ตอนที่.13 จุดแตกหัก (2)

1891 คำ
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.13 จุดแตกหัก (2) โดย:srikarin2489 ปวินท์ฉีกรูปอีกด้วยความคลั่งแค้นใจ ลดาทำอะไรไม่ได้ได้แต่ยืนดูน้ำตาคลอ รูปในอดีตที่มีเพียงใบเดียวเธอเก็บรักษาไว้อย่างดี แต่กลับถูกสามีฉีกอีกแล้วปาลงพื้น ใช้เท้าเหยียบขยี้ซ้ำราวกับชิงชังคนในรูปมาก เหมือนเหยียบย่ำลงบนหัวใจเธอด้วย “พี่ไม่คิดเลยนะฝ้าย ว่าเรื่องอัปยศทุเรศแบบนี้จะมาเกิดกับชีวิตพี่ พี่รู้ว่าในใจเธอมีคนอื่นแอบซุกซ่อนอยู่ พี่เข้าใจผิดมาตลอดว่ามันเป็นผู้ชาย ไม่เคยรู้เลยว่าเป็นผู้หญิง รู้ไปถึงไหนอายไปถึงนั่น ที่เมียของพี่เคยรักกับผู้หญิง มันอัปยศสิ้นดีสำหรับพี่ ถ้าไม่ได้อ่านไดอารี่ของเธอ พี่คงโง่ไปอีกนาน” “มันเป็นแค่เรื่องในอดีต ที่ไม่มีผลอะไรกับปัจจุบันแล้ว” ลดากลั้นน้ำตาไว้ตอบโต้เสียงเครียด โกรธสามีแทบคลั่งที่ทำลายรูป ที่มีเพียงใบเดียวของเธอทิ้ง “ทำไมเธอไม่บอกพี่ตั้งแต่ทีแรก ปล่อยให้พี่เป็นไอ้โง่มาหลายปี” “บอกแล้วจะมีประโยชน์อะไร ในเมื่อฝ้ายกับพี่อุ้มเลิกกันไปนานแล้ว” “ไม่ต้องมาเรียกซื่อมัน ให้พี่ได้ยิน” ตวาดก้องห้องด้วยน้ำเสียงเดือดดาล “มันเป็นแค่อดีต พี่จะเอาอะไรนักหนากับเรื่องนี้ ที่ผ่านมาฝ้ายเคยบกพร่องหน้าที่เมียต่อพี่มั้ย ไม่ว่าพี่จะมีผู้หญิงอื่นกี่คน ฝ้ายไม่เคยไปยุ่งหรือว่าอะไรพี่เลย หรือคิดว่าฝ้ายโง่ไม่รู้เท่าทันพฤติกรรมของพี่ ฝ้ายรู้ทุกเรื่องรู้ทุกอย่างแต่ฝ้ายเบื่อไม่อยากยุ่ง กี่ปีมาแล้วที่พี่ปล่อยให้ฝ้ายอยู่กับลูกตามลำพัง แต่ฝ้ายไม่ว่าตั้งหน้าตั้งตาเลี้ยงลูกให้ดีที่สุด แต่พี่กลับโกรธแค้นเรื่องในอดีตของฝ้าย ใช่...ฝ้ายเคยรักกับผู้หญิง แต่มันเป็นแค่อดีตเข้าใจมั้ย” ประโยคท้ายร้องว่าเสียงเครียด “ไม่เข้าใจโว้ย เรื่องนี้พี่ยอมรับไม่ได้” ปวินท์ตะโกนตอบโต้ด้วยน้ำเสียงคลุ้มคลั่งแค้นใจ “ในเมื่อในใจเธอไม่เคยมีพี่ ก็ไร้ประโยชน์ที่จะอยู่ด้วยกันต่อไป เราหย่ากันดีกว่าฝ้าย” “ได้...หย่าก็หย่าสิ” ลดาบอกเสียงกร้าวไม่ลังเล “ทุกวันนี้ไม่หย่ามันก็เหมือนหย่าอยู่แล้ว พี่ไม่สนใจไยดีฝ้ายกับลูก โรงเรียนใหม่ของลูก พี่ไม่เคยไปทำหน้าที่ผู้ปกครอง ลูกแสดงงานโรงเรียนพี่ไม่สนใจไปดู ปล่อยให้ลูกถามหาแต่พ่อ” “มันเป็นความต้องการของเธอ ที่อยากให้ลูกเรียนโรงเรียนหญิงล้วน ถ้าลูกมีแฟนเป็นทอมจะทำยังไง” “ก็แล้วแต่ลูก” “เธอมันบ้า” ปวินท์ตะโกนว่าหน้าบึ้งตึง “พี่ไม่ต้องเอาเรื่องของฝ้ายมาเป็นข้ออ้างหรอก เรื่องจริงที่ฝ้ายรู้มาคือ ผู้หญิงคนใหม่ของพี่เขาต้องการทะเบียนสมรส พี่ถึงหาเหตุมาขอหย่าจากฝ้าย แต่ไม่เป็นไรฝ้ายจะหย่าให้ เรื่องระหว่างเราสองคนมันจะได้จบเสียที ฝ้ายเบื่อเต็มทีกับชีวิตคู่ของเรา ในเมื่ออยู่ด้วยกันแล้วไม่มีความสุข แยกย้ายต่างคนต่างไป พร้อมเมื่อไหร่นัดมาเลย” “เอาวันจันทร์นี้เลย” “ได้ คืนไดอารี่ฝ้ายมา” ลดาขยับเข้าไปหา จะหยิบสมุดไดอารี่คืน “หวงมากใช่มั้ย เอาไปเผาทิ้งเลย” ปวินท์ตรงไปที่ประตูห้องนอน ไม่ยอมคืนไดอารี่ให้ “อย่านะพี่วิน” ลดาพุ่งร่างตาม เมื่อรู้ว่าสามีจะเอาสมุดไดอารี่ไปเผาทิ้ง “ฟาง” ปวินท์กับลดาถึงกับชะงัก เมื่อเปิดประตูออกมาจากห้องนอน เห็นลูกสาวยืนอยู่หน้าห้อง ทั้งสองมัวแต่ทะเลาะกันไม่รู้เลยว่าลูกกลับมาตั้งแต่เมื่อไหร่ แต่สภาพน้ำตาอาบแก้มของลูก ทำให้รู้ว่าลูกคงได้ยินเรื่องทั้งหมดแล้ว “คุณพ่อ คืนไดอารี่ให้แม่ซะ” น้ำเสียงแม้จะเครือแต่เข้มจริงจัง ปวินท์มองสบตาแดงเรื่อเอ่อคลอด้วยน้ำตาของลูกสาว ยอมคืนสมุดไดอารี่ให้ลดาด้วยท่าทางไม่เต็มใจ “ฟางมาก็ดีแล้ว มาดูว่าแม่ของฟาง...” “พี่วิน” น้ำเสียงกร้าวกระด้างของลดาเรียกขัดจังหวะ ก่อนที่สามีจะพูดจบประโยค “นี่เป็นปัญหาระหว่างเราสองคน อย่าเอาลูกมาเกี่ยว พี่อยากได้ใบหย่าฝ้ายจะหย่าให้ อย่ายุ่งกับลูก” น้ำเสียงแข็งกร้าวแววตาวาววับเอาจริง ทำให้ปวินท์ไม่กล้า อยู่ด้วยกันมาหลายปีพอรู้นิสัยกันดี ลดาเป็นคนอ่อนนอกแข็งใน เวลาโกรธจัดบ้าเลือดโดยเฉพาะเรื่องลูกไม่คุ้มที่จะเสี่ยง คนอย่างลดาเรื่องอะไรพอยอมได้ยกเว้นเรื่องลูก “ฝ้ายจะหย่าให้ แต่ลูกต้องอยู่กับฝ้าย” ปวินท์เดินเข้าไปหาลูกที่ยืนน้ำตาอาบแก้ม มองดูพ่อแม่ด้วยแววตาปวดร้าวเสียใจ แม้ที่ผ่านมาจะไม่ค่อยได้อยู่ด้วยกันพร้อมหน้า แต่เป็นครอบครัวเดียวกัน วันไหนพ่ออารมณ์ดีใจดี จะกลับมาทำหน้าที่พ่อที่ดีแม้จะนาน ๆ ครั้งก็ตาม รับรู้มาตลอดว่าพ่อกับแม่มีปัญหากัน แต่ไม่เคยคิดว่าจะมาถึงจุดแตกหักถึงขั้นจะหย่าร้างกัน “ฟาง...พ่อขอโทษนะลูก ที่พ่อต้องหย่ากับแม่ของฟาง แต่พ่อยังรักลูกนะ” ริมฝีปากอิ่มขบเม้มเข้าหากัน ไม่ให้เสียงสะอื้นเล็ดลอดออกมาเมื่อพ่อเข้ามาสวมกอด มีเพียงน้ำตาที่รินอาบแก้มทั้งสองข้าง “ที่พ่อจะพาไปช็อบปิง เอาไว้วันหลังนะลูก แล้วพ่อจะแวะมาหาเป็นเด็กดีนะ” ปวินท์ทำใจแข็งไม่สนใจน้ำตาของลูกที่พรั่งพรูอาบแก้ม หอมตรงขมับลูก แล้วเข้าไปหยิบกระเป๋าในห้องก่อนออกจากห้องไปทันที แม้จะรักลูกมากเช่นกัน แต่ความปรารถนาส่วนตัวมีมากกว่า จึงเลือกที่จะทำตามใจตัวเองต้องการ เลือกที่จะเดินหันหลังไปจากลูก “ฟาง” ลดาเข้ามากอดร่างผอมบางที่สั่นสะท้านด้วยแรงสะอื้น น้ำตา ไหลอาบแก้ม “แม่ขอโทษนะลูก ที่แม่ไม่สามารถรักษาครอบครัวไว้ให้ฟางได้” เห็นลูกสะอื้นไห้ได้แต่เวทนา ลูกคงปวดร้าวเสียใจมากที่พ่อแม่จะหย่ากัน “ถึงจะไม่มีคุณพ่อ แม่จะดูแลฟางอย่างดีที่สุด ชีวิตแม่มีแค่ฟางคนเดียวเท่านั้น” ปาลิดากอดตอบแม่ซบหน้าลงกับไหล่ปล่อยสะอื้นเบาไม่พูดอะไร ลดาเองน้ำตาซึมคลอกอดปลอบลูก เธอไม่ได้เสียใจที่ต้องหย่ากับสามี ในใจลึก ๆ แล้วเธอเบื่อหน่ายกับชีวิตคู่เต็มที แต่สงสารลูกต้องมาเจอกับสถานการณ์แบบนี้ ที่ผ่านมาชีวิตคู่แม้จะระหองระแหงมีปัญหากันมาตลอด แต่เธอพยายามอดทน เพื่อให้ลูกมีพ่อมีครอบครัวที่สมบูรณ์ แต่เมื่อมาถึงจุดแตกหัก เธอต้องเข้มแข็งเดินหน้าต่อไป ดูแลลูกสาวคนเดียวตามลำพัง รูปถ่ายถูกปวินท์ฉีกทำลาย ลดารวบรวมมาวางบนปกสมุดไดอารี่ที่วางอยู่บนเตียงนอน ได้แต่มองดูเศษรูปอย่างเสียดายเสียใจ รูปแผ่นนี้มีคุณค่าทางจิตใจ เธอหวงแหนเก็บรักษาไว้อย่างดี เอาไว้ดูระลึกถึงคนในอดีตหล่อเลี้ยงจิตใจ แม้จะเนิ่นนานยี่สิบกว่าปีแล้ว ที่ไม่ได้เจอหรือรู้ข่าวคราวกันเลย เธอยังระลึกถึงรักแรกเสมอ เป็นรักแรกและรักเดียวที่ทำให้เธอผ่านช่วงชีวิตตอนสูญเสียพ่อแม่ไปพร้อมกันมาได้ โลกของเด็กสาวคนหนึ่งพบกับความอ้างว้างแทบมืดดับ แต่มีมือที่อบอุ่นจริงใจฉุดเธอขึ้นมาจากหุบเหวแห่งความเศร้านั้น แต่ตอนนี้ภาพถ่ายกลับถูกสามีฉีกทำลาย เหมือนเหยียบย่ำลงบนหัวใจเธอด้วย เสียงเปิดประตูห้องทำให้ลดาเงยหน้าหันไปดู “ฟาง...มีอะไรหรือลูก” ลูกสาวเดินเข้ามาหาในมือถือม้วนเทปใสมาด้วย “ฟางจะซ่อมรูปให้แม่ค่ะ” “ช่างมันเถ่อะลูก” บอกเสียงอ่อนเมื่อลูกมานั่งลงใกล้ “มันพอซ่อมได้ค่ะแม่ แต่แม่ต้องเลือกมารวมกันให้เป็นภาพก่อน ฟาง จะใช้เทปใสติดเชื่อมกันให้” เมื่อเห็นลูกตั้งใจอยากทำให้ ลดาจึงเลือกชิ้นรูปมาวางปะติดต่อกัน ภาพถ่ายคู่ในชุดนักเรียนมัธยมปลาย มีสองใบแบ่งเก็บไว้คนละใบ ภาพสีซีดจางไปตามกาลเวลาแต่ยังแจ่มชัดในความทรงจำ ลดายิ้มอ่อนโยนเห็นลูกก้มติดรูปอย่างตั้งใจ หยิบมาติดทีละแผ่นทำอย่างระมัดระวัง ให้เห็นรอยต่อน้อยที่สุดจนเสร็จเรียบร้อยปาลิดามองดูรูปด้วยรอยยิ้มภูมิใจที่ซ่อมให้แม่ได้ “รูปเก่าสีเลยไม่สด เพื่อนแม่หน้าตาดีนะคะ” ปาลิดาหยิบแผ่นรูปขึ้น มาดูใกล้ รู้สึกว่าคนในรูปถ่ายดูคุ้นหน้ามาก “โชคยังดีที่ตรงหน้าไม่ขาด หน้าตาคุ้น ๆ เหมือนเคยเห็นที่ไหน” ปาลิดา มองหน้าเพื่อนแม่พยายามคิดว่าเคยเห็นที่ไหน “ฟางรู้สึกคุ้นหน้าเพื่อนแม่มาก แต่นึกไม่ออกว่าเคยเห็นที่ไหน แม่ไม่เจอเพื่อนคนนี้นานแล้วใช่มั้ย” “ยี่สิบกว่าปีแล้วลูก เขาเป็นเพื่อนรุ่นพี่ของแม่ แม่อยู่ม.4เขาอยู่ม.6 เขา คอยดูแลให้กำลังใจแม่ ตอนที่แม่เสียคุณตาคุณยายของฟางไปใหม่ ๆ ตอนนั้นแม่เศร้ามากแอบร้องไห้บ่อย แม่ผ่านชีวิตช่วงนั้นมาได้เพราะเขาคอยดูแลให้กำลังใจ” “หน้าตาเขาดูเป็นคนจิตใจดี ถ้าฟางมีโอกาสเจอเขาฟางจะขอบคุณ เขา ที่ช่วยดูแลแม่ของฟาง” ปาลิดาส่งรูปซ่อมเสร็จแล้วให้แม่ “เดทวันนี้เป็นยังไงบ้าง” “ขำดีค่ะ พี่อินเขาพาฟางไปดูรถบิ๊กไบค์” บอกแล้วยิ้มขำ “นัดออกเดทแทนที่จะพาไปเที่ยว ทำไมพาไปดูรถล่ะ” “พี่อินเขาชอบรถบิ๊กไบค์มาก พาฟางไปร้านขายรถบิ๊กไบค์ของเพื่อน พี่ชายเขา แต่สนุกดีค่ะรถเยอะแยะสวย ๆ ทั้งนั้น แล้วพาไปเดินเล่นไปทานไอศกรีม แม่จะว่ายังไงคะ ถ้าฟางจะคบกับพี่อิน” ลดายิ้มอ่อนโยน มองใบหน้าสดใสตาเป็นประกายของลูกสาว บ่งบอกให้รู้ถึงความรู้สึกพิเศษที่มีต่อพี่ม.6 นี่นับเป็นครั้งแรกที่ปาลิดามีอาการแบบนี้ นับตั้งแต่เริ่มเข้าสู่วัยรุ่นสาว “ดูตาฟางก็รู้แล้ว ว่าฟางชอบเขามาก” ลดายิ้มเอ็นดูเมื่อลูกสาวยิ้มเขิน เข้ามากอดซุกหน้ากับไหล่แม่แก้เขิน “แม่ไม่ว่าอะไรหรอก ถ้าฟางจะคบกับเขา แม่ยินดีสนับสนุน” “ขอบคุณค่ะแม่ที่เข้าใจฟาง” สองแม่ลูกผลัดกันหอมแก้ม สวมกอดให้ กำลังใจซึ่งกันและกัน ชีวิตครอบครัวที่ผ่านมาส่วนมากอยู่ด้วยกันตามลำพัง ฉะนั้นชีวิตต่อไปต้องอยู่กันแค่สองคนแม่ลูกจึงไม่ใช่เรื่องแปลก
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม