บทที่ 1 ทะลุมิติ มาเกิดใหม่

1178 คำ
บทที่ 1 ทะลุมิติ มาเกิดใหม่ “แม่! คุณฟื้นแล้ว!” แม่! ซ่งเจียซินที่ได้ยินเจ้าซาลาเปาน้อยหน้าประตูเรียกขาน ก็ถึงกับอ้าปากค้างไม่อยากจะเชื่อหูตนเอง แค่เธอทะลุมิติมาเกิดใหม่เป็นสตรีร้ายกาจจนถูกสามีหมางเมินก็ยากจะทำใจยอมรับแล้ว ตอนนี้ยังมีลูกอีกหนึ่งคนมาให้เลี้ยงเพิ่ม... สวรรค์พวกท่านว่างมากหรือไง ถึงได้เล่นตลกกับชีวิตคนเช่นนี้ เพียงแต่ตรงหน้ามีเด็กชายเพียงหนึ่งคน แต่ภาพในหัวของซ่งเจียซินกลับปรากฏเด็กชายสามถึงคน เด็กชายอีกสองคนเป็นใครกัน เพราะใช้ความคิดมากเกินไป ซ่งเจียซินจึงมีอาการปวดหัวจนต้องหลับตาขมวดคิ้วแน่น “จื่อหมิง! จื่อชิง! พวกนายอยู่ไหน แม่ฟื้นแล้ว จื่อหมิง! จื่อชิง!" นี่คือจื่อหมิง จื่อชิง จื่อรั่ว ลูกชายของผม เสียงแนะนำลูกๆ ทั้งสามของหลี่อี้โจวในวันแต่งงานปรากฏขึ้นในความคิด พร้อมกับภาพที่เจ้าของร่างเดิมแสร้งปั้นหน้าแสดงท่าทางเอ็นดูรักใคร่เด็กๆ ก่อนจะเปลี่ยนไปในทันทีที่หลี่อี้โจวเดินออกจากห้องแต่งตัวไป “แม่ คุณสวยมาก พวกเรา... โอ๊ย! เด็กชายตัวเล็กที่สุดในกลุ่มเดินเข้าจับแขนของเสวี่ยชิงหยวน พร้อมกับเจรจาเสียงสดใส ทว่าหญิงสาวกลับมองรอยยิ้มของเขาอย่างดูแคลนกาอนจะสลัดเขาออกจากตัว จนคนตัวเล็กกระเด็นล้มลง “ฉันแต่งงานเพื่อเป็นภรรยาของพ่อพวกนาย ไม่ได้แต่งมาเป็นแม่ให้พวกนาย วันหน้าฉันกับเขาก็จะมีลูกด้วยกัน ลูกที่ไม่มีใครต้องการอย่างพวกนายก็จงเจียมตัวเอาไว้ให้มาก” “หญิงใจร้าย! คุณกล้าทำร้ายจื่อรั่ว ผมจะสู้ตายกับคุณ” เมื่อได้ยินว่าเด็กชายตรงหน้าคิดจะสู้ตายกับตนเสวี่ยชิงหยวนก็ยกมือขึ้นกอดอกแค่นยิ้มขบขัน “เด็กอย่างนายน่ะเหรอจะทำร้ายฉัน ไม่เจียมตัวจริงๆ” หลี่จือชิงแฝดคนรองขบกราม กำหมัดแน่น ก่อนจะพุ่งเข้าใส่หญิงใจร้ายตรงหน้า แต่กลับถูกนางผลักจนเสียหลักล้มลงมากองรวมกับน้องชาย “กล้าทำร้ายฉันเหรอ ไอ้เด็กเหลือขอ ไม่มีใครเอา นิสัยเสียเหมือนแม่พวกแกไม่มีผิด” “ห้ามว่าแม่ของพวกเรานะ” หลี่จือชิงได้ยินอีกฝ่ายตำหนิมารดาผู้ให้กำเนิด ก็หยัดตัวลุกขึ้นสู้อีกครั้ง เพียงแต่กลับถูกพี่ชายฝาแฝดคนโตจับแขนรั้งเอาไว้ “จื่อชิง! อย่าไปยุ่งกับเธอ” “นับว่านายยังมีหัวคิด รีบไสหัวออกไปให้หมดอย่ามาอยู่เกะให้ฉันรำคาญตา” ซ่งเจียซินค่อยๆ ลืมตาขึ้น ภาพความร้ายกาจของเจ้าของร่างเดิมที่ปรากฏในความคิดทั้งหมดทำให้เธออดที่จะโมโหไม่ได้จริงๆ “เสวี่ยชิงหยวน! สตรีร้ายกาจ ทำร้ายได้แม้กระทั่งเด็ก ฉันจะจุดธูปสาปแช่งวิญญาณของเธอ” ซ่งเจียซินสบถด่าเจ้าของร่างเดิม แต่เมื่อคิดดูอีกทีในตอนนี้ เสวี่ยชิงหยวนก็คือเธอ นี่ไม่เท่ากับเธอกำลังด่าตัวเองหรือไง หญิงสาวถอนหายใจยาวอีกครั้ง ก่อนจะปรายตามองไปยังคนบนโซฟา เป็นพ่อประสาอะไร แม้แต่ลูกของตนเองก็ไม่รู้จักปกป้อง เธอนึกกร่นบ่นในใจแล้วถอนหายใจยาว หลับตาลงอีกครั้งเพื่อทบทวนความทรงจำต่างๆ ของเจ้าของร่างเดิมต่อ... ที่แท้เสวี่ยชิงหยวนผู้นี้เป็นถึงลูกสาวของเสวี่ยตงฉินเจ้าของกิจการอัญมณีและเครื่องเพชรที่ใหญ่ที่สุด แต่เพราะมีนิสัยเอาแต่ใจตนเองจนเลื่องลือไปทั่วทำให้อายุยี่สิบแล้วก็ยังไม่มีใครมาสู่ขอหมั้นหมาย เมื่อสหายเก่าอย่างจ้าวเสิ่นหมิงผู้เป็นมารดาของหลี่อี้โจวไปทวงเงินที่เขาเคยหยิบยืมเมื่อสิบปีก่อน เขาจึงยกข้ออ้างที่ระบุในสัญญาว่าจะใช้หนี้เป็นตัวคนมาบังคับให้หลี่อี้โจวยอมแต่งกับ เสวี่ยชิงหยวน ในขณะที่จ้าวเสิ่นหมิงนั้นก็ไม่ใช่สตรีหัวอ่อนไร้เดียง ย่อมรู้ทันความคิดของสหายเก่าเจ้าเล่ห์ แต่เมื่อคำนวณดูแล้วพบว่าเสวี่ยชิงหยวนผู้นี้เป็นลูกสาวเพียงคนเดียวของตระกูลเสวี่ยน ในอนาคตแน่นอนว่าสมบัติทั้งหมดของบ้านเสวี่ยนย่อมต้องส่งต่อให้นาง ดังนั้นจึงยอมรับข้อตกลงแต่งงานนี้ ซ่งเจียซินที่รำลึกถึงเรื่องราวเหล่านี้ ได้แต่ถอนหายใจส่ายหน้าไปมาอย่างนะอาใจ ช่างเป็นบุรุษหมาป่าสตรีจิ้งจอกจริงๆ ยิ่งคิดถึงอดีตเจ้าของร่างที่เพียงได้เห็นหน้าหลี่อี้โจวก็หลงใหลในรูปร่างหน้าตาของเขา ไม่คิดสงสัยเรื่องใดตอบตกลงรับคำขอแต่งงานของตระกูลหลี่โดยทันที สุดท้ายได้ครอบครองตัวแต่กลับไม่อาจยึดครองใจ ในคืนเข้าหอไม่เพียงถูกหลี่อี้โจวทอดทิ้งเอาไว้ลำพัง วันถัดมาเขายังหลบหนีเจ้าสาวกลับเข้ากองกรม สร้างความโกรธแค้นอับอายให้เสวี่ยชิงหยวนจนล้มป่วยไปถึงหนึ่งเดือน “ร้ายกาจไม่พอ ยังโง่งม และหยิ่งผยอง” แต่เรื่องโง่งมใดที่เสวี่ยชิงหยวนทำก็ไม่ร้ายแรงเท่าเรื่องในคืนวันเกิดของจ้าวเสิ่นหมิง ผู้เป็นมารดาสามี ในคืนนั้นหลี่อี้โจวออกจากกรมเดินทางกลับบ้านมาร่วมงานเลี้ยงวันเกิดของมารดา แต่เสวี่ยชิงหยวนไม่เพียงไม่กตัญญูช่วยเหลือจัดงาน ยังฉกฉวยโอกาสใส่ยาปลุกเร้าอารมณ์กำหนัดในแก้วเหล้าของตนเองแล้วลอบสับเปลี่ยนกับเขา หลังจากที่หลี่อี้โจวดื่มเข้าไปไม่นาน ใบหน้าของเขาก็แดงก่ำในกายเต็มไปด้วยความรู้สึกที่เร่าร้อน เพียงแต่สิ่งที่หลี่อี้โจวทำกลับไม่ใช่การพาภรรยาเช่นเสวี่ยชิงหยวนเข้าห้องสานสัมพันธ์ร่างกาย แต่กลับเป็นเร่งกลับเข้ากรมทหารเพื่อรับยาแก้ ทำให้เรื่องที่เสวี่ยชิงหยวนถูกสามีหมางเมินจนต้องพึ่งพายาปลุกอารมณ์เล่าลือไปทั่ว และเป็นเหตุให้เสวี่ยชิงหยวนคับแค้นจนตัดสินใจดื่มยาพิษดอกลำโพงเพื่อประชดอย่างโง่งม โดยไม่คิดว่านั่นจะเป็นครั้งสุดท้ายที่เธอได้ลงมือทำเรื่องเช่นนั้น “เสวี่ยชิงหยวน ไม่แปลกใจเลยที่เธอจะอายุสั้นแค่ยี่สิบสองปี” ซ่งเจียซินถอนหายใจยาวอีกครั้ง พลางหันหน้ามองไปรอบ ๆ ตัว ห้องนี้แม้ดูเรียบง่ายแต่ของตกแต่งทุกชิ้นกลับมีราคาสูง เพียงแค่เตียงนอนกับตู้ไม้สองชิ้นนี้ก็มีมูลค่ายากที่จะประเมินราคาแล้ว ดวงตากลมมองกวาดสังเกตสิ่งต่างๆ พลางวิเคราะห์ ก่อนที่สายตาหวานจะหยุดตรงตัวเลขระบุปีปฏิทินบนผนังห้อง คศ.1980!! ............................................
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม