๑๒ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๓
ตึก ๆ ๆ
เด็กหญิงร่างเล็กวัยแปดขวบกำลังสาวเท้าวิ่งบนทางเดินของโบสถ์อันสงบสุขด้วยสีหน้าตื่นเต้น มือน้อยทั้งสองข้างผลักบานประตูโบสถ์สีขาวเข้าไปด้านใน ดวงตากลมโตเบิกกว้างด้วยความดีใจพร้อมกับพุ่งเข้าหาร่างบอบบางในชุดกระโปรงยาวสีขาว หญิงสาวรับร่างน้อยเข้าสู่อ้อมกอดด้วยความรักใคร่เอ็นดู
“พี่ไลลา! พี่ไลลามาแล้ว!” เด็กหญิงเอ่ยร้องดีใจ ก่อนตามมาด้วยร่างน้อย ๆ ของเด็กอีกกลุ่มหนึ่งที่เพิ่งวิ่งตามหลังเข้ามา เด็ก ๆ ถลาเข้ากอดร่างบางล้อมหน้าล้อมหลังท่ามกลางรอยยิ้มและสายตาเอ็นดูของบาทหลวงกับซิสเตอร์ผู้ดูแล
“พี่ไลลา!”
“พี่ไลลา!”
ชื่อของหญิงสาวถูกเรียกแข่งกันซ้ำไปซ้ำมาทำให้ ไลลานา เจ้าของชื่ออดยิ้มแก้มปริไม่ได้ เธอเอื้อมมือโอบกอดเด็กน้อยรอบตัวให้ครบทุกคน ก่อนจะย่อตัวนั่งลงในระดับเดียวกันกับเด็ก ๆ ใบหน้าสวยเผยรอยยิ้มหวานราวกับนางฟ้านางสวรรค์ เด็ก ๆ พากันมองแล้วฉีกยิ้มหน้าบานตามไปด้วย
“ทุกคนเป็นเด็กดีกันใช่ไหมคะ”
“ค่า/ฮับ” เสียงตอบรับแข็งขันสร้างรอยยิ้มเอ็นดูให้กับทุกคน ไลลานาลูบผมเด็กคนนั้นทีคนนี้ที นี่เป็นภาพที่พบเห็นเป็นประจำยามหญิงสาวแวะมาที่นี่ เธอกลายเป็นที่รักของเด็ก ๆ มากว่าสิบปีแล้ว
“เอาล่ะเด็ก ๆ ต้องเข้าเรียนกันแล้วนะคะ เดี๋ยวซิสเตอร์ขอตัวพี่ไลลาไปก่อนนะ เด็ก ๆ ต้องตั้งใจเรียนแล้วพี่ไลลาจะมาหาอีก เข้าใจไหมคะ” ซิสเตอร์อรุณีต้อนเด็ก ๆ ด้วยรอยยิ้มใจดีเหมือนทุกที
“จริงเหรอคะ พี่ไลลาจะมาหาหนูดาอีกใช่ไหมคะ?” ดาริน หนูน้อยวัยแปดขวบผู้วิ่งมากอดเธอคนแรกเอ่ยถามตาแป๋ว มือบางลูบแก้มเด็กน้อยเบา ๆ พลางยิ้มเอ็นดู
“จริงสิจ๊ะ พี่ไลลาขอคุยธุระกับซิสเตอร์สักครู่นะ แล้วพี่จะรีบไปหาทุกคนที่ห้องเรียน ดีไหมคะ?”
“ดีค่ะ! งั้นหนูดาจะรอนะคะ” ดารินโบกมือและยอมเดินตามซิสเตอร์นารีไปพร้อมเด็กคนอื่น ๆ เมื่อประตูโบสถ์ปิดลง ภายในโบสถ์จึงเหลือเพียงไลลานา ซิสเตอร์อรุณี และบาทหลวงเจสัน
บรรยากาศสดใสเมื่อครู่กลับมาตึงเครียดอึมครึมอีกครั้ง รอยยิ้มบนใบหน้าของทุกคนเจือจางลงอย่างเห็นได้ชัด
“ต้องย้ายจริง ๆ เหรอคะ?” หญิงสาวเอ่ยถามด้วยสีหน้าเคร่งเครียด
วันนี้ไลลานาทิ้งธุระทุกอย่างเพื่อเข้ามาถามหาความจริงจากข่าวลือที่ได้ยินมาอย่างหนาหูเมื่อหลายวันก่อน เรื่องที่ ‘มูลนิธิบ้านสู่รัก’ กำลังจะถูกย้ายไปรวมกับมูลนิธิอื่น ตอนได้ยินข่าวครั้งแรกเธอตกใจมาก เพราะเธอคือหนึ่งในคนที่ร่วมอาสาดูแลมูลนิธิแห่งนี้มาหลายปีแล้ว ไลลานาเคยเป็นคนที่ได้รับการดูแลจนกระทั่งเวลานี้เธอกลายเป็นผู้ดูแลแทนแล้ว ข่าวนี้จึงทำให้เธอรู้สึกใจหายอย่างบอกไม่ถูก
“อย่างที่เธอทราบมาโดยตลอดนั่นแหละไลลา ทางมูลนิธิเราขาดผู้อุปถัมภ์มาเกือบปีแล้ว ด้วยเศรษฐกิจที่มันย่ำแย่ทำให้บริษัทของผู้อุปถัมภ์เราล้มละลาย แม้ว่าทางเราจะมีผู้บริจาคเข้ามาเรื่อย ๆ แต่เป็นเพียงรายย่อย ไม่ใช่รายใหญ่ และด้วยภาระค่าใช้จ่ายสำหรับการดูแลเด็กเกือบครึ่งร้อยแบบนี้ ทางมูลนิธิของเราไม่สามารถแบกรับต่อไปได้จริง ๆ” ซิสเตอร์อรุณีบอกเล่าด้วยสีหน้าเสียใจ เธอเองก็รู้สึกใจหายไม่ต่างกัน มูลนิธิแห่งนี้ก่อตั้งขึ้นมาสิบเอ็ดปีแล้ว รับหน้าที่ดูแลเด็กกำพร้าไร้ที่พึ่งพิงมานับร้อยนับพันคนเห็นจะได้ การต้องยุบมูลนิธิไปทั้งแบบนี้ทุกคนล้วนเสียใจไม่ต่างกัน
“เราจัดโครงการได้ไหมคะ”
ไลลานาพยายามหาทางออกอย่างไม่ยอมแพ้ เธอไม่อยากให้มูลนิธินี้ปิดตัวลง เธอไม่อยากให้เด็ก ๆ ต้องย้ายไปอยู่มูลนิธิอื่น เพราะสำหรับเด็กทุกคนแล้ว ที่แห่งนี้ก็คือบ้าน… บ้านแสนอบอุ่นของพวกเขา
“หนูขออาสาจัดโครงการเพื่อเด็ก ๆ ได้ไหมคะ หนูจะติดต่อกลุ่มอาสาให้มาช่วยกันทำโครงการนี้ค่ะ หนูเชื่อว่าทุกคนจะต้องมาช่วยกันแน่ ๆ”
ซิสเตอร์อรุณีมองสบตากับบาทหลวงเจสันคล้ายกำลังปรึกษากัน เธอครุ่นคิดครู่หนึ่งก่อนจะพยักหน้ารับเป็นเชิงอนุญาต
“ซิสเตอร์ยื้อเวลาได้ประมาณหนึ่งสัปดาห์นะ ถ้าเธอหาผู้อุปถัมภ์รายใหม่ให้กับทางมูลนิธิได้ เราก็อาจไม่ต้องย้ายเด็ก ๆ ไปไหน”
“ค่ะซิสเตอร์ หนูจะพยายามสุดความสามารถค่ะ จะต้องช่วยเด็ก ๆ ให้ได้ค่ะ” สีหน้าไลลานาเต็มเปี่ยมด้วยความมุ่งมั่น แม้ว่าในใจจะว้าวุ่นเหลือเกิน เพราะเธอเองก็ไม่มั่นใจว่าจะสามารถหาผู้อุปถัมภ์รายใหม่ได้หรือไม่ แต่ก็ยังดีกว่าการอยู่เฉย ๆ โดยไม่พยายามทำอะไรเลย
“ฝากเธอด้วยนะไลลา พวกเราขอบคุณเธอมากจริง ๆ ที่ห่วงใยและรักเด็ก ๆ ด้วยหัวใจอันบริสุทธิ์ ขอพระเจ้าคุ้มครอง”
“ขอบคุณค่ะ”
ไลลานาเดินออกมาจากโบสถ์ด้วยความรู้สึกหนักอึ้ง เธอผูกพันกับสถานที่แห่งนี้มาก เรียกว่าเป็นบ้านหลังที่สองสำหรับเธอเลยก็ว่าได้ เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยและสงบใจเสียยิ่งกว่าบ้านจริง ๆ เสียด้วยซ้ำ
[ฮัลโหล ว่าไงคะพี่ไลลา คิดถึงจัง ไม่ได้คุยกันนานเลย] เสียงจากปลายสายตอบรับด้วยความร่าเริงตามปกตินิสัยของ แพรพลอย รุ่นน้องชมรมอาสาที่เคยร่วมหัวจมท้ายมาด้วยกันหลายปี
“พี่มีเรื่องอยากจะขอความช่วยเหลือน่ะพลอย” ไลลานาบอกจุดประสงค์โดยไม่อ้อมค้อม เวลาไม่รอท่า ชักช้าจะยิ่งเสียการ หลังจากเธอเล่าเรื่องราวจนจบ ปลายสายเงียบไปครู่หนึ่งก่อนจะตอบกลับด้วยน้ำเสียงจริงจังเป็นงานเป็นการมากขึ้น
[เข้าใจแล้วค่ะ เดี๋ยวพลอยจัดการรวบรวมทุกคนให้นะ ทุกคนต้องเต็มใจช่วยแน่ ๆ พี่ไลลาไม่ต้องกังวลนะคะ]
“อื้ม ขอบใจมากนะพลอย พรุ่งนี้เจอกันจ้ะ”
เธอกดวางสายด้วยสีหน้าคลายความกังวล รู้สึกมีความหวังขึ้นมาบ้าง อย่างน้อย ๆ เธอไม่ได้สู้เพียงลำพัง ยังมีทุกคนพร้อมจะสู้เคียงข้างเธอ ดวงตาหวานเหม่อมองป้ายมูลนิธิตรงหน้า รอยยิ้มแห่งความหวังปรากฏบนริมฝีปากบาง
“ฉันจะรักษาที่นี่เอาไว้ให้ได้ ฉันจะต้องทำให้ได้”