ตอนที่.20 นักศึกษาแพทย์(1)

2230 คำ
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.20 นักศึกษาแพทย์(1) โดย: srikarin2489 “ฉันกลับมาแล้ว” ประตูห้องพักในคอนโดมิเนียมถูกเปิด ตุลยาเดินเข้ามาพร้อมส่งเสียงร้องบอกเพื่อนทั้งสอง ที่กำลังนั่งอ่านเลคเชอร์กันอยู่ ตุลยาหิ้วถุงของกินมาด้วยเต็มสองมือ ทั้งสามมาเช่าคอนโดมิเนียมอยู่ด้วยกันใกล้มหาวิทยาลัย เพื่อความสะดวกในการไปเรียน ห้องกว้างพอสมควรมีด้วยกันสองห้องนอน ตรงมุมนั่งเล่นและรับแขกถูกจัดเป็นที่อ่านหนังสือจัดตั้งโต๊ะพร้อมเก้าอี้สามตัว และมีเครื่องคอมพิวเตอร์ส่วนตัวของใครของมัน กลับจากเรียนแล้วต้องมาอ่านหนังสือและค้นคว้าเพิ่มเติมจากเนื้อหาที่อาจารย์สอน “ได้ของกินมาเยอะแยะเลย” ตุลยาบอกพร้อมชูถุงของกินให้เพื่อนดู แล้วหิ้วไปวางบนโต๊ะทานข้าว มีถาดใส่ผลไม้วางอยู่เป็นสิ่งที่ต้องมีติดห้องไว้เสมอ รวมทั้งขนมของขบคี้ยว “ตุล...เราอยู่กันแค่สามคน แกซื้อของมาเยอะยังกับอยู่ซักห้าหกคน คิวแกออกไปซื้อของกินทีไร เป็นต้องหิ้วของกินพะรุงพะรังกลับมาทุกครั้ง” บุษกรลุกเดินไปดูของที่เพื่อนซื้อกลับมา หยิบถุงใส่ของกินที่เพื่อนไปซื้อมาเปิดดูว่ามีอะไรบ้าง “ฉันไม่ได้ซื้อเองทั้งหมดหรอก มีคนเขาฝากมาให้อินรูปหล่อของเรา มีสาว ๆ เขาฝากของกินมาให้แกนะอิน” ตุลยาร้องบอกเพื่อนที่ยังนั่งอ่านเลคเชอร์อยู่ “นี่แกเอาอินไปเร่ขาย หาของกินฟรีอีกแล้วใช่มั้ยไอ้ตุล” “แกพูดเกินไป ฉันเร่ขายตรงไหน พวกเขาเต็มใจซื้อให้เอง ชอบเข้ามาถามฉันว่าอินชอบกินอะไร ถ้าเป็นรุ่นพี่ก็ถามว่าน้องอินชอบกินอะไร ฉันบอกไปพวกเขาเลยซื้อฝากมาให้” “แล้วนี่อะไร” บุษกรหยิบถุงของกินมาเปิดแล้วถาม “ฉันเป็นเพื่อนสนิทอินมาหลายปี ฉันพึ่งรู้ว่าอินชอบกิน หมึกย่างกับไก่ทอด ของทอดพวกนี้ของชอบของแกทั้งนั้น ทำไมว่าเป็นของชอบของอิน” “แหม๋...มันก็มีสอดไส้กันบ้าง” ตุลยาทำยิ้มเขินเมื่อเพื่อนรู้เท่าทัน “นี่ไงบะหมี่เกี๊ยวของชอบของอิน มีตะโก้เผือกเป็นของหวานตบท้ายด้วย ฉันไม่เคยลืมว่าแกสองคนชอบกินอะไร ของชอบของแกมีตั้งหลายอย่าง”ตุลยา บอกพร้อมหยิบถุงใส่อาหารชูให้ดู “คิวแกออกไปซื้อของกินทีไร เป็นต้องหลอกคนอื่นให้ซื้อของฝากมาให้อิน แบบนี้ไม่เรียกว่าขายเพื่อนกินจะให้เรียกว่าอะไร” “ไอ้บุษแกพูดเกินไป ฉันไม่ได้บังคับให้พวกเขาซื้อนะโว้ย พวกเขาเต็มใจ นี่เห็นมั้ย...มีโรตีของชอบของแกด้วย ตำผลไม้รวมนี่ก็ของชอบของแก” บอกพร้อมหยิบถุงใส่ของชอบของบุษกรส่งให้ “เอาล่ะ...ไม่ต้องว่าตุลมันหรอกบุษ” อินทิราลุกจากโต๊ะอ่านหนังสือเข้ามาห้ามเพื่อน ก่อนจะต่อปากต่อคำกันยาว แม้ทั้งสองจะชอบขัดคอต่อปากต่อคำกันประจำ แต่ไม่เคยเถียงกันจริงจัง “กินได้แล้ว ต้องอ่านหนังสืออีกเยอะ อ่านแล้วจะได้ช่วยกันทบทวนทำความเข้าใจ พรุ่งนี้มีสอบอีกแล้ว” “นอนดึกอีกแล้ว” ตุลยาบ่นแล้วถอนใจยาว “เนื้อหาเยอะแยะไปหมด นอกจากสไลด์ที่อาจารย์สอน ต้องหาข้อมูลเพิ่มเติมอีก อ่านหนังสือจนตาแฉะ ตั้งแต่มาเรียนแพทย์ต้องนอนดึกแทบทุกวัน ฉันกำลังจะกลายร่างเป็นหมีแพนด้าตาช้ำ” ตุลยาทำเสียงบ่นโอดครวญไม่จริงจัง ทั้งสามยังสวมเสื้อนักศึกษา แต่ท่อนล่างเปลี่ยนกระโปรงออกมาเป็นกางเกงทรงหลวมสบาย ผมยาวเคยถักเปียตอนเรียนมัธยมถูกปล่อยตามธรรมชาติ บางครั้งมัดรวบไว้เพื่อความคล่องตัว “ไม่ต้องใส่จานทุกอย่างหรอกบุษ อะไรเป็นของแห้งกินมันคาถุงนี่แหละ” ตุลยาร้องบอกตามหลังเพื่อนที่เดินไปตรงโซนครัว เพื่อจะหยิบจานชามและช้อน ไม่มีอุปกรณ์เครื่องครัวอะไรนัก มีเพียงกาน้ำร้อนไฟฟ้า หม้อหุงข้าวใบเล็กกับเตาไมโครเวฟไว้สำหรับอุ่นอาหาร เพราะทั้งสามชอบซื้อกินมากกว่าจะทำกินเอง ไม่ถนัดเรื่องทำอาหารทั้งสามคนและไม่ค่อยมีเวลาด้วย “ไอ้มักง่าย” เพื่อนเอี้ยวคอมาร้องว่า “แกอยากลำบากล้างก็ตามใจ วันนี้คิวแกล้างจานนี่หว่า” ตุลยายักไหล่ว่า แล้วเข้านั่งเก้าอี้ประจำของตัวเอง “เอ้อ...กินคาถุงก็ได้” ตุลยาหันไปยักคิ้วยิ้มขำกับอินทิรา นั่งอยู่ตรงข้ามรับชามจากบุษกรมาเทบะหมี่เกี๊ยวใส่ “อิน...เวลามีมีสาว ๆ มาถามว่าของกินที่ฝากมาให้อร่อยมั้ย แกตอบเลยนะว่าอร่อยมาก จะได้มีของกินฟรีมาอีกเรื่อย ๆ ” อินทิรากำลังปรุงบะหมี่เกี๊ยวในชามพยักหน้านิด “มันยังคิดจะขายเพื่อนกินไม่เลิก” บุษกรยังบ่นว่าเพื่อน “เอ้อ...ถ้าว่าฉันขายเพื่อนกิน โรตีนี่แกก็ไม่ต้องกิน มันเป็นของฝากของอินเหมือนกัน” ตุลยาเอื้อมมือไปจะหยิบถุงโรตี แต่ช้ากว่ามือขาวบางของบุษกรที่ฉกคว้าไปก่อน “หยิบไปทำไม ถ้าว่าฉันขายเพื่อนกิน” เงยหน้าท้วงเสียงห้าว “แกเอามาให้ฉัน มันเป็นของฉันแล้วแกไม่มีสิทธิ์” เพื่อนทั้งสองยิ้มขำ เพราะโรตีเป็นขนมของชอบของบุษกร “กินของตัวเองไป ไม่ต้องมายุ่งกับของของฉัน” ตุลยาได้แต่ยิ้มขำ เห็นเพื่อนทำตาขวางหวงของชอบ “มิน่าล่ะ...เวลาฉันออกไปข้างนอก จะมีคนเข้ามาถามฉันบ่อย ว่าของกินที่ฝากมากับแกอร่อยมั้ย” ตุลยาลุกไปหยิบขวดน้ำจากในตู้เย็นที่ตั้งอยู่ตรงโซนครัว สำหรับตัวเองกับเพื่อนคนละขวด แล้วกลับมานั่งกินบรรดาของทอดต่างๆต่อ เสียงเคี้ยวกรุบกรอบเต็มไปด้วยความเอร็ดอร่อย “แล้วแกตอบพวกเขาว่าไง” “อร่อย” ตุลยายิ้มพอใจจนถูกคนที่กำลังอร่อยกับตำผลไม้รวม เงยหน้ามามองค้อน “แกมันเสน่ห์แรง พวกนักศึกษาสาว ๆ คอยแอบมองแกอยู่หลายคน ทั้งคณะเดียวกันและต่างคณะ ตอนรับน้องรุ่นพี่ผู้หญิงแทบจะรุมทึ้งแก เอะอะอะไรเรียกหาแต่น้องอิน” “แต่ทำให้รุ่นพี่ผู้ชายหมั่นไส้ฉัน เลยถูกแกล้งด้วยการเรียกออกไปเล่นเกมบ่อย ๆ แล้วสั่งทำโทษถ้าฉันทำได้ไม่ดีพอ” “รุ่นพี่ผู้หญิง จะช่วยกันปกป้องแกตลอด แกจำตอนนั้นได้มั้ย รุ่นพี่ผู้ชายเรียกแกอออกไป กะจะแกล้งแกเต็มที่ แต่รูปร่างเขาเตี้ยล่ำมาเจอสาวสูงโปร่งอย่างแก เวลาพูดด้วยต้องแหงนหน้า ทำให้เขาขาดความมั่นใจไปเลย อยู่ที่นี่แกฮอตไม่แพ้ตอนเรียนมัธยม รู้ว่าฉันเป็นเพื่อนแก ชอบเข้ามาถามฉันเรื่องแก” “อินเขาไม่สนใจหรอก ในหัวเขามีแต่เรื่องเรียนเท่านั้น” บุษกรขัดขึ้นด้วยความมั่นใจ “แกรู้เหรอ ว่าในใจอินมีใครอยู่หรือเปล่า” ตุลยายื่นหน้าไปว่าใกล้ด้วยรอยยิ้มยั่ว “ถ้ามีฉันต้องรู้สิ ในเมื่อฉันอยู่กับอินตลอด” ตุลยาหันไปยิ้มขำกับอินทิรา หลังจากทานบะหมี่เกี๊ยวหมดแล้ว กำลังทานขนมหวานต่อ ขนมหวานแบบไทยเป็นสิ่งที่อินทิราชอบมาก แต่เป็นขนมประเภทไม่หวานจัดจนเกินไป “รีบกิน จะได้อ่านหนังสือต่อ ต้องอ่านอีกเยอะ” อินทิราบอกขัด “ฉันเหนื่อยตรงนี้แหละ มีแต่สอบกับสอบ” ตุลยาบ่นแล้วถอนใจ “ตอนปีหนี่งไม่เท่าไหร่ เหมือนนักศึกษาทั่วไป แต่พอขึ้นปีสองเนื้อหาเยอะแยะไปหมด ต้องอ่านทบทวนหลายรอบกว่าจะเข้าใจ บางทีของเก่ายังจำได้ไม่หมด ของใหม่มาอีกแล้ว ถ้าไม่มีแกสองคนฉันตายแน่ ๆ คงถอดใจลาออกแล้ว” “นี่แค่การเริ่มต้น แกต้องผ่านด่านโหดอีกเยอะ แกอยากเป็นหมอแกต้องสู้และอดทน ฉันกับอินไม่ยอมให้แกลาออกหรอกตุล เราจะลากคอแกไปด้วยให้ได้ หรือถ้าแกอยากลาออกจริงๆ ฉันกับอินขอเลิกเป็นเพื่อนแก” “จ้า...เพื่อนรัก” ตุลยาลากเสียงยาวจนเพื่อนหันมามองค้อนตาขวาง ภายในห้องนอนบรรยากาศค่อนข้างเงียบสงบ แสงไฟจากห้องน้ำสะท้อนออกมาทำให้ภายในห้องสลัวๆ ไม่ถึงกับมืด ตุลยาขยับพลิกตัวตื่นกลางดึก หันไปด้านข้างไม่เห็นเพื่อนนอนอยู่ด้วย ทั้งสองนอนด้วยกันในห้องนอนใหญ่ บุษกรนอนห้องเล็ก ตุลยาผงกศีรษะขึ้นดู เห็นเพื่อนนั่งซุกตัวอยู่ตรงมุมโต๊ะตั้งโคมไฟข้างเตียง “ทำอะไรอิน” ถามพร้อมขยับลุกขึ้นนั่ง เอี้ยวตัวไปเปิดโคมไฟข้างเตียง ทันได้เห็นเพื่อนที่รีบหันหน้าหนีไปทางอื่นยกมือปาดแก้มเหมือนเช็ดอะไรออก ตุลยาจึงขยับลงไปหา “อิน...เป็นอะไร” เพื่อนไม่ตอบแต่เห็นร่องรอยคราบน้ำตาจนตุลยาตกใจ จึงหยิบโทรศัพท์จากมือเพื่อนมาดู ถึงได้รู้สาเหตุว่าเป็นเพราะอะไรเพื่อนถึงร้องไห้ เป็นภาพของปาลิดาค้างหน้าจออยู่ “ฟางไปอเมริกาจะสองปีแล้วนะอิน แกยังทำใจไม่ได้อีกเหรอ” ถามเสียงขรึมพร้อมคืนโทรศัพท์ให้เพื่อน “ฉันพยายามแล้วตุล แต่ไม่เคยทำได้สักครั้ง” เสียงพูดแหบเบาปิดโทรศัพท์แล้ววางไว้บนโต๊ะตั้งโคมไฟ แสงไฟจากโคมไฟข้างเตียงด้านตุลยานอนสาดกระทบ ทำให้เห็นดวงตาสีน้ำตาลเข้มคู่นั้นแดงเรื่อ ริมฝีปากขบเม้มบ่งบอกถึงความขมขื่นปวดรวดร้าวที่อยู่ในใจ “บางทีฉันก็อยากใจร้ายนะอิน แอบลบรูปฟางออกจากเครื่องแกซะ เพราะทุกครั้งที่แกดูรูปฟาง แกจะเศร้ามากจนถึงขั้นร้องไห้ แต่ฉันทำไม่ได้” ตุลยาวางมือลงบนเข่าเพื่อน บีบเบาปลอบให้กำลังใจ “เพราะฉันรู้ว่า รูปฟางมีค่าทางจิตใจต่อแกมาก” “มันเป็นสิ่งหนึ่งที่เขาเหลือไว้ให้ฉัน แม้มันจะเศร้าเจ็บปวด แต่มันเป็นพลังใจให้ฉันมีแรงสู้ เพื่อรอวันที่ฟางกลับมา” “เกือบสองปีที่เขาไม่เคยติดต่อกลับมา แกคิดว่าเขาจะกลับมาหาแกหรืออิน” ตุลยาถามเสียงขรึมเวทนาเห็นใจเพื่อน “ฉันไม่รู้ ฉันทำได้แค่หวังเท่านั้น ฉันทำได้แค่นั้นจริงๆ” ตุลยาถอนใจเบามองดูเพื่อนอย่างเห็นใจ แม้ภายนอกอินทิราจะดูเป็นปกติ แต่ในใจซุกซ่อนไว้ด้วยความเจ็บปวดที่แสนเศร้า รักแรกเริ่มต้นเหมือนจะดีแต่กลับกลายเป็นความเจ็บปวดฝังใจ ไม่เคยทำใจได้สักครั้ง “ทำไมแกไม่ถามเนตรหรือน้องแนนดู พวกเขาเป็นญาติกันน่าจะรู้ข่าวฟาง” “ฉันไม่รู้จะพูดยังไง ตอนฉันกับฟางคบกันพวกเขาไม่รู้ ฉันยอมรับว่าฉันกลัวคำตอบที่จะได้รับ ถ้าฉันติดต่อเขาแล้วเขาปฏิเสธว่าไม่ได้คิดอะไรกับฉัน การที่เขาเงียบไปไม่ติดต่อกลับมา เขาคงต้องการยุติความสัมพันธ์เพียงเท่านี้” “ถ้าอย่างนั้นแกทำได้อย่างเดียวคือรอ ถ้าเขายังมีใจต่อแก สักวันเขาต้องกลับมาหาแก แต่แกต้องเผื่อใจไว้ด้วยนะอิน เราไม่รู้ว่าเขาอยู่ที่โน่นเขามีคนใหม่หรือยัง รอได้แต่อย่าปิดกั้นโอกาสของตัวเอง ถ้ามีใครพอจะเยียวยาใจให้แกได้ แกต้องให้โอกาสตัวเองด้วย” “ฉันอยากทำแบบนั้นนะตุล แต่ฉันตัดใจจากฟางไม่ได้ ฉันไม่คิดว่าฉันจะรักเขามากมายเพียงนี้ แกไปนอนเถ่อะดึกมากแล้ว พรุ่งนี้เรามีสอบ” “แกต้องไปนอนด้วย” ตุลยาดึงแขนเพื่อนให้ลุกขึ้น “แกเป็นกำลังสำคัญของทีมเรานะอิน ติวเตอร์คนเก่งอย่างแกต้องดูแลสุขภาพตัวเองด้วย” อินทิรายิ้มฝืนกับเพื่อนยอมกลับขึ้นไปนอนบนเตียง ตุลยาดึงผ้าห่มมาคลี่ห่มให้เพื่อนก่อนเดินอ้อมไปนอนด้านของตัวเอง “แกไม่ต้องเศร้าไปกับฉันหรอกตุล” ตุลยาล้มตัวลงนอนแล้วได้ยินเสียงเพื่อนบอกจึงหันหน้าไปหา “ฉันยินดีแบ่งรับความเศร้าจากแก ถ้ามันสามารถทำได้ แบ่งมาให้ฉันเลยเพื่อน” แม้จะยังเศร้าแต่คำพูดของเพื่อนทำให้อินทิรายิ้มออกมาได้ “ช่วย ๆ กันแกจะได้ไม่เศร้ามาก” “ถ้ามันตัดแบ่งกันได้เหมือนเค้ก ก็็็คงดี”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม