“บ้านหนูอยู่หมู่บ้าน...ค่ะ บ้านของหนูเปิดร้านของเครื่องประดับค่ะ” รสิกาตอบไม่ได้รู้สึกว่าถูกซอกแซกแต่อย่างใด
จินตนาชะงักไปนิดเพราะคนรู้จักของเธอก็เปิดร้านขายเครื่องประดับเหมือนกัน
“ร้านของหนูชื่ออะไรจ๊ะ เอาไว้ว่างๆ ป้าจะได้ไปอุดหนุนและชวนเพื่อนๆ ไปด้วย”
“ร้านพีเจมส์ค่ะ” รสิกาตอบและยิ้มกว้างออกมา ส่วนจินตนาพอได้ยินชื่อร้านก็ชะงักไปนิดก่อนจะยิ้มกว้างเช่นเดียวกัน และตอนนั้นเองในหัวเธอก็คิดแผนอะไรขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว
“ป้าเองก็เคยซื้อของร้านนี้เหมือนกัน แต่ไปทีไรไม่เคยเจอหนูเลย” จินตนาพูดและรู้เลยว่าที่ตัวเองคุ้นหน้าเพราะหญิงสาวคนนี้เป็นลูกของคนที่เธอรู้จักนี่เอง แต่เธอจะยังไม่บอกให้เธอรู้หรอก
“หนูคงไปดูร้านอีกที่หนึ่งมั้งค่ะ ยังไงหนูต้องขอบคุณคุณป้ามากนะคะที่มาอุดหนุนร้านของหนู” รสิกาพนมมือไหว้หญิงสูงวัยอย่างนอบน้อม ยิ่งทำให้จินตนาเอ็นดูหญิงสาวตรงหน้ามากขึ้นไปอีก
“จ้ะ แล้วนี่หนูจะไปไหนต่อหรือเปล่าไปกินข้าวกับป้าไหม อีกเดี๋ยวลูกชายป้าก็มาแล้ว” จินตนาเอ่ยปากชวนหญิงสาวตรงหน้า
“ขอบคุณนะคะคุณป้าที่ชวนหนู แต่หนูต้องรีบเข้าไปดูร้านน่ะค่ะ” ไม่ใช่ว่าไม่อยากไป แต่เพราะเธอนัดกับลูกค้าคนหนึ่งไว้เลยปฏิเสธคำชวนของหญิงสูงวัย
“ไม่เป็นไรจ้ะ เอาไว้ว่างๆ ป้าจะเข้าไปหาที่ร้านนะ อย่างน้อยก็ให้ป้าเลี้ยงข้าวหนูสักมื้อก็ยังดี หวังว่าหนูคงไม่รังเกียจที่จะไปกินข้าวกับคนแก่นะ” จินตนาพูดและยิ้มออกมา
“ไม่เลยค่ะ คุณป้าจะมาเมื่อไรก็โทรหาหนูได้เลยนะคะ” รสิกาพูดพร้อมกับหยิบนามบัตรใบเล็กของตัวเองแล้วส่งให้หญิงสูงวัยทันที
จินตนารับมาดูแล้วยิ้มอออกมาอย่างดีใจ ที่จริงถึงหญิงสาวตรงหน้าจะไม่ให้เบอร์ติดต่อเธอก็สามารถไปหาถึงร้านและบ้านได้เลยด้วยซ้ำ
“ขอบใจนะจ๊ะ หนูเทียนจะไปร้านก่อนเลยก็ได้นะเดี๋ยวลูกชายป้าก็มาแล้วจะได้ไม่เสียเวลางานหนูด้วย” ที่จริงเธอก็อยากจะให้อชิระได้เจอหน้าหนูเทียนก่อน แต่เพราะรู้นิสัยลูกชายดีว่าถ้าทำแบบนี้เจ้าลูกตัวดีจะตีหน้านิ่งและถอยห่างทันที งานนี้เธอต้องวางแผนให้รอบคอบมากกว่านี้
รสิกามองหน้าหญิงสูงวัยอย่างตัดสินใจว่าจะเอายังไงดี ห่วงก็ห่วงแต่ลูกค้าที่นัดไว้ก็ต้องรับผิดชอบ แต่ในเมื่อคุณป้ายืนยันว่าอยู่ได้และลูกชายกำลังจะมาเธอเลยถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดออกมาว่า
“ถ้าอย่างนั้นหนูขอตัวก่อนนะคะ สวัสดีค่ะ” เธอพูดแล้วพนมมือไหว้หญิงสูงวัยไป
“จ้ะ แล้วเจอกันนะจ๊ะหนูเทียน” จินตนาพูดแล้วยกมือไปจับมือบางเอาไว้
หลังจากร่ำลาหญิงสูงวัยแล้วเธอก็เดินกลับมาที่รถ พอเข้ามานั่งด้านในก็อดที่จะหันไปมองไม่ได้กลัวว่าอาการท่านจะกำเริบขึ้นมาอีก แต่พอเห็นอีกฝ่ายยกมือโบกไปมาก็ทำให้เบาใจขึ้นมาได้ และภาวนาให้ลูกชายของท่านมาถึงไวๆ ถ้ารสิการออีกนิดคงจะได้เห็นว่าลูกชายของคุณป้าใจดีเป็นใคร
“แม่เป็นอะไรมากหรือเปล่าครับ” อชิระรีบวิ่งเข้ามาถามทันที
“ไม่เป็นอะไรแล้ว พอดีมีคนมาช่วยไว้ไม่อย่างนั้นแม่คงล้มหัวฟาดพื้นไปแล้ว” จินตนาบอกกับลูกชายออกมา
“ไปหาหมอหน่อยดีไหมครับ ให้หมอตรวจดูดีกว่า” อชิระพูดแล้วนึกโทษตัวเองที่ไม่ได้อยู่ดูแลมารดา
“ไม่ต้องหรอก แม่แค่น้ำตาลต่ำแล้วก้มลงหยิบของเลยหน้ามืด นี่พอได้กินยากินลูกอมแล้วก็ดีขึ้นแล้ว ว่าแต่ของที่ให้ไปซื้อได้มาครบไหม” เธอถามลูกชายออกมา
อชิระมองหน้ามารดาอย่างอ่อนใจแล้วถอนหายใจออกมาเบาๆ กับความดื้อของท่าน เพราะเรื่องหาหมอเป็นอะไรที่ท่านดื้อมากนี่ถ้าชวนไปเที่ยวก็ถึงไหนถึงกัน มารดาเขาถ้าไม่เป็นโรคเบาหวานคงเปรี้ยวซ่าส์กว่านี้แน่นอน
“ก็ได้ครับ แต่ถ้าเป็นอีกครั้งแม่ต้องไปหาหมอนะ ไม่อย่างนั้นโปรแกรมเที่ยวเดือนหน้าจะถูกยกเลิกทันที” อชิระพูดดักทางเอาไว้ก่อน และต้องแอบยิ้มเมื่อเห็นว่าท่านมองค้อนใส่
“ก็ได้ๆ แวะหาหมอก็ได้เรื่องแค่นี้ไม่เห็นต้องเอาเรื่องเที่ยวมาขู่เลย” จินตนาบ่นอุบอิบที่โดนลูกชายเอาเรื่องเที่ยวมาพูดขู่เธอแบบนี้
“ถ้าอย่างนั้นเราไปทำบุญกันดีกว่าเดี๋ยวจะได้ไปหาหมอต่อ” อชิระเดินกลับไปเอาที่รถแล้วค่อยเดินพาท่านไปทำบุญตามที่ต้องการ
หลังจากทำบุญเรียบร้อยอชิระก็ขับรถมาที่โรงพยาบาลเอกชนที่มารดารักษาตัวอยู่เป็นประจำ เขาจัดการติดต่อที่เคาน์เตอร์ให้ทันที เพราะเวลามารดามาหาเขาจะเป็นคนพามาเองเลยรู้ว่าต้องทำยังไงบ้าง แน่นอนการที่ชายหนุ่มปรากฏตัวที่โรงพยาบาลก็เรียกสายตาและความสนใจจากนางพยาบาลและสาวๆ ได้เป็นอย่างดี
“สวัสดีค่ะคุณป้าวันนี้ป่วยเป็นอะไรมาเหรอคะ” นางพยาบาลสาวสวยเดินเข้ามาถามไถ่อย่างเป็นห่วง แต่สายตากลับคอยชำเลืองไปที่ชายหนุ่มร่างสูง
“เวียนหัวหน้ามืดนิดหน่อยจ้ะ” จินตนาตอบแล้วรู้สึกไม่ค่อยพอใจที่หญิงสาวตรงหน้าดูจะสนใจลูกชายมากกว่าเธอ
“ทำบัตรเรียบร้อยแล้วใช่ไหมคะ เดี๋ยวขิงลัดคิวให้ก่อนก็ได้ค่ะ” นางพยาบาลสาวรีบอาสาทันที แต่รอยยิ้มก็ต้องค้างเมื่อชายหนุ่มร่างสูงที่นั่งเงียบมาตลอดพูดออกมา
“ไม่เป็นไรครับ แม่ผมท่านไม่ได้เป็นอะไรมากไม่ต้องไปแซงคิวคนอื่นหรอก พวกเขาอาจจะเป็นหนักกว่าแม่ผมก็ได้” อชิระพูดแล้วส่งสายตาตำหนิให้หญิงสาวที่ทำหน้าที่ดูแลคนป่วย เขาไม่ชอบใช้อภิสิทธิ์ใดๆเพราะคิดว่าคนทุกคนเท่าเทียมกันไม่ว่ารวยหรือจน
“ถ้าอย่างนั้นขิงขอตัวก่อนนะคะ” ไม่คิดว่าชายหนุ่มร่างสูงจะตำหนิและปากร้ายขนาดนี้ เธออุตส่าห์หวังดีจะช่วย ถ้าอย่างนั้นก็นั่งรอไปเถอะ
“รบไปพูดกับสาวสวยอย่างนั้นได้ยังไง” จินตนาแกล้งถามออกมา ที่จริงเธอก็ไม่ค่อยชอบหรอกที่หญิงสาวคนนั้นทำแบบนี้ แต่เพราะอยากรู้ว่าลูกชายจะมีปฏิกิริยายังไง และก็ไม่ผิดจากที่เธอคิดไว้
“ผมไม่ชอบผู้หญิงสวยแต่นิสัยแบบนี้หรอกครับ” สั้นๆ ได้ใจความไม่ต้องถามหรือขยายความใดๆ
สำหรับเขาความสวยไม่ได้ทำให้เขาสนใจและหวั่นไหวได้แล้ว เพราะประสบการณ์ที่เจอมาไม่ได้การันตีว่าผู้หญิงสวยจะนิสัยดีน่ารักเหมือนกันทุกคน ความดีต่างหากที่เขาสนใจเพราะมันจะไม่ได้เสื่อมถอยตามกาลเวลา
+++++