“แล้วยัยน้ำหวานหละ?” ฉันว่าพลางมองหาเพื่อนสาวอีกคน
“ไปห้องน้ำ ว่าแต่เมิงเอาไรดีเดี่ยวสั่งให้” แตงกวาถามฉันว่าจะดื่มอะไร
“อะไรก็ได้... ได้หมดคร้าเพื่อนสาว แต่ขอเบาๆ นะ ไม่อยากเมา” ฉันบอกแตงกวาไป จากนั้นยัยแตงกวาก็ไปสั่งเครื่องดื่มให้ฉัน ที่ฉันไม่อยากเมาน่ะเพราะว่าคืนนี้เป็นคืนแรกที่ต้องอยู่ห้องพี่ธามน่ะสิ ขืนเมาได้โดนพี่ธามกินหัวแน่ ยิ่งดุๆ อยู่ด้วยรายนั้นอ่ะ
วันนี้ฉันใส่ชุดเดรสสีดำพอดีตัวเผยให้เห็นส่วนเว้าส่วนโค้งเล็กน้อยที่ช่วงแขนเป็นผ้าชีฟองบางๆ พองๆ ดูเหมือนเสื้อแขนตุ๊กตา ตรงอกเว้านิดหน่อยพอเห็นเนินอกเบาๆ ยาวแค่เข่ากับรองเท้าส้นสูงสีดำ ผมยาวสีน้ำตาลเข้มถูกปล่อยสยายลงมาจนถึงกลางหลัง จากนั้นไม่นานแตงกวาก็เดินกลับมาพร้อมกับเครื่องดื่มสีสวยในมือและข้างกันก็มียัยน้ำหวานเดินมาด้วย วันนี้น้ำหวานใส่ชุดเดรสสีครีมน่ารักเข้ารูปดูหวานปนเซ็กซี่เบาๆ
“เอาไปค่ะเพื่อนสาว บลูมาการิต้า (BLUE MARGARITA)” ค็อกเทลสีฟ้าสดใสในมือของแตงกวาถูกส่งให้ฉัน ฉันรับมาก่อนจะจิบเครื่องดื่มสีสวยแล้ววางแก้วลงบนโต๊ะตัวเล็กข้างหน้า จากนั้นเราก็พูดคุยกันอย่างออกรสเพราะฉันกลับเชียงใหม่ไปแต่งงานมาหนึ่งอาทิตย์เต็ม แล้วก็มัวแต่ยุ่งๆ กับงานแต่งไหนจะไปลองชุดไหนจะต้องเตรียมตัวอีก ซึ่งทั้งหมดแม่ของฉันกับแม่ของพี่ธามช่วยกันจัดการทั้งหมด ลากฉันไปทางนู่นทีทางนี้ทีจนฉันไม่มีเวลาที่จะโทรหาเพื่อนสาวเลย และแน่นอนว่าเรื่องที่ฉันแต่งงานแล้วเพื่อนสาวของฉันก็ยังไม่มีใครรู้ เพราะฉันไม่รู้ว่าจะเริ่มบอกกับพวกมันยังไงดี แต่ฉันก็ตั้งใจว่าจะบอกนั่นแหละแต่ขอเวลาทำใจแป๊ป ก็นะ….อยู่ดีๆ ก็มีสามีเพื่อนจะตกใจไหมนะ?
“ไปเยี่ยมที่บ้านมาเป็นไงบ้างเมิง” เป็นน้ำหวานที่เอ่ยถามฉัน
“ก็ดี... ไม่ได้มีอะไรพิเศษ” ฉันตอบไปแค่นั้นพลางยิ้มแห้งๆ จะให้ตอบพวกมันไปได้ไงว่ากลับไปครั้งนี้ได้สามีกลับมาด้วย
“นี่ๆ พวกเมิงเห็นผู้ชายที่อยู่โซนวีไอพีด้านบนนู่นไหม งานดีมากกกก... หล่อมากคร้า” ยัยแตงกวาที่ไม่ได้สนใจบทสนทนาของฉันกับน้ำหวานเลยหันมาสะกิดฉันกับน้ำหวานให้หันไปตามเรียวนิ้วที่ชี้ขึ้นไปด้านบนชั้นสองที่เป็นโซนวีไอพีซึ่งมีโต๊ะหนึ่งที่ตั้งอยู่ติดกับระเบียงกระจก ทันทีที่แหงนหน้าขึ้นไปสายตาของฉันก็สบเข้ากับสายตาของใครบางคนที่กำลังยืนจ้องมองมายังโต๊ะที่ฉันนั่งอยู่กับเพื่อนทำเอาฉันสำลักค็อกเทลทันที ...พี่ธาม!!... ทำไมโลกมันกลมแบบนี้ว่ะ!! ฉันจำได้ว่าเมื่อเย็นก่อนที่เขาจะออกจากห้องไปเขาสั่งว่าถ้าฉันออกไปไหนให้ไลน์บอกเขาด้วยแต่ฉันไม่ได้ทำ เอาไงละทีนี้ฉันจะโดนกินหัวไหม
“เป็นไงละหล่อจนอึ้งไปเลยหละสิ” ยัยแตงกวาหันมายิ้มกรุ่มกริ่มกับฉัน
“…………” ฉันได้แต่นิ่งรีบหลบสายตาของคนด้านบนที่มองมา
“เหมือนเขาจะมองเมิงเลยวะอายตา” น้ำหวานที่มองอยู่สักพักเอ่ยขึ้นมา
“จะบ้าเหรอเขาจะมองฉันทำไม เอ้า!.. ดื่มๆ อย่าไปสนใจเลย มาดื่มค่ะไม่ได้มามองผู้ชาย” ฉันแกล้งเปลี่ยนเรื่องพร้อมยกแก้วค็อกเทลของตัวเองดื่มรวดเดียวหมด นาทีนี้อยากจะเมาๆ ให้มันรู้เรื่องไปเลยจะได้หลับง่ายๆ ขี้เกียจฟังพี่ธามบ่นจนหูชา... แต่จู่ๆ ก็มีผู้ชายคนหนึ่งเดินเข้ามาทักพวกเรา
“สวัสดีครับ” ฉันละสายตาจากพี่ธามแล้วหันมาสนใจคนที่มาใหม่
“ค่ะ... ว่าไงคะ?” เป็นยัยแตงกวาที่ถามออกไป ผู้ชายตรงหน้าเขาแต่งตัวดูดีแถมหน้าตาดีอีกต่างหาก
“ผมธันวานะครับ ขอชนแก้วด้วยได้ไหมครับ คุณ……” เขาพูดพลางยื่นแก้วมาตรงหน้าฉันพร้อมกับเว้นวรรคให้ฉันตอบชื่อของตัวเอง ฉันที่ยังงงๆ อยู่ ไม่ได้ตอบอะไรไป
“แตงกวาค่ะ… ฉันชื่อแตงกวา ยินดีที่ได้รู้จักนะคะ... และนี่อายตา กับ น้ำหวาน” เป็นยัยแตงกวาที่ยื่นมือเข้ามาช่วย ...ขอบใจนะเพื่อน...
“ชื่อน่ารักจังเลยนะครับ... อายตา “ ธันวาพูดพลางยิ้มหวานมาให้ฉัน ฉันไม่ได้พูดอะไรเพียงแต่ยิ้มแห้งๆ ไปให้เขา แล้วแอบปลายตามองขึ้นไปด้านบนเพื่อดูว่าพี่ธามยังอยู่ไหม บุญบาปพี่ธามหายไปแล้ว! ไม่รู้ว่าไปไหนแต่นั่นก็ทำให้ฉันโล่งใจแบบแปลกๆ
“ขอบคุณค่ะ” ฉันตอบกลับธันวาไปสั้นๆ ไม่ได้คิดจะต่อบทสนทนากับเขาแต่ดูเหมือนเขาพยายามที่จะพูดคุยต่อ
“มาเที่ยวกันแค่สามคนเหรอครับ แล้วมาที่นี่บ่อยไหมครับ? ผมมาที่นี่บ่อยนะแต่ไม่เคยเห็นพวกคุณเลย”
“ค่ะ... ก็ไม่ค่อยบ่อยเท่าไรค่ะ” ฉันตอบเขาไปเพราะไม่อยากเสียมารยาท
“งั้นถ้าไม่รับเกียจชนแก้วกับผมสักหน่อยนะครับ” พูดพลางส่งสายตาหวานเยิ้มมาให้ฉันอีกที ...ฮึ้ย! ทำไมขนลุกแปลกๆ วะ...
“เขาขอชนแก้วก็ชนไปสิ รออะไรย๊ะ!” แตงกวากระซิบข้างหูของฉันเบาๆ พร้อมกับยัดแก้วเครื่องดื่มแก้วใหม่ใส่มือฉันด้วย
“ค่ะ... ชนค่ะ” ฉันยิ้มแบบขอไปทีให้เขาพร้อมกับยกแก้วขึ้นชนกับเขา แต่ก่อนที่ฉันจะดื่มเครื่องดื่มสีสวยแก้วใหม่ก็มีมือหนาคว้าหมับมาที่ข้อมือฉันพร้อมกับดึงแก้วในมือไปดื่มรวมเดียวจนหมด ฉันหันไปตามแรงดึงนั่น
“พี่ธาม!!” หลุดเรียกชื่อเขาออกมาด้วยความตกใจ ก็ฉันไม่คิดนี่ว่าเขาจะมาอยู่ตรงนี้
“กลับบ้าน!!!” เสียงทุ้มเข้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความงงงวยของเพื่อนฉัน ไม่พูดเปล่าลากฉันออกไปจากตรงนั้นอย่างรวดเร็ว ฉันที่แรงน้อยกว่าและไม่ทันได้ตั้งตัวก็ถูกเขาลากออกมานอกร้านอย่างรวดเร็วก่อนจะถูกจับยัดเข้าไปในรถสปอตสุดหรูของเขา
Timetawin part..
วันนี้ผมนัดกับเพื่อนๆ เพื่อออกมาดื่มกันที่ร้านประจำแต่ไม่คิดว่าจะมาเจอกับอายตาที่นี่ เธอมากับเพื่อนอีกสองคน จริงๆ แล้วผมไม่ได้เห็นเธอตั้งแต่แรกหรอก แต่ไอ้อิฐเพื่อนของผมมันบอกว่ามีสาวสวยสามคนเข้ามาใหม่ผมกับเพื่อนอีกสองคนที่เหลือจึงหันไปมองตามที่มันบอกถึงได้รู้ว่าสาวสวยที่ไอ้อิฐมันบอกก็คืออายตา ภรรยา ป้ายแดงของผมนั่นเอง วันนี้เธอดูสวยผิดหูผิดตาต่างจากเมื่อหลายวันก่อนที่เราเจอกันที่เชียงใหม่ก่อนงานแต่ง เห็นแต่เธอใส่เสื้อยืดกางเกงยีนส์ไม่คิดว่าจะซ่อนรูปขนาดนี้ ถึงผมพอจะเคยเห็นมาบ้างว่าเธอก็มีอะไรๆ ให้มองเหมือนกันมาบ้างแล้วในคืนที่เราเข้าหอกัน แต่ชุดเจ้าสาวที่เธอใส่วันนั้นมันไม่ได้เข้ารูปขนาดนี้นี่
“สวยแจ่มจริงด้วยวะ” ไอ้อาร์มที่นั่งอยู่ข้างๆ ผมพูดพลางกัดริมฝีปากตัวเองเบาๆ สายตาเจ้าเล่ห์ของมันบ่งบอกว่ามันถูกใจเข้าให้แล้ว ไอ้นี่มันเสือผู้หญิงตัวพ่อเลยหละ เปลี่ยนผู้หญิงบ่อยกว่าเปลี่ยนกางเกงในซะอีก
“สาวๆ ก็สวยทุกคนเปล่าวะ อยู่ที่ว่าถูกใจหรือเปล่าแค่นั้นเอง” ไอ้คิมหันต์พูดขัดขึ้นมาก่อนที่มันจะยกแก้วในมือที่มีเครื่องดื่มสีอำพันขึ้นดื่ม
“เออๆ ไอ้พ่อพระแล้วแต่มึงเลย... แต่กูว่าคนชุดดำนั่นแจ่มสุดวะ ดูนิ่งๆ น่าค้นหาแถมเซ็กซี่ขยี่ใจ” ไอ้อิฐพูดพลางยิ้มกระลิ้มกระเหลี่ยเจ้าเล่ห์ในแบบที่มันชอบทำเวลาเจอสาวที่ถูกใจ แต่สาวชุดดำที่มันกำลังพูดถึงอยู่น่ะเมียผม! ถึงจะยังเป็นแค่เมียทางนิตินัยก็เหอะแต่ผมก็ไม่ชอบให้ใครมาพูดถึงคนของผมแบบนั้น และดูเหมือนเธอจะเห็นผมแล้วเหมือนกัน
“เลิกพูดแล้วแดกๆ ไปเลยมึงน่ะ!” ผมพูดพร้อมกับยกแก้วเหล้าจ่อไปที่ปากของมัน มันก็ส่ายหน้าหนี
“เหี้ยไรของมึงเนี้ย! เดี๋ยวเหล้าหกใส่กูไอ้เหี้ยธาม!!” มันกรนด่าผมก่อนจะยกแก้วขึ้นดื่ม ผมที่หันไปด่ากับไอ้อิฐแล้วหันกลับมาดูคนด้านล่างต่อแต่ก็เห็นมีผู้ชายคนหนึ่งกำลังยืนคุยกับเธอพร้อมส่งสายตาที่ไม่ได้ต่างจากไอ้อิฐให้เธอ อายตาเองก็ยิ้มกลับไปให้มันด้วย ผมรู้สึกหงุดหงิดแปลกๆ พอเห็นเธอชนแก้วกับไอ้หมอนั่นสติและเหตุผลของผมก็ขาดสะบั้นลงก่อนที่จะเดินลงมาด้านล่างแล้วเข้าไปลากเธอกลับบ้าน
เหตุการณ์ปัจจุบัน....
“พี่ธามปล่อยอายเดี๋ยวนี้นะ! เป็นบ้าอะไรของพี่เนี้ย!!” พอถูกจับโยนเข้าไปในรถฉันก็โวยวายและพยายามที่จะเปิดประตูออกไป
“ถ้าเธอกล้าเปิดประตูลงจากรถเธอได้โดยดีแน่! แล้วฉันจะโทรบอกอาเอิร์นแม่ของเธอว่าลูกสาวของเขาแต่งงานยังไม่ทันข้ามวันก็ออกมาเที่ยวกับผู้ชายคนอื่นแล้ว!!” พี่ธามที่เข้ามานั่งในรถประจำที่คนขับแล้วหันไปพูดเสียงเหยียบเย็นใส่ฉัน
“พี่ขู่อายเหรอ... คิดว่าฉันจะกลัวหรือไง ฉันไม่ใช่เด็กที่จะให้พี่มาใช้มุขขู่ฟ้องแม่ได้หรอกนะ” ฉันนั่งกอดอกลอยหน้าเถียงเขากลับไปแต่ในใจก็แอบหวั่นๆ อยู่เหมือนกันว่าพี่ธามจะโทรไปบอกแม่ฉันจริงๆ เพราะถ้าเขาทำจริงมีหวังฉันได้โดนด่าจนหูชาไปหลายวันเลยหละ แม่ฉันน่ะขี้บ่นสุดๆ ขนาดพ่อกับพี่เอิร์ธยังไม่กล้าหือเลย
“ฉันทำแน่ถ้าเธอยังดื้อไม่ฟังฉัน!” เขาตอบกลับเสียงเข้มพร้อมส่งสายตาดุมาให้
“…….” ฉันได้แต่นั่งนิ่งเม้มปากเข้าหากันแน่นไม่กล้าเถียงอีก เพราะฉันคิดว่าพี่ธามพูดจริงทำจริงแน่
“แล้วฉันบอกว่าถ้าจะออกไปไหนให้ไลน์บอกด้วย แล้วไหนไลน์เธอ? แล้วนี่ยังหนีผัวออกมาเที่ยวกับผู้ชายอีก เธอนี่มันจริงๆ เลย!” คนตัวโตเค้นเสียงรอดไรฟันออกมาพยายามสะกดกั้นอารมณ์ที่มันกำลังครุกรุ่นอยู่ไม่ให้มันระเบิดไปมากกว่านี้
“ฉันไม่ได้หนีเที่ยวซะหน่อยเพื่อนมันชวนออกมา แล้วอายก็ไม่ได้มาเที่ยวกับผู้ชายด้วยเขาเข้ามาคุยด้วยเฉยๆ พี่อย่ามากล่าวหากันนะ” ฉันนี่ก็เถียงเก่งเหมือนกันนะ เถียงคอเป็นเอ็นทำใจดีสู้เสือเข้าไว้อายตาจะมายอมแพ้ง่ายๆ ไม่ได้ เชิดหน้าเข้าไว้อายตา
“แล้วทำไมไม่ไลน์บอกว่าจะออกมากับเพื่อน?” เสียงเข้มยังคงถามคาดคั้นไม่หยุด
“คืออาย….ลืมคะ” คิดอะไรไม่ออกก็แถ่ว่าลืมไปก่อนละกัน ฉันก้มหน้าลงนิดหน่อยไม่อยากสบตากับเขากลัวจะหลุดโป๊ะว่ากำลังโกหก ความจริงแล้วขี้เกียจจะรายงานเขามากกว่า
“ถ้าคราวหน้าลืมอีกเธอโดนลงโทษแน่!”
“พี่จะทำอะไรอาย??” ฉันเริ่มหวาดหวั่นกับคำขู่ของเขาแล้วนะ นี่อยู่ด้วยกันยังไม่ทันข้ามวันเลยเขาขู่ฉันไปกี่รอบแล้วเนี้ย
“คอยดูแล้วกันว่าฉันจะทำอะไรถ้าเธอยังไม่ทำตามที่ฉันบอก!” พี่ธามขู่ฉันอีกหนึ่งดอก ....โว้ยยยย เกิดมาเพื่อมาขู่ฉันโดยเฉพาะเลยรึไงพ่อคุณ... จากนั้นฉันก็ไม่พูดอะไรอีกเลยได้แต่นั่งหน้าบึ่งตึงหันหน้าหนีไปอีกทางจนถึงบ้าน....