บทที่ 1.1 กลับบ้านเดิม

1132 คำ
เมิ่งหว่านชิง มองดูภาพเบื้องหน้าที่ค่อย ๆ ชัดเจน แล้วแทบไม่อยากจะเชื่อสายตาตนเอง “เสวี่ยชิงเยี่ยนพาบุตรสาวกลับบ้านเดิม คารวะพี่ใหญ่ พี่สะใภ้” กลับบ้านเดิม นี่ไม่ใช่เหตุการณ์เมื่อสองปีก่อนที่นางจะแต่งเข้าจวนตระกูลเกาหรืออย่างไร ริมฝีปากของเมิ่งหว่านชิงในวัยสิบสี่ปียกยิ้มกว้าง ดูเหมือนข้าจะย้อนเวลามาอย่างนั้นสินะ หัวใจของนางเต้นระรัวความยินดีเอ่อล้นอยู่ในอก ได้เกิดใหม่อีกครั้ง ชาตินี้ข้าไม่ขอเป็นสตรีตัวแทนผู้ใด ความแค้นในชาติก่อนข้าจะทวงคืนกลับทั้งต้น ทั้งดอก! หากแต่ไม่ทันได้รื้อฟื้นความทรงจำในอดีตเพิ่มเติมเสียงของสตรีเบื้องหน้าก็ดังขึ้น “ชิงเยี่ยน รีบลุกขึ้นเถิด เดินทางไกลเหนื่อยหรือไม่ เสี่ยวถิงยังไม่รีบรินน้ำชาให้น้องสามีข้าอีก โอ้ว! นี่คงเป็นชิงเอ๋อร์ของพวกเราใช่หรือไม่ งดงามแต่เยาว์วัยเหมือนเจ้าไม่มีผิด” เมิ่งหว่านชิงถูกพาดพิงถึงก็จดจำได้ในทันที สองสามีภรรยาตรงหน้านี้ก็คือ เสวี่ยเกาเยี่ยน และ จ้าวซูซิน ลุงและป้าสะใภ้ของนางนั่นเอง หึ! ล้วนเป็นพวกหน้าซื่อใจคด ในอดีตสองสามีภรรย***านเสวี่ยคู่นี้แสร้งทำดี ตีสองหน้า จนมารดาของนางไว้วางใจนำสมบัติเก้ารุ่นของตระกูลเมิ่งมอบให้อีกฝ่ายช่วยดูแล สุดท้ายไม่เพียงถูกคดโกงไปจนหมดสิ้น แม้แต่ตัวของมารดาก็ยังถูกจ้าวซูซินวางอุบายขายไปเป็นอนุของกู้เฉินโม่ และนั่นคือจุดเริ่มต้นของความแค้นทั้งหมดในอดีตของนาง “เมิ่งหว่านชิง คารวะท่านลุง ท่านป้าสะใภ้ เจ้าค่ะ” เด็กหญิงย่อตัวก้มหน้ากล่าวคำนับ ทว่ากลับลอบขบกรามแน่น หากสามารถทำลายจุดเริ่มต้นวันนี้ได้ ก็จะสกัดกั้นเหตุการณ์ในอนาคตได้ทั้งหมด ไม่เพียงช่วยเหลือมารดาให้รอดพ้นจากการแต่งไปเป็นอนุของกู้เฉินโม่ ชีวิตในวันหน้าของนางก็ไม่ต้องเป็นตัวแทนของกู้ฮวาหลันแต่งงานกับเกาอู๋ฮั่น คำพูดของกู้ฮวาหลันในชาติก่อนพลันผุดขึ้นมาในความคิด จนเด็กสาวเผลอขบกรามแน่น “เมิ่งหว่านชิง เจ้ารู้หรือไม่ในคืนแต่งงานของเจ้า พี่สาวคนนี้ดูแลมารดาของเจ้าอย่างไร... ข้าก็แค่ให้นางได้เล่นสนุกกับคนงานในสวนประมาณสักเก้าคนสิบคนก็แค่นั้น... แม่ของเจ้าน่ะเก่งมากทีเดียว มอบความสุขให้คนงานเหล่านั้นถึงสามวันสามคืน ได้ยินว่าแม้แต่ตอนที่นางขาดใจตายคาเตียงไปแล้วพวกเขายังสนุกกันต่ออีกหลายรอบเลยทีเดียว” “ชิงเอ๋อร์ช่างเป็นเด็กดี มา ๆ ป้าสะใภ้มีของขวัญพบหน้ามอบให้ จากวันนี้ไปพวกเราก็นับเป็นครอบครัวเดียวกันแล้ว” พูดจบจ้าวซูซินก็หยิบถุงหอมใบหนึ่งออกมามอบให้เด็กหญิงตรงหน้า “ของเล็ก ๆ น้อย ๆ ไร้ราคาหวังว่าเจ้ากับลูกจะไม่รังเกียจ” “พี่สะใภ้กล่าวอะไรเช่นนี้ ของขวัญจากท่านจะประเมินค่าได้อย่างไรกัน” เสวี่ยชิงเยี่ยนนั้นเป็นคนซื่อตรงไร้เล่ห์เหลี่ยมจึงมองแผนการชั่วของผู้อื่นไม่ออก ทว่าเมิ่งหว่านชิงใช้ชีวิตมาถึงสองชาติจะไม่รู้ทันคนได้อย่างไร ดังนั้นในขณะที่มารดากำลังจะล้วงกำไลหยกออกมาจากแขนเสื้อมอบให้อีกฝ่ายเป็นของตอบแทน เด็กหญิงก็รีบคลานเข่าไปกอดคนเป็นป้า พร้อมกับแสร้งร้องไห้จนตัวสั่น “ท่านป้าสะใภ้ช่างดีเหลือเกิน ข้ากับท่านแม่ตอนนี้หมดตัวแล้ว โชคดีที่มีท่านกับลุงใหญ่ให้เป็นที่พึ่ง” ได้ยินคำพูดของลูกสาวเสวี่ยชิงเยี่ยนก็ตกใจจนตาโต แม้ว่าเมิ่งชิงหยวนผู้เป็นสามีจะตายไปแล้ว แต่เขาเป็นถึงทายาทแม่ทัพเก้ารุ่น ไม่พูดถึงที่ดิน อาคาร ร้านค้า เพียงแค่คลังเก็บสมบัติก็มีขนาดใหญ่กว่าจวนขุนนางขั้นสามเสียอีก จะกล่าวว่าหมดตัวได้อย่างไร “ชิงเอ๋อร์ เจ้าพูดเรื่องอะไรกันพวกเรา...” “อะไรนะ หมดตัวแล้ว! นี่หมายความว่าอย่างไร!!!” จ้าวซูซินไม่รอให้คนพูดจบก็ลุกขึ้นโวยวาย สีหน้าที่อ่อนโยนเปี่ยมไปด้วยเมตตาพลันแปรเปลี่ยนเป็นขึงขังบึ้งตึง “ชิงเอ๋อร์!” เมิ่งหว่านชิงฉวยโอกาสที่จ้าวซูซินลุกขึ้นแสร้งล้มหงายหลัง มารดาที่รักนางดั่งชีวิตก็รีบย่อตัวมาดูนางด้วยความห่วงใยในทันที “พี่สะใภ้ เหตุใดต้องทำรุนแรงถึงเพียงนี้ด้วย ชิงเอ๋อร์บาดเจ็บตรงไหนหรือไม่” “รุนแรงอะไรกัน ข้าก็แค่ลุกขึ้น เป็นลูกสาวของเจ้าที่อ่อนแอทรงตัวไม่อยู่เอง” “น้องสาวเรื่องอื่นยังไม่ต้องเอ่ยถึง ตอนนี้ข้าต้องการคำอธิบายสมบัติเก้ารุ่นของตระกูลเมิ่งอยู่ที่ใดกัน” เสวี่ยเกาเยี่ยนถามด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เห็นท่าทางที่เปลี่ยนไปราวพลิกฝ่ามือของคนทั้งสอง เสวี่ยชิงเยี่ยนแม้เป็นคนซื่อตรงก็ไม่ใช่คนโง่งม ย่อมมองจุดประสงค์อีกฝ่ายออกในทันที “สมบัติของตระกูลสามีจะอยู่ที่ใดแล้วอย่างไร ล้วนไม่เกี่ยวกับพวกท่าน” “ท่านแม่ เราอย่าปิดบังท่านลุงใหญ่กับท่านป้าสะใภ้เลยนะเจ้าคะ” “ชิงเอ๋อร์ เจ้า...” “ที่ผ่านมาตระกูลเมิ่งนำทัพออกศึก ทหารมากมายที่ล้มตายในสนามรบ ท่านพ่อ ท่านปู่ ต่างก็ชดเชยและเลี้ยงดูครอบครัวของพวกเขา ทำให้เงินในจวนแทบไม่พอใช้ แม้แต่อาหารก็มีให้กินแค่วันละมื้อเท่านั้น ในสงครามครั้งสุดท้ายนี้ยังถึงกับเอาจวนไปจำนองแล้ว...” “อะไรนะ!” เสียงของสองสามีภรรยาด้านหน้าร้องอย่างตกใจ เช่นเดียวกับเสวี่ยชิงเยี่ยนที่มองลูกสาวปั้นเรื่องใหญ่ด้วยความตื่นตระหนก “ท่านลุงใหญ่ ท่านป้าสะใภ้ เมื่อครู่ท่านบอกว่าพวกเราล้วนเป็นครอบครัวเดียวกัน เช่นนั้นพวกท่านช่วยไถ่จวนแม่ทัพคืนให้พวกเราได้หรือไม่เจ้าคะ ท่านแม่บอกว่าตอนท่านตามีชีวิตอยู่มีตำแหน่งใหญ่โตเป็นถึงท่านราชครู อาจารย์ขององค์ฮ่องเต้ เงินแค่สามพันตำลึงทองคงไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร” “ครอบครัวเดียวกันอะไร น้องสามีเจ้าแต่งออกไปแล้วก็นับเป็นคนนอก อย่าได้มาคิดยุ่งเกี่ยวกับเงินทองในบ้านเชียว ไม่อย่างนั้นแม้แต่ที่ซุกหัวนอนพวกเราก็ไม่อนุญาตให้เจ้าอยู่” ..........................................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม