“ฮาวว~”ฉันหาวออกมาเป็นรอบที่ล้านแปดเหตุเกิดจากเมื่อคืนพอไอบ้านั่นรู้ว่าฉันมีการบ้านต้องกลับไปทำก็เลยแกล้งฉันเอาแต่ทำผิดที่เดิมซ้ำๆดึงเวลาจนดึกดื่นนี่ถ้าฉันไม่ขอร้องอ้อนวอนเขาดีๆเขาก็คงไม่ปล่อยฉันออกมาหรอก
กว่าจะได้กลับมาทำการบ้านก็ห้าทุ่มกว่าแล้วทำเสร็จก็เกือบตีสองแถมวันนี้ฉันยังมีเรียนเช้าอีกเลยได้นอนแค่ไม่กี่ชั่วโมงตี4ก็ตื่นมาช่วยป้าเตรียมทำอาหารเช้าให้เจ้าของบ้านสรุปเลยว่าฉันได้นอนจริงๆยังไม่ถึงสองชั่วโมงเลยด้วยซ้ำ
วันนี้อย่าได้เสนอหน้ามาให้ฉันเห็นเชียวไม่งั้นฉันจะ
ปรื๊ดดดด!!
“แว๊กก!!”ฉันร้องออกมาด้วยความตกใจตัวพุ่งหลบข้างทางอัตโนมัติฉันมองเส้นขอบถนนด้วยความหัวเสียเพราะตัวฉันก็ไม่ได้ไปเดินขวางรถใครเสียหน่อยทำไมต้องมาบีบแตรใส่ฉันแบบนี้ด้วย!
“นี่ยัยเฉิ่ม”เสียงเรียกอันคุ้นเคยดังขึ้นฉันเลยหันไปมองไอตาบ้าเซฟที่ลดกระจกทักทายฉันด้วยใบหน้ายิ้มแย้ม
เหอะดูอารมณ์ดีเหลือเกินนะดูท่าจะกินอิ่มนอนหลับได้อย่างเต็มที่เลยสิ
“นายเป็นบ้าอะไรมาบีบแตรใส่ฉันเพื่อ!”ฉันถามออกไปด้วยความโมโหเมื่อกี้ฉันตกใจมากจริงๆนะยิ่งเป็นคนขวัญอ่อนอยู่ด้วย
“เป็นคนหล่อ”แล้วดูสิ่งที่เขาตอบกลับมาสิมันกวนตีนดีไหมล่ะ
“ขึ้นมา”
“ไม่!”ฉันเอ่ยปฏิเสธก่อนจะเดินต่ออีกไม่กี่ร้อยเมตรก็จะเป็นป้ายรถเมล์แล้ว
“เดี๋ยวไปส่งขึ้นมา”ไอตาบ้านี่ก็ขับตามฉันไม่หยุดเขาจะรู้ไหมว่าตอนนี้กำลังมีรถตามหลังเขาอยู่กี่คัน!
“ไม่!นายจะไปไหนก็ไปเถอะฉันไปของฉันเองได้”ฉันเอ่ยบอกอย่างหงุดหงิดนึกถึงเรื่องเมื่อวานที่เขาแกล้งฉันก็พาลจะหงุดหงิดขึ้นกว่าเดิมอีก
“ก็จะไปมหาลัยไง เธอก็จะไปไม่ใช่ไงได้นั่งรถแอร์เย็นๆไม่ต้องเบียดใครไม่ชอบรึไงห๊ะ”
“ไม่ชอบ!”
“นี่ยัยเฉิ่ม! ยัยแว่น! ยัยข้าวบูด เห้ยยย!!”ฉันเอามือปิดหูก่อนจะกึ่งเดินกึ่งวิ่งมายังป้ายรถเมล์แน่นอนว่ารถเมล์ตอนเช้านี่นรกสุดๆทั้งคนเบียดทั้งรถติดแถมยังร้อนจนเหงื่อไหลถึงตีน
แต่ถ้าให้เลือกนั่งรถเมล์กับรถหรูๆของเขาฉันยอมทนนั่งรถเมล์ดีกว่าอีกเพราะเคยลองนั่งไปครั้งนึงเหมือนว่าตัวเองจะเห็นพระเจ้ามาเก็บดวงวิญญาณตลอดเลยอ่ะทั้งขับเร็วขับปาดไปปาดมาเรียกได้ว่าขยะบนท้องถนนเลยก็ว่าได้
แถมพอถึงมหาลัยคนก็มองกันตรึมก็นะยัยเฉิ่มอย่างฉันลงมาจากรถหรูสองประตูแบบนั้นใครบ้างจะไม่สนใจดีเท่าไหร่แล้วที่กระจกมันเป็นกระจกดำคนอื่นมองไม่เห็น
ถ้าเห็นว่าใครเป็นคนขับมาส่งด้วยนี่มหาลัยระเบิดแน่นอนหน้าฉันคงเด่นหล่าอยู่ในเพจหรือกลุ่มมหาลัยแน่ๆว่าเป็นใครทำไมถึงมากับเทพบุตรของมหาลัยอะไรแบบนี้ไอบ้านั่นมันดังมากนะที่มหาลัยก็นะทั้งหล่อทั้งสูงภายนอกนี่สวรรค์ส่งมาเกิดชัดๆแต่ภายในนี่สินรกดีๆนี่เอง
“อ๊ะรถเมล์มาพอดี”ฉันยิ้มกว้างออกมาในตอนที่กำลังหงุดหงิดสุดๆกลับมีเรื่องดีเกิดขึ้นนั่นก็คือการที่มาถึงป้ายแล้วรถเมล์ที่จะขึ้นดันมาพอดีนี่ยังไงล่ะ!แต่ทว่า
“ชิดในหน่อยเพ้! ชิดในหน่อย”
แน่นมาก! แน่นชนิดที่ว่าบางคนต้องยืนตรงทางขึ้นทางลงเลยแหะงั้นรอบนี้ฉันขอไม่ไปก่อนแล้วกันไว้รอคันถัดไปก็ได้หลังจากที่รถเมล์ออกไปฉันก็หยิบมือถือขึ้นมาเช็กดูว่าคันถัดไปจะมาอีกตอนไหนแต่ว่ามัน..
ไม่มี! คันนั้นเป็นคันสุดท้ายที่วิ่งอยู่! โอ้มายก้อดฮื่ออรู้งี้ฉันน่าจะขึ้นไปแต่แรกก็ดีต่อให้มันเบียดจนหน้าแนบประตูก็ตามเถอะแล้วทำไงทีนี้ไม่มีรถก็คงต้องขึ้นแท็กซี่แต่มันก็น่าจะแพงมากเลยไม่ใช่เหรอ
“อ๊ะไอบ้าเซฟ”จู่ๆฉันก็คิดถึงไอบ้าเซฟขึ้นมาไม่รู้ว่าป่านนี้จะไปไกลรึยังแต่ก็ลองๆโทรดูก่อนดีกว่าต้องนั่งแท็กซี่ให้เปลืองตังละนะ
Rrrr
(อะไร) น้ำเสียงท้วนๆเอ่ยขึ้น
“นายอยู่ไหน”
(ทำไม)
“ฉันจะขอติดรถไปด้วย”
(เหอะ แล้วตอนบอกให้ขึ้นทำไมไม่ขึ้น) ฉันบู้ปากฟังคำบ่นของอีกฝ่ายใครจะรู้ว่ารถเมล์คนนั้นเป็นคันสุดท้ายแล้ว
“ถ้าจะบ่นเยอะยาวขนาดนี้ฉันนั่งแท็กซี่ไปเองก็ได้!”ฉันเอ่ยบอกไม่น่าโทรหาเขาเล้ยโทรไปหาไอตาบ้านี่บ่นซะงั้น
(เดินมา)
“ฮือ?”
(จอดรออยู่ปั้มน้ำมัน)
“จริงอ่ะไชโย!”
(ถ้าเกิน5นาทีฉันไปไม่รอแล้วนะ)
“ห๊ะ?เดี๋ยวสิปั้มมันก็อยู่กะ..”
ติ๊ด!
กรี๊ดไอบ้าเซฟ! นี่ฉันได้แต่กรีดร้องในใจก่อนจะสับตีนแตกวิ่งไปยังปั้มน้ำมันก็อยู่ไม่ไกลก็จริงแต่มันก็ไม่ได้ใกล้เลยสักนิด!
“อ๊ะเห็นแล้ว”ฉันร้องขึ้นอย่างดีใจเมื่อเห็นรถของไอบ้าเซฟยังจอดรออยู่ฉันพาร่างอันหอบแฮ่กๆของตัวเองเปิดประตูเข้าไปนั่งก่อนจะหอบหายใจอย่างบ้าคลั่ง
“น้ำ”
“ขะขอบใจ”ฉันรีบคว้าน้ำมาดื่มรวดเดียวหมดทันทีจากร้อนๆพอได้เข้ามาอยู่ในรถที่แอร์เย็นฉ่ำแถมยังได้กินน้ำเย็นๆนี่มันฟินจริงๆหลังจากนั้นรถก็เริ่มเคลื่อนตัวออกสู่ท้องถนนในระหว่างทางฉันก็ยังนั่งหอบอยู่ส่วนไอบ้าเซฟก็อารมณ์ดีจากไหนไม่รู้นั่งร้องเพลงเสียงนี่ก็โคตรจะดีเลย
ปกติคนหล่อต้องร้องเพลงเพราะทุกคนเลยรึไงกัน-.-
“เพราะอ่ะดิ”เจ้าตัวพูดขึ้นอย่างภาคภูมิใจ
“อืมเพราะ..เพราะอะไรถึงร้องอ่ะ”
“จิ๊ยัยนี่”ฉันหัวเราะในใจมองใบหน้าหล่อที่ทำหน้าไม่สบอารมณ์ใส่ฉันถึงเซฟจะอายุเยอะกว่าฉัน3ปีแต่ฉันไม่เคยนับถือเขาเป็นพี่เลยสักครั้งก็ดูสภาพสิน่านับถือตรงไหนก่อนแต่เจ้าตัวก็ไม่ได้ดูไม่พอใจนะที่ฉันพูดเป็นกันเองกับเขาแบบนั้นตอนนี้ก็เลยชินกับการพูดเป็นกันเองแบบนี้ไปแล้ว
Rrrr
ฉันมองมือถือที่มีสายเข้าก่อนจะฉีกยิ้มกว้างและรีบกดรับทันที
“ดีค่ะพี่มอส”ใบหน้าหล่อทำหน้าอี๋ๆใส่ฉันที่พูดกับปลายสายเสียงสอง
“อ๋อพอดีติดรถเพื่อนมาค่ะ..ได้ค่ะไว้เจอกันที่มหาลัยนะคะ”ฉันยิ้มเขินก่อนจะกดตัดสายไป
“ใคร?”
“ยุ่ง”
“ฉันถามว่าใคร”จู่ๆไอตาบ้านี่มันก็ยื่นหน้าเข้ามาใกล้ๆหน้าตาเขาดูหงุดหงิดมากเลยแหะ
“ฟะแฟนฉันเอง..”ฉันตอบกลับด้วยท่าทีเขินอายและใช่พี่มอสเป็นแฟนฉันเองเราพึ่งเริ่มคบกันได้ไม่นานมานี้ฉันเองก็ไม่คิดว่าในชีวิตนี้จะได้มีแฟนกับเขาหรอกนะเพราะสภาพฉันมันก็ไม่ได้ดูโดดเด่นเป็นสเป็กผู้ชายเท่าไหร่
แต่พี่มอสนี่สิจู่ๆก็เข้ามาจีบฉันตอนที่ฉันนั่งอ่านหนังสือเงียบๆอยู่ใต้ต้นไม้ใหญ่ตอนแรกก็คิดว่าเขาคงจะเข้ามาจีบเล่นๆแต่เขาดูจริงจังมากจนฉันก็เริ่มเปิดใจเราเริ่มจากการพูดคุยกันก่อนจะนัดมาเจอกันถ้าวันไหนเรียนตรงกันอ่ะนะ
อ๋อพี่มอสเขาเรียนอยู่คณะวิศวะด้วยปี4เหมือนเซฟเลยบางทีเขาเองก็อาจจะรู้จักพี่มอสเหมือนกันนะ
“ห๊ะแฟน!?..คนอย่างเธอเนี่ยนะมีแฟน?”เซฟพูดขึ้นด้วยความตกใจแต่เหมือนล้อเลียนฉันมากกว่าอีก
“คนอย่างฉันมันทำไมห๊ะ?”ฉันสวนกลับฉันก็แค่ดูบ้านๆแต่ฉันก็นิสัยดีจะตายไปผู้ชายที่ไหนจะไม่ชอบผู้หญิงนิสัยดีกัน
“เหอะอยากให้พูดจริงดิ”ใบหน้าหล่อหันมาบอกฉันซึ่งฉันก็หงุดหงิดขึ้นมาอีกครั้งอยู่กับเขาทีไรฉันปวดหัวไม่ก็อารมณ์ไม่ดีตลอดเลยแหะ
“ถามจริง..มีแฟนจริงดิ?”
“อืม”
“ไม่อยากจะเชื่อ..มันมีผู้ชายตาถั่วคนไหนเอาเธอด้วยเหรอวะ”
“นี่มันจะมากเกินไปแล้วนะ!”ฉันโพล่งออกไปด้วยความโมโหโชคดีจริงๆเล้ยที่พี่มอสไม่ได้มีนิสัยเลวทรามต่ำช้าเหมือนไอหมอนี่
“โทษทีๆ”เซฟเอ่ยขอโทษออกมาเขาก็คงจะรู้ตัวแหละว่าคงพูดไม่ดีกับฉันหลังจากนั้นเราสองคนก็เงียบกันมาตลอดทางเซฟที่ตอนแรกร้องเพลงอย่างอารมณ์ดีก็เงียบไม่พูดจาใดๆจนกระทั่งรถหรูขับเข้ามายังมหาลัย
“เดี๋ยวส่งฉันลงตรงนี้ก็ได้”ฉันพูดก่อนจะชี้ไปที่ทางเข้าก่อนเข้าโรงรถ
“ทำไม เดี๋ยวขับไปส่งที่คณะ”
“ไม่เอามันสะดุดตาเกินไป”ฉันเอ่ยบอกเจ้าตัวก็ตามใจฉันจอดให้ฉันลงทันที
“ยังไงก็ขอบใจนะที่มาส่ง”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนจะลงจากรถแต่ทว่ามือหนาก็มารั้งแขนฉันเอาไว้จนฉันต้องหันกลับไปมองเขา
“เลี้ยงข้าวด้วย”
“ห๊ะ?”
“เลี้ยงข้าวไงตอนเที่ยงตอนเย็นตอนไหนก็ได้แต่เลี้ยงฉันด้วย”
“เดี๋ยวนะ?นายให้ฉันที่เป็นลูกจ้างเลี้ยงข้าวนายที่เป็นนายจ้างเนี่ยนะ!?”ฉันขมวดคิ้วถามเขาลำพังเงินที่ได้จากการช่วยงานแทบจะติดลบแล้วฉันจะเอาเงินจากไหนมาเลี้ยงข้าวคุณชายผู้สูงส่งคนนี้กัน
“จะข้าวไข่เจียวไข่ดาวไข้ต้มอะไรก็ได้ไง”ใบหน้าหล่อพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังแต่เอาก็เอาเถอะอย่างน้อยก็ถือว่าเป็นการตอบแทนที่เขาช่วยให้ฉันมามหาลัยทันคาบเรียนตอนเช้าก็แล้วกัน
“ก็ได้งั้นเดี๋ยวทักข้อความไปบอกก็แล้วกัน”ฉันเอ่ยขึ้นก่อนจะจับมือเขาให้ออกจากแขนของฉัน
“เดินดีๆล่ะยัยเฉิ่มใส่แว่นแล้วก็หัดมองทางบ้างไม่ใช่สะดุดล้มหน้าคมำเหมือนครั้งที่แล้วอีก”ฉันจิ๊ปากอย่างหงุดหงิดมองเซฟที่ลดกระจกมาโบกมือลาฉันอย่างอารมณ์ดีก่อนจะขับเข้าไปในโรงรถ
จะว่าไปฉันก็อายเหมือนกันแหะทั้งๆที่ใส่แว่นสายตาแท้ๆแต่ดันมองไม่เห็นว่ามีแผ่นปูนที่มันไม่เท่ากันอยู่สุดท้ายก็เลยสะดุดล้มหน้าคมำอับอายชาวบ้านชาวช่องแถมยังมาล้มตรงหน้าคณะวิศวะที่มีแต่ผู้ชายหล่อๆอีก
และไงคะไอคนที่เข้ามาช่วยไม่สิเข้ามาสมน้ำหน้าฉันคนแรกก็ไอบ้าเซฟนี่แหละไม่ช่วยพยุงแถมยังหัวเราะลั่นจนเพื่อนๆงงว่าไอบ้านี่มันหัวเราะสะใจอะไรขนาดนั้นสุดท้ายด้วยความอับอายฉันก็เลยวิ่งออกมาเลยแม้ว่าหัวเข่าฉันจะมีเลือดไหลก็ตาม
พอกลับมาถึงบ้านไอบ้าเซฟก็ยังมาล้อฉันไม่หยุดหาว่าเดินสะดุดล้มเหมือนเด็กสามขวบก็ไม่ปานจนฉันต้องหลบหน้าเขาไปสักพักใหญ่เลยแหละ
คิดแล้วก็ได้แต่โมโหผู้ชายหยาบคายแบบนั้นทำไมถึงมีแต่คนเข้ามาให้ความรักกันนะแต่ก็ช่างมันเถอะเพราะตอนนี้ฉันเองก็มีคนที่เข้ามาให้ความรักแล้วเหมือนกันว่าแล้วก็รีบไปหาพี่มอสดีกว่า><
หึง พูดแบบนี้นะคะคุณเซฟ พูดเร็ว หึง