บทที่ 3 ( 1 )

1290 คำ
รสิกาเดินเข้ามาในบ้านรับรู้ได้เลยบรรยากาศดูแปลกไป จะว่าไปมันก็แปลกตั้งแต่เช้าแล้วแต่คิดว่าเดี๋ยวคงได้รู้แน่ว่ามันมีอะไรหรือเปล่า เพราะมารดาโทรไปหาแล้วบอกว่าถ้าปิดร้านแล้วให้ตรงกลับบ้านเลย ขนาดรมิดายังถูกตามตัวให้กลับบ้าน “กลับมาแล้วเทียน” วีระเดินเข้ามาลูกสาวคนโตที่กำลังดื่มน้ำอยู่ในครัว “ค่ะ ว่าแต่พ่อกับแม่มีเรื่องอะไรเร่งด่วนเหรอคะถึงได้โทรตามหนูกลับมาบ้านแบบนี้” เธอเอ่ยถามบิดาทันทีและยิ่งอยากรู้เมื่อเห็นว่าหน้าตาของท่านดูคิดหนัก “เดี๋ยวรอน้องกลับมาก่อนแล้วค่อยพูดทีเดียวแล้วกันนะ พ่อว่าหนูกลับมาเหนื่อยๆ ไปอาบน้ำนอนเล่นก่อนดีกว่า” เขาอยากพูดทีเดียวพร้อมกันเลยไล่ให้ลูกสาวคนโตขึ้นไปพักผ่อนก่อน รสิกาเองถึงแม่จะอยากรู้เร็วๆ แต่ก็ยอมเดินขึ้นห้องตามที่บิดาบอก หนึ่งชั่วโมงต่อมารมิดาก็กลับมาถึงบ้านบิดาเลยเรียกให้เธอลงไปข้างล่างที่ทุกคนนั่งรออยู่ก่อนแล้ว “แม่มีอะไรก็พูดมาเถอะ เดี๋ยวทรายต้องออกไปข้างนอกอีก” รมิดาพูดน้ำเสียงค่อนข้างรำคาญ เพราะเธอนัดเพื่อนเอาไว้ “ถ้าแม่จะให้เราลาออกจากงานที่โรงงานจะได้ไหม” นวลพรรณหันไปถามลูกสาวคนเล็ก “จะบ้าเหรอแม่!! อยู่ๆ จะให้ทรายมาลาออกจากงานทำไม” รมิดาขึ้นเสียงกับมารดาทันทีที่ได้ยินคำถาม “แม่มีงานที่ได้เงินดีกว่าเยอะกว่าที่เราทำอยู่สนใจไหม” เธอเลือกที่จะถามรมิดาก่อน จะว่าลำเอียงก็ได้เพราะเธอเป็นห่วงลูกสาวคนเล็กมากกว่ารสิกา “งานอะไรคะ แล้วทำไมไม่ให้พี่เทียนไปล่ะ” รมิดาหูผึ่งเล็กน้อยพอได้ยินคำว่าเงินดีกว่าที่ทำอยู่ นวลพรรณหันไปมองหน้าสามีแล้วถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะพูดออกมา “งานดูแลคนแก่” “อะไรนะ!!” เสียงถามอย่างตกใจออกจากปากของลูกสาวทั้งสองคน “ทรายไม่ทำงานนี้แน่นอน แม่ก็รู้ว่าทรายไม่ชอบดูแลใคร” หลังจากหายตกใจแล้วก็เป็นรมิดาที่พูดออกมาเป็นคนแรก “ถือว่าช่วยแม่ไม่ได้เหรอ ท่านเป็นผู้มีพระคุณของแม่นะ” นวลพรรณพูดกับลูกสาวคนเล็ก “ถ้าอย่างนั้นทำไมแม่ไม่ไปดูแลเขาเองล่ะ...หรือไม่ก็ส่งพี่เทียนไปสิ งานนี้น่าจะเหมาะกับพี่เทียนมากกว่าทรายนะ” รมิดาโยนทุกอย่างให้ทุกอื่น ไปดูแลคนแก่น่าเบื่อจะตายถ้าไปทำสังคมเพื่อนฝูงที่มีอยู่ก็หายไปทันที นวลพรรณสะอึกไปเลยเมื่อได้ยินคำย้อนของรมิดา ที่ผ่านมาเธอไม่ใช่ไม่รู้ว่าลูกสาวคนเล็กไม่สามารถดูแลใครได้ ขนาดเธอที่เป็นแม่รมิดายังไม่เคยดูแลหรือจัดหายาให้กินเลยแม้แต่ครั้งเดียว ที่เธออยากให้รมิดาทำงานนี้เพราะรักและห่วงก็เท่านั้น “แต่ว่า...” เธอกำลังจะพูดอีกเรื่องแต่ก็มีเสียงของรมิดาขัดขึ้นมาเสียก่อน “ทรายจะย้ายไปอยู่ข้างนอกนะ” รมิดาพูดสวนขึ้นมา เรื่องนี้เธอคิดมาสักพักแล้วเลยคิดว่าไหนๆ ก็อยู่พร้อมหน้าพร้อมตาแล้วเลยเลือกที่จะบอกบิดามารดาเลยดีกว่า “ทำไมล่ะลูก!! ทำไมต้องย้ายออกไปอยู่คนเดียวด้วย” วีระถามออกมาเป็นคนแรก “ทรายต้องการอิสระอยากไปเที่ยวแล้วกลับกี่โมงก็ได้ไม่ต้องรายงานใครว่าจะกลับกี่โมงหรือจะไปไหน แล้วบางครั้งเพื่อนๆ ก็อยากมาปาร์ตี้ที่บ้านแทนการไปเที่ยวผับบ้าง แต่จะมาที่บ้านก็ไม่สะดวกทรายเลยคิดว่าย้ายออกไปอยู่คนเดียวน่าจะดีกว่า” รมิดาพูดอย่างไม่แคร์ความรู้สึกของใครเลย “พูดอย่างนี้ได้ยังไง แล้วจะออกไปอยู่ข้างนอกคนเดียวจะเอาเงินที่ไหนมาจ่ายค่าห้องค่าน้ำค่าไฟ” รสิกาพูดออกมาอย่างเหลืออดที่น้องสาวพูดไม่สนใจความรู้สึกของบิดามารดาเลย ตอนนี้ท่านได้แต่นั่งน้ำตาคลอ รมิดาชะงักไปนิดแล้วเชิดหน้าขึ้นเล็กน้อยก่อนพูดออกมาว่า “เรื่องนั้นไม่ต้องเป็นห่วงหรอก ยังไงทรายก็หาเงินมาจ่ายได้อยู่แล้วแหละรับรองไม่ทำให้พี่เทียนเดือดร้อนแน่” “ให้มันแน่เถอะ ไม่ใช่พอถึงเวลาก็มารบกวนพ่อกับแม่อีกล่ะถ้าคิดจะออกไปอยู่คนเดียวต้องเอาตัวให้รอด” รสิกาพูดออกมา “เนี่ยก็เพราะพี่เทียนชอบพูดแบบนี้แหละทรายถึงอยากออกไปอยู่ข้างนอกน่ารำคาญบ่นอยู่ได้ ถ้าพ่อแม่ไม่มีอะไรแล้วทรายออกไปเที่ยวกับเพื่อนก่อนนะ เสียเวลาจริงๆ !” พูดจบรมิดาก็ลุกขึ้นแล้วเดินกระแทกเท้าขึ้นห้องไปทันที โดยที่หญิงสาวไม่ได้สนใจสายตาสามคู่ที่มองตามเลย “ตกลงจะเอายังไงล่ะในเมื่อยัยทรายไม่ยอมไปดูแลพี่จินแล้วน่ะ” วีระถามภรรยาที่นั่งน้ำตาคลออยู่ข้างๆ ที่จริงเขาก็พอจะรู้อยู่แล้วว่ายังไงรมิดาก็ไม่ยอมทำงานนี้แน่ แต่ไม่คิดว่าลูกจะพูดแบบนี้และยังขอแยกไปอยู่คนเดียวอีก “ตอนนี้ยังคิดไม่ออก” นวลพรรณพูดเสียงอ่อนแรง เธอไม่คิดว่าความห่วงความหวังดีจะทำให้รมิดารู้สึกรำคาญและอึดอัด “ให้เทียนไปก็ได้ค่ะ” รสิกาอาสาออกมาเพราะพอจะรู้ว่าบิดามารดาเครียดไม่น้อย และท่านคนนี้คงมีสำคัญกับครอบครัวเธอไม่น้อยแน่ๆ พอได้ยินที่ลูกสาวคนโตพูดทั้งวีระและนวลพรรณต่างก็หันมามองหน้ากันทันที “ส่วนเรื่องร้านก็ไม่ต้องเป็นห่วงนะคะเดี๋ยวเทียนจะหาเวลามาดูแลเอง คิดว่าท่านน่าจะเข้าใจนะคะว่าเรามีร้านต้องทำ” สองสามีภรรยานั่งนิ่งและนึกตามที่ลูกสาวคนโตพูดไปด้วย ซึ่งมันก็ตรงกับที่จินตนาบอกเอาไว้ว่าจะให้รสิกาเข้ามาดูแลร้านด้วย เพราะบางครั้งต้องมีการเข้ามาในเมืองด้วย “ก็ได้ ขอบใจเทียนมากนะลูกที่ช่วยแม่ เรื่องร้านไม่ต้องเป็นห่วงเดี๋ยวแม่ช่วยดูอีกแรง” เมื่อไม่มีทางเลือกรสิกาก็เป็นคำตอบสุดท้าย เป็นรสิกาก็ดีเหมือนกันอย่างน้อยลูกสาวคนนี้ก็คงไม่ทำให้เธอผิดหวังแน่นอน ส่วนรมิดาถ้าไปดูแลจินตนาจริงๆ คงไม่รอดแน่แต่เธอก็อยากให้รมิดาได้งานดีเงินดี หลังจากที่ตกลงกันเรียบร้อยแล้วทั้งสามคนก็แยกย้ายกันไปพักผ่อน ส่วนรมิดาก็ออกจากบ้านไปเที่ยวแล้วเหมือนกัน “เออลืมถามแม่ไปเลยว่าว่าคนที่จะให้ไปดูแลเป็นใครชื่ออะไรแล้วให้ไปดูแลที่ไหน” รสิกาพูดกับตัวเองเพราะเพิ่งนึกได้ “ช่างเถอะเดี๋ยวถึงเวลาก็รู้เองแหละว่าเป็นใคร” เธอพูดอย่างไม่ใส่ เพราะยังไงคนนั้นก็ต้องเป็นคนที่ไว้ใจได้ไม่อย่างนั้นบิดามารดาคงไม่ยอมให้เธอไปหรอก +++++
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม