CHAPTER 04
ฉันตีมือเด็กบ้าที่กำลังจะปลดกระดุมเสื้อฉันออกไป
แกล้งกันแรงไปแล้ว
ทำไมเป็นเด็กเกเรแบบนี้นะ!
“หยุดเลย นายเอาคืนพี่แล้วก็จบสิพี่หิวข้าวอะ!”
ฉันกระแทกเสียงอย่างงอแง จ้องหน้าผู้ชายที่เด็กกว่าด้วยสายตางุ่นง่าน
ศึกรบจ้องมา เขากลอกตามองบนอย่างเอือมระอาแล้วขยับมือมาแตะปลายจมูกฉันเบา ๆ
“เอ่อ.. รู้แล้ว”
เหมือนเขาพยายามอดกลั้นบางอย่าง บางอย่างที่ว่ามันคืออะไร..
ฉันกะพริบตาเพียงแผ่วเบาแต่แล้วก็ถูกศึกรบอุ้มขึ้นมานั่งตรงขอบสระแล้วเขาก็แทรกตัวเข้ามากลางลำตัวฉัน
“อยากกินไร”
ใบหน้าศึกรบเปียกชุ่มไปด้วยน้ำ ผมเขาลู่ลงอีกทั้งเนื้อตัวก็เปียกปอนไม่ต่างจากฉัน
เด็กคนนี้จะว่าไปก็ฮอตใช่เล่น เป็นไทป์หมาหนุ่มที่น่าหวงแหนดี
“อื้ม~ อะไรดีอะแล้วแต่น้องศึกรบเลยค่ะ”
ศึกรบเชยสายตาขึ้นมาสบตากัน เขายื่นมือมาแตะริมฝีปากฉันอย่างแผ่วเบา
“พี่มีปากก็พูดออกมาว่าอยากกินไร”
เหมือนโดนหลอกด่าไงไม่รู้
“ก็พี่ไม่รู้อ่า พี่กินได้ทุกอย่างกินเสร็จออกไปเที่ยวกันนะคืนนี้สัญญาไม่ดึก “
“พี่พูดแบบนี้ทุกครั้ง คืนนี้ผมไม่ไปถ้าอยากดื่มซื้อมาดื่มที่บ้านผมจะไปซื้อให้”
ฉันเบะปากเมื่อรู้สึกได้ถึงความผิดหวัง
“แต่พี่อยากเต้นอ่ะ”
อย่างน้อยการเต้นเหมือนเป็นการได้ระบายความเครียดไง
“ผมเปิดเพลงให้เต้นได้”
นี้ไง ดักกันทุกทางเลย
ฉันคอตก ใครจะไปขัดได้เห็นมันแบบนี้เวลามันเอาจริงฉันขัดขืนไม่เคยได้เลย
“เอ่อ ๆ ก็ได้ พี่จะขึ้นแล้วยืมเสื้อด้วยจะเปลี่ยน”
ฉันลุกขึ้นยืนแล้วศึกรบก็เดินขึ้นมาจากสระ เราเดินจูงมือกันเข้ามาในบ้าน
ศึกรบยื่นเสื้อยืดตัวใหญ่สีดำให้ฉันเพราะฉันทำบราเปียกไปแล้วและขี้เกียจกลับบ้านไปเปลี่ยนแล้ว
“นายมีบ็อกเซอร์มั้ย พี่จะใส่”
“มี”
เขายื่นบ็อกเซอร์ให้ฉัน เป็นขนาดเล็กที่ศึกรบซื้อเผื่อเวลาฉันมาเล่นน้ำที่บ้านเขา
“ขอบใจมากน้า~ ลูกหมาใครน้าน่ารักที่สุดเลย”
ฉันหอมแก้มศึกรบฟอดใหญ่แล้วเดินเข้าไปอาบน้ำในห้องน้ำเพื่อเปลี่ยนชุดมาใส่เสื้อยืดสีดำตัวใหญ่กับกางเกงบ็อกเซอร์ตัวโปรด
ฉันยืนมองตัวเองในกระจก หน้าอกที่ไม่มีบราสวมอยู่ก็ไม่ได้เห็นชัดขนาดนั้น อีกทั้งกับศึกรบด้วยฉันไม่ค่อยหวงตัวสักเท่าไหร่เพราะเด็กคนนั้นบอกว่าฉันไม่มีเสน่ห์เพศตรงข้าม
มันชอบบอกว่าฉันไม่เซ็กซี่พอที่จะทำให้มันตื่นตัวได้
บ้าจริง
ปากร้ายสุด ๆ ไปเลย
“ทำอะไรกินเหรอ?”
ฉันเดินไปหาศึกรบที่อาบน้ำเสร็จแล้ว เขาเองก็ใส่เสื้อยืดสีขาวแขนสั้นกับกางเกงขายาว ผมเหมือนถูกซับมาลวก ๆ เพราะมันยังดูยุ่ง ๆ อยู่เลย
แต่ลุคนี้ก็ทำให้ดูน่ามองเพราะแปลกตาดี
ฉันสวมกอดศึกรบจากข้างหลังแล้วยื่นหน้าออกไปมองซอสที่ศึกรบกำลังปรุงอยู่
“น่ากินมากเลย สุดหล่อของพี่เก่งจริง ๆ”
ฉันอวยเด็กน้อยแต่เด็กมันไม่หลงคำอวยน่ะสิ มิหนำซ้ำยังใช้จวักที่ยังไม่ผ่านการใช้งานเคาะหน้าผากฉันอีกด้วย
“ไม่ต้องพูดมาก พี่ไปเตรียมจานมา”
เขาออกคำสั่งใส่ฉันที่ยืนหน้ามุ่ย ฉันมองเขาตาขวางเพราะโดนทำร้ายร่างกายมาแต่สุดท้ายก็ยอมเดินไปหยิบจานมาวางไว้สองใบ
ศึกรบคีบเส้นมาม้วนวางไว้ในจานแล้วราดซอสบนเส้นจนมันดูน่ากินทั้งสองจาน
เขาตักซอสใส่ช้อนมาเป่าแล้วยื่นมาตรงหน้าฉันที่ยังปั้นหน้าตึงอยู่
“ชิมสิ”
ฉันหันหน้าหนีแล้วขยับห่างจากเขา
ต้องง้อสิ
งอนอยู่นะ
“ไม่ชิม”
เปล่งเสียงดังชัดเจนฉันก็เชิดหน้าหนีเขาไปแต่ใช่ว่าศึกรบจะยอมกันง่าย ๆ เขาขยับตามมาแล้วบีบแก้มฉันเอาไว้เบา ๆ ก่อนจะหันให้ใบหน้าเราอยู่ในทิศทางเดียวกัน
“อะไรเล่า”
ฉันบึนปากเสียงอู้อี้ ศึกรบขยับช้อนมาจ่อที่ปากแล้วปาดซอสลงบนริมฝีปากที่ปิดสนิทของฉัน
ฉันยังปิดปากสนิทไม่ยอมกินซอสที่เขาให้ชิม เด็กตัวดีบิดยิ้มร้าย
เขาเคาะนิ้วลงบนเคาน์เตอร์ด้วยจังหวะเชื่องช้าแล้วคร่อมตัวลงมาหากัน
“จะชิมดี ๆ หรือต้องให้ผมใช้วิธีของผม”
คำขู่ถูกส่งต่อมา ฉันจ้องเขาเขม็งแต่ก็ยังไม่ยอมเปิดปากชิมซอสที่อยู่บนริมฝีปากของตัวเอง
“ได้ ถ้าพี่ไม่ชิมผมชิมเองก็ได้”
“นายก็ชิมไปสิ ใครจับปากนายไว้ล่ะ!”
พรึ่บ..
ศึกรบกุมลำคอฉันเอาไว้ เขารั้งให้ขยับเข้ามาใกล้แล้วโน้มใบหน้าลงมาจนลมหายใจเป่ารดอยู่ตรงกระจับปาก
วินามีที่เราสบตากันเขาปาดลิ้นลงมาบนริมฝีปากฉัน ไล่เลียซอสบนริมฝีปากฉันเข้าปากเขาไปจนหมด
“อื้อ..”
ฉันขยุ้มนิ้วมือลงไปบนหน้าอกเขา ความอุ่นร้อนจากเรียวลิ้นลากไล้อย่างเชื่องช้าก่อนจะประกบริมฝีปากลงมาดูดดุนซอสเข้าปากไปเบา ๆ
เขาผละออกมา ฉันกัดปากล่างในขณะที่สองสายตาของเราประสานกัน
เด็กคนนี้จงใจแกล้งให้ฉันเสียการควบคุม ฉันรู้
ศึกรบน่ะเจ้าเล่ห์จะตายไป
“อยากลองชิมด้วยมั้ย?”
เขาขยับมือที่กุมลำคอฉันเอาไว้ขึ้นมาแล้วใช้นิ้วโป้งปาดริมฝีปากฉันช้า ๆ ก่อนจะขยับเอานิ้วโป้งเข้าไปในปากแล้วดูดดุนมันอย่างยั่วประสาทฉัน
“ไอ้เด็กบ้า! เป็นหมาหรือไงถึงมาเลียปากพี่”
เขาหัวเราะ ท่าทางดูพอใจกับปฏิกิริยาของฉันอยู่ไม่น้อยเลย
“ก็พี่บอกว่าผมเป็นไอ้หมาของพี่ไม่ใช่เหรอ แสดงว่าผมเลียเพื่อแสดงความเจ้าของเหมือนที่หมามันทำได้อะดิ”
ดูมันสิ
เด็กคนนี้เจ้าเล่ห์และร้ายกาจกว่าที่คิดไว้มากโขเลยเหอะ
“ไม่ต้องพูดมากเลยพี่หิวแล้ว อยากกิน เข้าใจมั้ยว่าอยากกินนน”
ฉันบึนปากแล้วส่งเสียงดังก่อนจะผลักศึกรบออกแล้วหยิบจานสปาเกตตีของตัวเองมาถือเอาไว้แต่จู่ ๆ พึ่งนึกได้ว่ายังไม่ได้โรยออริกาโนจึงเขย่งปลายเท้าเพื่อเปิดตู้ข้างบน
แต่ทว่าไอ้ขวดออริกาโนมันอยู่ลึกน่ะสิฉันเลยพยายามควานมือหาแต่หยิบไม่ถึงสักที
“ศึกรบ หยิบให้พี่ทีพี่ขาดออริกาโนไม่ได้”
ทุกครั้งที่กินสปาเกตตีหรือพิซซ่าฉันต้องโรยไม่งั้นถือว่ากินไม่สมบูรณ์
“พี่ยังหยิบแค่จานพี่เลยแล้วทำไมผมต้องช่วย”
พูดจบศึกรบก็หยิบจานตัวเองแล้วเดินออกจากห้องครัวไปโดยปล่อยให้ฉันยืนอ้าปากค้างอึ้งกับสิ่งที่เขาพูดอยู่คนเดียว
ฉันจะบ้า..
จะบ้าให้ได้เลย ฮืออ
“ไอ้เด็กบ้า ไอ้คนพี่ทะเล!”
อยากจะกรีดร้องจนน้ำตาท่วมบ้านแต่ก็ทำไม่ได้ สุดท้ายจึบต้องลากเก้าอี้ในห้องครัวมาวางไว้หน้าเคาน์เตอร์แล้วปีนขึ้นไปเพื่อหยิบสิ่งที่ตัวเองต้องการลงมา
“กะ กรี๊ด!”
จังหวะที่ฉันปิดตู้เตรียมจะเดินลงมาจากเก้าอี้จู่ ๆ ศึกรบก็เดินมาเขย่าเก้าอี้แล้วอุ้มฉันลงมาหน้าตาเฉย
เขาจงใจแกล้งฉัน
ไอ้เด็กบ้าจี้มันตั้งใจทำให้ฉันขวัญกระเจิง
“ฮ่า ๆ พี่แม่งกรี๊ดเหมือนตัวตลกเลย หน้าพี่อย่าขำ”
มันอุ้มฉันด้วยมือเพียงข้างเดียวแล้วหัวเราะจนไหล่สั่น ฉันกัดปากด้วยความแค้นใจ กระหน่ำหมัดลงไปทุบบ่าผู้ชายที่แกล้งกันอย่างแค้นใจ
“ไอ้ศึกรบ! ฉันจะฆ่าแก!”
ฉันขยุ้มผมศึกรบเต็มสองมือแล้วกระชากด้วยแรงที่มากพอสมควรแต่คนโดนทำร้ายไม่ได้ดูเจ็บปวดออกจะชอบใจที่เห็นฉันโวยวายเป็นผีบ้าอยู่คนเดียว
“ฆ่าผมให้ตายนะครับ เพราะถ้าไม่ตายผมนี้แหละจะกลับมาจัดการพี่เอง”
ใบหน้าศึกรบอยู่ระดับหน้าอกฉัน เขายกยิ้มร้ายในขณะที่เราจ้องหน้ากันอย่างฟาดฟัน
เขาจ้องหน้าอกฉันด้วยสายตาที่เดาออกได้ทันทีว่าจะพูดอะไรออกมา
“เล็กกว่าที่ผมคิดไว้เยอะ”
“กรี๊ดดด ไอ้เด็กบ้า!”
นี้ไง
นี้แหละตัวจริงที่แม่มองไม่เห็น!
อยากจะกรีดร้องงง ฮืออ
Talk
หมาเด็กของพีีสาวคนสวยอะเนอะก็ต้องเลียแสดงความเป็นเจ้าของสักหน่อย เลียที่ว่าคือเลียปาก 😆😆
ครบ 10 เม้นมาอัปน้า