“ต่ำอีกนิดสิ” เสียงห้าวบอกจันจิราที่ล้วงมือเข้าไปในเสื้อลูบไล้แผงอกกล้ามท้องของเขาลงไปถึงขอบกางเกงมือหนาก็ล้วงเข้าไปขยำสองเต้าอวบใหญ่ที่เสริมซิลิโคนขยี้ยอดอกของดาราสาวจนเธอเผลอครางออกมา
“คะ คุณกายขาจ๋าว่าเราไปต่อที่อื่นกันเถอะค่ะ อ่า..” จันจิราบอกชายหนุ่มเสียงสั่นพร่าด้วยความต้อการร่างแกร่งแล้วล้วงเข้าไปในกางเกงของเขาพบกับท่อนเอ็นลำยาวขดนิ่งอยู่จึงบีบมันเบาๆ
“ไปสิ แต่ว่ามือคุณ..” อชิระก็คิดว่ากลับไปต่อที่คอนโดของเขาดีกว่า
“คุณกายว่าตรงนี้จะมีใครเห็นมั้ยคะหากเรา..” ดาราสาวเงยหน้ามองเขาเพราะรู้อยู่แล้วว่าตรงนี้เป็นมุมส่วนตัว
“จะเอาจริงเหรอ” ชายหนุ่มเลิกคิ้วถามดาราสาวคนสวยที่กลืนกินเขาทางสายตาอย่างท้าทายว่าเธอจะกล้ามั้ย
“จ๋าว่าน่าลองนะคะ” ดาราสาวดื่มแอลกอฮอล์มากไปหน่อยทำให้ดาราสาวใจกล้าและต้องการเอาใจหนุ่มหล่อตรงหน้าด้วย
“น้องๆ” อชิระเรียกบริกรหนุ่มมาแล้วกระซิบบอกเบาๆว่าเขาต้องการความเป็นส่วนตัวหากไม่เรียกไม่ต้องเข้ามา บริการหนุ่มพยักหน้าเข้าใจแล้วไปยืนตรงทางเดินเพื่อดูต้นทางไม่ให้ใครไปกวานเพื่อนเจ้านาย
“เรียบร้อยแล้วเราจะทำยังไงต่อกันดีล่ะ” อชิระพูดจบดาราสาวใจกล้าก็ลุกขึ้นนั่งคุกเข่าระหว่างขาของพ่อหม้ายหนุ่มนักรักเอวไวที่ทำให้เธอหลงไหลในรสสวาทของเขาแล้วแกะเข็มขัดออกปลดตะขอกางเกงรูดซิบลงเปิดอ้าเห็นกางเกงในสีขาวที่ปกปิดท่อนเอ็นลำยาวที่ดาราสาวรู้พิษสงแล้วว่ามันร้ายกาจขนาดที่น้องสาวของเธอระบมเลยทีเดียว
“จ๋าขอปลุกมันก่อนนะคะ” จันจิราบอกเขาแล้วรั้งกางเกงในลงควักท่อนเอ็นอ่อนปวกเปียกออกมาลูบคลำบีบขยำเบาๆแล้วรูดขึ้นลงช้าๆเงยหน้ายิ้มหวานให้ชายหนุ่มที่เอนกายพิงโซฟา
“คุณใจร้อนเหมือนนี่” อชิระมองดาราสาวผู้เร่าร้อนต่างจากภาพที่ออกทีวีที่สวยหวานเรียบร้อยและเธอก็เลือกคบแต่คนดังไฮโซสำหรับเขาต้องการแค่แลกเปลี่ยนความสุขกันเท่านั้นและทำสัญญากันอย่างชัดเจนแล้วเขาก็ไม่เอาเปรียบพวกเธอหากต้องการจะไปก็ให้บอกหรือเขาเบื่อลีลาหน้าเดิมเขาก็จะยุติความสัมพันธ์และมอบของขวัญให้พวกเธออย่างเหมาะสมก็จากกันด้วยดีเท่าที่ผ่านมายังไม่มีใครก้าวล้ำเขามาในเขตหวงห้ามของเขา
“ก็จ๋าคิดถึงคุณกายมากนี่คะ” เธออยากโทรหาเขาจะแย่แต่กลัวอชิระยุติความสัมพันธ์จึงต้องรอให้เขาโทรหาเองและเธอก็มีหนุ่มน้อยหนุ่มใหญ่คนดังไฮโซและนักการเมืองมาจีบกันมากมายแต่เธอจะเลือกคุยกับหนุ่มโสดเท่านั้นเพราะไม่อยากมีปัญหา
“ผมชักอยากรู้แล้วว่าคุณคิดถึงผมมากแค่ไหน” ชายหนุ่มกางขาออกกว้างมองท่อนเอ็นลำใหญ่ที่ขยายตัวในมือของจันจิราที่ปลุกปล้ำจนมันตื่นตัวแข็งขึงขึ้นมา
“แพร่บๆๆ แพร่บๆๆ..”
จันจิราก้มลงละเลงปลายลิ้นไล้เลียความเป็นชายในมือลากปลายลิ้นจากปลายยอดหัวมนทู่ลงไปจนถึงโคนปาดเลียรอบความใหญ่โตในมือจนเจ้าของเกร็งตัวด้วยความเสียวซ่าน
“ฮื้มม..” ชายหนุ่มครางในคอด้วยความเสียวซ่านเมื่อจันจิราอ้าปากงับท่อนเอ็นลำยาวเข้าเต็มปากลิ้มรสดูดกลืนรับเขาเข้าไปมากที่สุดเท่าที่จะรับไหวแล้วดูดดื่มอย่างแรงติดกันจนเขากระดกสะโพกขึ้นใส่ปากเธอด้วยความเสียวกระสัน มือหนาจับศีรษะของเธอไว้แน่น
“อืมม..จ๊วบบๆๆ แพร่บๆๆ..”
ดาราสาวรูดริมฝีปากตามความอวบใหญ่ลำยาวแข็งขึงร้อนผ่าวจากโคนขึ้นมาถึงปลายยอดปาดปลายลิ้นเลียวนไปรอบความใหญ่โตไปมาโลมเล้าจนเขาใกล้จะระเบิด
“ฮื้มม..ทำต่อไปอย่าหยุด..” เสียงห้าวบอกหญิงสาวขบกรามแน่นขึ้นเมื่อความเสียวซ่านแล่นพล่านไปทั่วกายแกร่งจนสั่นสะท้าน “อ่าส์ เร็วอีก” สะโพกสอบกระดกเข้าใส่ปากเธอเร็วขึ้น
จันจิราอมดูดตามความยาวเข้าไปเต็มที่ดูดดื่มรสชาติของเขาอย่างเมามันเร่งจังหวะเร็วขึ้นตามจังหวะสะโพกสอบเด้งสวนเข้าใส่ปากอย่างรุนแรงลึกถึงคอหอย มือหนากระชากผมเธอรุนแรงเป็นจังหวะเมื่อใกล้ถึงจุดสุดยอยด
“อ่าส์ แบบนี้แหละ ฮื้มม ดูดแรงอีก..” เสียงแหบห้าวบอกดาราสาวที่เร่งจังหวะดูดดื่มอย่างแรงติดกันไม่กี่วินาที “ อ่า ฮื้มมม..” เสียงห้าวคำรามออกมากายแกร่งกระตุกเฮือกแล้วระเบิดสายธารร้อนระอุเข้าไปในปากของจันจิราจนเธอสั่นสะท้านกลางกายฉ่ำแฉะด้วยความเสียวและกลืนกินสายธารร้อนเขาเข้าไปจนหมด เธอก็ไม่ได้ทำแบบนี้ให้กับผู้ชายทุกคนยกเว้นคนที่เธอมั่นใจจริงๆว่าปลอดภัยและอชิระก็เป็นอีกคนที่เธอมั่นใจเขาจึงได้สิทธิพิเศษนี้จากเธอ
“แพร่บๆๆ แพร่บๆๆ”
“ฮื้มม..”
“ไปถึงคอนโดแล้วจ๋าจะบอกคุณกายอีกครั้งนะคะว่าคิดถึงมากแค่ไหน” จันจิราบอกหนุ่มหล่อที่หน้าแดงก่ำแล้วเก็บความแข็งแกร่งที่อ่อนตัวลงกลับเข้าที่ให้เรียบร้อย
“งั้นไปกันเถอะ” อชิระดึงกระดาษทิชชู่ยื่นให้ดาราสาวรอจนเธอเรียบร้อย
“เดี๋ยวเจอกันที่คอนโดนะ” อิชิระพูดจบก็ลุกออกไปก่อนแล้วลงไปทางประตูหลังร้านที่ลานจอดรถส่วนตัวของเพื่อนที่เขาให้ทองสุกมาจอดรอ
จันจิรามองตามร่างสูงเดินออกไปประมาณห้านาทีเธอก็ยกไวน์ขึ้นดื่มแล้วลุกขึ้นเดินไปหาผู้จัดการส่วนตัวที่นั่งดื่มรอเธอที่โต้ะด้านนอก
“คุณกายล่ะ”
“ไปเจอกันที่คอนโดของเขาค่ะ” จันจิราตอบคณิตแล้วนั่งลงรอเด็กเช็คบิล
“งั้นพี่ไปส่งคุณน้องก่อนละกัน พรุ่งนี้จะมารับนะ” คณิตบอกเด็กในสักกัดเมื่อจ่ายเงินเสร็จทั้งสองก็เดินลงไปชั้นล่างเพื่อไปตามนัดของอชิระ
อชิระขึ้นรถแล้วก็บอกให้ทองสุกไปที่คอนโดเขาไม่อยากให้เป็นข่าวแต่บางครั้งมันก็ห้ามไม่ได้เพราะมีทั้งนักข่าวปาปารัสซี่และผู้คนที่รู้จักเขา
“ตู้ดดๆๆ..”
อชิระล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์มาดูดึกแล้วมีใครโทรมาหาเขาเมื่อเห็นเบอร์ของน้องสาว
“มีอะไรเกล”
“พี่กายคะอีตั้นไม่สบายค่ะ ตัวร้อนมากเกลกับคุณพ่อคุณแม่กำลังพาหลานไปโรงพยาบาลค่ะ” อัสมาบอกพี่ชายเธอกำลังพาหลานชายไปโรงพยาบาลกับพ่อแม่เพราะพี่ชายคนรองไม่อยู่
“งั้นพี่ๆไปรอที่โรงพยาบาลนะเกล” อชิระบอกน้องสาวด้วยความเป็นห่วงลูกชายและรู้ว่าทุกคนจะดูแลลูกชายเขาเป็นอย่างดี
“ค่ะพี่กาย”
สองพี่น้องก็วางสายแล้วต่างก็มุ่งหน้าไปโรงพยาบาลอิชระก็โทรหาดาราสาวเพื่อบอกว่าเขาไปตามนัดไม่ได้
“จ๋าใกล้จะถึงแล้วค่ะคุณกาย” จันจิราคิดว่าอชิระโทรมาตามจึงรีบบอกเขาเสียงหวาน
“ผมจะโทรมาบอกคุณว่าคืนนี้ผมไม่สะดวกแล้ว ขอโทษด้วยนะ” อชิระบอกดาราสาวที่ดีใจเก้อเพราะตั้งใจไว้มากว่าจะสนองพ่อหม้ายไฮโซหนุ่มสุดหล่อเต็มที่
“อะไรนะคะ คุณกายยกเลิกนัดเหรอคะ”
“ใช่.”
“คุณกายทำแบบนี้กับจ๋าได้ยังไงคะ” จันจิราผิดหวังจึงต่อว่าอชิระด้วยความไม่พอใจอย่างลืมตัว
“ผมจะให้เลขาจัดการเรื่องสัญญานะ” อชิระพูดเสียงเย็นแล้ววางสายปิดโทรศัพท์ที่เขาใช้สำหรับติดต่อกับคนทั่วไปสำหรับลูกค้าก็มีเลขาทั้งสองคอยจัดการและคนครอบครัวกับเพื่อนๆคนสนิทเขาก็จะใช้อีกเครื่องหนึ่ง
“คุณกายคะ คุณกาย กรี้ดดด....” จันจิราเรียกชื่ออชิระเสียงดังเมื่อได้ยินเขาตัดความสัมพันธ์และตัดสายไปเธอก็กรีดร้องเสียงดังลั่นรถ
“เฮ้ยยๆๆ..คุณน้อง” คณิตตกใจเสียงกรี้ดของนางเอกสาวในสังกัดจนทำให้รถเป๋ไปเกือบชนเสาไฟฟ้าทำเอาเขาขวัญสั่นขวัญหาย
“พี่เค คุณกายเขา เขา..”
“เขาเป็นอะไรคะคุณน้องกรี้ดจนเกือบตายกันแล้วมั้ยล่ะ” คณิตตวาดนางเอกสาวที่หน้าตาบูดบึ้งอย่างไม่พอใจ
“พี่เค เอ่อ จ๋าขอโทษค่ะ”
“จะตอบพี่ได้หรือยังว่าคุณกายเป็นอะไรคุณน้องถึงร้องเหมือนชะนีถูกเชือดแบบนี้” คณิตพูดอย่างไม่พอใจเช่นกัน
“คุณกายเขาตัดความสัมพันธ์กับจ๋าค่ะ จ๋าจะทำยังไงดีคะพี่เคช่วยคิดหน่อยสิคะ” จันจราถามผู้จัดการส่วนตัวให้ช่วยเธอคิดเพราะเธอยังไม่อยากหยุดความสัมพันธ์เร็วแบบนี้ข่าวของเธอกับอชิระทำให้เธอมีงานอีเวนท์เพิ่มมากขึ้นเธอให้สัมภาษณ์ตามที่อชิระตอบว่ารู้จักเขาเหมือนทุกคนไม่ได้มีความพิเศษต่อกัน
“เรื่องอะไรล่ะเมื่อกี้ก็ยังดีๆอยู่ไม่ใช่เหรอ
“ก็ใช่น่ะสิคะ เขาโทรมาบอกยกเลิกนัดและจบความสัมพันธ์กับจ๋าแล้วจ๋าจะทำยังไงดีคะ”
“ง่ายๆนะคุณน้อง จบก็จบสิยะ”
“พี่เค..” จันจิราหันไปมองผู้จัดการ “จ๋าให้ช่วยคิดค่ะ..”
“ทำไมต้องคิดละคุณน้อง คุณกายเขาพูดยังก็เป็นไปตามนั้นแหละพี่ช่วยอะไรไม่ได้หรอก..” เขาคิดว่าเป็นเพราะจันจิรา ตวาดใส่ชายหนุ่มมากกว่า
“แต่ว่าจ๋า..”
“อย่าทำให้เรื่องมันยุ่งเลยคุณน้องเขาขอจบก็ทำตามนั้นเถอะ พี่ไม่อยากให้มีปัญหา” คณิตบอกดาราสาวที่เขาปั้นมากับมือจันจิรานิ่งเงียบไป
“ใปส่งจ๋าที่คอนโดด้วยค่ะ” จันดาราบอกผู้จัดการส่วนตัวแล้วทั้งสองก็เปลี่ยนเป้าหมายไปที่คอนโดหรูของตัวเองแทนในเมื่อเป็นแบบนี้แล้วเธฮต้องยอมใช่มั้ย
ที่โรงพยาบาลเอกชนสุดหรูชื่อดัง
อชิระโทรหาคุณหมอประจำตัวของครอบครัวเพื่อให้จัดเตรียมหมอพยาบาลให้ลูกชายและเขาก็ถึงโรงพยาบาลก่อนน้องสาว
“สวัสดีครับป้าหมอ” อชิระตรงไปหาคุณหมอป้อนหรือปนิตาหมอสาวรุ่นใหญ่เพื่อนกับพ่อแม่ของเขาที่ครั้งหนึ่งเกือบจะลงเอยกันเพราะพ่อแม่จะจับคลุมถุงชนและเป็นทายาทของโรงพยาบาลรุ่นที่สามต่อจากพ่อที่เป็นหมอเหมือนกัน
“สวัสดีตากาย ป้าเตรียมทุกอย่างไว้แล้วลูกแล้วทำไมเราถึงก่อนล่ะ” หมอป้อนถามหลานชาย
“พอดีผมไปดื่มกับเพื่อนมาครับป้าหมอ เดี๋ยวอีตั้นน่าจะมาถึงครับ” พ่อหม้ายหนุ่มเจ้าเสน่ห์ตอบคุณหมอยังไม่ทันขาดคำรถก็แล่นมาจอดหน้าห้องฉุกเฉิน
“มากันแล้วโน่นไปเร็ว” หมอป้อนเห็นเพื่อนอุ้มหลานชายมาเดินไปหาอย่างรวดเร็วแล้วจัดการอย่างรวดเร็ว
อชิระอุ้มลูกชายจากพ่อแล้วพาเข้าห้องตรวจร่างกาย
“อีตั้นเจ็บตรงไหนบ้างลูกบอกยายป้อนหน่อยสิครับ” หมอปนิตาถามหลานชายตัวน้อยอย่างอ่อนโยน
“อีตั้นปวดหัวค้าบคุณยายป้อน แต่นิดเดียวเองครับ” อีตั้นตอบคุณยายหมอแล้วซบหน้าลงบนไหล่พ่ออย่างออดอ้อนเขาไม่ได้กลัวคุณยายหมอแต่กลัวเข็มมากกว่าทำให้ทุกคนอมยิ้ม
“งั้นยายป้อนขอตรวจคนเก่งก่อนนะครับ” หมอปนิตาหลอกล่อหลานชายก่อนจะตรวจร่างกายและให้แววดาวคอยเช็ดตัวเพื่อลดไข้ให้ตลอดเวลาและให้กินยาก่อนจะส่งตัวไปห้องพักคนไข้วีไอพีเพื่อรอดูอาการเพราะกลัวหลานชายจะเป็นไข้เลือดออกที่ช่วงนี้กำลังระบาด
“น้องอีตั้นเป็นไข้หวัดน่ะวิน เราให้หลานแอดมิทหนึ่งคืนนะรอผลตรวจเลือดก่อนถ้าไม่มีเชื้อไข้เลือดดอกก็กลับบ้านได้ เป็นไข้หวัดธรรมดาคุณแววดูแลได้” หมอปนิตาบอกคุณปู่ของอีตั้น
“ขอบใจมากนะหมอป้อน ขอโทษด้วยที่รบกวนดึกๆ”
“ไม่เป็นไรหรอกน่า มีอะไรก็โทรตามเราได้ตลอดเวลา เราพักที่นี่อยู่แล้ว” หมอป้อนตอบเพื่อนหากไม่มีธุระอะไรเธอก็จะสแตนบายอยู่ที่โรงพยาบาลเพื่อรักษาคนป่วยฉุกเฉินแม้จะมีหมอพยาบาลมากมายเธอก็อยากช่วยเหลือคนไข้เต็มที่
เวลาผ่านไปหนึ่งอาทิตย์หลังจากที่อีตั้นป่วยนอนโรงพยาบาลกว่าจะหายเพราะติดเชื้อไข้เลือดออกจริงโชคดีที่มีคุณยายหมอดูแลรักษาอย่างใกล้ชิดทำให้อชิระต้องยืดเวลาพาลูกชายไปโรงเรียนออกไปก่อนเพราะตอนนี้ลูกชายงอแงหนักมากและไม่อยากไปโรงเรียนใช้ข้ออ้างไม่สบายทำให้ทุกคนอดสงสารไม่ได้จึงคิดว่าหายดีแล้วค่อยไปและช่วยกันกล่อมไปด้วยและคุยกับเพื่อนไว้แล้ว หลังจากกล่อมลูกชายได้สำเร็จวันนี้เขาก็พาลูกชายไปโรงเรียน
ที่บ้านของมัทนา
มัทนาก็ทำงานตามปกติส่วนชวนชมก็ไปอยู่บ้านที่ท่ายางบ้างอยู่กรุงเทพกับหลานสาวบ้างชีวิตก็มีความสุขกันดีตามประสาป้าหลาน
“มากินข้าวก่อนยัยมัท ป้าทำข้าวต้มเสร็จพอดี” ชวนชมบอกหลานสาวที่เธอรักเหมือนลูกแท้ๆและภูมิใจที่หลานสาวได้ดั่งใจทุกอย่างเสียอย่างเดียวที่หวงความโสดเหนียวแน่นไปหน่อย
“ค่ะป้า” มัทนาวางกระเป๋าเดินเข้าไปช่วยยกชามข้าวต้มมานั่งกินกับป้า ที่ชอบทำโน่นทำนี่แก้เบื่อบางทีก็นัดเจอกับเพื่อนๆไปเที่ยวทำบุญกันบ้าง
“ทำไมวันนี้ไปเช้าล่ะลูก” ชวนชมถามหลานสาวปกติมัทนาก็จะออกจากบ้านประมานเจ็ดโมงครึ่งนี่เพิ่งเจ็ดโมงเอง
“วันนี้คุณน้ำชาให้มัทช่วยเตรียมเอกสารรับนักเรียนใหม่เห็นว่าเป็นลูกเพื่อนของคุณพูมค่ะ” มัทนาบอกป้าวันนี้ชาวิสากับภูเบศและเลขาไปยื่นเอกสารที่กระทรวงการศึกษาตามระเบียบที่ต้องทำทุกปีจึงวานให้เธอช่วยต้อนรับเพื่อนของเขาและจัดการเรื่องเอกสาร
“’งั้นก็รีบกินเถอะลูก” ชวนชมบอกหลานสาวกลัวจะไปสายเพราะเจ้านายไว้ใจให้ทำต้องรับผิดชอบงานให้ดี
“ค่ะป้า” มัทนากินอาหารอิ่มแล้วชวนชมก็ไล่หลานสาวไปทำงานทันที
เมื่อกินกินข้าวเช้าอิ่มแล้วก็ไปที่รถแล้วขับออกไปถึงโรงเรียนก็รีบไปเตรียมเอกสารไว้รอผู้ปกครองของนักเรียนใหม่และทำงานรอ
“คุณมัทคะ ผู้ปกครองของนักเรียนใหม่มารอที่ห้องรับรองแล้วค่ะ” คุณยิ้มเจ้าหน้าที่ฝ่ายบุคคลเดินมาบอกมัทนาที่ห้องบัญชีอยู่ติดกัน
“ขอบคุณค่ะพี่ยิ้ม” มัทนาขอบคุณเจ้าหน้าที่สาวใหญ่แล้วหยิบเอกสารที่เพื่อนฝากเอาไว้แล้วเดินไปที่ห้องรับรอง
ในห้องรับรองส่วนตัวของภูเบศมีสองพ่อลูก ธนวัชรกุล นั่งอยู่มาเมื่อมาถึงก็ได้การต้อนรับอย่างดีจากเจ้าหน้าที่ของโรงเรียนพามารอที่ห้องรับรองที่สะอาดสะอ้านเรียบหรูสมกับเป็นโรงเรียนชั้นนำและเขาเพิ่งมาครั้งแรกส่วนมากจะนัดเจอกันที่บ้านหรือตามร้านและนัดไปเที่ยวต่างจังหวัดกันมากกว่า
“ปะป๊าค้าบ อีตั้นไม่อยากมาโรงเรียนเลยค้าบ” เด็กน้อยนั่งหน้ายุ่งเอามือกอดอกเขาไม่อยากเข้าโรงเรียนไม่เห็นมีอะไรน่าสนใจเลยสักนิดสู้ที่บ้านก็ไม่ได้มีของเล่นเยอะแยะ
“ทำไมล่ะลูก ที่โรงเรียนมีเพื่อนๆเยอะแยะ อีตั้นอยู่บ้านเล่นคนเดียวไม่เห็นสนุกเลย” คนเป็นพ่อก็สงสารลูกแต่ลูกชายอายุครบสามขวบแล้วก็ต้องเข้าโรงเรียนเขาไม่ได้รักลูกตามใจลูกอย่างไร้สาระแต่เขาใช้เหตุผลมากกว่าอยากมอบสิ่งที่ดีที่สุดให้ลูกชายตามเหมือนพ่อเขามอบให้
“แล้วมีของเล่นเยอะเหมือนที่บ้านเรามั้ยค้าบปะป๊า” เสียงเด็กน้อยดังเจื้อยแจ้วทำให้ผู้มาใหม่อมยิ้ม
“มีเยอะสิลูก” คนเป็นพ่อตอบลูกชาย
“ขอบคุณค่ะพี่ยิ้มเดี๋ยวมัทจัดการต่อเองค่ะ” เสียงหวานใสดังมาจากด้านหลังของสองพ่อลูกทำให้ร่างเล็กลงจากโซฟาหันไปมองพร้อมกับพ่อของเขาที่เอี้ยวตัวไปมองหญิงสาวร่างเล็กสูงโปร่งประมาณร้อยเจ็ดสิบใส่แว่นตาทรงกลมมัดผมรวบตึงเป็นหางม้าเปิดหน้าผากเกลี้ยงเกลาดวงตากลมโตใสแจ๋วใบหน้าเนียนใสไร้สิวฝ้าจมูกโงกำลังงามรับกับริมฝีปากอิ่มในชุดเสื้อเชิ้ตสีขาวแขนยาวกระโปรงทรงเอยาวถึงเข่าเรียบร้อยเหมือนอาจารย์ใหญ่ส่งยิ้มหวานให้เด็กน้อยที่มองเธอตาโตก่อนจะสบตากับพ่อของเด็กที่ทำให้เธอถึงกับสะดุ้งคนอะไรตาดุเป็นบ้า
“สวัสดีค่ะ ดิฉันมัทนาค่ะเป็นตัวแทนของคุณภูเบศกับคุณชาวิสานำเอกสารมาให้ผู้ปกครองของน้องอติวิชญ์เซ็นค่ะ” มัทนาแนะนำตัวเองกับผู้ปกครองของเด็กชายอติวิชญ์ ธนวัชรกุล
“สวัสดีครับ ผมอชิระเป็นพ่อของอติวิชญ์ครับ นายพูมบอกผมแล้วอีตั้นสวัสดีคุณครูมัทนาก่อนครับ” อชิระบอกลูกชายที่ยืนนิ่งมองมัทนานั่งลงบนโซฟาตรงข้ามตัวเองกับพ่อ
“สวัสดีค้าบคุณครู” อีตั้นยกมือไหว้คุณครูตามที่พ่อบอกแล้วนั่งลงข้างพ่อ
“สวัสดีค่ะน้องอติวิชญ์” มัทนารับไหว้เด็กน้อยที่แก้มแดงคงจะเขินเธอ “นี่เป็นเอกสารที่ผู้ปกครองต้องเซ็นค่ะ ส่วนรายละเอียดคุณภูเบศจัดการเรียบร้อยแล้วค่ะ” หญิงสาวจึงหันมาจัดการเรื่องเอกสารของนักเรียนใหม่วางเอกสารตรงหน้าพ่อของนักเรียนใหม่ที่ท่าทางเอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เธอรู้แต่ว่าแม่ของน้องอีตั้นเสียชีวิตด้วยอุบัติเหตุไปได้ปีกว่าตามที่เห็นข่าวจากหนังสือพิมพ์ก็อดสงสารเด็กไม่ได้ตอนนี้เขาคงทำใจได้แล้วมั้งถึงมีข่าวกับสาวสวยหลายคนระดับดารานางแบไฮโซทั้งนั้น
อชิระหยิบเอกสารไปอ่านดูแล้วเซ็นตามรอยมาร์คไว้ครบทุกแผ่นแล้ววางคืนให้เจ้าหน้าที่ของโรงเรียน
“เรียบร้อยค่ะ คุณอชิระรอสักครู่นะคะ” มัทนาพูดจบก็ลุกขึ้นเดินไปที่ห้องทำงานของเธอเพราะลืมหยิบถุงชุดนักเรียนมาให้นักเรียนใหม่
“เป็นอะไรลูกไม่ชอบโรงเรียนเหรอครับ” อชิระถามลูกชายที่นั่งเรียบร้อยผิดปกติ
“ค้าบ อีตั้นไม่เรียนได้มั้ยค้าบปะป๊า” อีตั้นไม่ชอบโรงเรียนเลยมันใหญ่มากและเงียบด้วยไม่เห็นมีใครเลยไหนพ่อบอกว่ามีเพื่อนเยอะไงล่ะไม่เห็นมีเลย
“อีตั้นไม่อยากมีเพื่อนเหรอครับ พี่แบมกับพี่ริมาก็เรียนที่นี่นะครับ” คนเป็นพ่อบอกลูกชายเพราะลูกสาวลูกชายของเพื่อนก็เรียนที่นี่
“ไม่เห็นมีพี่แบมกับพี่ริมาเลย อีตั้นจะกลับบ้านไม่เอาโรงเรียน ฮืออๆๆ” เด็กน้อยร้องไห้ทันทีเพราะรู้ว่าเขาร้องไห้เมื่อไหร่ปะป๊าจะตามใจเขาตลอด
“อีตั้นต้องเรียนหนังสือนะลูกไม่งั้นจะเป็นเด็กโง่รู้มั้ยลูก” อชิระบอกลูกชายแล้วอุ้มขึ้นมานั่งตักและพูดเบาๆ
“อีตั้นไม่ได้โง่ อีตั้นไม่อยากโง่ค้าบ ฮืออๆ ฮืออๆๆ..” อีตั้นร้องไห้เสียงดังขึ้นเมื่อพ่อไม่ตามใจเหมือนเคย
มัทนาเดินเข้ามาก็หยุดฟังสองพ่อลูกคุยกันก่อนจะเดินเข้ามาพร้อมถุงชุดนักเรียนของน้องอีตั้นที่มองเธอด้วยน้ำตาเต็มหน้า
“คนเก่งร้องไห้ทำไมครับ” เสียงหวานนุ่มถามนักเรียนใหม่ตัวน้อยน่ารักอย่างอ่อนโยน
“อีตั้นไม่ชอบโรงเรียนค้าบคุณครู” อีตั้นตอบคุณครูและเบียดตัวเข้าไปในอ้อมกอดของพ่อ
“ทำไมไม่ชอบโรงเรียนล่ะครับ บอกครูหน่อยได้มั้ยคะ” คุณครูจำเป็นนั่งลงบนโซฟาข้างนักเรียนตัวน้อยและแทนตัวเองว่าครูบางครั้งเธอต้องไปสอนเด็กอนุบาลแทนอาจารย์ที่หยุดฉุกเฉินหรือไม่สบายเธอจึงรับทั้งตำแหน่งเลขาเจ้าหน้าที่การเงินและคุณครูของเด็กๆ
“ที่นี่ไม่เห็นมีใครเลยสักคนค้าบคุณครู” อีตั้นตอบคุณครูตามประสาเด็กเมื่อไม่เห็นเพื่อนๆเหมือนที่ปะป๊าบอก
“น้องอติวิชญ์สนใจจะไปเดินดูห้องเรียนกับครูก่อนมั้ยคะ ไปดูเพื่อนๆและไปดูของเล่นกันด้วยค่ะ” มัทนาถามนักเรียนใหม่ที่ไม่อยากมาโรงเรียนและเป็นหน้าที่ของครูที่จะโน้มน้าวลูกศิษย์ของตัวเอง
“เรียกอีตั้นก็ได้ครับคุณครูมัทนา ว่าไงอีตั้นลูกอยากไปดูเพื่อนๆกับคุณครูมั้ย” อชิระบอกคุณครูและถามลูกชายและแอบมองคุณครูที่หลอกล่อลูกศิษย์ไม่ได้สนใจเขาต่างจากผู้หญิงคนอื่นที่เห็นเขาแล้วทอดสะพานให้
“ไปค้าบคุณครู” อีตั้นขยับลงจากโซฟาทั้งที่คราบน้ำตายังติดดวงตาและแก้มยุ้ย
“น้องอีตั้นเช็ดน้ำตาก่อนครับ” มัทนายื่นกระดาษทิชชู่ให้นักเรียนตัวน้อยที่รับไปเช็ดลวกๆแล้วยิ้มก่อนจะช่วยเช็ดให้อย่างอ่อนโยนและเรียกชื่อเล่นของนักเรียนใหม่เมื่อพ่อของอีตั้นอนุญาต
“ขอบคุณค้าบคุณครู” อีตั้นยกมือไหว้ขอบคุณคุณครูทำให้มัทนายิ้มกับความน่ารักของพ่อหนุ่มน้อยก่อนจะลุกขึ้นแล้วมองพ่อของอีตั้นหญิงสาวก็นิ่งไป
“เอ่อ, ดิฉันขออนุญาตพาน้องอีตั้นเดินชมห้องเรียนและสนามเด็กเล่นสักครู่นะคะ” มัทนาขออนุญาตผู้ปกครองของนักเรียนใหม่ไปละลายความกลัวที่จะมาโรงเรียน