ยามเช้า กับเธอที่อยู่ใกล้เกินไป

1402 คำ
แสงแรกของวันใหม่สาดส่องผ่านผืนทรายขาว เสียงคลื่นกระทบฝั่งดังแผ่วเบาเป็นจังหวะราวกับบทเพลงของมหาสมุทร สายลมอ่อนๆ พัดผ่านผืนทรายเย็นเฉียบให้ความรู้สึกสบาย ร่างของชายหนุ่มค่อยๆ ขยับไหวใต้ผ้าห่มผืนบาง ก่อนที่เปลือกตาจะเปิดขึ้นอย่างเชื่องช้า เรนกระพริบตาสองสามครั้งเพื่อปรับสายตากับแสงอาทิตย์อุ่นๆ ที่ลอดผ่านเข้ามาในเต็นท์ เขายกมือขยี้ผมยุ่งๆ อย่างขี้เกียจพลางพ่นลมหายใจออกเบาๆ กลิ่นไอทะเลปะทะจมูกชวนให้รู้สึกสดชื่นแม้ว่าร่างกายจะยังคงรู้สึกมึนงงจากความง่วงอยู่ก็ตาม เขาหาวเบาๆก่อนจะยันตัวเองขึ้นจากพื้น หยัดกายลุกขึ้นนั่ง แล้วสะบัดศีรษะเล็กน้อยเพื่อไล่ความงัวเงียออกไป เมื่อพร้อมที่จะเริ่มวันใหม่ เขาเอื้อมมือไปเปิดซิปเต็นท์และก้าวออกมาสู่อากาศยามเช้า พลันสายตาก็สะดุดเข้ากับบางอย่างที่ผิดแปลกไปจากเดิม "นั่นมัน...อะไรน่ะ?" เรนขมวดคิ้วมองลังไม้ขนาดใหญ่ที่ถูกซัดมาเกยอยู่บนชายหาดไม่ไกลจากที่พักนัก มันดูใหม่เกินกว่าที่จะเป็นซากของลอยทะเลธรรมดา ชายหนุ่มเดินเข้าไปใกล้พลางกวาดตามองสภาพโดยรอบ ก่อนจะใช้มือข้างหนึ่งลองเปิดฝากล่องขึ้น และสิ่งที่เขาเห็นภายในทำให้ต้องเบิกตากว้าง เนื้อสด ผักสด และเครื่องปรุงรสต่างๆ ถูกบรรจุไว้ในลังไม้อย่างเรียบร้อย ไม่ใช่ของที่ถูกทิ้งขว้าง แต่มันดูเหมือนถูกเตรียมมาอย่างดีราวกับเพิ่งออกจากร้านค้า “นี่มัน…” ขณะที่เขากำลังจะเอื้อมมือไปแตะตรวจสอบอาหารในลัง เสียงหวานใสก็ดังขึ้นจากด้านหลัง “เรน? นายทำอะไรอยู่เหรอ?” เสียงที่ฟังดูงัวเงียปนความสงสัยทำให้เรนหันไปมอง เจ้าของเสียงคือไอลีน เธออยู่ในชุดเสื้อเชิ้ตตัวยาวสีขาวที่ได้มาจากลังที่แล้ว ปลายเสื้อตกลงมาคลุมถึงต้นขา ผมสีขาวยาวสลวยของเธอปล่อยตามสบาย พลิ้วไหวไปตามสายลม ดวงตาสีฟ้าใสสะท้อนแสงแดดยามเช้า ราวกับอัญมณีต้องแสงอาทิตย์ เธอยกมือขึ้นป้องปากหาวเบาๆ ก่อนจะเดินเข้ามาใกล้ พลางมองลังไม้ตรงหน้าเขา “อรุณสวัสดิ์… หืม? อะไรกันเนี่ย?” เมื่อสายตาของเธอจับจ้องไปยังของภายในลัง ไอลีนก็ชะงัก ก่อนที่ดวงตาของเธอจะเบิกกว้างขึ้น “ว้าว! เรน นี่มันสุดยอดไปเลย! มีแต่ผักสด และ เนื้อ ให้ใช้ทำอาหารไปได้อีกหลายวันเลยนะ!” “ก็ดีอยู่หรอก แต่ปัญหาคือถ้าเราไม่รีบหาวิธีเก็บพวกนี้ให้ดี มันคงเน่าเสียในไม่กี่วัน” ไอลีนชะงัก ก่อนจะทำหน้ามุ่ย “จริงด้วย… แล้วเราจะทำยังไงดีล่ะ?” ชายหนุ่มก้มตัวลงมองของในลังสินค้าอย่างใกล้ชิด เห็นเนื้อสัตว์ ผัก และผลไม้ที่ถูกบรรจุอย่างเรียบร้อย แม้จะอยู่ในสภาพที่ยังดี แต่พวกมันจะไม่คงอยู่อย่างนี้ได้นานหากไม่ได้รับการจัดการที่เหมาะสม ความคิดของเขาพลันย้อนกลับไปยังช่วงเวลาที่เขาเคยอยู่กับยายในชนบท เมื่อหลายปีก่อน สมัยที่เขายังเป็นเด็กและอาศัยอยู่ในชนบท เรียนรู้วิธีการเก็บรักษาอาหารแบบโบราณจากยายผู้ชาญฉลาด “ยายฉันเคยสอนเรื่องการเก็บรักษาของพวกนี้” เรนเริ่มพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่อบอุ่นและนุ่มนวล เขามองไปที่ไอลีนที่กำลังนั่งอยู่ใกล้ๆ ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความสนใจ “ในสมัยก่อนที่ยังไม่มีตู้เย็น พวกเนื้อสด เราควรจะหมักเกลือหรือรมควัน ส่วนพวกผักผลไม้ เราต้องแยกประเภทการเก็บรักษา” ไอลีนขยับเข้ามาใกล้ขึ้นอีกเล็กน้อย ดวงตาของเธอเป็นประกายด้วยความอยากรู้อยากเห็น “เล่ามาสิ ฉันอยากรู้!” เธอพูดด้วยรอยยิ้มกระตือรือร้น เสียงของเธอเบาแต่เต็มไปด้วยความตื่นเต้น ชายหนุ่มหัวเราะเบาๆกับท่าทีของเธอ ก่อนจะเริ่มอธิบาย “อย่างพวกผักใบเขียว ถ้าเราล้างแล้วห่อด้วยผ้าชุบน้ำหมาดๆ เก็บไว้ในที่ร่มและอากาศถ่ายเทดี มันจะอยู่ได้นานขึ้น” เขาหยิบหัวไชเท้าขึ้นมา มือของเขาจับมันอย่างทะนุถนอม “ส่วนพวกหัวไชเท้าหรือมันฝรั่ง ต้องเก็บในที่มืดและแห้ง ไม่งั้นมันจะงอกเร็ว” ไอลีนพยักหน้าเข้าใจ ก่อนจะชี้ไปที่มะเขือเทศ “แล้วอันนี้ล่ะ?” “มะเขือเทศไม่ควรเก็บในที่เย็นเกินไป เก็บในอุณหภูมิห้องดีกว่า และอย่าวางซ้อนกันมาก ไม่งั้นจะช้ำเร็ว” เรนอธิบายพลางวางมันอย่างระมัดระวัง เขามองไปที่ไอลีนที่กำลังจดจ่อกับคำอธิบายของเขา รู้สึกถึงความสนใจที่แผ่ออกมาจากความสนใจของเธอ ไอลีนเอียงคอเล็กน้อย คล้ายกำลังคิดอะไรอยู่ “ถ้าอย่างนั้น เราควรจะแยกของพวกนี้ให้ถูกต้องใช่ไหม?” “ใช่แล้ว” เรนพยักหน้า “แล้วเนื้อเราต้องหมักเกลือ หรือไม่ก็ทำให้แห้ง อย่างการตากแดดหรือรมควัน จะช่วยให้มันอยู่ได้นานขึ้น” “หืม….แบบนี้นี่เอง” ขณะที่ชายหนุ่มกำลังจะพูดต่อ แต่ไม่รู้เมื่อไหร่ เธอก็ขยับเข้ามาใกล้เขาขนาดนี้ ใบหน้าของเธออยู่ห่างจากเขาไม่กี่คืบ กลิ่นหอมอ่อนๆ ที่เป็นเอกลักษณ์ของเธอลอยมากระทบจมูก มันเป็นกลิ่นที่ผสมกันระหว่างดอกไม้อ่อนๆ และไอทะเลสดชื่น ทำให้หัวใจของเขาเต้นวูบวาบโดยไม่รู้ตัว “เรน?” ไอลีนกระพริบตาถามพลางเอียงคอเล็กน้อย “อะ… อ้อ” เชารีบสะบัดความคิดฟุ้งซ่านออกไป แล้วพยายามตั้งสติ ก่อนจะเริ่มอธิบายเรื่องการเก็บรักษาอาหาร เขาหยิบเนื้อสัตว์ออกมาจากลังอย่างระมัดระวัง เริ่มอธิบายวิธีการหมักเกลือให้หญิงสาวฟัง “เราต้องใช้เกลือปริมาณมากๆ โรยให้ทั่วชิ้นเนื้อ แล้วก็คลุกให้เข้ากันทั้งสองด้าน” “แล้วถ้าเราอยากรมควันล่ะ?” เธอถามขึ้นด้วยความสนใจ “เราต้องสร้างที่รมควันง่ายๆ” เรนอธิบาย “ใช้ไม้ที่ให้กลิ่นหอม เช่น ไม้มะขาม หรือไม้สัก แล้วก็จุดไฟให้เกิดควัน เนื้อที่รมควันจะเก็บได้นานขึ้นและมีกลิ่นหอมเฉพาะตัว” ไอลีนฟังเขาพูดอย่างตั้งใจ แต่ก็ไม่ได้ถอยห่างออกไปแต่อย่างใด ตรงกันข้าม เธอกลับเอนตัวเข้าใกล้เขามากขึ้นอีกเล็กน้อย ท่าทางดูเหมือนไม่ได้ตั้งใจจะรุกเร้าเขาแต่อย่างใด แต่ด้วยระยะห่างที่น้อยลงเรื่อยๆ ทำให้เรนเริ่มรู้สึกประหม่า “ไอลีน… เธอจะใกล้ไปแล้ว” เขาเอ่ยเสียงเบา “หืม? ทำไมล่ะ?” เธอเอียงคออย่างใสซื่อ ดวงตาสีฟ้าของเธอจ้องตรงมายังเขาราวกับจะหยั่งลึกเข้าไปในความคิด “มะ… ไม่มีอะไร” เรนพยายามเบนสายตาไปทางอื่น แต่ก็ยังรู้สึกได้ถึงไอลีนที่จ้องเขาอยู่ด้วยรอยยิ้มบางๆ คล้ายจะล้อเลียน “เป็นอะไร อายงั้นหรอ?” เธอกระซิบเบาๆ ใกล้ๆเขา จงใจให้เสียงนั้นลากยาวกว่าปกติเล็กน้อย “...เธอจะหยอกฉันหรือไง?” เรนถอนหายใจ กลอกตาเบาๆ ไอลีนยิ้มบางๆ “เปล่าสักหน่อย” เธอหัวเราะเบาๆ ก่อนจะถอยออกไปเล็กน้อย ทิ้งให้เขายืนอยู่ตรงนั้นด้วยใบหน้าที่เริ่มขึ้นสีจางๆ โดยไม่รู้ตัว เรนสูดหายใจลึก พยายามควบคุมสีหน้าของตัวเองไม่ให้ดูผิดปกติ แต่ก็ไม่วายเหลือบมองไอลีนที่ยังคงมีรอยยิ้มเจ้าเล่ห์ติดอยู่บนใบหน้า “เอาล่ะๆ พอเถอะ” เขาพยายามตัดบท “พวกเรามีงานต้องทำน่ะ” ไอลีนยักไหล่ “รู้แล้วน่า” เธอยืดแขนขึ้นเล็กน้อยก่อนหมุนตัวออกเดินไป พลางพูดอย่างสบายๆ “งั้นฉันจะไปเตรียมอาหารให้นายก่อน ถ้าเสร็จแล้วเดี่ยวเรียก” “อืม ขอบคุณ…” เรนพยักหน้า แล้วเดินตามเธอกลับไปที่แคมป์ ขณะเธอที่เดินนำหน้าอยู่ เสียงฮัมเพลงของเธอค่อยๆดังเป็นจังหวะ คล้อยไปกับบรรยากาศเงียบสงบที่มีเพียงเสียงลมพัดอ่อนๆ เขาเผลอยิ้มออกมาเล็กน้อย แม้จะถูกเธอแกล้ง แต่บรรยากาศแบบนี้... มันก็ไม่ได้แย่เลย
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม