ตอนที่ 7 กลับมาเจอกันอีกครั้ง

1917 คำ
“ดูสิ ลูกแกหน้าเหมือนฉันมากเลย น่ารักที่สุด หลานป้า” หลังจากวันแต่งงานของอลิษากับคิริวเพียงแค่วันเดียว มัสยาก็คลอดลูกชายตัวจ้ำม่ำ สามีภรรยาข้าวใหม่ปลามันจึงเลื่อนทริปฮันนีมูนไปก่อนเพื่อมาช่วยเลี้ยงหลาน คุณป้ายังสาวจำต้องขี้ตู่ว่าหลานชายที่นอนตาแป๋วอยู่ในเตียงนอนเด็กนั้นหน้าเหมือนตัวเองด้วยกลัวว่าเพื่อนรักจะสะเทือนใจคิดถึงความผิดพลาดที่เคยเกิดขึ้น เพราะใบหน้ากลมป้อมนั้นทุกสัดส่วนไม่มีส่วนใดเหมือนมัสยาเลย ดันกระเดียดไปทางสายฟ้าจนเหมือนกันราวกับฝาแฝด นี่สินะที่เขาเรียกว่า DNA อยู่บนใบหน้า แต่เปล่าเลยสักนิด เมื่อคนเข้มแข็งยอมรับความจริงได้ดีอย่างไม่น่าเชื่อ “จะไปเหมือนแกได้ไง แกเบ่งเจ้าอ้วนนี่ออกมาเหรอ ขนาดฉันเบ่งออกมาเจ็บแทบตาย ยังไม่มีอะไรเหมือนฉันสักนิด ไปเหมือนหมอนั่นหมดแม้กระทั่งเพศ ไม่ยุติธรรมเลย” อลิษาหันไปส่งยิ้มแหยกับสามี พยายามแล้วที่จะเบี่ยงเบนความสนใจของเพื่อนรัก แต่มันก็ไม่ได้ง่ายดายแบบนั้นเมื่อหลักฐานทุกอย่างก็เห็นกันอยู่ทนโท่ “เออน่า แต่ยังไงต้าวอ้วนนี่ก็เป็นของแกนะ ของแกคนเดียว ไม่ได้แบ่งใคร ยกเว้นฉันกับริว” “ขอบใจแกมากนะลิซ นายด้วยนะริว ขอบคุณมาก ๆ ที่ช่วยเหลือฉันกับลูกทุกอย่าง” “คิดมากน่าเมี่ยง เธอเป็นเพื่อนรักเมียฉัน ก็ต้องเป็นเพื่อนฉันเหมือนกัน ยังไงก็ต้องดูแลช่วยเหลือกันสิ” มัสยาส่งยิ้มให้เพื่อนรักอย่างซึ้งใจ เพราะหลังจากวันที่เจ้าตัวอ้วนลืมตาออกมาดูโลก ความบันเทิงก็เกิดขึ้นกับคุณแม่มือใหม่ทันที สองคนนี้สละเวลามาช่วยเลี้ยงเด็กผู้ชายซึ่งพยศออกฤทธิ์ออกเดชตั้งแต่อยู่ในท้องของเธอแล้ว และตอนนี้ก็แผดเสียงร้องไห้จ้าจนแสบแก้วหู ทำเอาสามีภรรยาป้ายแดงวิ่งวุ่น “โอ๋ ๆ ๆ ลุงอยู่นี่แล้ว รอป้าอลิซเดี๋ยวสิครับ กำลังชงนมอยู่ ใจเย็น ๆ ลูก” คนตัวอ้วนกลมร้องไห้จ้าด้วยความขัดใจ เมื่อตอนนี้ท้องหิวแล้ว อย่างไรก็ต้องได้กินทันที เสียงแผดร้องทำเอาผู้เป็นแม่นั่งไม่ติด เธอถูกกักตัวอยู่ในห้องนอนห้ามเข้ามาใกล้เตียงของลูกชายเกินสามเมตรเพราะเป็นไข้หวัด สามีภรรยาป้ายแดงจึงอาสามาเลี้ยงคนตัวอ้วนให้ แต่แค่เพียงครึ่งวันเท่านั้นก็แทบเอาไม่อยู่แล้ว “ที่รัก หลานร้องใหญ่แล้ว ทำไงดี” “อีกนิดที่รัก ลิซตวงนมผิด ขอชงใหม่อีกรอบค่ะ ริวหาอะไรให้หลานดูดก่อนนะ” วันนี้เด็กกินจุไม่ได้เข้าเต้า ด้วยกลัวว่าจะติดไข้จากคนเป็นแม่ ทั้งคิดถึงแม่ ทั้งหงุดหงิดที่ไม่ได้กินทันใจ จึงใช้มือปัดทุกอย่างทิ้ง “ไหวไหม ริว ลิซ ให้ฉันออกไปให้นมลูกดีไหม ร้องแบบนี้เดี๋ยวข้างห้องด่าพอดี” แม้อลิซและคิริวจะบังคับให้มัสยาย้ายออกมาอยู่ที่คอนโดมิเนียมซึ่งเป็นหนึ่งในสวัสดิการของพนักงานผู้ควบตำแหน่งเพื่อนรักภรรยา แต่เสียงแผดร้องดังลั่นอย่างเด็กเอาแต่ใจก็คงเล็ดลอดออกไปรบกวนเพื่อนบ้านไม่น้อย “ไหว อีกนิด แกอดทนก่อนเมี่ยง ฉันชงนมใกล้เสร็จแล้ว” ยิ่งรีบคุณป้าผู้กำลังเรียนรู้วิถีชีวิตแม่ยิ่งลนลาน หยิบจับอะไรก็หลุดมือ และล่าสุดน้ำต้มสุกซึ่งใส่กระติกน้ำเอาไว้ได้หกหมดแล้ว “ว้าย น้ำหกหมดแล้ว ทำไงดี” ความโกลาหลและเสียงแหกปากของเจ้าตัวเล็กทำเอาคิริวปวดหัว จะให้เป็นแบบนี้ต่อไปไม่ได้จึงเลิกเสื้อตัวเองขึ้นแล้วจับเจ้าตัวอ้วนเข้าเต้าเลียนแบบมัสยา และมันก็ได้ผลเมื่อคนตัวอ้วนจอมตะกละดูดนมเขาเสียงดังจ๊วบจ๊าบ ส่งผลให้เจ้าตัวหัวเราะออกมาอย่างจั๊กจี้สุดจะทน “ริว ทำอะไรคะ” “เด็กติดเต้า ฮ่า ๆ ๆ จั๊กจี้อะ” มัสยาเปิดประตูออกมาทันได้เห็นภาพคุณลุงรูปหล่อเอาหลานเข้าเต้า แต่เพียงครู่เดียวเมื่อดูดอย่างไรก็ไม่มีน้ำนมออกมา ปากเล็ก ๆ นั่นก็ร้องไห้จ้าอีกครั้ง “ฉันให้นมลูกเองดีกว่า ฉันดีขึ้นมากแล้ว ไม่งั้นเจ้าตะกละนี่ไม่หยุดร้องแน่ ๆ” มัสยาเดินมารับลูกชายตัวอ้วนแล้วเดินหายเข้าไปในห้องนอน ไม่นานเสียงร้องไห้จ้านั้นก็เงียบลงไป พร้อมกับการหันมามองหน้าแล้วถอนหายใจพร้อมกันของสามีภรรยาข้าวใหม่ปลามัน “ริว ลิซกินยาคุมทันไหมคะ” “ไม่ทันแล้วที่รัก ผมใส่ลิซเต็มแม็กซ์ไปแล้ว” ผัวเมียป้ายแดงมองหน้ากันด้วยความทดท้อ ก่อนจะถอนหายใจพร้อมกันอีกครั้ง การที่มีอีกหนึ่งชีวิตเกิดขึ้นมามันไม่ง่ายเลยตั้งแต่วันแรกที่เขาลืมตาดูโลก อิสระและความสบายก็หายไป แต่อย่างน้อย ชีวิตเล็ก ๆ นั้นก็ทำให้หัวใจทุกดวงอบอุ่นและมีความสุข คือโซ่ทองคล้องใจของทุกคนไว้ และเธอกับเขาก็อยากมีโซ่ทองที่เกิดจากเลือดเนื้อเชื้อไขของตัวเอง เพราะฉะนั้นความเหน็ดเหนื่อยเพียงแค่นี้ อย่างไรก็ต้องผ่านมันไปได้อยู่แล้ว มัสยามองสบตากับลูกรัก เธอส่งยิ้มละมุนให้ ใบหน้ากลมป้อมขาวผ่อง ดวงตารีเล็กเหมือนคนเป็นพ่อทุกกระเบียดนิ้วมองหน้าแม่พร้อมส่งเสียงครางฮือในลำคออย่างอารมณ์ดีที่ได้กินของถูกใจ แม้การเห็นหน้าลูกราวกับเห็นหน้าผู้ชายคนนั้นทุกวัน แต่หัวใจที่เคยแห้งแล้งห่อเหี่ยวกลับอบอุ่นสุขใจ ถ้าย้อนเวลากลับไปได้ เธอก็อยากให้มีเหตุการณ์ในคืนนั้นเกิดขึ้นอยู่ดี เพราะเธอได้ของขวัญปลอบใจที่มีค่ามากที่สุดในชีวิตมาจากผู้ชายร้ายกาจคนนั้น และของขวัญชิ้นนี้ก็ช่วยปลอบประโลมให้เธอมีแรงหายใจในทุกวัน “แม่รักลูกนะครับ” หลังจากวันนั้นก็ผ่านมาเกือบเดือนแล้ว สายฟ้ายังคงมาดักรอมัสยาที่หน้าบริษัทอยู่บ่อยครั้ง แม้จะไม่มีโอกาสได้เจอเธอเลยก็ตาม สุดท้ายก็ทนไม่ไหว ต้องไปถามประชาสัมพันธ์ทั้งที่ไม่อยากให้เธอรู้ตัวก่อนแท้ ๆ ว่าเขามาหา “น้องเมี่ยงลาคลอดค่ะ” “คลอดแล้วเหรอครับ” ดวงตาวิบวับล้อแสงแสดงออกถึงความสุข อยากเห็นเหลือเกินว่าเลือดเนื้อเชื้อไขของเขาที่ไม่เคยรับรู้มาก่อนว่ามีตัวตนอยู่บนโลกจะหน้าตาเป็นอย่างไร เสียดายอย่างยิ่งที่ไม่ได้เห็นการเจริญเติบโตของลูกตั้งแต่ในครรภ์ เขาไม่ได้ทำหน้าที่พ่อหรือแม้แต่หน้าที่สามี ปล่อยให้ผู้หญิงตัวเล็ก ๆ ที่เป็นกำพร้าต้องต่อสู้ดิ้นรนกับความยากลำบากตามลำพัง ทั้งที่เขาเป็นต้นเหตุให้เธอต้องพบเจอกับความลำบากนั้นแท้ ๆ “ค่ะ เกือบเดือนแล้วค่ะ” เขาน่าจะเอะใจตั้งแต่แรก เพราะหลายครั้งที่โดดงานมานั่งรอจนพนักงานทุกคนกลับออกจากบริษัทจนหมด ก็ยังไม่เห็นเธอแม้เพียงเงา ป่านนี้ลูกของเขาจะตัวโตแค่ไหนแล้วนะ แค่คิดถึงหัวใจก็อบอุ่นอย่างประหลาด “เอ่อ แล้วอลิซล่ะครับ มาทำงานหรือเปล่า” ในเมื่อไม่สามารถเจอเธอได้อย่างต่ำก็อีกสองเดือน ทางเดียวที่จะรู้ข้อมูลก็คงไม่พ้นอลิษา “คุณอลิซกับคุณคิริวไปฮันนีมูนค่ะ เพิ่งไปเมื่อวันก่อนเอง เห็นว่าก่อนหน้านี้ช่วยน้องเมี่ยงเลี้ยงลูกค่ะ เลยเพิ่งได้ไป กว่าจะกลับก็คงอีกสองอาทิตย์ค่ะ” ความหวังสุดท้ายริบหรี่ลง แต่จะให้เขารออีกสองอาทิตย์กว่าจะได้เจออลิษาคงไม่ไหว ในเมื่อตอนนี้หัวใจมันอยากจะบินไปหาสองแม่ลูกจนใจจะขาดแล้ว “ผมขอที่อยู่ของเมี่ยงได้ไหมครับ ผมเป็นเพื่อนเขา” สายตาไม่ไว้วางใจของประชาสัมพันธ์สาวทำให้เขาต้องส่งนามบัตรให้ ชื่อและนามสกุลของเขาที่เริ่มมีตามหน้าสื่อให้เห็นทำให้พนักงานสาวคนนั้นหาข้อมูลที่อยู่ของมัสยาให้อย่างรวดเร็ว และในที่สุด เขาก็มายืนอยู่ที่หน้าห้องพักของมัสยาแล้ว มือใหญ่สั่นเทายกขึ้นหลายครั้ง แต่ความลังเลก็ทำให้เขาลดมือลงทุกครั้งไป ก่อนจะกัดฟันรัวมือลงไปยังประตูบานนั้นสามครั้ง กลั้นใจรอไม่นาน แต่ความรู้สึกเหมือนมันยาวนานชั่วกัปชั่วกัลป์ มัสยาที่กำลังชงนมให้ลูกชายเพิ่มเพราะเธอมีน้ำนมให้ลูกไม่เพียงพอชะงักมือ หันมองบานประตูแล้วอมยิ้ม ห้องของเธอนอกจากอลิษากับคิริว ก็ไม่เคยมีใครได้มาเหยียบ เพราะฉะนั้นไม่ต้องสงสัย ว่าหลังบานประตูจะเป็นใคร ถ้าไม่ใช่เพื่อนรักที่คงจะเลื่อนทริปฮันนีมูนเพราะเป็นห่วงเธอกับลูกชายเกินไปอีกแล้ว “ลิซ ไหนว่าไปฮันนีมูนแล้ว...ไง...” ดวงตากลมรีราวเมล็ดอัลมอนด์เบิกกว้างตกใจ ไม่คิดฝันมาก่อนว่าผู้ชายที่ไม่อยากจะเห็นหน้าที่สุดในชีวิต คนที่เธอพยายามอย่างยิ่งที่จะฝังกลบความทรงจำอันเลวร้ายให้จมดินแต่ก็ไม่อาจทำได้เลยสักครั้ง บัดนี้ เขามายืนอยู่ต่อหน้าเธอแล้ว “นะ นาย...” กว่าจะหาเสียงของตัวเองเจอก็นานหลายอึดใจ เธอยังคงอยู่ในสภาพช็อก เบิกตาค้าง น้ำตามากมายเอ่อรื้นคลอหน่วย แววตาระริกไหว ตัวสั่นสะท้านจนน่าสงสาร “เมี่ยง...” ไม่ต่างจากเขาเช่นกัน นานเหลือเกินที่เขาต้องจมอยู่กับความโหยหา การเจอหน้าเธอครั้งแรกหลังจากเรื่องราวคืนนั้นผ่านพ้นมาทำให้หัวใจที่เคยเหี่ยวเฉาราวกับต้นไม้ขาดน้ำมันเต้นกระหน่ำสะท้อนในอกจนปวดหนึบ ดวงตาเรียวกวาดมองเรือนร่างบอบบางในชุดเดรสสายเดี่ยวแบบใส่อยู่บ้าน ร่างกายของเธอแทบไม่หลงเหลือไขมันส่วนเกินเหมือนเมื่อก่อนไม่มีผิด ถ้าไม่เห็นกับตาว่าเธอท้อง เขาไม่มีทางเชื่อแน่นอน มือเล็กผลักประตูปิดทันทีที่ได้สติ แต่เขากลับยกมือขึ้นขวางได้ทันแล้วใช้ความว่องไวแทรกตัวเข้าไปในห้อง ก่อนจะปิดประตูล็อกกลอนท่ามกลางความตกตะลึงจนตัวชาวาบของอีกคน “นายเข้ามาทำไม ออกไปนะ” “เธอไม่คิดจะบอกกันสักนิดเลยเหรอเมี่ยง” เขาไม่ตอบ แต่สวนคำถามกลับไปทันควัน “ระ เรื่องอะไร ฉันไม่เข้าใจ” มือเล็กกำแน่น พยายามปรับลมหายใจให้เป็นปกติ ทั้งที่หอบกระชั้นจนตัวโยนด้วยความกลัว “ไม่เข้าใจงั้นเหรอ เรื่องลูก เธอคิดจะปิดบังฉันไปถึงไหน” “ลูกอะไร นายเอาอะไรมาพูด ฉันไม่เคยมีลูก” ดวงตากลมรีฉายแววตื่นกลัวจนเห็นได้ชัด แต่ถึงกระนั้นสัญชาตญาณของคนเป็นแม่ก็ต้องปกป้องลูกรักเท่าชีวิต “ฉันรู้ความจริงหมดแล้ว เธอท้องทำไมไม่บอกฉัน ลูกทั้งคนทำไมไม่ให้ฉันรับผิดชอบ” “ก็บอกว่าไม่รู้เรื่องไง ออกไปเดี๋ยวนี้” มัสยาตวาดเสียงดังอย่างเหลืออด ความกดดันที่อัดอั้นมานานมันระเบิดออกพร้อมน้ำตาอาบแก้ม
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม