
“เนปโกรธ!!!”
“อะโกรธก็โกรธ ไหนๆ ก็โดนโกรธแล้วงั้น...”
“พะ พี่เจ้าจะทำอะไร?” ฉันตกใจเมื่ออยู่ๆ พี่เจ้าชายก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้พร้อมกับค้ำมือกับเบาะรถเพื่อกักขังฉันไว้ไม่ให้ขยับหนีไปไหนได้ ใบหน้าของเราอยู่ใกล้กันจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่นของคนตรงหน้า ใบหน้าหล่อเหลาและสายตาเจ้าเล่ห์ที่อยู่ห่างไม่กี่เซนติเมตรทำเอาฉันหน้าร้อนไปหมด
“โดนโกรธอีกนิดคงไม่เป็นไรหรอกมั้ง”
“พะ พี่...อะ อื้อ~” พูดจบคนตัวโตก็ประกบริมฝีปากลงมาทาบทับกับริมฝีปากฉันแผ่วเบาก่อนจะค่อยๆ บดคลึงขบเม้มริมฝีฉันอย่างเอาแต่ใจ ฉันได้แต่หลับตาปี๋ทำอะไรไม่ถูกข้อมือทั้งสองข้างที่ตั้งใจจะผลักคนตรงหน้าออกถูกจับไว้แนบอกของคนเอาแต่ใจ ปลายลิ้นร้อนค่อยๆ แทรกเข้ามาในโพรงปากฉันเกี่ยวกระหวัดหยอกล้อดูดดึงเอาความหอมหวานจากโพรงปากเล็กไปอย่างเอาแต่ใจ พอโดนพี่เจ้าชายจูบอย่างดูดดื่มเป็นครั้งที่สองของวันฉันก็กล้าแม้แต่จะขัดขืนเพราะว่าชอบ...
ปล่อยให้เขาดูดดึงริมฝีปากตักตวงความหวานจากปากฉันไปจนพอใจ....
.
.
.
หลายวันต่อมา...
Jaochai’ s Part
“เลิกคลาสแล้วไปหาอะไรกินกันป่ะ?”
“เอาดิกูหิวเหมือนกัน”
“กูไม่ไปนะ พวกมึงไปกันเลย” พอเลิกคลาสไอ้ไมล์ก็ชวนเพื่อนไปหาอะไรกินต่อทันทีแต่ผมปฏิเสธพวกมันพร้อมกับเก็บของเตรียมออกจากคลาสเรียนไปด้วย
“มึงจะไปไหนวะไอ้เจ้า ช่วงนี้มันเป็นยังไงไม่ค่อยไปไหนกับเพื่อนเลยนะ” ไอ้ไมล์โวยใส่ผมเพราะหลายวันมานี้ผมไม่ค่อยไปไหนกับพวกมันอย่างที่มันบ่นจริงๆ พอดีติด ‘ธุระ’ น่ะ
“กูต้องไปรับน้อง”
“น้อง?” ไอ้พอร์ชขมวดคิ้วมองผมเป็นเครื่องหมายคำถามประมาณว่าผมไปมีน้องไหน
“ก็เนปจูนนั่นแหละ” ผมบอกพวกมันไปตามความจริงแม้จะรู้ว่าหลังจากนี้อาจจะโดนแซวก็ตาม
ใช่แล้วธุระของผมที่ว่าก็คือการไปรับยัยเด็กดื้อเนปจูนที่ (แกล้ง) โกรธผมทำให้ตอนนี้ผมอยู่ในช่วงนี้ที่ต้องง้อเด็ก จากตอนแรกที่โดนสั่งให้ง้อด้วยการไปรับไปส่งเธอแค่สัปดาห์เดียวแต่ยัยตัวแสบเพิ่มเป็นสองสัปดาห์เพราะวันนั้นผมดันไปจูบเธอบนรถอีกรอบ
พูดถึงจูบแล้วก็อยากจูบอีกชะมัดเด็กอะไรปากหวานชิบหาย
หลังจากที่โดนผมจูบไปเนปจูนก็ไม่ยอมมาห้องผมอีกเลย เวลาผมเอาหน้าเข้าไปใกล้หน่อยเธอก็รีบผลักผมออก ไม่รู้ว่ากลัวหรือเขินกันแน่
“เออ กูว่าจะถามหลายวันแล้วช่วงนี้มึงกับน้องดูมีอะไรนะกูเห็นมึงมามหาลัยพร้อมน้องทุกวันตอนกลับก็ไปรับอีก คบกันแล้วเหรอวะ?”
“ยัง”
“อ้าวยังไงวะครับ”
“ก็เป็นน้อง”
“อะไอ้เหี้ยนี่ กูอุตส่าห์เงียบแล้วนะถ้าไม่ได้คิดอะไรอย่ามาให้ความหวังน้องกู” ไอ้มาร์ที่เงียบอยู่นานพูดขึ้นบ้างมันกับเนปจูนเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน พ่อแม่เนปจูนไม่อยู่ที่ไทยก็เลยฝากให้มันดูแลแต่ไอ้มาร์ไม่ใช่คนหวงน้องอะไรขนาดนั้นมันค่อนข้างจะปล่อยให้เนปจูนได้ตัดสินใจและใช้ชีวิตเองโดยที่มันก็คอยดูแลน้องอยู่ห่างๆ ไอ้มาร์มันก็เลยไม่ค่อยเข้ามายุ่งในความสัมพันธ์ของผมกับเนปจูนสักเท่าไหร่ละมั้ง
“พวกมึงนี่ก็เร่งรัดกูจังวะ ตอนนี้เป็นน้องต่อไปก็ไม่แน่ไงให้เวลากูหน่อยกูไม่ใช่คนที่จะคบใครง่ายๆ พวกมึงก็รู้”
ตอนนี้ก็ถือว่าผมเปิดใจให้เนปจูนมากในระดับหนึ่งแล้วนะ ปกติผมไม่ใช่คนที่จะมานั่งแคร์ใครหรอก กิน เที่ยว เล่นตามประสาหนุ่มโสดที่ฮอตมากไปวันๆ แฟนคนล่าสุดที่คบก็ตั้งแต่มัธยมนู่น ตั้งแต่เข้ามหาลัยมาผมก็ไม่เคยจริงจังกับใครอีกเลย มีแค่คุยๆ บ้างส่วนมากก็มีแต่คนเข้าหาเองทั้งนั้นผมแทบไม่ต้องทำอะไรเลย
“เออๆ แต่ระวังไว้เหอะมึงเนปจูนไม่ได้เป็นเหมือนที่มึงคิดทั้งหมดหรอกนะ”
“เออ กูไปล่ะเจอกัน” ไอ้มาร์พูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นพวกผมก็แยกย้ายกัน
ผมก็ไม่รู้หรอกนะว่าที่มันบอกว่าเนปจูนไม่เหมือนที่ผมคิดน่ะมันเป็นยังไง สำหรับผมน้องเป็นเด็กที่สดใสแล้วก็ดูหัวอ่อนไม่ค่อยทันคนสักเท่าไหร่ด้วยซ้ำ
.
.
Neptune
Mars: เนป
Mars: จัดการขั้นเด็ดขาดหน่อยมันยังบอกว่าเนปเป็นเนปเป็นแค่น้องอยู่เลย
Mars: พี่รำคาญ
Neptune: น้องอีกแล้ว! : (
.
.
Neptune
Jaochai: เด็ก อยู่ไหน
Jaochai: พี่รออยู่ใต้ตึกที่เดิม
Neptune: พี่จ้าวว
Jaochai: เจ้า* พอ
Neptune: พี่เจ้าๆๆ คือเนปมีกิจกรรมอะ พี่เจ้ากลับก่อนเลย
Neptune: ขอโทษที่ลืมบอกค่ะ
Jaochai: กิจกรรมอะไรวะ
Neptune: คัดดาวเดือนอะ พอดีพี่เขาเพิ่งมาบอกตอนเลิกคลาสเอง
Jaochai: จะประกวด?
Neptune: อือฮึ
Jaochai: ใครอนุญาตวะ
Jaochai: ตอนนี้อยู่ไหน
Neptune: อยู่ตึก A
Jaochai: ห้องไหน?
Neptune: พี่เจ้าไม่ต้องมาเลย
Jaochai: ห้องไหนเนป?
Neptune: ห้อง124 อะ พี่เจ้าไม่ต้องมาหาเนปนะน่าจะดึกเดี๋ยวให้เพื่อนไปส่ง
Read
Neptune: พี่เจ้าเข้าใจมั้ยเนี่ย!
Read
ผมไม่สนใจข้อความที่เนปจูนห้ามไม่ให้ไปหา ยัยเด็กนี่ปล่อยให้ผมมารอตั้งนานแล้วหนีไปคัดตัวดาวเดือนเฉยเลยเนี่ยนะ แล้วใครจะยอมให้เธอประกวดวะแม่ง
ผมหงุดหงิดเพราะแค่คิดว่าถ้าเนปจูนประกวดดาวคนอื่นก็จะรู้จักเธอเยอะขึ้นซึ่งแน่นอนว่าหน้าตาแบบเนปจูนต้องมีคนเข้าหาเธอเยอะแน่ๆ
ผมไม่ยอมหรอก!
Room 124
“ว้าวๆ เจ้าชายแห่งวิศวะทำไม่อยู่มาโผล่ที่นิเทศได้ล่ะเนี่ย”
พอผมเดินเข้าไปในห้องนั้นไอกวินเพื่อนต่างคณะที่ผมรู้จักเพราะเคยไปกินเหล้าด้วยกันบ่อยๆ ก็เอ่ยทักขึ้นทำให้ทุกคนในห้องหันมามองผมเป็นตาเดียวรวมทั้งยัยเด็กที่ทำให้ผมวุ่นวายใจที่ตอนนี้กำลังยืนอยู่ในฉากถ่ายรูปคู่กับไอ้หน้าอ่อนที่คาดว่าน่าจะเป็นตัวแทนผู้ชายไปประกวดดาวเดือนคู่กันนั่นแหละ
แล้วทำไมมันต้องมองเนปจูนเหมือนจะกินเข้าไปทั้งตัวขนาดนั้นวะ
“หวัดดีมึง” ผมเอ่ยทักไอ้กวินแล้วยืนมองเนปจูนอยู่เงียบๆ ถ่ายอะไรทำไมต้องโอบกันขนาดนั้นวะ
“เออ มาไมวะ” ไอ้กวินพยักหน้าให้ผมแล้วถามในสิ่งที่ทุกคนสงสัย ว่าผมมาโผล่ที่นี่ได้ยังไง
“มาเฝ้าเด็ก”
“ใครเด็กมึง” ผมยื่นหน้าไปทางเนปจูนที่เพิ่งถ่ายรูปเสร็จและกำลังเดินมาหาผมพอดี พอเห็นแบบนั้นทุกคนในห้องก็ถึงกับอ๋อแล้วหันไปสนใจงานของตัวเองต่อแต่ก็ไม่วายมีสายตาหลายคู่แอบมองผมกับเนปจูนอยู่เป็นระยะด้วยความอยากรู้อย่าเห็น
“พี่เจ้ามาทำไมเนี่ย เนปบอกว่าไม่ต้องมาไง” ยัยเด็กนี่พอเดินมาก็เอาโวยวายใส่ผมทันที ทำไมวะมาไม่ได้ไง?
“กลับ” ผมดึงแขนเนปจูนพร้อมกับลากยัยตัวเล็กออกมาจากห้องนั้นแต่เธอขืนตัวไว้ซะก่อน
“เดี๋ยวก่อนซี่...เนปยังถ่ายไม่เสร็จเลยเหลืออีกเซตนึง”
“ไปถอนตัว”
“ห๊ะ?”
“ไม่ต้องประกวดแล้ว ไปถอนตัว”
“ทำไมเนปต้องถอนตัวด้วย” เนปจูนมองผมอย่างไม่เข้าใจพร้อมกับเบะปากอย่างขัดใจ ถ้าไม่ติดว่าเธอทาลิปสติกสีแดงขนาดนี้นะจะบีบปากให้
“พี่ไม่ให้ประกวด มันไม่ดี”
“มันไม่ดียังไงอะ ทำกิจกรรมมหาลัยก็ดีออก”
“เนปอย่าดื้อ บอกว่าไม่ให้ประกวดก็ไม่ต้องประกวด”
มันไม่ดีตรงที่ถ้าน้องประกวดมันจะมีคนมอง เนปจูนจะไม่ได้เป็นแค่เด็กปีหนึ่งธรรมดาแต่จะกลายเป็นคนดังที่ใครๆ ก็สนใจไงซึ่งผมไม่ชอบ ทำไมต้องอยากดังด้วยวะอยู่แบบนี้ก็ดีแล้วไม่ใช่รึไง แต่เหมือนยัยตัวดื้อนี่จะไม่ยอมง่ายๆ จนกว่าผมจะหาเหตุผลที่ดีพอมาพูดได้
“พี่เจ้าไม่มีเหตุผลอะ เป็นใครอะมาสั่งไม่ให้เนปประกวด”
อ่า ผมถึงกับไปไม่เป็นเลย นั่นน่ะสิผมกับน้องเป็นอะไรกันวะถ้าเป็นแค่น้องแล้วทำไมผมต้องหงุดหงิดขนาดนี้ด้วยเธอจะทำอะไรก็เรื่องของเธอสิ ผมรู้แต่ก็ทำไม่ได้...
ตลอดสัปดาห์ที่ผ่านมาผมได้เริ่มเป็นคนที่คอยตามเนปจูนบ้าง บอกเลยว่ามันไม่ได้แย่อย่างที่คิด ผมไม่ได้รู้สึกว่าโดนบังคับออกจะเต็มใจที่ได้ไปรับไปส่งเนปจูนด้วยซ้ำ เราคุยกันเยอะขึ้นใช้เวลาอยู่ด้วยกันมากขึ้นความสัมพันธ์เหมือนจะพัฒนาขึ้นแต่ก็ยังไม่ใช่แฟนกันอยู่ดี ผมก็ไม่รู้ว่าตอนนี้ต้องเรียกความสัมพันธ์ระหว่างผมกับเนปจูบว่ายังไงดี
เพราะก็ไม่ใช่เนปจูนคนเดียวที่ผมเคยทำแบบนี้ด้วย
“เป็น....เป็นพี่ไงเนป พี่บอกว่ามันไม่ดีก็คือไม่ดีไงถ้าไอ้มาร์รู้มันก็ไม่ให้เนปประกวดหรอก” ผมเอาไอ้มาร์มาอ้างเพราะไอ้มาร์ก็คงไม่ยอมให้น้องประกวดดาวเดือนห่าเหวอะไรนี่แน่ๆ อะ
“เนปบอกพี่มาร์แล้วพี่มาร์อนุญาตด้วย”
ไปคุยกันตั้งแต่เมื่อไหร่วะ!