ตอนที่.23 นักศึกษาแพทย์ (4)

2251 คำ
เรื่อง: ไม่มีนิยามของคำว่ารัก ภาค 1 ตอนที่.23 นักศึกษาแพทย์ (4) โดย: srikarin2489 การเรียนแพทย์แม้จะเลื่อนระดับชั้นแล้ว เนื้อหายิ่งเยอะให้เรียนรู้จด จำทำความเข้าใจ เรียนมาทั้งวันพอกลับถึงห้องพักต้องมาอ่านทบทวนทำความเข้าใจ และค้นคว้าเพิ่มเติม ตุลยากับบุษกรกำลังนั่งอ่านเลคเชอร์กันอยู่ พลันมีเสียงคนมาเคาะประตูห้องพัก ทำให้ทั้งสองหันมาสบตากันสงสัยว่าใครมา ในเวลาที่ดูเหมือนจะมืดค่ำแล้ว “ฉันไปดูเอง” อินทิรายืนอยู่หน้าตู้เย็นอยู่ใกล้กับประตูห้อง บอกเพื่อนทั้งสองแล้ววางขวดน้ำไว้ก่อน เดินไปเปิดประตู “พี่อิน” เสียงเรียกเจื้อยแจ้วสดใสของผู้หญิงสองคน ทำให้บุษกรถึงกับเงยหน้าหันขวับไปดูทันที “รังสีอำมหิตแผ่กระจายเลยโว้ย” ตุลยาทำเสียงเปรย เมื่อเห็นแววตาของเพื่อน แสดงความไม่พอใจที่มีนักศึกษารุ่นน้องมาหาอินทิราถึงห้องพัก “พวกเราซื้อขนมมาฝากพี่อินค่ะ ขอบคุณที่พี่อินชี้แนะเรื่องการเรียน เทคนิคเรื่องการอ่านหนังสือด้วย ทำตามที่พี่อินแนะแล้ว ทำให้เราเรียนรู้จำและเข้าใจได้ง่ายขึ้น” “ไม่ต้องซื้ออะไรมาฝากพี่หรอก เรื่องแค่นี้เองแนะนำกันได้ก็แนะนำกันไป” “พวกเราตั้งใจเอามาฝากพี่อินค่ะ ของชอบของพี่อินหลายอย่าง” บอกพร้อมชูถุงใส่ของกินให้อินทิราดู “พี่อินชอบขนมหวานแบบไทยๆ มีไส้กรอกอีสาน ลูกชิ้นทอด โรตี ยำผลไม้รวมด้วยค่ะ” “ของชอบของอินเหรอ” บุษกรพึมพำเสียงเข่นเขี้ยว พร้อมเหวี่ยงมือไปฟาดไหล่ตุลยาที่กำลังหัวเราะหึ ๆ “รู้ได้ไง ว่าเป็นของชอบของพี่” “พี่ตุลเคยบอกไว้ค่ะ” อินทิราปรายตาไปทางเพื่อน เห็นตุลยาหลิ่วตาให้แล้วยิ้ม “เจ้าเล่ห์นักนะไอ้ตุล” บุษกรแยกเขี้ยวว่าเพื่อน ที่ทำหน้ายิ้มระรื่นจนน่าหมั่นไส้ “ขอบใจน้องมาก ต่อไปไม่ต้องลำบากซื้อของกินมาฝากพี่หรอก มีปัญหาเรื่องเรียนขอคำแนะนำจากพี่ได้ ถ้าพี่รู้พี่ยินดีช่วยเหลือให้คำแนะนำเต็มที่” “พวกเราคงต้องรบกวนพี่อินอีกเรื่อย ๆ มีแต่คนบอกว่าพี่อินเรียนเก่ง ขยันอ่านหนังสือสุดในรุ่น ไม่เคยหวงวิชาด้วย” “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก” หลังจากรุ่นน้องกลับไปแล้ว อินทิราหิ้วถุงใส่ของกินหลายถุงไปวางลงตรงหน้าตุลยา “เอ้า...ของชอบของฉัน” ว่าเสียงประชดเพื่อน “พอดีเลย ไว้กินรอบดึกจะได้ไม่ต้องออกไปหาซื้อ คืนนี้เราต้องอ่านหนังสิอีกเยอะ ยาวๆ ไปเลยเสบียงพร้อมแล้ว” “ไอ้ตะกละ” ตุลยายักไหล่ยิ้ม ไม่ถือสากับคำว่าของบุษกร อินทิราหยิบขวดน้ำของตัวเอง แล้วเดินไปนั่งลงหน้าจอแมคบุ๊คที่เปิดค้างอยู่เพื่อทำงานต่อ บนโต๊ะนอกจากจะมีแมคบุ๊คส่วนตัวของใครของมันแล้ว ยังเต็มไปด้วยตำราเรียนและเอกสารที่หามาไว้เพิ่มเติม เรียกว่าเรียนแพทย์นอกจากเรียนหนักแล้วต้องมีความมุ่งมั่นขยันเป็นอย่างมาก ค้นคว้าเพิ่มเติมจากที่อาจารย์สอน “จะเฉลยข้อสอบNLต่อหรืออิน” อินทิรากำลังสนใจกับเนื้อหาในจอ แมคบุ๊ค พยักหน้าเมื่อบุษกรหันมาถาม “เพื่อนทั้งรุ่นต้องขอบคุณอิน ที่มันสละเวลาของตัวเองทำเฉลยข้อสอบ NLเก่าให้เพื่อนอ่าน เป็นการทบทวนบทเรียน รวบรวมเนื้อหาให้เพื่อนได้เป็นอย่างดี” “อะไรพอทำได้ก็ทำไป ฉันอยากให้ทุกคนสอบผ่าน พวกเราต้องสอบNLถึงสามครั้ง ครั้งแรกผ่านจะได้มั่นใจ” “ปีนี้แล้วสินะ ที่พวกเราต้องสอบใบประกอบโรคศิลป์รอบแรก แกต้องเตรียมตัวให้พร้อมนะตุล เอาให้ผ่านให้ได้ อินเขาอุตส่าห์ทำเฉลยข้อสอบเก่าให้พวกเราอ่าน” “ฉันจะไม่ทำให้แกสองคนผิดหวังเลย” ตุลยาบอกด้วยน้ำเสียงมุ่งมั่น “ถ้าแกสอบผ่าน ฉันจะเป็นเจ้ามือเลี้ยงฉลองให้แกเองตุล อยากกินอะไรตามสบาย” “รับรองแกได้เป็นเจ้ามือเลี้ยงฉันแน่บุษ ฉันจะล้มทับแกให้จุกเลย” ระหว่างที่อินทิรากำลังก้มหน้าก้มตา เฉลยข้อสอบใบประกอบโรคศิลป์เก่าอยู่ บุษกรนั่งอยู่ข้างๆ คอยมองเป็นระยะ แววตามองเพื่อนเจือไปด้วยความชื่นชม อินทิรานอกจากเรียนเก่งแล้ว ยังเป็นคนขยันมุ่งมั่นทำทุกอย่างด้วยความตั้งใจ เป็นคนไม่เคยหวงวิชากับเพื่อน หรือแม้แต่รุ่นน้องที่มาขอคำแนะนำ ใครมีปัญหาเรื่องเรียนมาขอคำแนะนำยินดีช่วยเหลือทุกคน บุษกรสังเกตเห็น สร้อยห้อยจี้รูปเกือกม้าหลุดออกมาจากคอเสื้อของเพื่อน สังเกตเห็นมาพักใหญ่แล้วว่าเพื่อนใส่สร้อยเส้นนี้ติดกายประจำ “อินชอบสร้อยเส้นนี้มากเหรอ เห็นใส่ประจำเลย ปกติอินไม่ค่อยชอบเครื่องประดับ ใส่แค่นาฬิกาแต่สร้อยเส้นนี้” พูดพร้อมเอื้อมมือไปจะจับสร้อยดู แต่ถูกอินทิราจับข้อมือไว้บีบค่อนข้างแรงจนบุษกรนิ่วหน้า สีหน้าของเพื่อนดูเครียดขึ้นจนน่ากลัว “อ่านกันไปก่อนนะ อินขอตัวเข้าห้องน้ำก่อน” บอกแล้วลุกผละไปรวดเร็ว ทำให้บุษกรมองตามอย่างแปลกใจ พอหันกลับมาพบว่าตุลยากำลังมองอยู่ด้วยสีหน้าค่อนข้างขรึม “อินมันรักและหวงสร้อยเส้นนี้มาก ทางที่ดีแกอย่าไปยุ่งกับสร้อยของมัน” “ปกติอินไม่ชอบเครื่องประดับ ใส่แค่นาฬิกา ทำไมเขาหวงนักล่ะ” “แกจะเอาความจริงที่รู้แล้วไม่สบายใจ หรือเอาคำโกหกที่ฟังแล้วสบายใจล่ะ” ตุลยาถามเสียงขรึม “แสดงว่าแกรู้ที่มาของสร้อยใช่มั้ยตุล” ตุลยายักไหล่ไม่รับหรือปฏิเสธ “ถ้าแกรู้ก็บอกฉันมา” บุษกรทำเสียงเข้มบอก “แกจะเอาเรื่องจริง หรือเรื่องโกหกล่ะ” “เอาเรื่องจริงสิวะ” บอกเสียงห้าวตาวาววับด้วยความไม่พอใจ “แฟนมันให้ไว้” “โกหก” บุษกรสวนทันควัน แววตาขุ่นเคืองไม่พอใจ “อะไรวะ แกอยากได้ความจริง พอฉันบอกกลับว่าฉันโกหก” “อินไม่เคยมีแฟน ฉันอยู่กับอินมาตั้งแต่เรียนอนุบาล ไม่เคยรู้หรือเห็นว่าเขาชอบใคร” “โอ้โห...แกคิดว่าแกเฝ้าอินได้ตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมงหรือไง เขาให้มันไว้ก่อนไปอเมริกา ตั้งแต่เราจบม.6ใหม่ ๆ” “แกโกหก ฉันไม่เชื่อแกหรอก แกกุเรื่องเพื่อให้ฉันเสียใจใช่มั้ย” “ตามใจ อยากเชื่อยังไงก็ตามใจเลย ฉันบอกแกแล้วนะ จะมาว่าฉันทีหลังไม่ได้ว่าฉันไม่บอก” “ใคร” ถามเสียงเครียดหลังจากนิ่งเงียบอยู่ครู่หนึ่ง “เป็นลูกพี่ลูกน้องของเนตร เป็นเพื่อนน้องแนนด้วย แกคงจำไม่ได้เขาเรียนอยู่ที่นั่นแค่ม.4 แล้วลาออกไปอยู่อเมริกา เขาเคยเต้นลีลาศคู่กับอินในงานโรงเรียน” บุษกรนิ่งครุ่นคิดพยายามนึกหน้าแต่นึกไม่ออก แต่อีกใจไม่อยากเชื่อตามที่ตุลยาบอก ยังอยากคิดเข้าข้างตัวเองว่าอินทราไม่เคยมีใคร ตุลยาแค่แกล้งหลอกให้เธอเสียใจ เสียงแตรรถดังมาจากนอกประตูรั้วบ้าน ทำให้ยงยศเดินออกมาดูเห็นคนทำงานบ้าน กำลังเร่งรีบไปที่ประตูรั้ว ผ่านไปสักครู่หลังจากประตูรั้วเปิดแล้ว เห็นรถซูเปอร์คาร์คันหรูสีดำเป็นเงามันปลาบ วิ่งเข้ามาจอดหน้าบ้าน ยงยศมองดูอย่างแปลกใจว่าเป็นรถของใคร ประตูทั้งสองข้างของรถถูกเปิดออกแบบนกกางปีก ดูหรูหราน่าทึ่งสมกับเป็นรถหรูราคาแพง ชายหนุ่มร่างสูงโปร่งก้าวลงจากรถทำให้ยงยศต้องเขม้นมอง “ไอ้อาร์ม” ร้องเรียกเสียงดังด้วยความดีใจเมื่อรู้ว่าเป็นใคร ทั้งสองเข้ากอดทักทายกันด้วยความดีใจ “นึกว่าใครที่แท้แกนี่เอง ขับซูเปอร์คาร์คันหรูเลยหรือวะ” ยงยศมองดูรถเพื่อนอย่างสนใจ “สิงห์บิ๊กไบค์อย่างแก มาลองนั่งซูเปอร์คาร์ดูหน่อยมั้ย” อนาวิลวางมือเคาะหลังคารถตัวเองเบา ใบหน้าเปื้อนไปด้วยรอยยิ้มมองดูเพื่อนที่เดินดูรอบรถอย่างสนใจ วางมือแตะสัมผัสลูบไล้เบา รับรู้ถึงความรู้สึกลื่นละมุนมือสมกับเป็นรถหรูราคาแพง “วาสนาฉันเหมาะกับบิ๊กไบค์มากกว่า ตอนนี้รถยนต์แทบขับไม่เป็น ถ้าต้องไปรถยนต์ต้องให้เมียขับให้นั่ง ได้ข่าวว่าแกกลับมาหลายวันแล้วไม่ใช่เหรอ”อนาวิล พยักหน้า กลับมาคราวนี้ดูเป็นผู้ใหญ่ภูมิฐานขึ้นมาก หน้าตาละม้ายคล้ายกับน้องสาว แต่อนาวิล หน้าตาออกโทนไทยครึ่งจีน ส่วนน้องสาวออกโทนฝรั่ง เครื่องหน้าอินทิราคมกว่าดูออกว่ามีสายเลือดผสม ตอนนี้มีความสูงเท่ากันแล้ว “ทำไมไม่พาลูกเมียมาด้วย จะได้แนะนำให้เพื่อนฝูงได้รู้จักบ้าง” “ไว้โอกาสเหมาะ ๆ ก่อน ลูกชายฉันยังไม่ครบขวบเลย ตอนนี้อยู่ในช่วงปรับตัว” “เก่งนี่หว่า ไปหนึ่งกลับสามถือว่ากำไร” อนาวิลหัวเราะเบากับคำแซวของเพื่อน “แกมาพอดีเลยเดี๋ยวฉันเลี้ยงเบียร์ เราไม่ได้ดื่มด้วยกันนานแล้ว” ยงยศกอดไหล่เพื่อนพาเดินเข้าไปในบ้าน ตรงไปยังห้องนั่งเล่น ให้เพื่อนนั่งรอก่อนตัวเองไปจัดเบียร์เย็น ๆ อนาวิลยกขาไขว่ห้างเอนหลังพิงพนักโซฟาตัวหนานุ่มรูปตัวแอล ด้วยท่าทางสบายผ่อนคลาย มองดูภายในบ้านเพื่อนที่ตกแต่งสไตล์มินิมอล อยู่ในโทนสีครีมขาวสะอาดตา ตัดกับเฟอร์นิเจอร์สีน้ำตาลอ่อน มีทีวีจอใหญ่ติดตรงผนังห้อง อนาวิลยิ้มออกมาเมื่อเห็นรูปครอบครัวของเพื่อน ตั้งวางประดับในห้องนั่งเล่น จากเด็กเกเรในอดีตเคยทำให้พ่อแม่อิดหนาระอาใจ จนแทบตัดหางปล่อยวัด ตอนนี้กลายเป็นพ่อลูกหนึ่งดูแตกต่างจากในอดีตมาก เคยมาบ้านเพื่อนหลายครั้ง กลับมาครั้งนี้ดูแปลกตาไปมากที่สำคัญทุกอย่างยังดูใหม่มีกระทั่งกลิ่นสีแต่กลิ่นแค่อ่อน ๆ “ลูกเมียแกล่ะยอร์ช” “ยุเขาไปหาแม่เอาลูกไปด้วย” ยงยศยกถาดใส่ขวดเบียร์ พร้อมแก้วสองใบมาจัดวาง จัดการรินเบียร์ใส่แก้วให้เพื่อน “แกทำบ้านใหม่หรือยอร์ช ยังดูใหม่อยู่เลย” อนาวิลยกแก้วเบียร์ขึ้นดื่มด้วยท่าทางสบาย ๆ มองดูภายในบ้าน “รีโนเวทหลังเก่านั่นแหละ ฉันกับยุตั้งใจจะมีลูกเพิ่มอีกคน เลยทำบ้านเตรียมไว้ แค่รีโนเวทนะหมดไปไม่ใช่น้อย ปรับเปลี่ยนรูปทรงให้ดูโมเดิร์นขึ้น ทำห้องนอนชั้นล่างให้กว้างกว่าเดิม เอาไว้ให้ไอ้สามหมอมีที่นอน เวลาพวกมันมาพักที่นี่พร้อมกัน โชคดีที่แม่กับเตี่ยฉันเขาสะสมที่ดินไว้เยอะ ยกที่แปลงนี้พร้อมบ้านให้ฉัน ไม่ต้องเหนื่อยหาเงินซื้อเอง แค่ปรับปรุงบ้านหมดไปไม่น้อยแล้ว” “กลับมาเจอกันอีกครั้ง แกลูกหนึ่งฉันก็ลูกหนึ่ง วันเวลามันผ่านไปเร็วเหมือนกันนะ เมื่อไม่กี่ปีแกยังเป็นวัยรุ่นจอมเกเรเข้าแก๊งยกพวกตีกับแก๊งอื่นประจำ ถูกตำรวจหิ้วปีกไปยัดเข้าห้องขังแทบทุกเดือน จนเตี่ยโมโหเลิกไปประกันตัวให้” “เพราะคำอบรมของคุณอา ทำให้ฉันกลับมาเป็นผู้เป็นคนกับเขาได้ ไม่งั้นอนาคตคงอยู่ในคุกแน่ๆ” “ฉันยังไม่ได้ขอบใจแกเลยนะยอร์ช ที่แกช่วยดูแลน้องสาวฉันตอนฉันไม่อยู่” “เรื่องเล็กน้อยน่า” ยงยศปัดมือว่า “คุณอาคงดีใจมาก ที่แกจบแพทย์เฉพาะทางมาจากนอก ส่วนอินเรียนจบแพทย์พอดี” “คุณพ่อยิ้มหน้าบานเลยล่ะ บอกว่ารอให้อินกลับจากชุมพรก่อน ท่านจะจัดเลี้ยงฉลองให้” “เรียนหนักตั้งหกปี พอจบพวกมันขอไปเที่ยวชาร์จแบต ก่อนกลับมาลุยศึกอินเทิร์น ตุลเลยชวนไปเที่ยวชุมพรบ้านมัน” “พวกเขาสามคนเคยห่างกันบ้างมั้ย” อนาวิลยกแก้วเบียร์ขึ้นจิบเป็นระยะ “พวกมันถูกกันดีนะ ตอนเรียนแพทย์ช่วยกันเป็นทีมเวิร์ก ทำให้ผ่านมาได้ด้วยดี บุษบอกว่าไอ้ตุลเคยออกอาการร่อแร่บ้าง แต่ถูกอินกับบุษกระตุ้นให้สู้จนผ่านหกปีมาได้” “ตามจริงไม่ต้องไปเป็นหมออินเทิร์นก็ได้ เอาเงินไปใช้หนี้ทุนเอา หมออินเทิร์นงานมันหนักมาก” “พวกมันบอกว่าอยากลองหาประสบการณ์ดู” “ถ้าทำได้มันก็ดี เป็นการเพิ่มพูนทักษะสั่งสมประสบการณ์ เราจะได้ทำหน้าที่แพทย์เต็มตัว หลังจากเรียนหนักมาตั้งหกปี” “โชคดีที่พวกมันจับฉลากได้ที่เดียวกัน ถ้าพวกมันอยู่ด้วยกันครบทั้งสามคน หายห่วงได้เลย มีทั้งบู๊ทั้งบุ๋นครบจบดีแน่นอน”
อ่านฟรีสำหรับผู้ใช้งานใหม่
สแกนเพื่อดาวน์โหลดแอป
Facebookexpand_more
  • author-avatar
    ผู้เขียน
  • chap_listสารบัญ
  • likeเพิ่ม