EP2 ‘ทางเลือก’
"พวกมึงว่าจ้านมันจะเป็นยังไงบ้างวะ"
แก้มหันมาถามเพื่อนหลังจากที่จัสมินตามจัดจ้านออกไป ถึงไม่เคยพูดออกมาแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าจัดจ้านคิดเกินกว่าเพื่อนกับจัสมิน ด้วยการกระทำและอะไรหลายๆ อย่างที่จัดจ้านแสดงออกเวลาอยู่กับจัสมินแต่เพื่อนก็เลือกที่จะไม่ถามหรือซักไซ้อะไร รอให้จัดจ้านพูดออกมาด้วยตัวเองแต่จนเรียนจบมาสองปีแล้วทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม
จัดจ้านไม่เดินหน้าแต่ก็ไม่เคยถอยห่างจากจัสมิน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่รู้จักกันแล้ว
ส่วนจัสมินเองก็ดูเหมือนจะมีใจให้จัดจ้านเหมือนกันแต่ทั้งคู่กลับไม่ทำอะไรปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานะเพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้
ตอนที่อีกคนกำลังจะแต่งงานแล้ว...
"พังแน่ๆ กูว่ามันพัง"
"หน้ามันดูไม่ไหวเลยว่ะตอนที่จัสบอกจะแต่งงาน" ทศกัณฐ์กับไฟว่า จริงว่าจัดจ้านไม่เคยบอกเพื่อนว่าชอบจัสมินแต่มีครั้งหนึ่งตอนปีสามที่เขาเมาจนเผลอพูดความในใจออกมาทั้งหมดให้ไฟกับทศกัณฐ์ฟังแต่ทั้งคู่ก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้เพราะพอพวกเขาบอกให้จัดจ้านจีบจัสมินจัดจ้านก็ไม่ยอม คนเมาเอาแต่พูดว่า
'เป็นเพื่อนคงดีที่สุดแล้ว กูไม่อยากเสียจัสมินไป'
'กูกลัวทำเขาเสียใจ คนอย่างกูไม่ควรคบใครหรอก’
จัดจ้านรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนดีขนาดนั้น เจ้าชู้ ชอบเที่ยว ตามประสาผู้ชายโสด ยิ่งเขาเป็นคนเอาใจเก่งดูแลผู้หญิงดีจนสาวติดตรึม เรียกได้ว่าสมัยเรียนน่ะ 'จัดจ้าน' สมชื่อเลยล่ะเพิ่งจะมาเพลาๆ ลงตอนอยู่ปีสี่นี่เอง
"เฮ้อ ไม่รู้จะช่วยยังไงเคยบอกให้จีบจัสมินแล้วมันก็ไม่เอา"
"นั่นน่ะสิ ทั้งๆ ที่รักเขามากขนาดนี้แท้ๆ ทำไมไม่ลองจีบวะจัสมินเองก็ดูเหมือนจะมีใจให้มันเหมือนกันนะ"
"เพราะมันรักมากไงถึงเป็นแบบนี้ มึงก็รู้ว่าไอ้จ้านมันเป็นคนยังไง"
เพราะรักมากจนไม่อยากทำให้เสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว
จัดจ้านถนอมความรู้สึกของจัสมินมาก ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าถ้าเขากับจัสมินเป็นแฟนกันจริงๆ แล้วมันจะไม่พัง และเพื่อนรู้ดีว่าจัดจ้านน่ะถ้าตัดสินใจว่า 'ไม่' ก็คือไม่ เป็นคนหนักแน่นและทำตามคำพูดของตัวเองเสมอแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะทำให้คนหนักแน่นผิดคำพูดได้หรือเปล่า
"เราจะช่วยพวกมันยังไงดีวะ"
“กับจัสมินกูไม่ค่อยห่วงหรอกถ้าต้องแต่งงานจริงๆ มันคงปรับตัวได้ อยู่กับใครใครไม่ตกหลุมรักมันบ้าง แต่จัดจ้าน..."
"เละแน่ๆ พวกเราได้เห็นเสือร้องไห้ก็คราวนี้แหละ"
ทุกความสัมพันธ์คนที่รู้สึกมากกว่าต้องเสียใจมากกว่าอยู่แล้ว ถึงจะบอกว่าโอเคถ้าจัสมินจะมีแฟนหรือคบใครแต่คนขี้หวงอย่างจัดจ้านรับไม่ไหวหรอกถ้าคนที่เขารักขนาดนี้แต่งงานขึ้นมาจริงๆ
อีกเหตุผลที่ทำให้จัดจ้านไม่ตัดสินใจเดินหน้าในความสัมพันธ์นี้สักนี้ก็อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาจัสมินไม่เคยคบใครเลยก็เลยชะล่าใจไปหน่อย
จะเดินหน้าตอนนี้มันก็เหมือนจะไม่ทันแล้ว
ถ้าจัสมินแต่งงานขึ้นมาจริงๆ ยังไงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คงไม่เหมือนเดิมและเพื่อนทุกคนมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะทำให้จัดจ้าน 'พัง'
"แต่ทำไมจัสมินยอมแต่งง่ายจังวะ มึงแน่ใจเหรอแก้มว่าจัสเองก็ชอบไอ้จ้าน"
"เออดิ ถึงมันจะไม่เคยพูดแต่กูมั่นใจ เวลาอยู่กับพวกมึงมันเหมือนตอนอยู่กับจ้านมั้ยล่ะ"
ไฟกับทศกัณฐ์คิดตาม
"ก็ไม่"
ตอนอยู่กับจัดจ้านจัสมินจะอ้อนมากกว่าปกติและยอมตามใจจัดจ้านแทบจะทุกอย่าง อยู่ด้วยกันทีไรแผ่รังสีสีชมพูออกมาตลอดเคยโดนเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกันก็หลายครั้ง ทุกวันนี้ยังมีคนคิดว่าจัดจ้านกับจัสมินคบกันอยู่เลย
ทั้งๆ ที่ชอบกันแต่ทำไมต้องทำอะไรให้มันดูยากด้วยก็ไม่รู้ สมัยเรียนก็อยากจะช่วยเป็นผีผลักให้เพื่อนได้กันอยู่หรอกนะแต่เรื่องของความรู้สึกอยากให้มันมาจากการตัดสินใจของทั้งคู่มากกว่าเผื่อผลักไปแล้วไม่มันเวิร์คได้ชิบหายกลุ่มแตกกันพอดี
“เบื่อจริงๆ พวกไม่รู้ใจตัวเอง ทนไม่มาได้ยังไงตั้งหลายปีก็ไม่รู้"
"แล้วยังไงวะ เอาไงต่อเราช่วยอะไรได้บ้าง"
ทั้งสามคนขมวดคิ้วคิดไม่ตก จริงว่าแต่ก่อนไม่อยากยุ่งมากรอให้เพื่อนรู้ใจและยอมรับความรู้สึกตัวเองคิดว่าสักวันยังไงสองคนนั้นก็ลงเอยกันแน่ๆ แต่ตอนนี้ใจเย็นไม่ได้แล้วเมื่ออีกคนกำลังจะแต่งงานและความรู้สึกของอีกคนยังเหมือนเดิม ก็อยากจะลองเสี่ยงผลักดูสักครั้งเผื่อจะเปลี่ยนอะไรได้บ้าง เพราะถ้าไม่ใช่จัดจ้านก็ไม่มีใครทำให้จัสมินมีความสุขและยิ้มได้ขนาดนี้แล้ว
"กูมีแผน"
อาจจะดูยุ่งไปหน่อยแต่ลองช่วยเพื่อนดูสักครั้งเผื่อเหตุการณ์นี้จะทำให้ความรู้สึกของเพื่อนทั้งสองชัดขึ้นและเลิกหนีหัวใจตัวเองสักที...
11PM @คอนโดจัสมิน
Jasmine's Part
"ขับกลับได้แน่นะ" ฉันหันไปถามคนตัวสูงที่ขับรถมาส่งที่คอนโดในเวลาเกือบเที่ยงคืน
หลังจากที่ฉันตามจัดจ้านออกไปตอนอยู่ที่ร้านอาหารเราก็ไม่ได้กลับเข้าไปในร้านอีก จัดจ้านบอกว่าจะพาฉันไปนั่งรถเล่นหลังจากที่เราเงียบกันอยู่นานเพราะคำถามของเขา
‘เธอไม่แต่งงานกับคนอื่นได้มั้ยคะ'
ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเอาแต่มองหน้าเขานิ่งๆ ไม่รู้ว่าต้องตอบยังไงเพราะฉันไม่รู้เลยว่าจัดจ้านคิดอะไรอยู่พอเห็นฉันเงียบไปเขาถึงได้ชวนออกมานั่งรถเล่น
เราไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นกันอีกเหมือนเขารู้ว่าฉันเองก็เครียดก็เลยพยายามหาอะไรทำให้สบายใจขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าแค่นั่งรถมองถนนฟังเพลงที่คนตัวสูงเปิดคลอไปเรื่อยๆ กลับทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ
จัดจ้านเป็นแบบนี้ตลอดเลย
คอยอยู่ข้างๆ และดูแลในเวลาที่ฉันรู้สึกไม่ดีตลอด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้นั่งรถเล่นหรือเป็นเพราะจัดจ้านกันแน่ถึงทำให้ฉันสบายใจขึ้นได้ขนาดนี้
“กลับได้ค่ะเธอไม่ต้องห่วง ดึกแล้วรีบขึ้นไปนอนเถอะ"
"ก็ได้ กลับให้ถึงห้องนะห้ามแวะดื่มเหล้าที่ไหนด้วยเข้าใจมั้ย"
ฉันดักทางคนตัวสูงอย่างรู้ทัน จัดจ้านตัวสูงมากกว่าชายไทยทั่วไปเพราะเขาได้เชื้ออเมริกันมาจากแม่ เขาเป็นลูกเสี้ยวไทย จีนอเมริกาน่ะ สามสัญชาติเลยทีเดียว เพราะแบบนี้ล่ะมั้งถึงทำให้เขามีหน้าตาที่หล่อเหลาไม่เหมือนใคร มีทั้งความเอเชียและฝรั่งในคนคนเดียวดวงตาเรียวคมนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเขามีเสน่ห์มากถ้าเผลอมองแล้วหลบตาไม่ได้เลยล่ะ
ไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็หลงเสน่ห์เขา
"รู้แล้วค่ะสั่งเป็นเมียเลยนะ"
"จัดจ้าน!"
"โอ๊ยๆ จ้านล้อเล่นค่ะเธอไม่แวะที่ไหนแล้วค่ะถึงแล้วเดี๋ยวรีบโทรหาเธอเลย"
คนตัวสูงตัวงอเมื่อโดนฉันหยิกหน้าท้องเข้าให้
เมีย เมอ อะไรก็ไม่รู้! ชอบพูดจาแบบนี้อยู่เรื่อยเลย พอโดนฉันทำร้ายร่างกายเข้าหน่อยก็รีบยกมือยอมแพ้แต่คนหน้ามึนกลับยิ้มกริ่มไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด
"ถ้าไม่ถึงห้องล่ะน่าดูเลยนะจ้าน" ฉันย้ำอีกครั้งเพราะรู้จักเขาดี ถ้ามันยังไม่ดึกจะไม่ห้ามเลยถ้าไปดื่มตอนนี้ก็คงไม่พ้นกลับคอนโดเกือบเช้าแน่ พรุ่งนี้เขาต้องทำงานด้วยเดี๋ยวแฮงค์ที่โทรมางอแงใส่ฉันอีก เรื่องแฮงค์ไม่เท่าไหร่หรอกฉันไม่อยากให้เขาขับรถเวลาที่ไปดื่มมากกว่ามันอันตรายเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง
"ถึงแน่นอนรอรับโทรศัพท์เลยค่ะ"
"โอเค งั้นเราไปแล้วนะ ฝันดีจ้าน"
"ฝันดีค่ะจัสมิน"
ฉันโบกมือลาเขาก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ เหมือนเช่นทุกครั้งจัดจ้านรอจนฉันเดินเข้าไปในคอนโดก่อนเขาถึงได้ขับรถออกไป
ฉันเดินเข้าไปในคอนโดด้วยความรู้สึกที่ดีกว่าก่อนหน้านี้มากเพราะจัดจ้านเลยแต่ในขณะที่ฉันกำลังเดินผ่านล็อบบี้คอนโดก็มีคนมาขวางไว้ซะก่อน
"อ้าว แก้มมาทำอะไรที่เนี่ย"
เป็นแก้มเองที่มาดักหน้าฉันเอาไว้ ตกใจหมดเลยดึกดื่นขนาดนี้แล้วมาทำอะไรที่คอนโดฉันกันนะ
"กว่าจะกลับนะ จ้านมันพาไปเถลไถลที่ไหนเนี่ย"
"ไม่ได้ไปไหนเลย จ้านแค่พาไปนั่งรถเล่นน่ะ"
"แล้วอาการเป็นไงดีขึ้นมั้ย"
"ก็ดีขึ้น..."
"กูหมายถึงไอ้จ้าน" ฉันหน้างอทันที มาหาขนาดนี้ก็นึกว่าเพื่อนเป็นห่วงกันแต่ถามถึงแต่จ้านซะงั้น
"ไม่รู้สิจ้านไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วทำไมจ้านต้องดีขึ้นด้วยล่ะ"
“ก็มัน...ช่างเถอะๆ ขึ้นห้องเร็วร้อน"
แก้มรีบดึงฉันเขาไปในลิฟต์แล้วกดเลขชั้นห้องฉันอย่างเคยชิน
"แก้มมาหาเรามีอะไรหรือเปล่า" พอมาถึงห้องฉันก็รินน้ำใส่แก้วให้เพื่อนก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ แก้ม มาหาดึกขนาดนี้ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ
"มี! กูจะมาคุยเรื่องแต่งงานของมึง"
"ทำไมเหรอ?"
“จะยอมแต่งจริงๆ เหรอวะจัสมิน" แก้มหันมาถามฉันอย่างจริงจังแววตาของเธอแสดงความเป็นห่วงและเห็นใจอย่างเห็นได้ชัดฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ กับเรื่องที่หาทางออกไม่ได้
ตอนอยู่กับจ้านเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้แล้วนะแต่พอแก้มถามก็ต้องคิดถึงมันอีกแล้ว
"ก็คงต้องเป็นแบบนั้นเราก็ไม่รู้ต้องทำยังไงนี่นา"
“จัสมินกูรู้ว่าส่วนหนึ่งที่มึงยอมง่ายๆ เพราะมึงเกรงใจพ่อกับแม่ ในใจจริงๆ ของมึงไม่ได้อยากแต่งหรอกจริงมั้ย"
“ใช่ เราไม่ได้อยากแต่งแต่ถ้ามันเป็นความต้องการของพ่อกับแม่เราก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ"
ไม่มีใครอยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักหรอก ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากจะเลือกคนที่อยากใช้ชีวิตคู่เองแต่ในเมื่อตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้มีใครและถ้าแต่งงานแล้วพ่อกับแม่จะสบายใจฉันก็ยอม
ไม่เป็นไรหรอกมันจะไม่เป็นไร สิ่งที่พ่อกับแม่เลือกให้คือสิ่งที่ดีที่สุดเสมอฉันมั่นใจ
"ความรู้สึกมึงไงจัสมินคือเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ"
"..."
"การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะจัสมิน มันคือทั้งหมดของชีวิตที่เหลืออยู่ของมึงที่ต้องใช้กับคนคนนั้นที่มึงไม่เคยเจอแม้แต่หน้าหรือรู้จักนิสัยใจคอมาก่อน แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าแต่งไปแล้วจะมีความสุข"
ฉันเงียบฟังในสิ่งที่เพื่อนพูดก้มลงมองมือตัวเองและคิดตาม ทั้งหมดที่แก้มพูดมามันคือสิ่งที่ลึกๆ ในใจของฉันก็กังวลอยู่เหมือนกันแต่พอมีคนมีย้ำมันแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันอยากจะร้องไห้ออกมา
ไม่ได้อยากแต่งเลยแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง นิสัยไม่กล้าปฏิเสธคนของฉันเพื่อนๆ ต่างก็บอกว่ามันคือข้อเสียมากกว่าข้อดีตอนแรกฉันก็ไม่คิดอย่างนั้นแต่ตอนนี้ฉันว่ามันคงถูกอย่างที่เพื่อนว่าเพราะไม่กล้าปฏิเสธมันถึงทำให้ฉันทรมานอยู่ตอนนี้
"ฮึก เราไม่รู้...เราไม่รู้เลยแก้มว่าต้องทำยังไง”
ในที่สุดน้ำตาที่กลั้นไว้ตั้งแต่วันที่รู้ว่าตัวเองต้องแต่งงานก็พังลงมา ฉันปล่อยโฮออกมาต่อหน้าแก้มจนเธอต้องดึงฉันเข้าไปกอดแน่น ความอึดอัดที่อยู่ข้างในถูกปลดปล่อยออกมากับน้ำตาอย่างสุดจะกลั้น
"แค่บอกกูมาจัสมินว่ามึงไม่อยากแต่งและจะไม่ยอมแต่งกูจะช่วยมึงเอง"
“ฮึก ฮืออ..."
"ว่าไง?"
"เรา ฮึก เราไม่อยากแต่งงาน"
แก้มยิ้มออกมาทันทีเมื่อฉันตอบแบบนั้น
"กูจะช่วยมึงเองจัส ไม่ต้องร้องแล้ว"
"แล้วแก้มจะช่วยเรายังไง"
"จากที่มึงเล่ามาทั้งหมดและตามความน่าจะเป็นที่กูวิเคราะห์มานะทางนั้นเป็นถึงเจ้าสัวและดูจะคลั่งเด็กบริสุทธิ์ซะเหลือเกินมันก็พอจะมีอยู่ทางหนึ่งที่ 'น่าจะ' ช่วยได้"
"ทางไหน?"
"มึงต้องไม่บริสุทธิ์"
"บะ บ้าเหรอจะให้ทำยังไงเราไม่มีแฟนนะ"
ฉันตาโตเมื่อแก้มบอกแบบนั้น ฉันเองก็ไม่ได้หัวโบราณอะไรขนาดนั้นไม่ได้คิดลบกับเรื่องเซ็กส์แต่ก็ไม่ได้ก๋ากั่นจนสามารถมีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักได้หรอกนะ แล้วฉันไม่มีแฟนจะให้ไปมีอะไรกับใครกันล่ะ
"มีตัวเลือกให้สองทางคือมึงต้องหาใครสักคนมานอนด้วยหรือวันไนท์"
“ไม่เอาหรอกๆ อยู่ๆ จะให้เราไปนอนกับใครก็ไม่รู้งั้นเหรอ" ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวันจนแก้มต้องรีบพูดต่อ
"ฟังก่อนสิกูมีอีกตัวเลือกหนึ่ง"
"?"
"นอนกับเพื่อนตัวเอง"
"อะไรนะ! จะบ้าเหรอแก้มไฟกับทศเป็นเพื่อนนะ"
"ไม่ได้หมายถึงสองคนนี้แต่กูหมายถึง...จัดจ้าน"
"ทะ ทำไมต้องจัดจ้านด้วย"
“อะ ถ้าให้มึงเลือกมีอะไรกับเพื่อนตัวเองในสามคนนี้มึงจะเลือกใครล่ะ"
ฉันนิ่งคิดตาม ทำไมวิธีของแก้มถึงเป็นวิธีเสียตัวอะไรแบบนี้เนี่ยมันใช่ที่ไหนทั้งสามคนเป็นเพื่อนนะ ฉันกำลังทำท่าจะปฏิเสธแต่แก้มก็รีบดักทางไว้ว่าให้คิดก่อน
ก็ถ้าต้องเลือกจริงๆ มันก็ต้องเป็น...
"ก็คง...จัดจ้าน"
"เห็นมั้ยล่ะ ถ้าครั้งแรกของมึงจะเป็นของใครสักคนก็ต้องเลือกคนที่ได้มึงแล้วมึงจะไม่เสียใจและกูมั่นใจว่าถ้าเป็นจ้านมึงจะไม่เสียใจ" แก้มยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบของฉันแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้อยู่ดี
เพื่อนจะมีอะไรกับเพื่อนได้ยังไงกัน
"แต่วิธีนี้มัน..."
"ยังไม่ต้องตัดสินใจตอนนี้ก็ได้จัสเก็บไปคิดดูก่อนเหลือเวลาอีกหลายวัน เห็นมึงบอกว่าสัปดาห์หน้าเขาจะนัดดูตัวนี่ถ้ามึงยอมทำตามที่กูบอกถึงวันนั้นมึงก็บอกไปเลยว่าไม่บริสุทธิ์แล้ว"
"..."
"ดูสิว่าถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะยังอยากได้มึงอยู่หรือเปล่า"