ตอนที่ 3

2181 คำ
“มันมาทางนี้แล้ว..วิ่งได้ไหม??” คะนิ้งหันมองไปทางน้ำเหนือที่ตอนนี้หายไปไหนแล้วก็ไม่อาจรู้ได้ “ไอ้พี่เหนือ!!!” เธอตะโกนออกมาเสียงดัง ในใจก็นึกกดด่าเขาอยู่ภายในใจ แม่สุนัขไม่ได้ทำอะไรนอกจากวิ่งกระดิกห่างตรงไปหาลูกของมัน “เมื่อกี้เรียกพี่ว่าอะไรนะ??” น้ำเหนือลุกขึ้นยืนจากพื้น เขาแค่นั่งลงเพื่อวางลูกสุนัขในมือลงไว้ที่เดิมเพียงเท่านั้น กลับได้ยินเสียงของคะนิ้งตะโกนเรียกชื่อของเขา เสียงเรียกแบบนี้มันนานมากแล้วที่ไม่ได้ยิน เวลาที่เธอโมโหก็มักจะเรียกเขาแบบนี้ “ก็นึกว่าพี่หนีไปแล้วซะอีก” สองมือยกขึ้นทาบลงบนหน้าอกที่กำลังกระเพื่อมขึ้นลงเพราะความใจหายที่หันมาแล้วไม่เห็นน้ำเหนือยืนอยู่ตรงหนี้ แล้วใครจะไปคิดว่าเขานั่งอยู่ตรงนี้ พงหญ้าที่ขึ้นสูงเกือบเอวช่วยปิดร่างกายใหญ่โตเอาไว้ได้ทั้งหมด “ยัยขี้แย..” เขาพูดปนหัวเราะ คำเมื่อครู่ที่ได้ยินไม่ได้ทำให้เขาโกรธแม้แต่น้อย อาจเป็นเพราะความเคยชินที่ได้ยินคำนี้บ่อยจนเป็นเรื่องขบขัน “ก็คนตกใจ วิ่งมาขนาดนั้นจะรู้ไหมว่ามันไม่กัน ชิ!!” เด็กสาวทำท่าทางไม่พอใจยิ่งทำให้น้ำเหนือนึกขำ “หมาที่คนงานเลี้ยงเอาไว้ ไม่กัดหรอก ไปกัน..มันยังไม่โต..” น้ำเหนือยืนมองลูกสุนัขอยู่เพียงครู่ จึงก้าวเดินตรงมาที่รถ “ขึ้นมา..” คะนิ้งเดินตามมาขึ้นรถ ด้วยท่าทีไม่พอใจที่โดนเขาแกล้งให้กลัว ถ้ารู้ว่ามันไม่กัดก็น่าจะบอกกันสักหน่อยให้ได้รู้ มันน่าโมโหนักยิ่งมองเห็นใบหน้าหล่อของน้ำเหนือยิ้มมุมปากพร้อมขำแล้ว เธอก็นึกอยากเอากำปั้นทุบให้หายแค้นสักครั้ง รถบิ๊กไบค์ขับเข้ามาจอดด้านหน้าเรือไม้หลังเล็ก เป็นที่อาศัยของเจ้าของไร่ ซึ่งส่วนมากครอบครัวของน้ำเหนือจะไม่นอนอยู่ที่ไร่ อาจมีบางครั้งที่มีเหตุจำเป็นทำให้ต้องค้างคืน บ้านไม้ยังคงสภาพดีไม่มีเปลี่ยน ตัวบ้านสะอาดสะอ้านเพราะมีคนมาคอยทำความสะอาดอยู่เสมอ รอบบริเวณเต็มไปด้วยต้นส้ม แต่มันกลับดูร่มรื่นผิดจากไร่ของคะนิ้ง ถึงในไร่ของเธอจะเต็มไปด้วยดอกไม้ แต่ต้นไม้ใหญ่กลับมีให้เห็นไม่มากนัก เพราะร่มเงาของต้นไม่ใหญ่จะทำให้ดอกไม้ไม่เจริญเติบโตเท่าที่ควรจะเป็น “พี่จะทำอะไร” “แค่มาดูผลผลิต” “ทำงานเป็นด้วยเหรอ” น้ำเสียงปนความประชดเอาไว้ ทำให้น้ำเหนือหันมามอง “ทำไม มองอยู่ได้ ไม่เคยเห็นคนสวยหรือไง” เด็กสาวเชิดใบหน้าสวยขึ้นใส่เขาอย่างถือดี แล้วเสียงหัวเราะก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ยอมรับว่าสวย..แต่ขี้แยไปหน่อย” เสียงหัวเราะก็ยังคงดังอยู่เช่นเดิม เขาไม่ปิดบังหรอกว่านึกชมคะนิ้งอยู่ในใจ ความสวยของเธอมันช่างหาตัวจับยาก ไม่ต้องแต่งเสริม ผิวขาวเนียนที่โผล่พ้นขอบแขนเสื้อ ตัดกับเสื้อสีดำแขนยาวทำให้มองเห็นเหมือนว่าเธอกำลังสวมถุงมือสีขาวเสียด้วยซ้ำ “ไม่ได้ขี้แยสักหน่อย…ว่าแต่ไร่ส้มของพี่ใหญ่มาก ตอนเด็กๆ ไม่เห็นมันจะใหญ่แบบนี้เลย” ในความรู้สึกเมื่อตอนเด็กที่ทั้งสองนั้นได้มาวิ่งเล่นที่สวมส้มเป็นมุมมองของเด็กๆ ไม่ได้ใส่ใจรายละเอียดมากนัก “ไปด้วยกันไหม หรือจะเข้าไปนั่งรอในออฟฟิศ” “ขอไปด้วยคน แต่เอานี่ไปเก็บก่อนได้ไหม ไม่อยากเอากระเป๋าไปด้วย” คะนิ้งพูดขึ้น น้ำเหนือเดินนำเธอเข้ามาด้านในก่อนตรงไปที่ห้องทำงานของพ่อ เพื่อที่จะให้เด็กสาวเก็บของสำคัญเอาไว้ในห้อง แสงแดดในช่วงเช้ากระทบกับผมส้มสีทองเหลืองอร่ามงามตาจนคะนิ้งหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาถ่ายรูป บางครั้งน้ำเหนือก็เข้ามาร่วมเฟรมกล้องด้วยเช่นกัน บุคคลภายนอกมองทั้งสองด้วยสายตานึกอิจฉา ไม่มีคู่ใดเหมาะสมกันได้เท่านี้อีกแล้ว “อยากช่วยเก็บส้มไหม” ถุงมือสีขาวถูกยื่นมาตรงหน้า คะนิ้งรับมาสวมใส่ในทันที มาที่ไร่ส้มในครั้งนี้ทำให้นึกถึงอดีตเก่าๆ ระหว่างเธอกับน้ำเหนือขึ้นมา เด็กสาวเก็บส้มลงตะกร้าพร้อมรอยยิ้มแห่งความสุข ไม่ต่างจากใครอีกคนที่เอาแต่ชำเลืองมองมาที่เธออยู่ตลอดเวลา เสียงหัวเราะหยอกล้อดังขึ้นมาไม่ขาดช่วง คนงานที่ยืนทำงานอยู่รอบๆ ก็มีความสุขไปด้วยเช่นเดียวกัน “เหนื่อย!!” มือเล็กยกขึ้นปาดเหงื่อที่ไหลลงมาตามหน้าและลำคอ แสงแดดยามเที่ยงวันทำให้คะนิ้งเดินเข้ามาหลบแสงใต้ต้นส้ม “น้ำไหม” “อืม” “กลับกันเถอะ วันนี้สนุกพอแล้ว” “อืม” “พูดคำอื่นไม่ได้หรือไง” น้ำเหนือเดินเข้ามาและหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เขายกขวดน้ำดื่มในมืออีกขวดขึ้นดื่ม “วันนี้ขอจ่ายค่าแรงเป็นอาหารเที่ยงฝีมือคุณแม่แล้วกัน พี่โทรไปบอกแม่ให้เตรียมกับข้าวเอาไว้ให้แล้ว” “อืม” “เป็นอะไร??” “เหนื่อยขี้เกียจพูดมาก วันนี้พูดมาเยอะแล้ว” “ทำไม ขึ้นรถรับส่งไปโรงเรียน??” “ไม่อยากรบกวนพี่ ช่วงนี้ทำกิจกรรมเยอะด้วย ไม่ดีหรือไง จะได้มีเวลาไปอยู่กับสาวๆ” เธอแย่เขาขึ้นมา และอดหมั่นไส้ไม่ได้ “มีคนไปหาเรื่องหรือไง” “รู้แล้วถามทำไม?” “ขอโทษ..พี่น่าจะจัดการให้ดีกว่านี้ จะไม่มีครั้งหน้าอีก” น้ำเหนือรับปากคะนิ้ง เขาเองก็หนักใจไม่น้อยกับเรื่องที่เกิดขึ้น หญิงสาวที่เข้ามาหาเขาล้วนแล้วแต่อยากครอบครอง ก็ใครใช้ให้เขาหน้าตาดีเกินชาวบ้านแถมยังครองตำแหน่งเดือนของโรงเรียนอีก “ลองมีอีกรอบสิ..” เธอหันหน้ามาสบสายตากับน้ำเหนือ ด้วยสายตาที่คาดเดาไม่ออก “จะทำอะไร..ก็นึกถึงตัวเองก่อนแล้วกัน..มีอะไรก็บอกพี่ได้ ไม่ใช่เอาแต่เก็บเอาไว้” “พี่ก็เลิกทำตัวเป็นพ่อพวงมาลัยได้แล้ว” น้ำเสียงของคะนิ้งเหมือนกำลังตักเตือนให้เขาลดเรื่องผู้หญิงลงบ้าง “ทำไมหึงหรือไง..” “ทำไมต้องหึงเราไม่ได้เป็นอะไรกัน” เธอยกไหล่ขึ้นปฏิเสธทันที ความรู้สึกที่ไม่ได้พิเศษอะไร เธอมองเขาเป็นเพียงเพื่อนร่วมโลกก็เท่านั้นเอง “พี่น้องไง เราเป็นพี่น้องกัน” น้ำเหนือเน้นย้ำสองคำนี้ “เราไม่ใช่พี่น้องแท้ๆ สักหน่อย คนอื่นที่เขาไม่รู้ความสัมพันธ์ของเรา อย่างสาวๆ ของพี่เข้าใจผิดตลอดเลย คนที่รับกรรมก็น้องนี่แหละ” เธอบ่นออกมาปนความน้อยใจ “รู้แล้ว..จะไม่มีอีก ถ้ามีอีกพี่จะ…” “ไม่ต้องพูดแล้ว ทุกทีก็แบบนี้ ไม่เห็นจะจัดการอะไรเลย ไม่ต้องห่วงหรอก เดี๋ยวพี่ก็เรียนจบแล้วชีวิตของฉันก็จะกลับมาปกติสุขในไม่ช้า” คะนิ้งถอนหายใจออกมา ก่อนที่เธอจะยกขวดน้ำขึ้นดื่มด้วยความกระหาย “เหมือนฝนจะตกเลย เมื่อกี้ยังแดดอยู่เลย กลับกันเถอะ” น้ำเหนือขับรถกลับบ้านพร้อมกับคะนิ้งที่นั่งนิ่งกอดเอวของเขาแน่น นี่อาจเป็นความเคยชินที่ต่างคนต่างก็มีกันและกันเพียงเท่านั้น ความสัมพันธ์ที่ถูกขีดเส้นเอาไว้แค่คำว่า “พี่น้อง” ของคนทั้งสอง ก็ยังคงดำเนินต่อไปเรื่อยๆ “เรื่องนั้น..” ก่อนที่น้ำเหนือจะแยกจากคะนิ้ง เขาอ้ำอึ้งที่จะถามบางอย่างกับเธอ “???” “เรื่องแต่งงาน” “เอาไว้ค่อยคุยกัน ตอนนี้ไม่มีอารมณ์” คะนิ้งพูดแค่นั้นก่อนที่เธอจะเดินแยกกลับบ้านเพื่อมาอาบน้ำเปลี่ยนเสื้อผ้าแล้วกลับมาที่บ้านของน้ำเหนืออีกครั้ง เพื่อทานอาหารเที่ยงในช่วงเวลาบ่ายโมง อาหารหลากหลายอย่าง ถูกจัดขึ้นบนโต๊ะไม้ใหญ่สีเงางาม ของกินเหล่านี้ล้วนแต่เป็นของที่น้ำเหนือและคะนิ้งชอบทาน บัวตองจำได้เป็นอย่างดีอาหารทุกอย่างเธอล้วนทำอย่างสุดฝีมือ “หอมจังค่ะ” คะนิ้งที่เดินเข้ามาในครัวกล่าวขึ้น เมื่อเธอได้กลิ่นของอาหารลอยมาตั้งแต่ก้าวเดินเข้าประตูบ้านมา วันนี้คงได้กินจนพุงกางแน่นอน เพราะอาหารของแม่บัวตองคือที่สุดแล้ว ส่วนแม่ไพลินของเธอก็ทำอาหารอร่อยเช่นเดียวกัน “มาแล้วเหรอลูก พี่ยังไม่ลงมาเลย นั่งก่อนอาหารเสร็จพอดี ช้าหน่อยนะลูก แม่พึ่งกลับมาถึง” “ที่จริงแม่บัวแค่เจียวไข่ให้หนูก็พอนะคะ” คะนิ้งพูดพร้อมยิ้มหวานออกมา ไม่ต่างจากบัวตองที่หันมายิ้มหวานส่งให้กลับเด็กสาวเช่นเดียวกัน “ได้ไง อุตส่าห์ไปช่วยพี่เก็บส้มในไร่ วันนี้ต้องจ่ายค่าแรงหนักๆ ซะหน่อย” “ค้าาาา” คะนิ้งตอบรับเสียงใส เธอเดินไปที่ตู้เพื่อหยิบจับจานชามมาจัดวางให้เรียบร้อย รวมไปถึงแก้วน้ำดื่ม ทุกอย่างที่เธอทำล้วนอยู่ในสายตาของบัวตองทั้งสิ้น รอยยิ้มละมุนที่เด็กสาวมองไม่เห็นพร้อมกับแววตานึกเอ็นดูในความน่ารักของคะนิ้ง เสียงออดหน้าบ้านดังขึ้น คะนิ้งขันอาสาเดินมาเปิดประตูให้แขกผู้มาเยือน ทันทีที่ประตูเหล็กบานเล็กถูกเปิดออก หญิงสาวคนหนึ่งยืนยิ้มหวานแต่เมื่อมองว่าไม่ใช่คนที่เธอนึกคิดเอาไว้ กลับหุบยิ้มนั้นลงในทันที “น้องคะนิ้งนี่เอง พี่มาผิดบ้านหรือเปล่านะ” ไข่มุกหันมองไปอีกทางเพื่อดูให้แน่ใจว่ามาถูกบ้านหรือเปล่า “มาถูกบ้านแล้ว มาหาพี่เหนือเหรอ” เธอมองสำรวจหญิงสาวตรงหน้า ชุดกระโปรงไข่มุกรสสีชมพูหวาน..เหอะ!! แค่มาบ้านผู้ชายจำเป็นต้องแต่งตัวเต็มยศขนาดนี้เลยเหรอ? “แล้วน้องคะนิ้งมาอยู่ที่นี่ได้ไงหรือว่า…” “จะเข้ามาไหม ถ้าไม่เข้ามาก็ยืนรอเจ้าของบ้านมาอัญเชิญแล้วกัน” คะนิ้งทำท่าจะปิดประตู แต่ไข่มุกกลับดึงมันเอาไว้ ก่อนที่จะเดินเข้ามาในบ้านอย่างสบายใจ เสียงถอนหายใจของเด็กสาวดังขึ้นอีกครั้ง อาหารมื้อนี้เห็นทีจะไม่อร่อยอย่างที่เธอคิด “สวัสดีค่ะ” เสียงของไข่มุกดังขึ้น ก่อนที่บัวตองจะหันหน้าจากหม้ออาหารจ้องไปทางแขกคนใหม่ที่มาเยือน สีหน้าของเธองุนงงเพราะไม่รู้จักหญิงสาวผู้นี่ “เพื่อนของพี่นะคะ” คะนิ้งพูดขึ้น ก่อนที่เธอจะเดินไปช่วยจัดอาหารที่เหลือขึ้นตั้งโต๊ะ “คุณแม่ทำอาหารเองเลยเหรอคะ หอมมากเลยค่ะ ท่าทางจะอร่อยหนูขอชิมรสมือด้วยได้ไหมคะ” ไข่มุกเอ่ยปากขอในทันที เธอเดินตรงมาที่โต๊ะอาหารก่อนที่จะวางถุงผ้าลงบนเก้าอี้ แล้วเดินตรงไปหาคนทั้งสอง “มีอะไรให้ช่วยไหมคะ” คะนิ้งได้แต่จ้องมองใบหน้าของแม่บัวตอง ไม่เคยคิดมาก่อนว่าไข่มุกจะกล้าเอ่ยขอทั้งที่เจ้าของบ้านไม่ได้เอ่ยชวน แต่จะทำเช่นไรได้ ก็เพื่อนลูกชายจะให้เธอตอบปฏิเสธก็คงทำไม่ได้ “ทำไมเธอไม่รออยู่หน้าบ้าน แค่เอางานมาส่ง ไม่เห็นต้องเข้ามาในบ้านเลย” น้ำเหนือที่เดินเข้ามาในครัวพูดขึ้น สายตาของเขามองเลยไปที่แม่และคะนิ้ง จึงได้มองเห็นสายตาของมารดาเหมือนกำลังตั้งคำถามกับตนเอง “ก็คะนิ้งให้เราเข้ามา..” “อืม ไหนงาน” “นี่ เรารวบรวมงานทั้งหมดไว้แล้ว เหลือแค่ให้เหนือตรวจดูแล้วเอาไปเข้าเล่ม” ไข่มุกส่งรายงานกลุ่มไปให้น้ำเหนือ พร้อมรอยยิ้มที่หวานหยดย้อยตามไปด้วย “ขอบใจ เธอกลับไปได้แล้ว เอาไว้เจอกันวันจันทร์” “เรา..” “ไปสิ..เดี๋ยวไปส่ง นั่งรถสองแถวมาใช่ไหม” คำพูดของน้ำเหนือทำให้ไข่มุกรีบคว้ากระเป๋าผ้าขึ้นมาคล้องไว้ที่แขนแล้วเดินตามเขาออกมาที่นอกบ้าน เด็กหนุ่มหันไปเลื่อนรถเครื่องคันเก่ากลางใหม่ ออกมาจากโรงเก็บรถ รถจักรยานยนต์คันนี้แม่และพ่อชอบขับไปซื้อของในตลาดหรือไม่ก็ขับไปแถวใกล้ๆ บ้าน ไข่มุกเห็นแบบนั้นรอยยิ้มจึงหุบหายไปในทันที เธอฝันเอาไว้ว่าจะได้นั่งรถของน้ำเหนืออยู่ตลอดเวลา ถ้าหากเธอได้นั่งนอกเหนือจากคะนิ้งแล้ว ผู้หญิงในโรงเรียนคงได้อิจฉากันยกใหญ่
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม