บทที่ 1 ( 2 )

1237 คำ
“มีไม่ถึงหรอกไม่ได้กดเงินมาเก็บไว้” รสิกาพูดไปแบบนั้นทั้งๆ ที่เธอมีเงินสดอยู่มากกว่าสองพัน รมิดาชะงักไปนิดจากที่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์อยู่ต้องเงยหน้าขึ้นมามองหน้าพี่สาวแล้วพูดเสียงเรียบๆ ออกมา “มีเท่าไรก็เอามาเถอะ ไม่ต้องห่วงเดี๋ยวเงินออกคืนแน่นอน” เอาน่าไม่ได้ครบสองพันก็ไม่เป็นไรแค่พอค่าน้ำมันรถและเอาไว้กินข้าวก็ยังดี นี่ถ้าบิดามารดายังไม่ได้ออกไปข้างนอกเธอก็ไม่ต้องเดินมายืมพี่สาวแบบนี้หรอก รสิกามองหน้าน้องสาวแล้วถอนหายใจออกมาเบาก่อนจะเดินเข้าไปในห้องแล้วหยิบเงินมาให้อีกฝ่ายที่นั่งกินข้าวเช้าอยู่ “มีอยู่แค่นี้แหละ พอดียังไม่ได้แวะธนาคาร” เธอพูดพร้อมกับยื่นเงินให้หนึ่งพันบาท เพราะเจอปัญหาเรื่องแบบนี้เธอเลยตัดสินใจไม่ทำบัตรเอทีเอ็มให้มันรู้แล้วรู้รอดไปเพิ่มความยากในการเอาเงินออกมาใช้ดี “แค่นี้ก็ยังดี ฝากเก็บชามด้วยนะสายแล้วเดี๋ยวไปทำงานไม่ทัน” พูดจบรมิดาก็ลุกเดินไปทันทีไม่มีแม้แต่คำว่าขอบคุณเลยสักคำ น้องสาวเธอทำงานเป็นพนักงานฝ่ายธุรการอยู่ที่โรงงานแห่งหนึ่งในจังหวัดเงินเดือนก็สูงแต่ก็ไม่มากพอให้จ่ายค่าปาร์ตี้และเครื่องสำอาง วันนี้เธอมีประชุมเรื่องสถานที่จัดงานที่ตัวจังหวัดทำให้วันนี้ต้องแต่งตัวให้เหมาะสมแต่ก็ไม่ถึงกับเป็นทางการมากนัก พอเห็นว่าไม่มีเวลาแล้วเธอรีบขับรถไปยังส่วนราชการประจำจังหวัดซึ่งเป็นที่นัดหมายและขณะที่เธอกำลังจะขับรถขับรถเข้าไปจอดอยู่ๆ ก็มีรถกระบะคันใหญ่เข้ามาจอดตัดหน้าไป “เฮ้ย! อะไรเนี่ยมาจากไหนอยู่ๆ ก็มาแย่งที่จอดรถแบบนี้ ไหนขอดูหน้าให้ชัดๆ หน่อยสิว่าหน้าตาแย่เหมือนมารยาทหรือเปล่า” รสิกาพูดแล้วหันหลังไปมองไม่นานเจ้าของรถกระบะคันใหญ่ก็เปิดประตูรถออกมา และเธอก็ต้องชะงักเมื่อเห็นว่าเขาเป็นชายหนุ่มร่างสูงใหญ่ที่ไม่มีใครในจังหวัดนี้จะไม่รู้จักเขา คุณอชิระเจ้าของสยามแควขวัญใจสาวน้อยสาวใหญ่ นี่ถ้าสาวๆ มาเห็นชายหนุ่มวันนี้มีหวังกรี๊ดสลบแน่ เสื้อยืดคอกลมสีขาวกับกางเกงยีนส์สีเข้มแสนธรรมดาที่ส่งเสริมให้คนใส่ดูดีและโดดเด่นกว่าคนอื่น อชิระเดินเข้ามาในอาคารส่วนราชการทันทีที่เขาเดินเข้ามาพนักงานและคนทั่วไปต่างก็หันไปมองด้วยความสนใจ เพราะไม่บ่อยครั้งนักที่จะได้เห็นหน้าเจ้าของโรงแรมและรีสอร์ทชื่อดังมาปรากฏตัวให้ผู้คนได้พบเห็นแบบนี้ “สวัสดีค่ะพี่รบมาประชุมเรื่องการจัดงานเหรอคะ” หญิงสาวคนหนึ่งทำใจกล้าเดินเข้ามาทักทายชายหนุ่มร่างสูงพร้อมกับรอยยิ้มแสนหวาน แต่เธอก็ต้องยิ้มเก้อเมื่อคนตรงหน้าตีหน้านิ่งคิ้วเข้มขมวดเข้าหากันเล็กน้อย “ครับ” เขาตอบสั้นๆ แล้วเงยหน้าขึ้นมองลิฟท์ที่กำลังลงมาโดยที่ไม่ได้สนใจที่จะพูดคุยกับหญิงสาวเลยแม้แต่น้อย “ถ้าอย่างนั้นอินพาไปห้องประชุมนะคะ” สาวสวยยังคงตื้อพูดคุยและอาสาพาชายหนุ่มไปห้องประชุม “ขอบคุณนะครับ...แต่ไม่รบกวนดีกว่าผมรู้ว่าห้องประชุมอยู่ตรงไหน ขอตัวก่อนนะครับ” พูดจบเขาก็เดินเลี่ยงไปขึ้นบันไดแทน ทิ้งให้หญิงสาวอ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าเขาจะกล้าหักหน้าเธอแบบนี้ นี่ไม่ใช่ครั้งแรกที่อชิระปฏิเสธความช่วยเหลือจากเธอ เขาทำแบบนี้กับผู้หญิงทุกคนที่พยายามเข้ามาคุยและตีสนิทด้วย “อ้าวคุณอชิระวันนี้มาประชุมด้วยตัวเองเลยเหรอครับ” ชายวัยกลางคนเดินเข้ามาทักทายอย่างเป็นกันเอง “สวัสดีครับ” อชิระพนมมือไหว้ชายวัยกลางคนอย่างนอบน้อมและคิดว่าวันนี้เขาจะเดินถึงห้องประชุมไหม ถึงจะไม่ค่อยพอใจแต่เขาก็ยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างรู้มารยาท “พอดีเลยผมกำลังจะเดินไปห้องประชุม เดี๋ยวเราเดินไปพร้อมกันเลยก็แล้วกันนะ” ชายวัยกลางคนพูดออกมา พร้อมกับเดินนำชายหนุ่มร่างสูงไปเล็กน้อย แต่ก็ไม่วายชวนคุยถามไปเรื่อยเปื่อย อชิระก็ตอบรับบ้างยิ้มให้บ้าง รสิกาเดินเข้ามาในห้องประชุมแล้วมองหาเก้าอี้ที่ว่างและต้องชะงักไปนิดเมื่อเห็นว่าทั้งห้องเหลือเก้าอี้ว่างแค่ตัวเดียว เธอจะไม่ลังเลเลยถ้าคนที่นั่งข้างๆ ไม่ใช่ชายหนุ่มร่างสูงที่เพิ่งแย่งที่จอดรถเธอไปเมื่อกี้ แต่สุดท้ายเมื่อไม่มีทางเลือกเธอจำต้องเดินเข้าไปแล้วพูดกับคนที่นั่งอยู่ก่อนเบาๆ “ตรงนี้ไม่มีคนนั่งใช่ไหมคะ” เธอเอ่ยปากถามเพื่อว่าต้องนี้จะมีคนนั่งอยู่ก่อนแล้ว อชิระปรายตามองคนที่ถามและพยักหน้าแทนที่จะพูดออกมา อาการที่ชายหนุ่มแสดงทำให้คนถามคอแข็งขึ้นมาแต่ก็ทรุดตัวนั่งลงอย่างแรง ไม่รู้ว่าผู้หญิงกรี๊ดและชอบผู้ชายคนนี้ไปได้ยังไงไม่เห็นมีอะไรให้น่าสนใจเลยสักนิดเดียว การประชุมในวันนี้ก็ไม่ได้แตกต่างจากทุกปีที่ผ่านมา ทันทีที่การประชุมจบทุกคนต่างก็แยกย้ายกันกลับ “พี่รบไปทานข้าวที่บ้านด้วยกันไหมคะ พอดีคุณแม่บ่นถึงอยู่” หญิงสาวคนเดิมเดินเข้ามาถามชายหนุ่มร่างสูงแล้วนึกเสียดายที่ตัวเองไม่ได้นั่งข้างชายหนุ่ม มารดาของเขาเป็นเพื่อนกับมารดาเธอแต่ไม่เคยมีสักครั้งที่อชิระจะมาบ้านเธอ “ต้องขอโทษด้วยพอดีผมติดธุระ” พูดจบเขาก็เดินไปทันที ทำให้คนที่ถูกปฏิเสธอ้าปากเหวอและรู้สึกเสียหน้าเพราะมีคนเห็นไม่น้อยเลย รสิกาเดินออกมาทันเห็นว่าชายหนุ่มหน้าดุที่นั่งเงียบข้างเธอบอกปฏิเสธลูกสาวเจ้าของร้านอาหารชื่อดังอย่างไม่ใยดีก็อดขำและหมั่นไส้ไม่ได้ ที่ขำเพราะหญิงสาวคนนี้เที่ยวโอ้อวดไปทั่วว่ารู้จักสนิทสนมกับเจ้าของสยามแคว ระหว่างที่กำลังเดินกลับมาที่รถเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นพอหยิบขึ้นมาดูก็ต้องยิ้มออกน้อยๆ “สวัสดีค่ะพี่กานต์วันนี้ว่างเหรอคะถึงโทรหาเทียนได้เนี่ย” ชายหนุ่มที่โทรเข้ามาเป็นรุ่นพี่ที่เรียนโรงเรียนมัธยมมาด้วยกันปัจจุบันเขาทำงานเป็นทนายความชื่อดังที่งานรัดตัวเลยไม่ค่อยได้เจอหน้ากัน “คำแรกก็ประชดเลยนะ” ชายหนุ่มพูดแล้วหัวเราะเบาๆ “แหมจะไม่ให้เทียนพูดประชดได้ไงพี่กานต์จำได้ไหมคะว่าเราเจอกันครั้งสุดท้ายเมื่อไร” รสิกาพูดแล้วเดินเข้าไปนั่งในรถแต่ยังไม่ได้ขับออกไปไหน
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม