EP2 ‘ทางเลือก’

2631 คำ
EP2 ‘ทางเลือก’ "พวกมึงว่าจ้านมันจะเป็นยังไงบ้างวะ" แก้มหันมาถามเพื่อนหลังจากที่จัสมินตามจัดจ้านออกไป ถึงไม่เคยพูดออกมาแต่พวกเขาก็รู้ดีว่าจัดจ้านคิดเกินกว่าเพื่อนกับจัสมิน ด้วยการกระทำและอะไรหลายๆ อย่างที่จัดจ้านแสดงออกเวลาอยู่กับจัสมินแต่เพื่อนก็เลือกที่จะไม่ถามหรือซักไซ้อะไร รอให้จัดจ้านพูดออกมาด้วยตัวเองแต่จนเรียนจบมาสองปีแล้วทุกอย่างก็ยังเหมือนเดิม จัดจ้านไม่เดินหน้าแต่ก็ไม่เคยถอยห่างจากจัสมิน เป็นแบบนี้มาตั้งแต่รู้จักกันแล้ว ส่วนจัสมินเองก็ดูเหมือนจะมีใจให้จัดจ้านเหมือนกันแต่ทั้งคู่กลับไม่ทำอะไรปล่อยให้ตัวเองอยู่ในสถานะเพื่อนกันมาจนถึงตอนนี้ ตอนที่อีกคนกำลังจะแต่งงานแล้ว... "พังแน่ๆ กูว่ามันพัง" "หน้ามันดูไม่ไหวเลยว่ะตอนที่จัสบอกจะแต่งงาน" ทศกัณฐ์กับไฟว่า จริงว่าจัดจ้านไม่เคยบอกเพื่อนว่าชอบจัสมินแต่มีครั้งหนึ่งตอนปีสามที่เขาเมาจนเผลอพูดความในใจออกมาทั้งหมดให้ไฟกับทศกัณฐ์ฟังแต่ทั้งคู่ก็เลือกที่จะทำเป็นไม่รู้เพราะพอพวกเขาบอกให้จัดจ้านจีบจัสมินจัดจ้านก็ไม่ยอม คนเมาเอาแต่พูดว่า 'เป็นเพื่อนคงดีที่สุดแล้ว กูไม่อยากเสียจัสมินไป' 'กูกลัวทำเขาเสียใจ คนอย่างกูไม่ควรคบใครหรอก’ จัดจ้านรู้ดีว่าเขาไม่ใช่คนดีขนาดนั้น เจ้าชู้ ชอบเที่ยว ตามประสาผู้ชายโสด ยิ่งเขาเป็นคนเอาใจเก่งดูแลผู้หญิงดีจนสาวติดตรึม เรียกได้ว่าสมัยเรียนน่ะ 'จัดจ้าน' สมชื่อเลยล่ะเพิ่งจะมาเพลาๆ ลงตอนอยู่ปีสี่นี่เอง "เฮ้อ ไม่รู้จะช่วยยังไงเคยบอกให้จีบจัสมินแล้วมันก็ไม่เอา" "นั่นน่ะสิ ทั้งๆ ที่รักเขามากขนาดนี้แท้ๆ ทำไมไม่ลองจีบวะจัสมินเองก็ดูเหมือนจะมีใจให้มันเหมือนกันนะ" "เพราะมันรักมากไงถึงเป็นแบบนี้ มึงก็รู้ว่าไอ้จ้านมันเป็นคนยังไง" เพราะรักมากจนไม่อยากทำให้เสียใจเลยแม้แต่นิดเดียว จัดจ้านถนอมความรู้สึกของจัสมินมาก ไม่มีอะไรรับประกันได้ว่าถ้าเขากับจัสมินเป็นแฟนกันจริงๆ แล้วมันจะไม่พัง และเพื่อนรู้ดีว่าจัดจ้านน่ะถ้าตัดสินใจว่า 'ไม่' ก็คือไม่ เป็นคนหนักแน่นและทำตามคำพูดของตัวเองเสมอแต่ก็ไม่รู้เหมือนกันว่าเรื่องนี้จะทำให้คนหนักแน่นผิดคำพูดได้หรือเปล่า "เราจะช่วยพวกมันยังไงดีวะ" “กับจัสมินกูไม่ค่อยห่วงหรอกถ้าต้องแต่งงานจริงๆ มันคงปรับตัวได้ อยู่กับใครใครไม่ตกหลุมรักมันบ้าง แต่จัดจ้าน..." "เละแน่ๆ พวกเราได้เห็นเสือร้องไห้ก็คราวนี้แหละ" ทุกความสัมพันธ์คนที่รู้สึกมากกว่าต้องเสียใจมากกว่าอยู่แล้ว ถึงจะบอกว่าโอเคถ้าจัสมินจะมีแฟนหรือคบใครแต่คนขี้หวงอย่างจัดจ้านรับไม่ไหวหรอกถ้าคนที่เขารักขนาดนี้แต่งงานขึ้นมาจริงๆ อีกเหตุผลที่ทำให้จัดจ้านไม่ตัดสินใจเดินหน้าในความสัมพันธ์นี้สักนี้ก็อาจจะเป็นเพราะที่ผ่านมาจัสมินไม่เคยคบใครเลยก็เลยชะล่าใจไปหน่อย จะเดินหน้าตอนนี้มันก็เหมือนจะไม่ทันแล้ว ถ้าจัสมินแต่งงานขึ้นมาจริงๆ ยังไงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ก็คงไม่เหมือนเดิมและเพื่อนทุกคนมั่นใจว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งใหญ่ที่กำลังจะเกิดขึ้นนี้จะทำให้จัดจ้าน 'พัง' "แต่ทำไมจัสมินยอมแต่งง่ายจังวะ มึงแน่ใจเหรอแก้มว่าจัสเองก็ชอบไอ้จ้าน" "เออดิ ถึงมันจะไม่เคยพูดแต่กูมั่นใจ เวลาอยู่กับพวกมึงมันเหมือนตอนอยู่กับจ้านมั้ยล่ะ" ไฟกับทศกัณฐ์คิดตาม "ก็ไม่" ตอนอยู่กับจัดจ้านจัสมินจะอ้อนมากกว่าปกติและยอมตามใจจัดจ้านแทบจะทุกอย่าง อยู่ด้วยกันทีไรแผ่รังสีสีชมพูออกมาตลอดเคยโดนเข้าใจผิดว่าเป็นแฟนกันก็หลายครั้ง ทุกวันนี้ยังมีคนคิดว่าจัดจ้านกับจัสมินคบกันอยู่เลย ทั้งๆ ที่ชอบกันแต่ทำไมต้องทำอะไรให้มันดูยากด้วยก็ไม่รู้ สมัยเรียนก็อยากจะช่วยเป็นผีผลักให้เพื่อนได้กันอยู่หรอกนะแต่เรื่องของความรู้สึกอยากให้มันมาจากการตัดสินใจของทั้งคู่มากกว่าเผื่อผลักไปแล้วไม่มันเวิร์คได้ชิบหายกลุ่มแตกกันพอดี “เบื่อจริงๆ พวกไม่รู้ใจตัวเอง ทนไม่มาได้ยังไงตั้งหลายปีก็ไม่รู้" "แล้วยังไงวะ เอาไงต่อเราช่วยอะไรได้บ้าง" ทั้งสามคนขมวดคิ้วคิดไม่ตก จริงว่าแต่ก่อนไม่อยากยุ่งมากรอให้เพื่อนรู้ใจและยอมรับความรู้สึกตัวเองคิดว่าสักวันยังไงสองคนนั้นก็ลงเอยกันแน่ๆ แต่ตอนนี้ใจเย็นไม่ได้แล้วเมื่ออีกคนกำลังจะแต่งงานและความรู้สึกของอีกคนยังเหมือนเดิม ก็อยากจะลองเสี่ยงผลักดูสักครั้งเผื่อจะเปลี่ยนอะไรได้บ้าง เพราะถ้าไม่ใช่จัดจ้านก็ไม่มีใครทำให้จัสมินมีความสุขและยิ้มได้ขนาดนี้แล้ว "กูมีแผน" อาจจะดูยุ่งไปหน่อยแต่ลองช่วยเพื่อนดูสักครั้งเผื่อเหตุการณ์นี้จะทำให้ความรู้สึกของเพื่อนทั้งสองชัดขึ้นและเลิกหนีหัวใจตัวเองสักที... 11PM @คอนโดจัสมิน Jasmine's Part "ขับกลับได้แน่นะ" ฉันหันไปถามคนตัวสูงที่ขับรถมาส่งที่คอนโดในเวลาเกือบเที่ยงคืน หลังจากที่ฉันตามจัดจ้านออกไปตอนอยู่ที่ร้านอาหารเราก็ไม่ได้กลับเข้าไปในร้านอีก จัดจ้านบอกว่าจะพาฉันไปนั่งรถเล่นหลังจากที่เราเงียบกันอยู่นานเพราะคำถามของเขา ‘เธอไม่แต่งงานกับคนอื่นได้มั้ยคะ' ฉันไม่ได้ตอบอะไรกลับไปเอาแต่มองหน้าเขานิ่งๆ ไม่รู้ว่าต้องตอบยังไงเพราะฉันไม่รู้เลยว่าจัดจ้านคิดอะไรอยู่พอเห็นฉันเงียบไปเขาถึงได้ชวนออกมานั่งรถเล่น เราไม่ได้พูดถึงเรื่องนั้นกันอีกเหมือนเขารู้ว่าฉันเองก็เครียดก็เลยพยายามหาอะไรทำให้สบายใจขึ้น ไม่น่าเชื่อว่าแค่นั่งรถมองถนนฟังเพลงที่คนตัวสูงเปิดคลอไปเรื่อยๆ กลับทำให้ฉันรู้สึกดีขึ้นได้จริงๆ จัดจ้านเป็นแบบนี้ตลอดเลย คอยอยู่ข้างๆ และดูแลในเวลาที่ฉันรู้สึกไม่ดีตลอด ไม่รู้ว่าเป็นเพราะได้นั่งรถเล่นหรือเป็นเพราะจัดจ้านกันแน่ถึงทำให้ฉันสบายใจขึ้นได้ขนาดนี้ “กลับได้ค่ะเธอไม่ต้องห่วง ดึกแล้วรีบขึ้นไปนอนเถอะ" "ก็ได้ กลับให้ถึงห้องนะห้ามแวะดื่มเหล้าที่ไหนด้วยเข้าใจมั้ย" ฉันดักทางคนตัวสูงอย่างรู้ทัน จัดจ้านตัวสูงมากกว่าชายไทยทั่วไปเพราะเขาได้เชื้ออเมริกันมาจากแม่ เขาเป็นลูกเสี้ยวไทย จีนอเมริกาน่ะ สามสัญชาติเลยทีเดียว เพราะแบบนี้ล่ะมั้งถึงทำให้เขามีหน้าตาที่หล่อเหลาไม่เหมือนใคร มีทั้งความเอเชียและฝรั่งในคนคนเดียวดวงตาเรียวคมนัยน์ตาสีน้ำตาลอ่อนของเขามีเสน่ห์มากถ้าเผลอมองแล้วหลบตาไม่ได้เลยล่ะ ไม่แปลกใจที่ใครๆ ก็หลงเสน่ห์เขา "รู้แล้วค่ะสั่งเป็นเมียเลยนะ" "จัดจ้าน!" "โอ๊ยๆ จ้านล้อเล่นค่ะเธอไม่แวะที่ไหนแล้วค่ะถึงแล้วเดี๋ยวรีบโทรหาเธอเลย" คนตัวสูงตัวงอเมื่อโดนฉันหยิกหน้าท้องเข้าให้ เมีย เมอ อะไรก็ไม่รู้! ชอบพูดจาแบบนี้อยู่เรื่อยเลย พอโดนฉันทำร้ายร่างกายเข้าหน่อยก็รีบยกมือยอมแพ้แต่คนหน้ามึนกลับยิ้มกริ่มไม่สะทกสะท้านเลยสักนิด "ถ้าไม่ถึงห้องล่ะน่าดูเลยนะจ้าน" ฉันย้ำอีกครั้งเพราะรู้จักเขาดี ถ้ามันยังไม่ดึกจะไม่ห้ามเลยถ้าไปดื่มตอนนี้ก็คงไม่พ้นกลับคอนโดเกือบเช้าแน่ พรุ่งนี้เขาต้องทำงานด้วยเดี๋ยวแฮงค์ที่โทรมางอแงใส่ฉันอีก เรื่องแฮงค์ไม่เท่าไหร่หรอกฉันไม่อยากให้เขาขับรถเวลาที่ไปดื่มมากกว่ามันอันตรายเกิดอุบัติเหตุขึ้นมาจะทำยังไง "ถึงแน่นอนรอรับโทรศัพท์เลยค่ะ" "โอเค งั้นเราไปแล้วนะ ฝันดีจ้าน" "ฝันดีค่ะจัสมิน" ฉันโบกมือลาเขาก่อนจะเปิดประตูลงจากรถ เหมือนเช่นทุกครั้งจัดจ้านรอจนฉันเดินเข้าไปในคอนโดก่อนเขาถึงได้ขับรถออกไป ฉันเดินเข้าไปในคอนโดด้วยความรู้สึกที่ดีกว่าก่อนหน้านี้มากเพราะจัดจ้านเลยแต่ในขณะที่ฉันกำลังเดินผ่านล็อบบี้คอนโดก็มีคนมาขวางไว้ซะก่อน "อ้าว แก้มมาทำอะไรที่เนี่ย" เป็นแก้มเองที่มาดักหน้าฉันเอาไว้ ตกใจหมดเลยดึกดื่นขนาดนี้แล้วมาทำอะไรที่คอนโดฉันกันนะ "กว่าจะกลับนะ จ้านมันพาไปเถลไถลที่ไหนเนี่ย" "ไม่ได้ไปไหนเลย จ้านแค่พาไปนั่งรถเล่นน่ะ" "แล้วอาการเป็นไงดีขึ้นมั้ย" "ก็ดีขึ้น..." "กูหมายถึงไอ้จ้าน" ฉันหน้างอทันที มาหาขนาดนี้ก็นึกว่าเพื่อนเป็นห่วงกันแต่ถามถึงแต่จ้านซะงั้น "ไม่รู้สิจ้านไม่ได้พูดอะไรเลย แล้วทำไมจ้านต้องดีขึ้นด้วยล่ะ" “ก็มัน...ช่างเถอะๆ ขึ้นห้องเร็วร้อน" แก้มรีบดึงฉันเขาไปในลิฟต์แล้วกดเลขชั้นห้องฉันอย่างเคยชิน "แก้มมาหาเรามีอะไรหรือเปล่า" พอมาถึงห้องฉันก็รินน้ำใส่แก้วให้เพื่อนก่อนจะทิ้งตัวนั่งลงข้างๆ แก้ม มาหาดึกขนาดนี้ต้องมีเรื่องอะไรแน่ๆ "มี! กูจะมาคุยเรื่องแต่งงานของมึง" "ทำไมเหรอ?" “จะยอมแต่งจริงๆ เหรอวะจัสมิน" แก้มหันมาถามฉันอย่างจริงจังแววตาของเธอแสดงความเป็นห่วงและเห็นใจอย่างเห็นได้ชัดฉันถอนหายใจออกมาเบาๆ กับเรื่องที่หาทางออกไม่ได้ ตอนอยู่กับจ้านเลิกคิดเรื่องนี้ไปได้แล้วนะแต่พอแก้มถามก็ต้องคิดถึงมันอีกแล้ว "ก็คงต้องเป็นแบบนั้นเราก็ไม่รู้ต้องทำยังไงนี่นา" “จัสมินกูรู้ว่าส่วนหนึ่งที่มึงยอมง่ายๆ เพราะมึงเกรงใจพ่อกับแม่ ในใจจริงๆ ของมึงไม่ได้อยากแต่งหรอกจริงมั้ย" “ใช่ เราไม่ได้อยากแต่งแต่ถ้ามันเป็นความต้องการของพ่อกับแม่เราก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ" ไม่มีใครอยากแต่งงานกับคนที่ไม่ได้รักหรอก ถ้าเลือกได้ฉันก็อยากจะเลือกคนที่อยากใช้ชีวิตคู่เองแต่ในเมื่อตอนนี้ฉันเองก็ไม่ได้มีใครและถ้าแต่งงานแล้วพ่อกับแม่จะสบายใจฉันก็ยอม ไม่เป็นไรหรอกมันจะไม่เป็นไร สิ่งที่พ่อกับแม่เลือกให้คือสิ่งที่ดีที่สุดเสมอฉันมั่นใจ "ความรู้สึกมึงไงจัสมินคือเหตุผลที่ต้องปฏิเสธ" "..." "การแต่งงานมันไม่ใช่เรื่องเล็กเลยนะจัสมิน มันคือทั้งหมดของชีวิตที่เหลืออยู่ของมึงที่ต้องใช้กับคนคนนั้นที่มึงไม่เคยเจอแม้แต่หน้าหรือรู้จักนิสัยใจคอมาก่อน แล้วจะมั่นใจได้ยังไงว่าแต่งไปแล้วจะมีความสุข" ฉันเงียบฟังในสิ่งที่เพื่อนพูดก้มลงมองมือตัวเองและคิดตาม ทั้งหมดที่แก้มพูดมามันคือสิ่งที่ลึกๆ ในใจของฉันก็กังวลอยู่เหมือนกันแต่พอมีคนมีย้ำมันแบบนี้ยิ่งทำให้ฉันอยากจะร้องไห้ออกมา ไม่ได้อยากแต่งเลยแต่ก็ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง นิสัยไม่กล้าปฏิเสธคนของฉันเพื่อนๆ ต่างก็บอกว่ามันคือข้อเสียมากกว่าข้อดีตอนแรกฉันก็ไม่คิดอย่างนั้นแต่ตอนนี้ฉันว่ามันคงถูกอย่างที่เพื่อนว่าเพราะไม่กล้าปฏิเสธมันถึงทำให้ฉันทรมานอยู่ตอนนี้ "ฮึก เราไม่รู้...เราไม่รู้เลยแก้มว่าต้องทำยังไง” ในที่สุดน้ำตาที่กลั้นไว้ตั้งแต่วันที่รู้ว่าตัวเองต้องแต่งงานก็พังลงมา ฉันปล่อยโฮออกมาต่อหน้าแก้มจนเธอต้องดึงฉันเข้าไปกอดแน่น ความอึดอัดที่อยู่ข้างในถูกปลดปล่อยออกมากับน้ำตาอย่างสุดจะกลั้น "แค่บอกกูมาจัสมินว่ามึงไม่อยากแต่งและจะไม่ยอมแต่งกูจะช่วยมึงเอง" “ฮึก ฮืออ..." "ว่าไง?" "เรา ฮึก เราไม่อยากแต่งงาน" แก้มยิ้มออกมาทันทีเมื่อฉันตอบแบบนั้น "กูจะช่วยมึงเองจัส ไม่ต้องร้องแล้ว" "แล้วแก้มจะช่วยเรายังไง" "จากที่มึงเล่ามาทั้งหมดและตามความน่าจะเป็นที่กูวิเคราะห์มานะทางนั้นเป็นถึงเจ้าสัวและดูจะคลั่งเด็กบริสุทธิ์ซะเหลือเกินมันก็พอจะมีอยู่ทางหนึ่งที่ 'น่าจะ' ช่วยได้" "ทางไหน?" "มึงต้องไม่บริสุทธิ์" "บะ บ้าเหรอจะให้ทำยังไงเราไม่มีแฟนนะ" ฉันตาโตเมื่อแก้มบอกแบบนั้น ฉันเองก็ไม่ได้หัวโบราณอะไรขนาดนั้นไม่ได้คิดลบกับเรื่องเซ็กส์แต่ก็ไม่ได้ก๋ากั่นจนสามารถมีอะไรกับคนที่ไม่ได้รักได้หรอกนะ แล้วฉันไม่มีแฟนจะให้ไปมีอะไรกับใครกันล่ะ "มีตัวเลือกให้สองทางคือมึงต้องหาใครสักคนมานอนด้วยหรือวันไนท์" “ไม่เอาหรอกๆ อยู่ๆ จะให้เราไปนอนกับใครก็ไม่รู้งั้นเหรอ" ฉันรีบส่ายหน้าปฏิเสธเป็นพัลวันจนแก้มต้องรีบพูดต่อ "ฟังก่อนสิกูมีอีกตัวเลือกหนึ่ง" "?" "นอนกับเพื่อนตัวเอง" "อะไรนะ! จะบ้าเหรอแก้มไฟกับทศเป็นเพื่อนนะ" "ไม่ได้หมายถึงสองคนนี้แต่กูหมายถึง...จัดจ้าน" "ทะ ทำไมต้องจัดจ้านด้วย" “อะ ถ้าให้มึงเลือกมีอะไรกับเพื่อนตัวเองในสามคนนี้มึงจะเลือกใครล่ะ" ฉันนิ่งคิดตาม ทำไมวิธีของแก้มถึงเป็นวิธีเสียตัวอะไรแบบนี้เนี่ยมันใช่ที่ไหนทั้งสามคนเป็นเพื่อนนะ ฉันกำลังทำท่าจะปฏิเสธแต่แก้มก็รีบดักทางไว้ว่าให้คิดก่อน ก็ถ้าต้องเลือกจริงๆ มันก็ต้องเป็น... "ก็คง...จัดจ้าน" "เห็นมั้ยล่ะ ถ้าครั้งแรกของมึงจะเป็นของใครสักคนก็ต้องเลือกคนที่ได้มึงแล้วมึงจะไม่เสียใจและกูมั่นใจว่าถ้าเป็นจ้านมึงจะไม่เสียใจ" แก้มยิ้มอย่างพอใจกับคำตอบของฉันแต่ถึงอย่างนั้นฉันก็ไม่เห็นด้วยกับวิธีนี้อยู่ดี เพื่อนจะมีอะไรกับเพื่อนได้ยังไงกัน "แต่วิธีนี้มัน..." "ยังไม่ต้องตัดสินใจตอนนี้ก็ได้จัสเก็บไปคิดดูก่อนเหลือเวลาอีกหลายวัน เห็นมึงบอกว่าสัปดาห์หน้าเขาจะนัดดูตัวนี่ถ้ามึงยอมทำตามที่กูบอกถึงวันนั้นมึงก็บอกไปเลยว่าไม่บริสุทธิ์แล้ว" "..." "ดูสิว่าถ้าเป็นแบบนั้นเขาจะยังอยากได้มึงอยู่หรือเปล่า"
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม