Chapter 1 จุดเริ่มต้นของความเกลียด

1196 คำ
“ทำไมแม่ต้องขนของออกจากบ้าน” เสียงของเด็กหนุ่มวัยหัวเลี้ยวหัวต่อเอ่ยถามผู้เป็นแม่ครั้นเห็นหอบหิ้วกระเป๋าหลายใบ ปวีร์ลูกชายคนเดียวของครอบครัวภักเจริญเกียรติ ปีนี้ชายหนุ่มมีอายุครบสิบแปดปีบริบูรณ์ และอีกไม่กี่เดือนจะเรียนจบชั้นมัธยมศึกษาชั้นที่หก ปวีร์เดินลงมาจากห้องนอนของตัวเองในช่วงสิบโมง วันนี้เขาแอบตื่นสายสาเหตุมาจากการเล่นเกมดึกมากกว่าทุกคืน เพราะเป็นวันหยุดเลยไม่ถูกดุอย่างเช่นวันธรรมดาที่ต้องตื่นเช้าไปโรงเรียน ทว่าแววตาที่ทอดมองมารดา ยังคงแฝงด้วยความสงสัย ทำไมแม่ถึงขนข้าวของออกไปราวจะไม่อยู่ด้วยกัน “แม่ต้องไปแล้ว” “ไปแล้ว – ไปไหน” เด็กชายเอียงคอถามในความสงสัยนั้น กมลเนตรย่อตัวลง มองใบหน้าลูกชายด้วยสายตาเหนื่อยหน่าย หากนับตั้งแต่วันนี้ย้อนหลังไปเกือบห้าปี ต้องอยู่กับความอึดอัด ไม่มีความสุขในชีวิตคู่เหมือนแต่ก่อนและทะเลาะกับพ่อของลูกบ่อยครั้ง “วีร์อยู่ที่นี่กับพ่อนะลูก” “ทำไมครับแม่ – ทำไมผมต้องอยู่กับพ่อคนเดียว แม่จะไปไหน” คำถามยังถูกส่งมาถี่ๆ ทำกมลเนตรไม่กล้าเปิดปากในการตัดสินใจของตัวเอง แต่วันนี้จำเป็นต้องพูดเพื่อให้แก้วตาดวงใจอย่างปวีร์ได้เข้าใจ “พ่อกับแม่ตัดสินใจแล้วว่า...” “...” “เราจะแยกทางกัน” ประโยคที่ได้ยินสะเทือนไปถึงหัวใจปวีร์ เขาไม่ใช่เด็กน้อยเสียจนแปลความหมายไม่ออก รับรู้มาตลอดว่าพ่อกับแม่ระหองระแหงกันมานาน ทว่าคนเป็นลูกก็ย่อมต้องการความรักความอบอุ่นที่อยู่พร้อมหน้าพร้อมกันสามคนพ่อแม่ลูก นี่คือสิ่งที่เด็กชายปวีร์ต้องการ... อีกทั้งไม่นึกว่าวันนี้มันจะมาถึง ต่อให้มีสัญญาณบอกมานานก็ทำใจยอมรับไม่ได้ “แม่ไม่รักพ่อแล้วเหรอ” ปวีร์ถามเสียงสั่นมองหน้าผู้ให้กำเนิดทั้งดวงตาแดงก่ำ น้ำตาล้นในเบ้าแทบจะร่วงเผาะอาบแก้มอยู่รอมร่อ เช่นเดียวกับกมลเนตร ไม่อาจอดกลั้นเอาไว้ได้ก็พลันร่วงพลู หยาดน้ำสีใสไหลอาบแก้ม ต้องเป็นฝ่ายเดินออกจากบ้านหลังนี้และไม่สามารถพาลูกไปได้ “พ่อกับแม่ตัดสินใจกันแล้วนะวีร์” “ตัดสินใหม่สิครับ ทำไมต้องแยกกัน” “...” ปุริมที่ยืนมองจากประตูห้องทำงาน เมื่อคืนเขานอนในห้องนั้น รู้สึกไม่ต่างจากกมลเนตร พยายามสานสัมพันธ์อันสั่นคลอนมานานหลายปี แต่มันก็ไม่เป็นผล ยิ่งอยู่ยิ่งเหมือนคนไม่รู้จักกัน อีกคนมีสังคมจนหลงลืมหน้าที่ของว่าภรรยา อีกคนทำงานจนหลงลืมคำว่าหัวหน้าครอบครัว หันหน้าเข้าหากันคือทะเลาะ ต่างฝ่ายต่างเอาตัวเองเป็นใหญ่ มองความคิดของกันและกันติดลบไปหมด อยู่กันไปก็มีแต่ทะเลาะ... เมื่อปัญหาของทัศนคติเกิดขึ้น ปัญหาการใช้ชีวิตคู่ก็ตามมา ปุริมรู้สึกโทษตัวเองที่ประคับประคองคำว่าพ่อแม่ลูกไว้ไม่ได้ ก็อย่างว่า คำว่ารักคำเดียวไม่สามารถทำให้ครอบครัวไปต่อได้ ความรู้สึกที่มีหมดลงชนิดที่ว่าไม่สามารถก่อติดขึ้นมาใหม่ได้ ฉะนั้นทางออกที่ดีที่สุดคือแยกย้าย “พ่อกับแม่อยู่ด้วยกันไม่ได้” “แล้วแม่จะไปไหน” “ไปต่างประเทศ” “แม่ไม่ไปได้ไหม” คนอายุน้อยร้องขอทั้งน้ำตาที่ไม่อาจกลั้น ไม่อยากอยู่กับใครคนใดคนหนึ่ง แต่ทว่าคำร้องขอนั้นไม่เป็นผล เมื่อผู้ใหญ่ทั้งสองหมดรักกัน ก็เหลือเพียงการทำหน้าที่พ่อและแม่ของลูกเท่านั้น กมลเนตรกอดลูกชายที่ยืนน้ำตาหลั่งริน จูบเข้าที่หน้าผากหนึ่งทีเป็นการสั่งลาเพราะต่อจากนี้ไม่รู้ว่าจะได้เจอปวีร์อีกตอนไหน “อยู่กับพ่อนะลูก แม่จะโทรมาหาบ่อยๆ” “แม่...” “แม่ไปแล้วนะวีร์” “ไม่ ไม่ไปนะ” “...” กมลเนตรก้าวขาไปทั้งน้ำตา แต่เป็นความรู้สึกเสียใจที่ต้องห่างลูก ไม่ใช่เพราะการเลิกราในครั้งนี้ ความรู้สึกเจ็บปวดบีบรัดกันทั้งสามคน แต่ถ้าฝืนทุกอย่างมันจะพังไปมากกว่านี้ ดวงตาแดงก่ำยืนนิ่งมองรถของแม่ขับออกไป น้ำตาของเด็กผู้ชายไหลรินทว่าเงียบไม่มีเสียง ด้านหลังคือสายตาอ่อนไหวของผู้เป็นพ่อ สงสารลูกไม่น้อยเมื่อครอบครัวต้องสาแหรกออกจากกัน แต่กระนั้นก็ยืนหยัดจะมอบความรักความอบอุ่นให้ลูกชายรู้สึกว่าไม่ขาด “วีร์” “...” “ปวีร์” “เพราะน้าชญาใช่ไหม” คนอายุน้อยเอ่ยถามทั้งที่ยังให้หันหลังให้พ่อ เขาแอบเห็นว่าชญาณัฐ พนักงานในบริษัทของพ่อสนิทสนมกันเกินงาม ปุริมพลันถอนหายใจ ก้มหน้ามองพื้นเล็กน้อยเหมือนคนรู้สึกผิด เขาสนิทสนมกับพนักงานตัวเองก็จริง แต่มันไม่ใช่สาเหตุของการเลิกราในครั้งนี้ ความสัมพันธ์ระหว่างเขากับกมลเนตรได้ตกลงเพื่อยุติมานานเกือบปี ทว่ายังอยู่ด้วยกันเพื่อรอเวลาเหมาะสม ตั้งใจว่าจะรอให้ลูกชายเรียนจบในระดับสูงกว่านี้ ก็เหมือนว่าคนทั้งสองอดทนฝืนต่อไม่ไหว กระทั่งวันนี้มันมาถึง วันที่ปวีร์ต้องรับรู้แล้วว่าพ่อกับแม่ไปต่อด้วยกันไม่ได้ ส่วนชญาณัฐที่เด็กหนุ่มพูดถึง ต้องยอมรับตามตรงว่าเธอคือผู้หญิงคนใหม่ แต่ทว่ามาหลังจากเขาตกลงกับอดีตภรรยาแล้วเรียบร้อย เธอไม่ได้เข้ามาเป็นมือที่สาม ซ้ำยังเป็นกำลังใจในตอนที่เขาสิ้นหวังกับคำว่าครอบครัวอย่างมาก และมันก็เป็นจุดเริ่มต้นความรู้สึกดีๆ ระหว่างเขากับเธอ “อย่าเข้าใจผิดตาวีร์” “ถูกต่างหาก น้าชญาทำให้พ่อเปลี่ยนใจ” “ไม่ใช่” “ไม่มีน้าชญา พ่อกับแม่ก็ยังอยู่ด้วยกัน” เป็นความคิดที่ต้องการเอาครอบครัวที่สมบูรณ์กลับคืนมา ปวีร์กำลังงอแงไม่ฟังในเหตุผลที่มันเกิด คนหมดรักกันไม่สามารถทนฝืนอยู่ด้วยกันได้ ปุริมเข้าใจ กมลเนตรเข้าใจ แต่ปวีร์ไม่ยอมเข้าใจและไม่ยอมรับกับสิ่งที่เผชิญอยู่ “มันขึ้นอยู่กับคนสองคน” “ขึ้นอยู่กับคนที่สามด้วย!! น้าชญาทำให้ครอบครัวเราเป็นแบบนี้” เด็กหนุ่มกำลังเสียใจ ปุริมเข้าใจดี พูดหรืออธิบายอะไรออกไป ก็คงไม่ยอมฟังในเหตุผล ในตอนนี้ลูกกำลังโทษผู้หญิงอีกคน เข้ามาทำให้ครอบครัวต้องแยกจากกัน ปวีร์เองที่กำมือแน่น ขบฟันแทบจะแหลกละเอียด ยืนนิ่งทว่าตัวสั่นกระทั่งวิ่งกลับขึ้นห้องตัวเองไปร้องไห้คนเดียว “อึก” น้ำตาลูกผู้ชายไหลครั้งแรกเมื่อพ่อแม่แยกทางกัน เคยได้ยินเพื่อนเอาปัญหาแบบนี้มาเล่า เคยปลอบใจให้เพื่อนเข้าใจในปัญญาของผู้ใหญ่ แต่พอเป็นเรื่องครอบครัวตัวเอง ปวีร์กลับไม่เข้าใจและไม่ทำใจยอมรับ “เพราะคนครอบครัวนั้น – ทำครอบครัวเราเป็นแบบนี้ ผมเกลียด..อึก เกลียด”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม