ตรงหัวมุมถนนของย่านการค้าเล็กๆ แห่งหนึ่ง เป็นที่ตั้งของร้านคาเฟ่ขนาดย่อม ผู้คนที่สัญจรผ่านไปผ่านมามักสะดุดตากับร้านนี้ ไม่ว่าจะนอกร้านหรือในร้านจัดตกแต่งอย่างน่ารัก สดใส มีชีวิตชีวา เหมาะแก่การแวะไปจิบกาแฟสักแก้วหรือทานขนมหวานน่าอร่อยสักชิ้น
“ฮือ เค้กส้มอร่อยมาก ฉันซื้อกลับไปฝากพี่พายัพด้วยดีกว่า” เจ้าของเสียงพูดเป็นหญิงสาวหน้าตาสะสวย ผมสีดำขลับของเธอปล่อยยาวสยายดูมีวอลลุ่มเป็นธรรมชาติ
ตรงข้ามหญิงสาวซึ่งนั่งโต๊ะเดียวกันภายในร้านคาเฟ่เล็กๆ น่ารักแห่งนี้ คือผู้หญิงอีกสองคน คนหนึ่งมีผมสีน้ำตาลกาแฟดัดเป็นลอนสวยงามขับให้ใบหน้าของเจ้าตัวดูน่ามองและน่ารักเข้าไปกันใหญ่ ยิ่งอยู่ในชุดเดรสจิ๋วสีชมพูจ๋านั่นยิ่งทำให้ลุคของเธอดูเป็นคุณหนูอย่างไม่ต้องสงสัย
ผู้หญิงคนที่นั่งข้างๆ กันอีกคนมีใบหน้าสวยเปี่ยมไปด้วยเสน่ห์สะกดสายตาคนมอง แม้เธอจะรวบผมเป็นมวยลวกๆ ไว้บนหัวและสวมใส่เสื้อผ้าธรรมดาอย่างเสื้อยืดสีขาวและกางเกงยีนส์ขาดวิ่นตรงเข่า แต่กระนั้นไม่ได้ทำให้ออร่าความสวยของเจ้าตัวลดน้อยลงเลย
“ฉันหวังว่าพี่พายัพจะไม่เป็นเบาหวานเข้าสักวันนะ” ผู้หญิงลุคคุณหนูพูดจบก็หัวเราะคิกคัก แต่เพื่อนของเธอกลับทำหน้าค้อนปั้นปึ่ง
“นี่แกแช่งหลัวฉันเหรอยะยัยเห็ดเผาะ!” ผู้หญิงผมดำขลับว่าเข้าให้ แต่น้ำเสียงไม่ได้ดูโกรธเคืองอย่างที่ควรจะเป็น
“ฉันเห็นด้วยกับเห็ดมันนะ บ้านแกก็เปิดร้านขนมหวาน แค่นั้นก็น่าจะพอทำให้หลัวของแกเป็นเบาหวานได้แล้ว นี่ยังจะขุนด้วยขนมพวกนี้อีก” ผู้หญิงผมรวบเป็นมวยลวกๆ เอ่ยยิ้มๆ
“แหม พี่พายัพก็ไม่ได้ทานบ่อยขนาดนั้นหรอกน่า อีกอย่างฉันซื้อเค้กกลับไปทุกครั้งที่มาเนี่ย ก็อุดหนุนเพื่อนไม่ใช่หรือไง” เธอชี้แจงเหตุผลให้เพื่อนเข้าใจก่อนตักเค้กส้มอีกคำเข้าปาก ซึ่งเป็นจังหวะพอดีกับที่เพื่อนสาวอีกคนโผล่เข้ามา
“วันนี้จะสั่งอะไรกลับไปอีกดีล่ะ”
“ถามอย่างคนรู้ใจ” เธอฉีกยิ้มให้เพื่อนพร้อมชูนิ้วโป้งให้ด้วย
‘จริงใจ’ ยิ้มอ่อน ส่ายหน้าเล็กน้อย มือถือปากกาและสมุดเล่มเล็กเตรียมจดออเดอร์
จะไม่ให้เธอรู้ใจได้อย่างไรในเมื่อต้นหยงมาที่ร้านทีไรก็สั่งขนมกลับบ้านทุกรอบ คงไม่มีเมนูไหนในร้านที่เธอยังไม่ลองทาน จริงใจคิดว่างั้น
เมื่อจดเมนูที่ต้นหยงต้องการเสร็จแล้ว จริงใจหมุนตัวเดินไปที่เคาน์เตอร์ ฉีกใบเมนูเสียบไว้บนแท่งเหล็กแหลมๆ ก่อนเดินกลับมายังโต๊ะของเพื่อนอีกครั้ง ตอนนี้คนในร้านมีแค่โต๊ะเพื่อนเธอ และอีกอย่างก็ใกล้เวลาปิดร้านแล้วด้วย จริงใจที่เป็นผู้จัดการร้านจึงมีอภิสิทธิ์จะทำตัวว่างแบบนี้
จริงๆ เธอสมควรทำตัวว่างและคอยสอดส่องดูแลร้านแทนเจ้าของร้านตัวจริงแค่นั้นก็เพียงพอแล้ว ติดตรงเจ้าตัวเป็นคนไม่ชอบอยู่เฉยๆ จึงลงมาทำหน้าที่ปะปนไปกับเด็กเสิร์ฟ
“เห็นชุดที่ส่งมาให้ดูก็ไม่ได้แย่เลยนะ ถึงจะกระโปรงสั้นไปนิดนึงก็เถอะ”
“แหม แม่คนช่างเลือก ยังไงมันก็ไม่ได้สั้นจนปิดจิ๋มแกไม่มิดหรอกนะ ใช่ไหมล่ะ” เห็ดหอม ผู้หญิงผมสีน้ำตาลกาแฟจีบปากจีบคอว่า เบรกความคิดของจริงใจเสียจนหัวทิ่ม
ใช่แล้ว..เธอเป็นพวกแต่งตัวไม่เก่ง ไม่ชอบนุ่งน้อยห่มน้อย กระโปรงสั้นๆ หรือเสื้อเปิดไหล่แทบจะไม่ได้ขึ้นมาอยู่บนตัวเธอ หากไม่มีความจำเป็นต้องใส่มันจริงๆ ไม่มีทาง..แต่งตัวแบบนั้นมันหวาบหวิวเกินไป จนเดี๋ยวนี้เพื่อนๆ ตั้งฉายาให้เธอว่าแม่ชี
“สิ่งเดียวที่ยัยนี่มั่นใจจะแต่งคงเป็นนุ่งขาวห่มข่าว” ต้นหยงร่วมด้วยช่วยซ้ำ คำพูดเธอถูกใจเห็ดหอมจนหัวเราะคิกคักออกมา
“อย่าไปแซวมันน่า พวกแกก็รู้ว่าชั่วชีวิตนี้มันไม่ชอบแต่งตัวโป๊” สตาร์ออกตัวปกป้องจริงใจ ผู้หญิงคนที่รวบผมเป็นมวยลวกๆ นั่นแหละ
“แต่เสื้อผ้าแบรนด์นี้ไม่โป๊สักหน่อย แล้วที่จริงใจบอกว่ากระโปรงสั้น ให้ตายเถอะย่ะ ฉันใส่ยังสั้นกว่านี้อีก” เห็ดหอมกลอกตา
“ใช่ ของยัยเห็ดนะสั้นจนเห็นง่ามตูดแหนะ” เหมือนจะเข้าข้าง แต่ดูก็รู้ว่าต้นหยงแอบจิกกัดเพื่อนเบาๆ เห็ดหอมถึงได้ยื่นเล็บชมพูเรียวยาวหมายจะหยิกเข้าสักที
“ไม่รู้ล่ะ แกบอกแล้วว่าจะทำ ฉันก็ตอบตกลงกับเจ้าของแบรนด์ไปแล้วด้วย แกรู้ไหมจริงใจ งานนี้มีแต่คนอยากได้นะ แบรนด์เสื้อผ้าเฌอมาร์นี่ ฉันต้องบอกแกกี่ครั้งว่าแบรนด์นี้ดังมากๆ”
จริงใจยู่ปาก สีหน้าหงอยลงนิดหน่อยที่ฟังเห็ดหอมพูดแล้วคล้ายว่าเธอกำลังโดนแม่ดุ
“ก็ไม่ได้บอกว่าจะไม่ทำนี่นา แค่พูดว่ากระโปรงสั้นเฉยๆ”
“แกนี่ชอบมีปัญหากับกระโปรงอยู่เรื่อย ฉันอยากรู้จริงๆ ว่าอะไรที่ทำให้แกขาดความมั่นใจขนาดนี้ ดูซิ..ขาแกน่ะโคตรสวยเลยรู้มั้ย”
แทนที่จะภูมิใจกับคำชม จริงใจกลับสะดุ้งตัวเล็กน้อย หากแต่ไม่มีใครทันสังเกต
“ก็แค่ไม่ชอบน่ะ ไม่มีอะไรหรอก แต่งานนี้ฉันรับปากแกแล้ว ก็ต้องทำสิ”
“ถูกต้องค่ะ แกต้องทำ เพราะไม่อย่างนั้นฉันเสียชื่อแน่” เห็ดหอมไม่อยากวาดภาพใบหน้ากราดเกรี้ยวของพี่พิ้งค์เจ้าของแบรนด์เสื้อผ้าเฌอมาร์นี่เมื่อรู้ว่านางแบบคนใหม่ยกเลิกงานตั้งแต่ยังไม่ทันแนะนำตัวให้รู้จักกันด้วยซ้ำ มีหวังเห็ดหอมคงถูกฉีกอก
“ไม่มีอะไรน่าเป็นห่วงหรอก ก็แค่ใส่ชุดที่ทางทีมงานเตรียมไว้ให้ แต่งหน้าทำผมนิดหน่อย แล้วก็โพสต์ท่าตามที่เขาบรีฟไว้ ง่ายๆ แค่นี้ ฉันเชื่อว่ามันไม่ยากเกินความสามารถแก”
เห็ดหอมยื่นมือขาวสะอาดของเธอตบหลังมือจริงใจปุๆ ราวกับจะให้กำลังใจ คนตัวเล็กรู้สึกมีไฟขึ้นมานิดหน่อย
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอตัดสินใจรับงานถ่ายแบบเสื้อผ้า แต่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่เห็ดหอมเสนองานแนวๆ นี้มาให้เธอ แน่นอนล่ะ ยัยคนนี้รู้จักคนในวงการแฟชั่นตลอดไปจนถึงวงการบันเทิง ก็เพราะเธอเป็นดารานักแสดงคนหนึ่ง เพิ่งผันตัวมาเป็นหลังจากเรียนจบนี่แหละ และเส้นทางสู่ดาวของเพื่อนคนนี้ก็กำลังรุ่งโรจน์ไปได้ดีด้วย
“ดีใจนะที่แกยอมเปิดใจ” สตาร์หันมายิ้มอ่อนให้เพื่อนรัก ผู้หญิงที่ดูอันตรายและหัวรุนแรงสำหรับคนอื่น แต่กับจริงใจเธอมักอ่อนโยนโอนอ่อนด้วยเสมอ อาจมีบ้างบางครั้งที่ทำตัวดุสุดๆ ประหนึ่งคุณแม่
แต่ก็แหงล่ะ จริงใจยกให้สตาร์เป็นแม่ทูนหัวของเธอเอง
“ก็อยากลองชาเลนจ์อะไรใหม่ๆ ให้ตัวเองบ้าง ชีวิตฉันจะจืดชืดไปตลอดไม่ได้หรอกจริงไหม”
“พูดอีกก็ถูกอีก” สองเพื่อนซี้อย่างต้นหยงและเห็ดหอมแทบจะพูดออกมาพร้อมกัน
ตั้งแต่เรียนจบ จริงใจก็ไม่ได้หาสมัครงานอย่างที่เพื่อนคนอื่นๆ เขาทำกัน ข้อสงสัยที่ว่าทำไมเธอถึงกลายมาเป็นผู้จัดการร้านคาเฟ่เล็กๆ แห่งนี้มันมีเหตุผลอยู่ไม่กี่ข้อ
หนึ่งเลยก็คือคาเฟ่เป็นของน้ารุ้ง น้าสาวแท้ๆ ของเธอเอง ก่อนเรียนจบน้ารุ้งเปรยกับเธอว่าอยากได้ตัวมาช่วยดูแลร้านแทนน้า จริงใจไม่เห็นว่ามันจะเป็นอะไร เธอเองก็สนิทกับอารุ้งเลยไม่คิดปฏิเสธ
ส่วนข้อสองเธอชอบทำขนมเป็นทุนเดิม ได้คิดสูตรขนมใหม่ๆ ให้ลูกค้าคือความภูมิใจอย่างหนึ่งที่ทำให้มีความสุขและอยากทำงานที่คาเฟ่นี้ทุกวัน สาม..ในช่วงคิดทดลองปรับปรุงสูตรขนม เพียงพอที่จะทำตัวให้ยุ่งจนไม่มีเวลากลับบ้านและต้องนอนที่ร้าน นั่นคืออีกสิ่งที่จริงใจปรารถนาจะยังได้ทำงานนี้ต่อๆ ไป
น้อยคนนักจะรู้ว่าทำไมเธอถึงไม่ชอบกลับบ้าน
เวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว พนักงานของร้านต่างทำหน้าที่ของตัวเอง จัดการเก็บกวาดเช็ดถูโดยมีจริงใจและเพื่อนทั้งสามคนคอยช่วยอีกแรง แม้เห็ดหอมจะบ่นตอนกลิ่นผ้าเช็ดโต๊ะติดมือเธอด้วยสีหน้าขยะแขยง แต่ก็ยังช่วยเช็ดโต๊ะจนเป็นมันวับ สะอาดเอี่ยมอ่อง
“กลับกันดีๆ นะคะ” จริงใจโบกไม้โบกมือให้พนักงานในร้าน ทุกคนกำลังทยอยกลับที่พักของตนหลังจากทำงานอย่างขยันขันแข็งมาทั้งวัน
“งั้นฉันกลับก่อนล่ะ ต้องแวะไปส่งสตาร์ด้วย” ต้นหยงคว้าถุงใส่ขนมก่อนโบกมือให้เพื่อนพอเป็นพิธีแล้วเดินออกไปก่อน
“แน่ใจนะว่าแกไม่อยากให้ฉันไปด้วย” สตาร์ยังไม่เดินตามต้นหยง แต่หยุดถามเพื่อนให้แน่ใจเพราะเธอค่อนข้างรู้จักจริงใจดีกว่าคนอื่นๆ
“เกือบห้าปีที่รู้จักกันมาเราพึ่งพาสตาร์มาเยอะแล้ว ให้เราลองทำอะไรด้วยตัวเองโดยที่ไม่มีแกบ้างเถอะนะ” ดูคล้ายกับคำร้องขอแต่ยิ้มอ่อนที่จริงใจส่งให้สตาร์ทำให้เพื่อนเข้าใจได้ในทันที
เริ่มจะเข้าใจโลกขึ้นแล้วสินะยัยขี้แง
สงสัยว่าสัญชาตญาณความเป็นแม่ทูนหัวมันคงแผ่ล้นมากเกินไปหน่อย บอกเลยว่าอดเป็นห่วงจริวใจไม่ได้อยู่ดี
“หวังว่าที่นั่นจะมีคนใจดีกับแกนะ” สตาร์ส่งยิ้มอ่อนก่อนหมุนตัวตามต้นหยงออกไป และเพียงไม่นานสตาร์กับเห็ดหอมเห็นรถออดี้คันสีขาวของต้นหยงแล่นฉิวออกจากร้านสู่ถนนใหญ่
“แกไปอาบน้ำสิ คงอีกเกือบๆ ชั่วโมงอาคิเรย์ถึงจะมา”
จริงใจพยักหน้ารับทราบ ไม่ได้ตั้งคำถามว่าทำไมเฮียคิเรย์ คุณอาของเห็ดหอมยอมมาเป็นสารถีให้เราสองคนในวันนี้ เพราะปกติเขาก็งานรัดตัวจะตายไป
ครึ่งชั่วโมงต่อมา จริงใจไม่พิถีพิถันกับการแต่งตัวมากนัก เธอจัดการตัวเองให้อยู่ในชุดสุภาพที่สุด และเฉิ่มเชยที่สุดเช่นกันในความคิดของเห็ดหอม เสื้อยืดแขนยาวเรียบๆ สีขาวไม่มีลวดลายอะไรเลยกับกระโปรงสีขาวฟูๆ ราวกับจะใส่ไปเดินเล่นริมชายหาด
ซึ่งมันก็เข้ากันนั่นล่ะ แต่มันน้อยเสียจนคนมองอย่างเธอหดหู่ใจ หากไม่ติดที่เบ้าหน้าของเพื่อนคนนี้สวยสะบัดล่ะก็ มันคงเหมือนแม่ป้าดีๆ นี่แหละ
“เอาลิปนี่ไปทาปากหน่อย คนก็ขาว ชุดก็ขาว มันจะดูซีดเกินไปละ”
จริงใจไม่ได้ถือสาคำพูดเพื่อนเลย กลับกันเธอยิ้มเขินแล้วรับลิปสติกสีชมพูตุ่นมาจัดการกับริมฝีปากของตน
“ฉันลืมบอกแกไปเลย คนที่มารับเราไม่ใช่อาคิเรย์แล้วนะ อาไม่ว่างแล้ว”
“งั้นเราจะไปกับใครล่ะ” จริงใจถามโดยที่หน้าไม่ได้ผละไปจากกระจกพกพาบานเล็กของเธอเลย ลิปสติกนั้นวาดแต้มบนริมฝีปากบอบบางอย่างตั้งใจ
“เฮียมาร์คัส”
มือที่เคยอยู่นิ่งๆ ชักกระตุกขึ้นมาจนลิปสติกทาเลยเลอะขอบปากไปถึงแก้ม เห็ดหอมเอ็ดตะโรใหญ่ รีบหยิบทิชชู่เช็ดพร้อมบ่นให้กับความงุ่มง่ามเงอะงะของจริงใจ
ตอนนี้เจ้าตัวแทบจะไม่รับรู้อะไรแล้วนอกจากชื่อเมื่อสักครู่ที่เห็ดหอมพูดออกมา
เฮียมาร์คัส..
เฮียมาร์คัสน่ะเหรอ
ผู้ชายคนนั้นเนี่ยนะที่จะมารับเธอกับเห็ดหอม
จู่ๆ จริงใจก็รู้สึกว่าอากาศภายในร้านลดน้อยลงไปทุกที เพราะเธอเริ่มรู้สึกหายใจไม่ทั่วท้อง สมองหนักอึ้งและยิ่งไปกว่านั้น ก่อนจะทันได้ตั้งคำถามอะไรอีก รถสปอร์ตสีดำเป็นมันคันคุ้นตาก็แล่นเข้ามาภายในบริเวณร้าน
กระจกรถฝั่งคนขับถูกลดลงมาให้เห็นเจ้าของที่นั่งผึ่งผายด้านใน ไม่ต้องบอกก็รู้ล่ะว่านั่นแหละเขา..เฮีย ‘มาร์คัส’ผู้ชายที่จริงใจไม่อยากทำความรู้จักมากที่สุด