ไฟซัลลอบยิ้มบาง เขาจับจ้องใบหน้าสวยอย่างละเอียดเช่นกัน เมื่อวานเขามัวแต่ตกใจจึงไม่ได้มองเธออย่างละเอียด เขารู้แค่ว่าเธอสวยเหมือนนางฟ้า พอได้มามองใกล้ ๆ อีกครั้งก็ยังตอกย้ำความรู้สึกเดิม
เธอสวยเหมือนนางฟ้าจริง ๆ นั่นแหละ!
นี่เป็นครั้งแรกที่ไฟซัลรู้สึกชื่นชมหญิงสาวสักคน และผู้หญิงตรงหน้าเขาคนนี้ก็ควรค่าแก่คำชมนี้จริง ๆ เธอเป็นผู้หญิงที่ไม่ได้มีหน้าตาสวยจัดนัก ติดไปทางน่ารักน่าเอ็นดูเสียมากกว่า แต่ยิ่งมองนาน ๆ ก็ยิ่งพบความน่าหลงใหลมากขึ้น ทั้งบอบบาง น่าทะนุถนอม และน่ากอดน่าแกล้ง…
“คุณไม่สบายเหรอครับ หรือว่ามาเยี่ยมใครที่นี่”
เมื่อเห็นว่าบรรยากาศรอบตัวชวนอึดอัด ไฟซัลจึงเป็นฝ่ายชวนเธอคุย วันนี้ไลลานาไม่ได้สวมเครื่องแบบนักเรียนแต่เป็นชุดเดรสกระโปรงตัวยาว ต้องยอมรับจริง ๆ ว่าผู้หญิงคนนี้สวมชุดอะไรก็ดูสวยสมวัยไปซะหมด นี่ขนาดเขาสืบประวัติจนรู้อายุจริงของเธอมาแล้วนะ แต่ก็ยังอดติดภาพสาวน้อยในชุดนักเรียนคนเมื่อวานไม่ได้
อ่า… เขาไม่ได้โรคจิตหื่นกามกับพวกเด็กนักเรียนอย่างที่อลันกล่าวหานะ เขาก็แค่ชอบมองเด็ก ๆ เหล่านั้นเป็นอาหารตาอาหารใจเท่านั้นเอง ไม่ได้คิดจะทำอะไรมิดีมิร้ายสักหน่อย
“ฉันมาจัดทำโครงการมูลนิธิเพื่อเด็ก ๆ ค่ะ” ไลลานาเงยหน้าตอบตามตรง ก่อนจะนึกขึ้นได้ว่าเธอออกมานานแล้ว “เอ่อ ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนนะคะ พอดีต้องไปช่วยจัดบูธแล้วค่ะ”
เธอจะหนีอีกแล้ว…
ไฟซัลคิดในใจ ทว่าครั้งนี้เขาไม่ยอมปล่อยให้เธอหนีไปง่าย ๆ อีกแล้ว เพราะเขาวางแผนมาไว้หมดแล้ว ยังไงวันนี้ไลลานาก็หนีเขาไม่พ้น
มือหนาล้วงหยิบโทรศัพท์ขึ้นมากดต่อสายหาเลขาคนสนิท ขณะสายตามองตามแผ่นหลังร่างบางที่เดินหายลับไปอีกทางแล้ว ริมฝีปากหนาขยับยิ้มพึงพอใจกับการพิสูจน์ที่ผ่านลุล่วงไปด้วยดีจนเกินคาด ตอนเขามั่นใจแล้วว่า ‘เธอคือคนพิเศษ’ ของเขา
และคราวนี้ถึงเวลาเขาดับเครื่องชนแล้ว
“จัดการตามแผนได้เลย”
.
.
.
“พี่ไลลา หนูขอโทษนะที่ไม่ได้บอกพี่ก่อนว่าจะมาเจอกับพี่หมอ”
ริตาเดินเข้ามาหาไลลานาด้วยสีหน้ารู้สึกผิด พลอยแพรเดินตามหลังเธอเขามาอีกคน ทั้งสองคนต่างรู้เรื่องในอดีตระหว่างไลลานากับตะวันเป็นอย่างดี และยังรู้เรื่องที่ไลลานาพยายามหลบเลี่ยงตะวันมาโดยตลอด เหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่ความบังเอิญ แต่เป็นความตั้งใจของตะวัน เมื่อเขารู้ว่าไลลานากำลังจะจัดทำโครงช่วยเหลือเด็ก ๆ ในมูลนิธิ เขาจึงเสนอให้ริตามาจัดบูธที่โรงพยาบาลของเขา เพราะเขาอยากจะพบกับไลลานาอีกครั้ง
“ไม่เป็นไร ไม่ต้องขอโทษพี่หรอก เรื่องระหว่างพี่กับเขามันจบไปนานแล้ว ไม่ต้องคิดมากนะ” ไลลานายิ้มตอบ สีหน้าเธอดูไม่เป็นไรแล้วจริง ๆ แพรพลอยกับริตาลอบมองหน้ากันพลางถอนหายใจ
“เอ่อ… คือว่า… เมื่อกี้พี่หมอเขาบอกว่าทางโรงพยาบาลสนใจจะเป็นผู้อุปถัมภ์รายใหม่ให้กับทางมูลนิธิเราด้วยค่ะ” แพรพลอยพูดขึ้นมาเรียกความสนใจจากไลลานาทันที “พี่ไลลาสะดวกใจจะคุยรายละเอียดกับพี่หมอไหมคะ หรือจะให้พลอยไปคุยแทนดีคะ”
ไลลานานิ่งคิดครู่หนึ่ง เธอควรแยกแยะเรื่องส่วนตัวกับเรื่องส่วนรวม เธอไม่ควรเอาความรู้สึกส่วนตัวมาปะปนจนทำให้เสียงานใหญ่ เพราะยังมีเด็ก ๆ อีกหลายชีวิตที่รอการช่วยเหลือจากเธออยู่ และเธอจะทำให้เสียเรื่องไม่ได้
“เดี๋ยวพี่ไปคุยเอง ฝากทุกคนจัดการตรงนี้ด้วยนะ”
“พี่หมอรออยู่ในห้องทำงานชั้นสิบสองนะคะ พี่รู้ทางใช่ไหม?” แพรพลอยถามเสียงเบา แน่ล่ะ เธอรู้ว่าไลลานารู้ทางทุกทางในโรงพยาบาลแห่งนี้ดี แต่เธอจำเป็นต้องถามเพื่อความแน่ใจ
“อืม พี่ไปนะ”
.
.
.
ประตูลิฟต์เปิดออกที่ชั้นสิบสอง ชั้นนี้เป็นชั้นส่วนตัวของคณะผู้บริหารโรงพยาบาลแห่งนี้ ในอดีตไลลานาเคยขึ้นมาที่นี่หลายครั้ง ทุกอย่างยังคงเหมือนเมื่อสี่ปีก่อน ไม่สิ ไม่มีอะไรเหมือนเดิมอีกแล้วต่างหาก
กึก…
ร่างบางหยุดยืนหน้าประตูห้องทำงานของรองผู้อำนวยการโรงพยาบาล เธอเหม่อมองป้ายชื่อหน้าประตูห้องอย่างใจลอย และก่อนที่ไลลานาจะถูกภวังค์ความคิดครอบงำ บานประตูตรงหน้าถูกเปิดออกเสียก่อน
ร่างสูงในชุดเสื้อกาวน์ชะงักไปทันทีที่เห็นไลลานายืนอยู่หน้าห้อง แววตาคมวูบไหวด้วยความดีใจ สีหน้าอ่อนโยนของเขาทำให้เธออยากจะเบือนหน้าหนี
“ฉันมาในฐานะตัวแทนของทางมูลนิธิบ้านสู่รักค่ะ” เธอพูดเข้าเรื่องสำคัญด้วยน้ำเสียงห่างเหิน รอยยิ้มหมอหนุ่มจางลงเหลือเพียงยิ้มเศร้า ๆ บนมุมปากเล็ก ๆ
“เข้ามาก่อนสิ” ประตูเปิดกว้างขึ้นอย่างเชื้อเชิญ ไลลานามองเข้าไปในห้องที่คุ้นเคย เธอตีหน้านิ่งและก้าวเดินอย่างมั่นคง เมื่อเธอนั่งลงบนโซฟารับแขก หมอตะวันจึงนั่งลงบนโซฟาอีกฝั่ง
“เรื่องผู้อุปถัมภ์ของมูลนิธิ พี่…” เสียงหวานชะงักด้วยความลืมตัว เธอเม้มปากอย่างนึกโกรธตัวเองในใจก่อนจะพูดขึ้นมาใหม่ “เรื่องผู้อุปถัมภ์ของมูลนิธิ คุณหมอตะวันพูดจริงเหรอคะ”
“ใช่ ตอนนี้พี่เป็นรอง ผอ. แล้ว พี่มีอำนาจมากพอที่จะตัดสินใจด้วยตัวเองได้แล้ว” คำพูดของเขาสื่อความหมายบางอย่างชัดเจน และมันแทงใจคนฟังอย่างไลลานาเหลือเกิน เธอรู้สึกอึดอัดจนอยากจะลุกแล้วเดินหนีออกจากห้องนี้ไปซะเลยด้วยซ้ำ แต่เธอจะทำตามใจตัวเองแบบนั้นไม่ได้ เด็ก ๆ ที่มูลนิธิยังรอความช่วยเหลือครั้งนี้อยู่
“เข้าใจแล้วค่ะ ต้องขอขอบคุณแทนเด็ก ๆ ด้วยนะคะ ส่วนเรื่องรายละเอียดต่าง ๆ ทางมูลนิธิจะติดต่อมาภายหลังนะคะ” ไลลานาลุกขึ้นยืนเมื่อพูดธุระเสร็จ หมอตะวันเงยหน้ามองเธอ “ถ้างั้นฉันขอตัวก่อนค่ะ”
หมับ
“เดี๋ยวสิไลลา เรามาคุยกันก่อนได้ไหม”