ดาหวันรีบลุกจากเตียงแบบสะโหลสะเหล วิ่งเป๋ๆเข้าห้องน้ำ ใบหน้าที่สะท้อนในกระจกคือ ซากศพก่อนเรียนชำแหละอย่างแท้จริง
“เฮ้อ...ปัญหาชีวิตอาจใหญ่มาก...แต่ศพในวันนี้จะใหญ่กว่าไม่ได้เด็ดขาด” เสียงบ่นเบาๆของหญิงสาวดังขึ้น ก่อนที่เธอจะพยายามลืมทุกอย่างชั่วคราว หอบสังขารไปรบในคลาสฝึกเฉือนจริง...
คลินิกศัลยกรรมกระดูก รพ.เวชธารา
“ไอ้บ้าเอ๊ย…”ดาหวันพึมพำกับตัวเองเบาๆ ขณะพาร่างกะเผลกเดินเข้าคลินิกที่คุ้นเคย เธอมาโรงพยาบาลเวชธาราเป็นประจำ เพราะเรียนอยู่ที่นี่ และส่วนใหญ่ก็ไม่เคยมาในสภาพน่าอายขนาดนี้
ชุดนักศึกษาแพทย์สีขาวสะอาดสะอ้าน แต่ใต้ชายกระโปรงนั้นมีพันผ้าแถบใหญ่คล้ายคนเพิ่งรอดจากอุบัติเหตุ สาวร่างบางลากส้นรองเท้าผ้าใบมาอย่างระมัดระวัง พลางหลบตาคนรอบข้างอย่างไม่อยากให้ใครจำได้
ขอเถอะ...อย่าให้เจออาจารย์ใหญ่ในวันนี้เลย
ภายในคลินิกศัลยกรรมกระดูก
“คุณดาหวัน เชิญที่ห้องตรวจสองนะคะ” เสียงพนักงานต้อนรับเรียกชื่อเธอด้วยน้ำเสียงใส
เธอลุกจากเก้าอี้ รวบกระเป๋าสะพาย เดินกระเผลกๆเข้าไป
เมื่อเปิดประตู เธอเจอคุณหมอคนคุ้นเคย หมอธนากร คุณหมอวัยสามสิบกลาง หน้าตาใจดี ใส่แว่นกลมสไตล์คุณชายเก่าแต่กวนใช่เล่น 'ช่วงนี้เจอแค่คนสูงอายุ เพราะอีตาเจ้าหนี้ก็ดูสูงอายุ'
เขาเหลือบตามองข้อเท้าที่พันผ้าแบบไม่มืออาชีพนัก แล้วยิ้มขำ
“น้องดา นี่ไปเตะใครมาครับ? หรือว่าแผลนี้…โดนแฟนกัด?”
ดาหวันหัวเราะแห้งๆ เธอไม่อยากโกหกแต่อธิบายไปก็คงยิ่งฟังดูบ้า
“ไม่ใช่แฟนค่ะ…แต่เป็นเจ้าหนี้”
“แล้วเขาก็ไม่ได้กัดค่ะ เขา…คือเจ้าหนี้สามจุดหกค่ะ”
หมอธนากรชะงักขณะจับข้อเท้าเธอเบาๆ แล้วเลิกคิ้ว
“หืม? หนี้? หรืออายุ?”
ดาหวันไม่ตอบ สายตาเหม่อไปที่เพดานห้อง เงาภาพของชายในชุดสูทดำสนิทยังปรากฏขึ้นในหัวชัดเจน สายตาเย็นชาคู่นั้น คำพูดของเขา…เสียงนิ่งแต่มีพลังทำลายล้างสูง
'นี่เธอกำลังทำลายทรัพย์สินของฉันอยู่'
'แล้วเขาเป็นใครกันแน่?' เธอก้มหน้าลงสีหน้าดูเคร่งเครียดอย่างเห็นได้ชัด มือที่กอดอกไว้เผลอกำแน่นอย่างไม่รู้ตัว
หมอธนากรเริ่มพันผ้าพันข้อเท้าให้ใหม่อย่างใจเย็น
“แผลช้ำแต่ไม่ร้าวนะ พยายามเดินช้าๆไปก่อนสองสามวัน”
“ส่วนเรื่องหนี้นั่น…หมอไม่รู้จะช่วยยังไงนอกจากขอให้ข้อเท้าเธอหายไวขึ้น”ใบหน้าดูใจดีเงยหน้าขึ้น
“ขอบคุณค่ะพี่หมอ…แต่หนี้ มันไม่ได้อยู่ที่ข้อเท้าแล้วค่ะ มันอยู่ที่ความอ่อนไหวของยอดเงินในบัญชีธนาคาร”
เธอลุกจากเตียงลากขากะเผลกออกไปเงียบๆ ในมือเธอมีใบนัดตรวจซ้ำแต่ในหัวเธอมีแต่คำถามที่วนเวียนไม่หยุด…มืออีกข้างหนึ่งถือโทรศัพท์ที่เปิดหน้าอีเมลใบแจ้งหนี้ค้างไว้ ตาไล่มองตัวเลขซ้ำแล้วซ้ำอีก...เหมือนสมองยังไม่ยอมรับความจริง
“แค่ประตูบานเดียว...ซ่อมตั้งสามล้านหก!!!”
“นี่มันรถหรือเรือยอชต์กันแน่?” เธอบ่นอุบอิบ ขณะที่กำลังจิ้มจอมือถืออย่างหงุดหงิด
“ฝากรอยไว้แค่นิดเดียวเอง ไม่ได้เตะให้พังทั้งคันสักหน่อย”
“เขาจะเปลี่ยนทั้งประตูหรือเปลี่ยนทั้งโรงงานผลิตอะไหล่กันแน่…!?”
ใบหน้าสวยขมวดคิ้วแน่น น้ำเสียงเริ่มบ่นเหมือนคนสติหลุด “ถ้ารู้ว่าแค่เตะทีเดียวจะเป็นหนี้เท่านี้นะ...วันนั้นจะนั่งร้องไห้เงียบๆข้างรถแทนยังดีซะกว่า…ไม่สิ...ไม่น่าซื้อเหล้า...ไม่น่าเดินออกไปจากคอนโดด้วย...”
“ไม่น่าเกิดมาเลยด้วยซ้ำตอนนี้!” คนตัวเล็กยกมือขึ้นตบหน้าผากตัวเองเบาๆอย่างหมดหวัง
“ค่าเทอมแพงฉันยังผ่อนได้…แต่ค่าซ่อมรถของมาเฟียแบบนั้น ฉันควรไปเรียนหมอต่อหรือไปขายไตดี?”
ห้องปฏิบัติการชำแหละร่างกาย
กลิ่นฟอร์มาลีนลอยคลุ้งทันทีที่เธอเปิดประตูห้องเรียน ภายห้องฝึกผ่าศพวันนี้สว่างจ้า เสียงรองเท้าคล้องส้นของนักศึกษาแพทย์ก้าวเข้าเป็นจังหวะ เตียงเหล็กเรียงกันเป็นแนว มีร่างครูใหญ่ที่เตรียมไว้สำหรับการฝึกจริงวางอยู่กลางห้อง
ดาหวันสวมชุดกราวน์เต็มยศ ถุงมือยางถูกดึงจนแนบแน่นกับข้อมือ ใบหน้าหวานฉ่ำดูนิ่งเรียบ แต่นัยน์ตากลับเหม่อลอยอย่างคนใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เงาสะท้อนจากกระจกด้านหน้า ทำให้เธอเห็นสีหน้าตัวเอง ดวงตาดำขลับคล้ำจากการนอนไม่พอ ริมฝีปากซีด
“สภาพเหมือนศพก่อนโดนชำแหละอีกว่ะ…” เธอบ่นกับตัวเองเบาๆอย่างกับคนหมดแรง
“นักศึกษาแพทย์ ดาหวัน ศิริวรากุล โต๊ะที่ 6” เสียงอาจารย์ฝึกสอนดังขึ้นจากหน้าห้อง
ดาหวันพยักหน้า
“รับทราบค่ะอาจารย์” เสียงตอบรักอย่างสุภาพ สม่ำเสมอ แต่น้ำหนักในหัวใจกลับหนักยิ่งกว่าเขียงผ่าศพ
ร่างบางเดินเข้าไปประจำที่ บนโต๊ะมีร่างของ "คุณก้องเกียรติ" ผู้บริจาคร่างกายที่ห่มด้วยผ้าขาวบาง กลิ่นฟอร์มาลีนตีขึ้นมาทันทีเมื่อเธอยกผ้าออก
มือเรียวเล็กจับมีด ดวงตาจับจ้องจุดลงใบมีด ทว่าสมอง...กลับไม่อยู่ที่นี่
"เธอกำลังทำลายทรัพย์สินของฉันอยู่" คำพูดนั้นยังวนในหัว
“ยัยดา แกจะชำแหละคน หรือกำลังโดนคนชำแหละอยู่กันแน่?”
เสียงแซวดังขึ้นจากด้านข้าง เจ้าของเสียงคือ จีน เพื่อนสนิทสุดติ่งของเธอ ผู้หญิงร่าเริง ตาไว ใจไวและไม่เคยพลาดจับสังเกตอาการเพื่อน
ดาหวันสะดุ้งราวกับตื่นจากความคิด หันไปยิ้มแห้งๆหลังหน้ากากอนามัย
“จีน แกว่า...ฉันควรขายไตใช้หนี้ดีมั้ย?” เสียงหวานถามอย่างจริงจัง
“หนี้อะไรของแกวะ? หรือว่า...แกไปเตะรถเจ้าสัวจริงๆ?” จีนหัวเราะในลำคอ หรี่ตามองอย่างจับผิด
“มันไม่ใช่ของฟิวส์ มันเป็นของ…ผู้ชายสูงวัยที่ชื่อว่าไคหลง”
คำสุดท้ายหลุดออกมาด้วยเสียงเบา แต่จีนที่หูดีระดับหมาได้ยินชัดเจนจนชะงัก
“ไคหลง?…เดี๋ยวนะ อย่าบอกนะว่าไคหลงที่เป็น...มังกรดำแห่งเฟิงหลานกรุ๊ป!!!”
“ก็ประมาณนั่นแหละ” ดาหวันยักไหล่
“ยัยดา!! แกไปเตะรถมาเฟียเหรอ!?” จีนกรีดร้องออกมาด้วยความตกใจ
เสียงหัวใจเธอก็เต้นรัวแข่งกับสีหน้าตกใจของจีน ก่อนจะก้มลงมองร่าง “คุณก้องเกียรติ” ตรงหน้า
กล้องวงจรปิดตรงมุมเพดานของห้องเรียนฝึกเฉพาะทาง แสงไฟสว่างจ้า เลนส์กล้องเคลื่อนไหวช้าๆติดตามความเคลื่อนไหวในห้องอย่างไร้อารมณ์ หากสังเกตุดีๆ จะเห็นมุมขวาล่างของหน้าจอมีโลโก้เล็กๆ Fenglan Tech ชื่อบริษัทที่ไม่ควรเกี่ยวข้องกับมหาวิทยาลัย...แต่กลับอยู่ตรงนั้น
ตึกสำนักงาน Fenglan Group ห้องประชุมกระจก (เวลาเดียวกัน)
ห้องประชุมหรูไร้ผู้คน มีเพียงชายหนุ่มในสูทดำสนิทนั่งพิงพนักเก้าอี้หนังแท้ มือหนาถือแก้วกาแฟ อีกมือแตะอยู่บนแผงควบคุมหน้าจอขนาดใหญ่ สายตาคมกริบจดจ่ออยู่ที่จอหลักเบื้องหน้า ภาพจากกล้องวงจรปิดของมหาวิทยาลัยเวชธารา ส่งตรงแบบเรียลไทม์ บนหน้าจอแบ่งออกเป็นหลายช่อง แต่เขาเลือกซูมเฉพาะช่องที่มีเธอ
หญิงสาวผมบอร์นอ่อนในชุดกราวน์สีขาวสะอาดตา ผมถูกรวบขึ้นเป็นหางม้า ใบหน้าเรียบนิ่งกำลังจดจ่อกับร่างไร้วิญญาณตรงหน้า
เขาซูมภาพเข้า ชัดขึ้นทุกระยะ...จนเห็นแม้กระทั่งเส้นผมที่หลุดลงมาปรกข้างแก้มเธอ ก่อนจะขยับนิ้วเลื่อนภาพจากกล้องอีกมุม
จากใบหน้าของเธอในชุดกราวน์ไปยังภาพมุมสูงของโต๊ะฝึกตรงกลางห้อง
บนเตียงเหล็กสีเงินมีร่างฝึกของครูใหญ่และดาหวัน...กำลังลงมีดผ่าตรงแนวกลางลำตัวด้วยมือขวาที่จับมั่น ปลายมีดเฉือนกล้ามเนื้อด้วยความนิ่งแม้ปลายนิ้วจะสั่นนิดๆ ใบหน้าสวยซีเรียส ขมวดคิ้วแน่นเหงื่อซึม...แต่ไม่ถอย
ไคหลงชะงักนิ้วที่กำลังจะซูมออก ดวงตาคมหรี่ลงราวกับเพ่งพิจารณาอะไรบางอย่าง เขาเลื่อนภาพเข้าใกล้อีกนิด ดูใบหน้าเนียนใสสมวัยที่กำลังจ้องกล้ามเนื้อตรงชั้นผิวหนัง สีหน้าไม่ใช่แค่จริงจัง...แต่กล้าหาญ ทั้งที่นิ้วมือเล็กขนาดนั้น เมื่อคืนยังเจ็บจนเตะรถเขาแล้วล้มแท้ๆ
แต่ตอนนี้ กลับลงมีดกับร่างครูใหญ่ตรงหน้าอย่างใจเย็น
ใบหน้าคมคายไม่หลุดรอยยิ้ม แต่ปลายนิ้วแตะเบาๆ บนหน้าจอตรงกรอบใบหน้าเธอ
“เธอกลัวเลือดคนเป็นมากกว่าเลือดคนตายสินะ” เขาพึมพำกับตัวเองเบาๆ
แกร๊ก!
ประตูห้องทำงานเปิดออก
เสิ่นจวิ้นเดินเข้ามาพร้อมกาแฟในมือ ชุดสูทเทาเข้มทรงหรู หน้าตาไม่ต่างจากนายแบบแคมเปญหรูระดับโลก ทว่าดวงตาคมดุเหมือนนักล่าในเงามืดเหลือบมองจอ
“โอ้…สาวชุดแดงเมื่อคืนนี่นา”
ไคหลงไม่ตอบ ยังคงจ้องภาพนั้นราวกับเวลาหยุดเดิน
เสิ่นจวิ้นยิ้มมุมปาก วางแก้วกาแฟลงบนโต๊ะ
“นี่มึงกำลังตามหนี้… หรือกำลังตามใจ?”
คำพูดนั้นทิ้งไว้กลางอากาศ ไคหลงหรี่ตามองภาพบนจออีกครั้งราวกับคำตอบของเขาหนักแน่นอยู่ในแววตา
“ขอบใจสำหรับคำแนะนำเรื่องกล้องวงจรปิด”
หอพักหญิงศิริบวร ชั้น 7 ห้อง 703
แกร๊ก!
มือเรียวเล็กเปิดประตู้ห้องออก เธอลากขากลับมาด้วยสภาพร่างกายและจิตใจที่ช้ำพอๆกับขาขวาที่เริ่มบวมซ้ำ ไม่แม้แต่จะเปิดไฟแค่โยนกระเป๋าทิ้งไว้ข้างโซฟา เตรียมจะล้มตัวลงบนเตียงให้โลกกลืนไป
ทว่าก่อนที่สะโพกจะถึงฟูก สายตาเหลือบไปเห็น ซองกระดาษโผล่ออกมาจากใต้ประตู
“อะไรอีกล่ะเนี่ย?” คนตัวเล็กลุกไปหยิบมันด้วยความเหนื่อยหน่าย กระดาษสีครีมพับเรียบอยู่ในซองสีเทาเข้ม ไม่มีชื่อผู้ส่ง ไม่มีตรา ไม่มีโลโก้ แต่พอเปิดออก...ก็ทำเอาขนหลังลุกซู่
ชื่อที่พิมพ์อยู่บรรทัดแรก “Fenglan Group Holdings”
ในซองนั้น มีเอกสาร 3 แผ่น ดาหวันหยิบขึ้นมาทีละแผ่น อ่านช้าๆ แต่หัวใจเต้นแรงขึ้นเรื่อยๆ
[แผ่นที่ 1] หนังสือยินยอมให้ความร่วมมือในกระบวนการผ่อนชำระหนี้สิน โดยไม่ใช้กระบวนการทางกฎหมาย
ชื่อบริษัท : Fenglan Group
ผู้รับผิดชอบ : เฟิงหลาน ไคหลง
ลายเซ็นตัวบรรจง มีตราประทับจางสีเทาเงินแนบ
[แผ่นที่ 2] ตารางเวลาการทำงานพาร์ตไทม์
ตำแหน่งที่ 1 : พนักงานแม่บ้าน - อาคารสำนักงานชั้นล่าง (จันทร์, พฤหัส)
ตำแหน่งที่ 2: เจ้าหน้าที่ธุรการ - ฝ่ายเอกสาร (อังคาร, ศุกร์)
ตำแหน่งที่ 3: ผู้ช่วยส่วนตัว - ห้องผู้บริหารชั้น 38 (เฉพาะวันพุธ และ “เมื่อจำเป็น”)
.....
...
“ไอ้ห่---!!” เสียงเธอตะโกนลั่นห้อง ดังพอจนห้องข้างๆต้องมีมาเคาะผนังเตือน
“บ้าเอ๊ย! ฉันกลายเป็นลูกหนี้หรือเป็นทาสกันแน่!!?”
เธอขยุ้มกระดาษแน่นในมือ เหงื่อซึมฝ่ามือ สมองพยายามหาข้อโต้แย้งแบบกฎหมาย แต่ชื่อบนเอกสารมันคือชื่อของเขา เฟิงหลาน ไคหลง คนที่ไม่ได้พูดขู่ แต่กลับทำให้เธอรู้สึกเหมือนโดนขังได้โดยที่ยังไม่เห้นหน้า
คนตัวเล็กเดินวนอยู่ในห้องเหมือนคนจะบ้า กระดาษฟอร์มยังถือคาอยู่ในมือ
“แม่บ้าน? ธุรการ? ช่วยผู้บริหาร??”
“อะไรคือ ‘เมื่อจำเป็น’ นั่นหมายความว่ายังไง...!?”
มือเรียวเล็กอยากขยำทิ้ง แต่กระดาษดันมี QR Code พร้อมลิงก์แบบฟอร์มที่เขียนชัดเจน
"หากคุณไม่ตอบรับใน 24 ชม. ทางเราจะดำเนินการตามขั้นตอนกฎหมายตามสัญญาหนี้เดิม"