06

2750 คำ
“เมื่อวานข้าเพียงถูกทำโทษให้คัดตำราหลี่จี้เท่านั้น เพียงได้แค่สี่จบ ก็เริ่มเย็นมากแล้ว ท่านอาจารย์จึงได้มาบอกให้ข้าเลิกคัดและกลับบ้านเท่านั้น” หลี่อี้เหยาตอบ เพราะนางไม่อยากจะมีเรื่องกับคนอื่น ยิ่งเฉพาะกับเซี่ยหลินหลินที่เป็นอันธพาลน้อย นางมีใจชอบท่านอาจารย์จาง ทั้งครอบครัวตระกูลเซี่ยก็น่าจะสนับสนุนไม่น้อยเลยทีเดียว “เจ้าแน่ใจนะ ไม่ใช่เป็นตั๊กแตนตำข้าวนะ เพราะข้านี่แหละเป็นนกขมิ้นที่จ้องจะฆ่าเจ้า” “ข้าไม่กินจักจั่น" “เช่นนั้นก็ดี” “หลบหน้าข้าทำไมหรือคุณหนูหลี่” หลี่อี้เหยาที่ถูกท่านอาจารย์จางขวางอยู่ตรงหน้าก็พลันตกใจกลัวขึ้นมา ใบหน้าหล่อเหลาของเขาเขยิบเข้ามาใกล้ชิดนาง นางยังอายุสิบสี่เท่านั้นเอง เหตุใดถึงได้พยายามรุกนางถึงเพียงนี้กัน หลี่อี้เหยามีชีวิตมาแล้วหนึ่งชีวิต นางไม่ได้โง่หรือใสซื่อที่จะมองสายตาของบุรุษที่ปรารถนาในตัวนางไม่ออก แต่เพราะนางกลัวเรื่องความรัก ทั้งยังไม่อยากจะมีปัญหากับใคร บุรุษที่หล่อเหลา หน้าตาดี มีความสามารถย่อมเป็นที่หมายปองของสตรีจำนวนมาก “ท่านอาจารย์จาง” “เจ้าไม่ชอบข้าถึงขนาดนั้นเลยหรือ” “ข้าอายุสิบสี่เท่านั้น” “หมั้นหมายได้แล้ว” “ข้าเป็นลูกศิษย์ของท่าน” “เช่นนั้นวันรุ่งขึ้นข้าจะลาออกจากการเป็นอาจารย์ของเจ้า” ท่านอาจารย์จางกล่าว สีหน้าของเขาไม่คล้ายท่านอาจารย์จางที่สุขุมเลยแม้แต่น้อย หลี่อี้เหยามองหน้าเขาอย่างรู้สึกขัดเขิน อย่างไรก็เป็นบุรุษที่หน้าตาดีมากผู้หนึ่ง จะให้นางไม่รู้สึกรู้สาอะไรก็แปลกนัก “อย่าเหลวไหล ท่านไม่ใช่เด็กแล้วนะเจ้าคะ” “เพียงอยากคุยกับเจ้าเท่านั้น ข้ายังไม่เคยเห็นเจ้าเล่นผีผาสักครั้ง อาจารย์กู่ม่านชื่นชมเจ้ายิ่งนัก” ท่านอาจารย์จางกล่าว อาจารย์กู่ม่านเป็นอาจารย์หญิงที่เชี่ยวชาญในด้านศาสตร์ของผีผา หลี่อี้เหยาเคยเรียนมาแล้วชีวิตหนึ่ง นางเรียนอีกครั้งก็นับว่าพื้นฐานของนางดีถึงขั้นเชี่ยวชาญ เพียงได้เล่นฝึกฝนอีกครั้งก็ไม่ได้นับว่ายากเย็นอะไร เดิมทีชีวิตก่อนนางเล่นกู่เจิ้งมากกว่าเสียด้วยซ้ำ “ข้าไม่อยากมีปัญหากับเซี่ยหลินหลิน” “ข้าไม่ได้ชอบนาง ข้าชอบเจ้า” “ท่านอาจารย์ข้าอายุสิบสี่เท่านั้น" “แล้วอายุมันเกี่ยวอะไรกับใจของข้า คุณหนูหลี่ ข้าชมชอบเจ้าจากใจของข้า ข้าชื่นชอบที่เจ้าเป็นคนสุขุม เยือกเย็น ตั้งใจเรียน ไม่ซุกซนเหมือนคุณหนูคนอื่น ทั้งยังรู้จักสำรวมกิริยามารยาท ท่านเป็นสตรีที่ข้าเฝ้ามองมานานแล้ว หากเจ้าไม่รังเกียจ ข้าขอรู้จักเจ้าเป็นการสนิทสนมมากกว่านี้ได้หรือไม่” ท่านอาจารย์จางกล่าว หลี่อี้เหยามองหน้าเขารู้สึกร้อนแปลกประหลาด ท่านอาจารย์จางที่สุขุมรอบคอบเหตุใดเป็นเช่นนี้กันได้ “ท่านอาจารย์จาง หากท่านไม่มีอะไรจะพูดแล้ว ข้าขอตัว” “อืม” ท่านอาจารย์จางยิ้มก่อนจะดึงมือของหลี่อี้เหยา นางตกใจพยายามสะบัดมือของเขา แต่ทว่า… ท่านอาจารย์จางกลับนำกำไลหยกสีเขียวอ่อนสวยงามใส่บนข้อมือของนาง หลี่อี้เหยาตกใจจนไม่รู้จะทำอะไรต่อไป ท่านอาจารย์จางใส่กำไลให้นางก็เดินหนีไปทันที นี่มันเกิดเรื่องอะไรขึ้นกัน นางไม่เคยไปยุ่งวุ่นวายอะไรกับบุรุษที่ไหน เหตุใดท่านอาจารย์จางถึงได้เป็นเช่นนี้กับนางได้ “เหยาเอ๋อร์ เหตุใดช่วงนี้ลูกแม่ไม่ยอมไปเรียนกันนะ” ฮูหยินจิ่งกล่าว บุตรสาวของนางไม่ยอมไปเรียนที่สำนักศึกษาหลายวันแล้ว เอาแต่อ่านหนังสืออยู่ที่จวนไม่ยอมออกไปไหนเลย แม้แต่อาจูถามก็ไร้ซึ่งคำตอบ “ท่านแม่ ลูกไม่อยากไปเรียนที่สำนักศึกษาแล้วเจ้าค่ะ” “จะทำอะไรต้องมีเหตุผล ลูกแม่โตขนาดนี้แล้วจะเอาแต่ใจเหมือนเมื่อก่อนไม่ได้นะลูก” ฮูหยินจิ่งกล่าวกับบุตรสาว หลี่อี้เหยาทอดถอนหายใจก่อนจะเดินไปหยิบกำไลหยกที่นางห่อไว้ออกมาวางต่อหน้าท่านแม่ นางไม่กล้ามีความลับต่อท่านแม่ อีกทั้งในสถานะนางตอนนี้จะคิดทำอะไรก็ต้องให้ผู้ใหญ่ออกหน้าทั้งสิ้น “นี่คือกำไลหยกอะไรหรือลูก” “ท่านอาจารย์จางให้ลูกมาเจ้าค่ะ คล้ายว่าจะเป็นของแทนใจ แต่ขะ… ข้าไม่ได้รู้สึกเช่นนั้น” หลี่อี้เหยาตอบกับท่านแม่ตามตรง ฮูหยินจิ่งถอนหายใจ หลี่อี้เหยาลูกสาวของนางอาจจะไม่รู้ตัวเองเลย ในตอนนี้แม้จะอายุสิบสี่ ย่างเข้าอายุสิบห้า แต่รูปโฉมของนางดั่งเป็นสาวงามสะพรั่ง กิริยามารยาทล้วนเป็นเอก ความเยือกเย็น ดูสูงส่งงดงามยิ่งนัก ไม่แปลกเลยหากจะมีบุรุษมาชมชอบ “ที่แท้เจ้าหลบหน้าผู้อื่นไม่ยอมไปเรียน โถ่… เหยาเอ๋อร์ เจ้าโตขึ้นงดงามถึงเพียงนี้จะไม่ให้บุรุษหมายปองได้อย่างไร” “แต่ท่านแม่ ข้า…" หลี่อี้เหยาอึกอัก ในชีวิตก่อนของนาง แม้จะได้รับถ้อยคำชื่นชมในความงามมากมาย แต่ก็ไม่มีใครกล้าเข้าหานางเลยแม้แต่น้อย ด้วยนิสัยโผงผาง ร้ายกาจ เจ้าอารมณ์ แม้นางจะสร้างภาพบ่อยครั้ง แต่นางก็ใจดำ ปฏิเสธผู้อื่นสร้างความอับอายให้ผู้อื่น จนเป็นที่น่ารังเกียจของผู้อื่น ไม่คิดว่าเพียงเปลี่ยนแปลงนิสัย จะมีชะตาดอกท้อเพิ่มมาแบบนี้ “เหยาเอ๋อร์ ท่านอาจารย์จางที่ว่า คือท่านอาจารย์จางฮั่นเจ๋อผู้หล่อเหลาใช่หรือไม่” ฮูหยินจิ่งกล่าว พอเห็นบุตรสาวพยักหน้าก็พลันตื่นเต้นอยู่ไม่น้อย ท่านอาจารย์จางผู้นั้นมีชื่อเสียงในเมืองหลวงขนาดไหน เหล่าบรรดาฮูหยินมากมายต่างปรารถนาบุตรเขยที่ดีเช่นนั้น แต่บุตรสาวของนางกลับได้รับกำไลหยกเป็นของแทนใจ จนต้องหนีเก็บตัวอยู่จวนไม่ยอมออกไปไหน “ท่านแม่รู้จักท่านอาจารย์จางด้วยหรือเจ้าคะ” “ข่าวลือเรื่องตระกูลจางกับตระกูลเซี่ยก็มีตลอด เห็นว่าตระกูลจางเมินเฉยไม่ส่งแม่สื่อมา ทั้งที่บ้านตระกูลเซี่ยรอมานานแล้ว” ฮูหยินจิ่งกล่าว เรื่องราวซุบซิบในเมืองหลวงก็เป็นข่าวสนุกของเหล่าสตรีทั้งสิ้น คิดไม่ถึงว่าบุตรสาวคนงามของนางจะเข้าไปเกี่ยวพันกับเรื่องพวกนี้ด้วย “ก็เพราะเช่นนี้แหละเจ้าค่ะ ลูกไม่อยากมีปัญหากับเซี่ยหลินหลิน เลยไม่ไปเรียนอีกแล้ว” “แล้วลูกไม่ชอบอาจารย์จางหรือ แม่เคยเห็นแต่ไกล รูปร่างสูงไม่น้อย หน้าตาก็ดูจะหล่อเหลาเป็นที่กล่าวขานของสตรีวัยเยาว์ทั้งหลาย แม้ตอนสอบเคอจวี่จะพ่ายแพ้คุณชายเยี่ย แต่ก็ได้ลำดับที่สองมาทั้งสามสนามจนกลายเป็นจิ้นซื่อของราชสำนัก เจ้าคิดว่าเขาไม่ดีเชียวหรือ” “ดีเกินไปสิเจ้าคะท่านแม่ ข้าเป็นใคร และท่านอาจารย์จางเป็นใคร” “เหยาเอ๋อร์ เมื่อก่อนเจ้าไม่ได้ขี้ขลาดปานนี้ เหตุใดตอนนี้จึงได้เป็นเช่นนี้กัน แม้เจ้าจะมีแซ่เดิมว่าหลี่ แต่ไม่ได้หมายความว่าเจ้าต่ำต้อยเลย เจ้าเป็นลูกของแม่ เป็นคนตระกูลเซวีย เหตุใดถึงคิดเช่นนั้น” ฮูหยินจิ่งกล่าว หลี่อี้เหยาบุตรสาวแสนรักของนาง ในอดีตเคยกลัวใครเสียที่ไหน แต่ตอนนี้กลับกลายเป็นคนระมัดระวัง เดิมทีก็คิดว่าเป็นเรื่องดี แต่ตอนนี้ก็ชักไม่แน่ใจว่าการที่นางเรียบร้อยเช่นนี้จะดีหรือไม่ “ท่านแม่ ข้าเพียงอยากใช้ชีวิตที่สงบสุข บุรุษที่ดีเช่นนั้นเหมาะกับข้าหรือเจ้าคะ วันนี้มีท่านพ่อ ท่านแม่คอยคุ้มครอง แต่วันหน้าล่ะเจ้าคะ ข้าเพียงอยากได้ชีวิตที่ธรรมดา ไม่ต้องการชื่อเสียง เงินทอง อำนาจอื่นใด ข้าไม่อยากแย่งชิงกับใครเจ้าค่ะ” หลี่อี้เหยากล่าว ตลอดชีวิตก่อนนางเหนื่อยเหลือเกิน ตลอดเส้นทางที่นางเดินมีแต่ความเจ็บปวด จะหันหลังกลับก็ไม่อาจทำได้ เพราะนางมาไกลจนเกินไปแล้ว ชาตินี้แก้ไขได้ นางก็เพียงปรารถนาชีวิตเรียบง่าย ที่นางทำอยู่ทุกวันก็เพื่อให้ท่านพ่อ ท่านแม่ไม่อับอายที่เลี้ยงดูนางมา “เช่นนั้นก็เอาเถอะ หยกนี่ก็คืนท่านอาจารย์จางไปซะ ส่วนเรื่องเรียน หากไม่อยากไปเรียน ก็เรียนที่จวนเช่นเดิม แล้วแม่จะเชิญท่านอาจารย์มาเอง” ฮูหยินจิ่งกล่าว หลี่อี้เหยาพยักหน้า จากนั้นให้หลังอีกหลายเดือนก็ย่างเข้าเทศกาลซุนเจี๋ยแล้ว แน่นอนมันคือเทศกาลต้อนรับฤดูใบไม้ผลิที่แสนงดงาม และสนุกที่สุด จวนตระกูลเซวียแตกต่างจากจวนอื่นนัก เพราะในแต่ละปีจะท่านพ่อจะกลับมาเมืองหลวงเพื่อเฉลิมฉลองเทศกาลนี้กับครอบครัวอยู่บ้าง แต่เซวียเหลียงเฟยนั้นไม่เคยเดินทางมานัก หลี่อี้เหยาก็ไม่ได้สนใจว่าเขาจะมาหรือไม่มา อย่างไรการที่นางเป็นบุตรสาวคนเดียวตรงนั้นก็ทำให้นางได้ยาซุ่ยเฉียนมากกว่าใครนัก “คุณหนูเจ้าคะ ชุดสีแดงนี่ช่างงดงามนัก” อาจูกล่าวก่อนจะหยิบชุดที่ท่านแม่เพิ่งสั่งตัดให้นาง ยามนี้นางเติบโตมากกว่าเดิม ชุดเก่าแต่ละชุดนั้นก็เริ่มลอยแล้ว เพราะนางนั้นตัวสูงขึ้น แต่เท่าที่จำได้นางก็สูงกว่าเดิมไม่เท่าไหร่นัก ชุดสีแดงตัวนี้ก็เป็นชุดใหม่ที่ต้องใส่ในวันเทศกาล วันก่อนหน้าก็จะมีวันเซ่นไหว้ส่งเทพเจ้าเตากลับสวรรค์ อีกวันก็ทำความสะอาดบ้านเรือน วันถัดมาก็เป็นวันโม่ถั่วทำเต้าหู้ ต่อมาก็เป็นวันซื้อเนื้อ เชือดไก่ หรือนวดแป้ง จากนั้นก็ทำหมั่นโถว และสุดท้ายก็คือวันฉู่ซี ซึ่งเป็นวันเฝ้าปีที่ทุกคนในครอบครัวจะต้องอยู่ร่วมกัน และหลังจากวันฉู่ซีก็คือวันเที่ยว วันนั้นนั่นแหละที่จะเป็นวันที่หลี่อี้เหยาไม่ชอบมากที่สุด เพราะนางมักจะต้องกลับบ้านตระกูลหลี่ในวันนั้นทุกปี “ท่านพ่อ” เสียงเรียกของคุณหนูหลี่กล่าวก่อนจะวิ่งมาหาท่านพ่อที่เพิ่งลงจากม้า ท่านแม่ทัพเซวียมองบุตรสาวที่ไม่ได้เห็นหน้ามาหนึ่งปี นางเติบโตขึ้นงดงามยิ่งนัก ท่าทางของนางยังปฏิบัติตนเองเหมือนเด็กน้อย หลี่อี้เหยาไม่เคยปิดบัง เขินอายกับการกระทำเช่นนี้ โอกาสออดอ้อนท่านพ่อนั้นน้อยนัก นางจะทำตัวไม่เหมาะสมไปสักหน่อยจะเป็นอะไรไป “ไม่อายผู้คนบ้างเลยหรือ ประตูเมืองมีคนสัญจรไปมาเยอะแยะนัก” ท่านแม่ทัพกล่าวกับบุตรสาว แต่หลี่อี้เหยาส่ายหน้า ใครจะมาสนใจนางกัน วันนี้นางแต่งกายเรียบง่ายไม่สวมเครื่องประดับล้ำค่าราคาแพงอันใด เพื่อแอบหนีมารอท่านพ่อที่หน้าประตูเมือง เหล่าทหารที่ได้ยลโฉมของคุณหนูหลี่ก็พากันมองราวกับถูกเวทมนตร์ครอบงำในความงาม จนแม่ทัพเซวียต้องมองพวกเขาด้วยสายตาอำมหิตเล็กน้อย “ทักทายแต่ท่านพ่อ ไม่เห็นข้าหรืออย่างไร” เซวียเหลียงเฟยกล่าว หลี่อี้เหยาหน้าถอดสีเล็กน้อย จากรอยยิ้มกว้างของนางหุบยิ้มทันที ก่อนจะหันมายอบกายคารวะพี่ชาย เซวียเหลียงเฟยดูจะสูงขึ้นไปอีก ท่าทางของเขายามมองนางมาช่างน่ากลัวยิ่งนัก หลี่อี้เหยารีบหันหน้าหนีมามองท่านพ่อก่อน “ท่านแม่รอท่านพ่อ ทำอาหารให้ท่านพ่อเองเลยนะเจ้าคะ” หลี่อี้เหยากล่าว ท่านแม่ทัพก่อนจะเดินพาบุตรสาวกลับจวน เพราะไม่ได้กลับอย่างเป็นทางการ ย่อมไม่อาจกระทำการเอิกเกริกนัก การเดินกลับจวนจากหน้าประตูเมืองก็ไม่นับว่าไกลอะไร และเป็นเช่นนี้ทุกช่วงวันซุนเจี้ยที่บุตรสาวจะต้องออกมารับเขาที่หน้าประตูเมือง หลี่อี้เหยาชวนท่านพ่อพูดคุยราวกับนางเป็นนกน้อยช่างพูดช่างจา แตกต่างกับตอนที่นางอยู่กับผู้อื่น และเพราะนางไม่ยอมออกจากจวนไปไหน ทำให้มีใครบางคนที่รอวันนี้มาตลอด ถึงกับมาดักรอพบนาง “คุณหนูหลี่” “ท่านอาจารย์จาง” หลี่อี้เหยากล่าวด้วยความตกใจ นางไม่ได้พบท่านอาจารย์จางมาหลายเดือนแล้ว ไม่คาดคิดว่าเขาจะมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของนาง สีหน้าของเขาไม่ได้ปกปิดความต้องการของตนเองเลยแม้แต่น้อย สายตาเว้าวอนเช่นนั้น ตั้งใจจะทำให้ท่านพ่อรู้หรืออย่างไร “ท่านอาจารย์จางหรือ? โอ้… ท่านคงเป็นอาจารย์ที่สอนในสำนักศึกษาที่เหยาเอ๋อร์เรียนอยู่ใช่หรือไม่” ท่านพ่อกล่าวทักทาย ท่านอาจารย์จางทำความเคารพท่านแม่ทัพด้วยความสุภาพ “ท่านแม่ทัพเซวีย ข้าน้อยจางฮั่นเจ๋อขอรับ” “ไม่ต้องมากพิธีหรอก ท่านเป็นถึงอาจารย์ของบุตรสาวข้า จะให้ท่านมาคารวะได้อย่างไร แล้วนี่เหยาเอ๋อร์ไปทำสิ่งใดให้ท่านขัดเคืองใจหรือไม่กัน" “วันนี้ที่มาเพียงแค่อยากคืนของให้นางเท่านั้นขอรับ” ท่านอาจารย์จางกล่าวก่อนจะยื่นกำไลหยกมาให้หลี่อี้เหยา นางเงยหน้ามองท่านอาจารย์จางด้วยความอึดอัดใจเล็กน้อย “ข้าไม่อยากได้ ข้าคืนให้ท่านไปแล้ว” “ของที่ข้าให้เจ้าไม่เคยคิดอยากรับคืน” ท่านอาจารย์จางกล่าวก่อนจะวางกำไลหยกบนมือของนาง ก่อนจะโค้งคำนับท่านพ่อแล้วเดินจากไป ทำท่าทางราวกับว่านางทำร้ายจิตใจเขาจนเป็นบาดแผลฉกรรจ์ ทำให้นางดูเป็นนางร้ายไปเสียได้ หลี่อี้เหยามองกำไลหยกในมือพลางถอนหายใจ “ที่แท้แล้ว เป็นท่านอาจารย์หน้าหยกคนนี้นี่เอง บุตรสาวของพ่อโตแล้วจริงๆ” “ท่านพ่อ ไม่ตลกเลยนะเจ้าคะ” “เจ้าหน้าตางดงามเป็นเอกเช่นนี้ก็ไม่แปลกนักหรอกที่จะมีบุรุษมาหมายปอง เพียงแต่ว่าเพราะเรื่องนี้ใช่หรือไม่ที่ทำให้เจ้าถึงไม่ยอมไปเรียนที่สำนักศึกษาอีก” ท่านแม่ทัพกล่าว บางเรื่องเขาก็พอทราบมาบ้าง แต่ไม่ทั้งหมด เพราะอย่างไรแล้วฮูหยินของเขาก็จัดการเรื่องราวได้ดี บุตรสาวที่งดงามขนาดนี้ คิดแล้วก็ปวดศีรษะแทนฮูหยิน หลี่อี้เหยาอายุเพียงสิบสี่ขวบปีก็งามเฉิดฉาย เกรงว่าโตกว่านี้จะต้องมีเรื่องราวยุ่งยากอีกมากอย่างแน่นอน “ท่านแม่รอท่านพ่อที่จวนแล้วเจ้าค่ะ” “เปลี่ยนเรื่องเก่งนัก เด็กคนนี้” ทันทีที่ท่านพ่อกลับมาถึงจวนก็ตรงไปที่เรือนใหญ่ของท่านแม่ หลี่อี้เหยาจึงผละออกจากโถงกลางกลับไปที่เรือนของตนเองเพื่อพักผ่อน นางนั่งอยู่หน้าเรือนก่อนจะมองหยกในมือ เกรงว่าการกระทำต่อหน้าฝูงชนเช่นนั้นจะเป็นเรื่องราวใหญ่โตในวันหน้าอย่างแน่นอน เซี่ยหลินหลินจะต้องหาเรื่องหาราวกับนางนัก คิดแล้วก็ทำให้รู้สึกเครียดไม่น้อย หากเป็นบุรุษไร้พันธะก็ช่างเถิด แต่กลับเป็นบุรุษที่พันธะ เป็นที่หมายปองของสตรีอย่างเซี่ยหลินหลิน อีกฝ่ายจะต่างกับนางในอดีตอย่างไร เหมือนกันไม่มีผิด ร้ายกาจไม่สนใจสิ่งใด …เวรกรรมของนางโดยแท้
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม