บทที่ 5 ( 3 )

1822 คำ
รสิกาพอได้ยินก็ยิ้มกว้างแล้วกำลังจะพนมมือไหว้ขอบคุณหญิงสูงวัย แต่ก็ต้องชะงักเมื่อเสียงเข้มๆ พูดขัดขึ้นมาก่อน “ไม่ดีหรอกครับ ถ้าทำอย่างนั้นก็จะดูใจร้ายเกินไปรสิกาเขามาทำงานให้เราตั้งนานยังไม่ได้ไปเที่ยวไหนเลย นี่ก็ถือว่าเป็นโบนัสพิเศษแล้วกันนะครับ โอเคไหม” คำพูดหลังเขาหันไปถามหญิงสาวที่นั่งบูดอยู่ เห็นแล้วอดสะใจและสนุกไม่ได้ที่ได้แกล้งผู้หญิงคนนี้ “นั่นสิเนอะ หนูเทียนไปเที่ยวด้วยกันนี่แหละจะได้เอาไอเดียมาวาดแบบเครื่องประดับด้วยไงจ๊ะ” จินตนาเห็นด้วยกับลูกชายทันที ++++++ รสิกาเดินเข้ามาในบ้านหลังจากที่เธอไม่ได้กลับมาหลายวันแล้ว ทันทีที่ก้าวเท้าเข้าบ้านเธอก็รู้สึกคิดถึงอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่ได้บอกใครว่าจะกลับมาวันนี้นอกจากมารดาคนเดียว แต่เหมือนท่านจะลืมไปแล้วถึงไม่เห็นรถยนต์จอดอยู่ “คุณเทียน! มาได้ยังไงคะแล้วมาถึงนานหรือยัง ทำไมไม่โทรมาบอกพี่เลยว่าจะกลับบ้านดูสิพี่ไม่ได้ทำกับข้าวไว้รอเลย” รุ้งที่เดินมาออกมาดูเพราะรู้สึกว่ามีคนเดินเข้ามาในบ้าน พอเห็นว่าเป็นใครก็ต้องร้องถามอย่างดีใจ “ใจเย็นๆ นะคะพี่รุ้งค่อยๆ ถามก็ได้เทียนไม่รู้จะตอบคำถามไหนก่อนดีเลย” รสิกาพูดแล้วหัวเราะออกมาที่เห็นท่าทางการดีใจหญิงสาวรุ่นพี่ “เดี๋ยวเถอะไม่ต้องมาล้อพี่เลย ไปค่ะเข้าบ้านก่อนดีกว่า” รุ้งเดินมาจับมือเจ้านายสาวให้เข้าไปในบ้าน “พี่รุ้งอยู่บ้านคนเดียวเหรอคะพ่อกับแม่ออกไปไหนกันหมด” เธอถามเพราะไม่เห็นบิดาอยู่ในบ้านเช่นกัน “คุณวีเข้าไปดูร้านค่ะนี่ถ้าท่านรู้ว่าคุณเทียนจะมาคงอยู่รอแล้วแหละ ส่วนเออ...คุณนวลก็ออกไปหาคุณทรายค่ะ” รุ้งพูดเสียงอึกอักสีหน้ามีพิรุธเต็มที่ ทำให้เธอนึกเอะใจเลยถามอกมา “ไปหาทรายทำไมคะ วันนี้ทรายไม่ทำงานเหรอ” วันนี้เป็นวันทำงานเธอเลยสงสัยว่าทำไมมารดาถึงไปหาน้องสาวตอนนี้ “พี่ก็ไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นนะคะ เห็นคุณนวลคุยโทรหาแล้วคุณทรายไม่รับโทรศัพท์เลยเป็นห่วงค่ะกลัวว่าจะเกิดอะไรขึ้นเลยขับรถไปดูค่ะ” ก่อนที่คุณผู้หญิงของบ้านจะออกไปก็คุยโทรศัพท์อย่างหัวเสียเพราะติดต่อลูกสาวคนเล็กไม่ได้ แถมโทรหาเพื่อนสนิทก็ไม่มีใครรู้ว่ารมิดาไปไหน รสิกาถอนหายใจอย่างเบื่อหน่ายที่น้องสาวทำตัวแบบนี้อีกแล้วทั้งๆ ที่อายุก็ไม่น้อยแต่ยังทำตัวให้บิดามารดาเป็นห่วงอีก นี่คงไม่พ้นเที่ยวดึกทำให้ตื่นไปทำงานไม่ไหวแล้วไม่ไปทำงานจะเอาเงินที่ไหนใช้ พอไม่พอใช้ก็วิ่งมาขอบิดามารดาอีกซึ่งท่านก็ไม่เคยปฏิเสธมีเท่าไรให้หมดดีนะที่เธอเป็นคนคุมบัญชีทุกอย่าง พอคิดถึงบัญชีเธอก็ชะงักไปนิดแล้วหันมาพูดกับหญิงสาวรุ่นพี่ “เดี๋ยวเทียนขอไปดูร้านก่อนนะคะ ก่อนกลับไปบ้านไร่จะแวะเข้ามาหาอีกทีนะคะ” รสิกาพูดแล้วเดินไปที่รถยนต์ของตัวเองทันที เธอขับรถไปแวะร้านที่เปิดอยู่ตามห้างและขอสมุดบัญชีมาดูซึ่งทุกที่ก็ดูปกติดี แต่เธอก็ยังไม่ไว้ใจเลยขอสมุดกลับไปตรวจสอบอีกที ที่สุดท้ายที่เข้ามาคือที่ร้านใหญ่ซึ่งมีบิดานั่งดูแลอยู่ “อ้าวเทียนมาได้ยังไงลูก” วีระถามอย่างแปลกใจ เพราะไม่เห็นลูกสาวจะโทรมาบอกเลยว่าจะกลับบ้าน “พอดีคุณป้ามาหาหมอน่ะค่ะเทียนก็เลยขอกลับดูร้านด้วย” รสิกาพนมมือไหว้บิดาแล้วบอกกับท่าน “งั้นเหรอ แล้วหนูเป็นยังไงบ้างสบายดีไหม” วีระถามและสังเกตลูกสาวไปด้วย เท่าที่ดูรสิกาก็ดูสบายดีแต่แววตามีความหนักใจอยู่ในนั้น ซึ่งท่านก็พอรู้ว่าเรื่องอะไร “แม่โทรไปขอเงินมาใช่ไหมล่ะถึงได้ทำหน้าแบบนี้” “ค่ะ โทรมาเมื่อวันก่อนบอกขอเบิกเงินของเดือนหน้ามาใช้แล้วถึงเวลาก็หักไป” เพราะไม่เคยมีความลับกับบิดาเธอเลยเล่าความจริงให้ท่านได้ฟัง “พูดแบบนี้ทั้งปีถึงเวลาก็ไม่เคยให้หักเลย นี่คงไม่แคล้วเอาไปจ่ายค่าหวยกับซื้อเสื้อผ้าอีกแน่ ไม่รู้จะซื้อไปถึงเสื้อผ้าจะล้นตู้อยู่แล้ว” วีระพูดอย่างเบื่อหน่าย ท่านเองก็เล่นหวยแต่ก็รู้ตัวเองว่าเล่นได้แค่ไหน “เทียนก็ไม่รู้จะพูดยังไง นี่ก็ไปดูทรายที่คอนโดเห็นว่าติดต่อน้องไม่ได้” เธอคิดว่าต่อให้รมิดาอายุห้าสิบมารดาก็คงไม่เลิกเป็นห่วงและโอ๋หรอก “นี่ก็อีกคนวันก่อนก็โทรมาหาบอกว่าขอเงินห้าพันเงินเดือนแล้วจะมาคืนพ่อไม่ได้ให้ไปหรอก ขืนให้ก็เอาไปเที่ยวกับเลี้ยงเพื่อนหมด” วีระพูดแล้วส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ รสิกาอยู่คุยกับท่านและขอสมุดบัญชีไปตรวจและขอตัวกลับก่อน เพราะหญิงสูงวัยที่หาหมอเสร็จแล้วโทรเข้ามาบอก “เทียนกลับก่อนนะคะเอาไว้อีกสองสามวันเทียนจะมาหาอีก แต่พ่อไม่ต้องบอกแม่นะคะว่าเทียนมาเอาสมุดบัญชีไป” เรื่องบัญชีเธอได้ให้พนักงานที่ไว้ใจคอยดูแลให้ และไม่ลืมกำชับอีกฝ่ายไว้ด้วย “ได้ลูก เดินทางดีๆ นะมีอะไรก็โทรมาหาพ่อได้นะ” เห็นลูกสาวสบายดีเขาก็อุ่นใจ รสิกาขับรถของตัวเองมาเจอหญิงสูงวัยที่ร้านอาหาร เธอว่าจะขอเอารถไปด้วยเพราะเวลาเข้ามาในเมืองจะได้ไม่รบกวนชายหนุ่มหน้าดุปากร้ายต้องมารับส่งเหมือนทุกครั้ง “หนูเทียนมาแล้วเหรอจ๊ะ ร้านเป็นยังไงบ้างล่ะ” จินตนาเอ่ยปากถามทันทีที่หญิงสาวคราวลูกนั่งลงตรงข้ามเธอ “เรียบร้อยดีค่ะ คุณป้าคะหนูขอเอารถไปด้วยได้ไหม เวลากลับมาดูร้านจะได้ไม่รบกวนคุณอชิระต้องมาส่งไปมาอีกน่ะค่ะ” รสิกาพูดขอโดยที่ไม่ได้มองหน้าชายหนุ่มคนเดียวนั่งทำหน้าตึงอยู่ “เอาอย่างนั้นก็ได้จ้ะ ป้าว่าก็ดีเหมือนกันนะเพราะพี่เขาบ้างทีก็ติดงานทำให้ต้องเลื่อนนัดตั้งหลายครั้ง” จินตนาแกล้งพูดแล้วชำเลืองพ่อลูกชายตัวดีที่นั่งทำหน้าหงิกอยู่คนเดียว “ขอบคุณนะคะ” เธอยิ้มกว้างพร้อมกับพนมมือไหว้หญิงสูงวัย ระหว่างที่เธอกำลังจะสั่งอาหารอยู่ๆ ก็เสียงเรียกชื่อเธอดังมาจากด้านหลัง พอหันไปมองก็ยิ้มกว้างออกมาอีกครั้ง โดยที่ไม่รู้ว่ารอยยิ้มนั้นทำให้คนหน้าหงิกหางคิ้วกระตุกไปเลย “พี่กานต์มาทำอะไรที่นี่คะ” เธอลุกขึ้นยืนแล้วถามชายหนุ่มหน้าตี๋ออกมาอย่างดีใจที่ได้เจอหน้าอีกฝ่าย และเหมือนเธอจะเพิ่งนึกได้ว่าต้องแนะนำให้หญิงสูงวัยรู้จักเสียก่อนตามมารยาท “คุณป้าคะ นี่พี่กานต์เป็นทนายความค่ะ” เธอแนะนำให้หญิงสูงวัยรู้จักโดยที่ไม่ได้หันไปพูดกับชายหนุ่มอีกคนเลย “สวัสดีครับคุณจินตนา” กานต์พนมมือไหว้อย่างนอบน้อม “สวัสดีจ้ะ เรียกป้าเถอะอย่าเรียกคุณเลยนะ” จินตนาพูดกับชายหนุ่มหน้าขาวอย่างถูกชะตาพร้อมกับสังเกตท่าทางของหนุ่มสาวคู่นี้ไปด้วย “สวัสดีครับคุณอชิระ ผมเคยได้ยินแต่ชื่อเพิ่งเคยเจอตัวจริงก็วันนี้แหละครับ” กานต์ทักทายชายหนุ่มอีกคนด้วย “สวัสดีครับ ผมเองก็ได้ยินชื่อคุณมานานแล้วเหมือนกัน” อชิระพูดแล้วยิ้มน้อยๆ ให้อีกฝ่าย “นั่งด้วยกันไหมจ๊ะ” จินตนาเอ่ยปากชวน และคำชวนนี้ก็ทำให้อชิระหันขวับมามองมารดาทันที “ขอบคุณนะครับ แต่พอดีผมมากับลูกค้าแล้วเห็นคนหน้าเหมือนเทียนเลยเดินเข้ามาดูว่าใช่หรือเปล่า” กานต์พูดกับหญิงสูงวัย “เทียนหน้าโหล่ขนาดนั้นเลยเหรอคะ” รสิกาพูดแล้วมองค้อนชายหนุ่มรุ่นพี่หนึ่งที อาการที่หญิงสาวแสดงออกทำกานต์ยิ้มหล่อออกมาก่อนจะยกมือขึ้นลูบศีรษะเล็กแรงๆ อย่างหมั่นเขี้ยว “พี่กานต์ อย่ามาเล่นหัวเทียนนะผมยุ่งหมดแล้วเนี่ย!” รสิกาพูดแล้วจับมืออีกฝ่ายออกจากศีรษะแล้วยกมือไปตีแขนชายหนุ่มแรงๆ หนึ่งที กิริยาท่าทางที่หญิงสาวแสดงออกมาทำให้ผู้ร่วมโต๊ะมีความรู้สึกแตกต่างกัน จินตนาหันไปมองหน้าลูกชายที่ตอนนี้กัดฟันจนสันกรามขึ้นเป็นรูปอย่างชัดเจน ดูก็รู้ว่าอชิระกำลังไม่พอใจเจ้าตัวจะรู้หรือเปล่าว่ามีอาการแบบไหน ดีรู้สึกเยอะๆ ลูกชายแม่คนนี้จะทำหน้าที่กระทุ้งเอง “ผมขอตัวก่อนนะครับ” กานต์พูดกับสองคนที่นั่งอยู่ก่อนจะหันไปพูดกับหญิงสาวในดวงใจ “เอาไว้พี่จะโทรไปหานะ ดูแลตัวเองดีๆ นะเข้าใจไหม” เขาพูดแล้วยกมือไปลูบผมยาวของรสิกาอย่างเบามือ “รับทราบค่ะ อย่าลืมโทรหาน้องบ้างนะไม่ใช่โทรหาแต่สาวๆ อย่างเดียว” รสิกาพูดอ้อนเหมือนทุกทีแล้วยิ้มหวานให้ชายหนุ่มหน้าขาว และต้องตกใจเมื่อได้ยินเสียงแก้วแตกเธอเลยรีบหันไปดูก็เห็นว่าแก้วน้ำของอชิระตกแตก พนักงานพอเห็นก็วิ่งมาจัดการเก็บกวาดทันที “รบเป็นอะไรแก้วบาดมือหรือเปล่าลูก!” จินตนาถามอย่างเป็นห่วงพร้อมกับจับมือลุกชายพลิกไปมาเพื่อดูให้แน่ใจว่าไม่เศษแก้วมาโดนมือ “ไม่โดนครับ ขอโทษทุกคนด้วยนะครับ” เขาหันไปก้มศีรษะน้อยให้แขกที่อยู่ข้างโต๊ะแล้วหันมาจ้องหน้าหญิงสาวหน้าหวานตาเขม็ง แต่ดูเหมือนว่ารสิกาจะยังไม่รู้ตัวว่าตัวเองเป็นต้นเหตุทำให้แก้วแตก ซึ่งต่างจากกานต์ที่จับสังเกตได้ทันทีตามประสาคนเป็นทนายเขาเห็นสายตาที่เต็มไปด้วยความไม่พอใจจากดวงตาดุของเจ้าของสยามแคว ++++++
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม